สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1071 ข่าวใหม่ในเมืองหลวง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1071 ข่าวใหม่ในเมืองหลวง

บทที่ 1071 ข่าวใหม่ในเมืองหลวง

เมื่อซ่งหานจือได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้ ใบหน้าของเขาพลันตกตะลึง “ชิงเอ๋อร์ เจ้า… ไม่ชอบข้าแล้วหรือ?”

ลู่จื่อชิงหันไปมองเขา แววตาเต็มไปด้วยความสับสน

“อะไรนะ?”

“เจ้าเห็นสภาพข้าตอนยังเด็ก ตอนนั้นข้าหน้าตาไม่ดี มิหนำซ้ำยังถูกผู้อื่นรังแก เจ้าเห็นข้าร้องไห้ และยังเห็นข้าในสภาพน่าอับอายหลายรูปแบบ…”

ลู่จื่อชิงพยายามใคร่ครวญ ก่อนจะรู้สึกถึงบางอย่างอย่างที่คลุมเครือ

“แล้วอย่างไร?”

“ตอนนั้นข้าไม่หล่อเหลาทั้งยังไม่ฉลาด เจ้าคงไม่ชอบข้ามากกระมัง!”

ลู่จื่อชิงเม้มปาก “เหลวไหล ตอนเจ้ายังเล็กน่ารักมากต่างหาก”

อ้วนแล้วอย่างไร? ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าอ้วนน้อย แต่ก็ยังเป็นเจ้าอ้วนน้อยที่น่ารัก ไม่เช่นนั้นลู่จื่อชิงคงไม่ยอมให้เขาติดตามมาหลายปีเพียงนี้ อีกทั้งยังไม่เคยคิดว่าเขามีอะไรไม่ดี

“เจ้าคิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือ?” ซ่งหานจือถาม

“แน่นอน”

“เช่นนั้นไยเจ้าถึงคิดว่าเราจะเบื่อกันเล่า? เจ้าไม่ได้เบื่อข้า อีกทั้งข้ายังชอบเสี่ยวชิงเอ๋อร์ที่สุด”

แก้มลู่จื่อชิงร้อนผะผ่าวขึ้นมา

คนผู้นี้ไม่รู้จักปิดบังเลยจริง ๆ

ชอบไม่ชอบอะไรกัน?

“พวกเราไปกันเถอะ!” ลู่จื่อชิงลุกจากชิงช้า “ท่านน้าเล็กข้ามาแล้ว เจ้ายังไม่เคยพบเขาเลย ข้าจะพาเจ้าไปรู้จักเขา”

ขณะที่ลู่ฉาวอวี่กำลังล้างผักก็เห็นลู่จื่อชิงและซ่งหานจือเดินพูดคุยหัวเราะเข้ามา เขาเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อครู่แม่สาวน้อยยังดูกังวล ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ นางก็เปลี่ยนจากความกังวลเป็นความสุขได้ เจ้าเด็กสกุลซ่งผู้นี้ช่างเก่งในการเกลี้ยกล่อมคนจริง ๆ ทว่าคงเป็นเพราะเหตุนี้ เขาถึงไม่วางใจนัก

เด็กน้อยไม่คิดอะไรมากผู้นั้นจะตามอีกฝ่ายทันได้อย่างไร?

“ท่านพี่ ท่านช่วยข้าชิมน้ำผลไม้นี้ทีว่าเป็นอย่างไร”

สิงเจียซือส่งน้ำผลไม้ให้เขา

เครื่องคั้นน้ำผลไม้นี้มู่ซืออวี่เป็นคนออกแบบ นางเคยสอนสิงเจียซือมาก่อนแล้ว ทั้งยังบอกเคล็ดลับในการคั้นน้ำผลไม้ให้นางฟัง แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการอธิบายรสชาติที่ถูกปากลู่ฉาวอวี่

ลู่ฉาวอวี่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “พอดี”

สิงเจียซือได้ยินดังนั้นจึงเติมน้ำใส่แก้วให้เขาจนเต็ม จากนั้นจึงใส่น้ำผึ้งลงไป เติมความหวานให้น้ำผลไม้อีกเล็กน้อยจึงจะเป็นรสชาติที่ผู้อื่นชื่นชอบ

หม้อไฟพร้อมแล้ว คนอื่น ๆ ก็พร้อมแล้วเช่นกัน

สิงเจียซือชอบบรรยากาศของครอบครัวในสกุลลู่ ที่นี่นางสัมผัสได้ถึงความสามัคคีและความอบอุ่นของครอบครัวธรรมดา ๆ ไม่เหมือนสกุลใหญ่สกุลอื่นที่ปากหวานก้นเปรี้ยว แต่ละคนมีความคิดเป็นของตัวเอง

“พี่สะใภ้ ท่านเข้าใจพี่ชายข้าดีเกินไปแล้วกระมัง?” ลู่จื่อชิงเห็นสิงเจียซือนำของที่ลู่ฉาวอวี่ชอบทานไปไว้ตรงหน้าเขา ส่วนอาหารที่เขาไม่ชอบทานก็ถูกวางห่างออกไป ทั้งยังปรุงรสที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษด้วย นางรู้สึกประหลาดใจ “พี่ชายข้าเป็นคนประหลาด นอกจากท่านแม่และพี่หญิงของข้าแล้ว แม้กระทั่งท่านพ่อข้ายังไม่เข้าใจความต้องการของเขาหมดทุกอย่าง บัดนี้ดียิ่ง มีท่านช่วยทำความเข้าใจขึ้นมาอีกคนแล้ว”

สิงเจียซือมองลู่ฉาวอวี่แวบหนึ่งแล้วจึงกล่าว “ความชอบของท่านพี่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ”

ซ่งหานจือผสมน้ำจิ้มให้ลู่จื่อชิง

ลู่จื่อชิงเห็นดังนั้นจึงหันไปกล่าวขอบคุณ

ซือหม่าจี้อิงเอ่ยกับจูเฉิน “เจ้าชอบทานอะไรหรือ? ไม่ต้องสนใจพวกเขา พวกเขามาเป็นคู่ พวกเรากินของตนเองเถอะ”

ในห้องตำรา ลู่อี้และลู่เซวียนกำลังหารือกันเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก บ่าวรับใช้ยกหม้อไฟเล็กมา ก่อนจะเอ่ยถามว่าจะวางไว้ที่ใด

ลู่อี้ชี้นิ้วสุ่ม ๆ ไป บ่าวรับใช้จึงวางมันไว้บนโต๊ะเตี้ยข้าง ๆ

“ท่านพี่ เมื่อไหร่พี่สะใภ้จะกลับมาหรือ?” ลู่เซวียนถาม

ลู่อี้เติมของลงในหม้อไฟใบเล็ก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด

อันที่จริงเขาไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นหม้อไฟใบเล็ก ลู่อี้จะคิดถึงภรรยาของตน เขาอยากจะปิดเตาเสียด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ในฐานะกระดูกสันหลังของสกุลลู่ เขาไม่อาจล้มเหลวได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะทำให้เด็ก ๆ เป็นกังวล ดังนั้นแม้ว่าจะนอนไม่หลับในยามค่ำคืน เขาก็ไม่อาจแสดงออกมาต่อหน้าผู้อื่น

“เพิ่งได้ข่าวมา พี่สะใภ้ของเจ้ากับฉีเซียวไปจัดการกับลิ่วล้อพรรคเทพจันทราเหล่านั้นแล้ว”

“เช่นนั้นเมื่อใดจะกลับมา?”

“วันกลับไม่แน่นอน”

“เพื่อความปลอดภัย ท่านเรียกพี่สะใภ้กลับมาเถอะ!”

“มีฉีเซียวอยู่รอบกาย คงไม่มีปัญหาอะไร”

“ฉีเซียวร่างกายไม่เหมือนเมื่อก่อน” ลู่เซวียนกล่าว “หากเกิดอะไรขึ้น เขาอาจปกป้องพี่สะใภ้ไม่ได้ ข้าเข้าใจความคิดของพวกเขา ถูกพรรคเทพจันทราโจมตีคราวนี้คงทำให้โมโหจึงอยากจะสั่งสอนบทเรียนให้พรรคนี้ ทว่ามังกรแข็งแกร่งอย่างไรก็ไม่สู้งูเจ้าถิ่น พรรคเทพจันทราเหมือนงูพิษใต้ดิน ไม่รู้จะโผล่ออกมากัดพวกเขาเมื่อใด ดังนั้นยังคงให้กลับมาโดยเร็วจะดีกว่า”

“เหตุการณ์ในราชสำนักนักหมู่นี้เจ้าเห็นว่าอย่างไร?” ลู่อี้เปลี่ยนเรื่อง

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากฟังคำแนะนำของลู่เซวียน ทว่าน้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ ภรรยาของเขาหัวแข็ง ถึงแม้เขาจะไปพานางกลับมาด้วยตนเอง นางก็ไม่ฟัง ยังคงรอข่าวจากนางเถอะ!

เมื่อจูเฉินเข้าสู่สำนักศึกษาหลวงก็มีเรื่องน่าสนใจอีกเรื่องเกิดขึ้นในเมืองหลวง

ฉีซืออี้คุณหนูใหญ่แห่งจวนฉีล้มป่วย ทั้งยังมีผื่นแปลก ๆ ขึ้นบนใบหน้า ไม่ว่าท่านหมอผู้ใดล้วนรักษาไม่ได้

ไต้ซือจิ้งคงจากวัดมาทำนายให้นางถึงบ้าน บอกว่านางถูกไอสังหารโจมตีเมื่อเร็ว ๆ นี้ ขอเพียงไอสังหารได้รับการคลี่คลาย ผื่นบนใบหน้าของนางก็จะหายไปตามธรรมชาติ

“ไอสังหารนี้จะมีผู้ใดได้นอกจากอี้อ๋องที่มาสู่ขอแต่งงาน? อี้อ๋องคือผู้ใด นั่นเป็นลูกของอดีต… พวกเจ้าล้วนรู้ว่านี่คือลูกชายแท้ ๆ ของ ‘เขา’ ฝ่าบาทองค์ปัจจุบันมีพระเมตตา ไม่ต้องการให้อี้อ๋องได้ชื่อว่าเป็นบุตรชายของกบฏจึงมอบให้พี่น้องที่ดีของตนรับเป็นลูกบุญธรรม ฟ่านซู่จึงกลายเป็นผู้สืบทอดของอี้อ๋อง อย่างไรก็ตาม คนผู้นี้ดวงพิฆาตพ่อแม่ มีไอสังหารที่แข็งแกร่ง คุณหนูใหญ่จวนฉีอ่อนแอเกินไปจึงต้านทานเขาไม่ได้”

“เช่นนั้นการแต่งงานครั้งนี้ไม่อาจเกิดขึ้นหรือ?”

“ไม่แน่หรอก” มีคนเอ่ยขึ้นมา “แม่ทัพฉีเป็นผู้ใด? เขาเป็นแม่ทัพ มีคนตายในมือเขากี่มากน้อย กลิ่นอายคงแกร่งกว่าอี้อ๋องผู้นี้ เช่นนั้นก็ต้องดูว่าใต้เท้าฉีจะเชื่อหรือไม่แล้ว”

“มีข่าวล่าสุด… มีข่าวล่าสุด…” มีคนวิ่งเข้ามาบอก “อี้อ๋องไปขอยกเลิกการหมั้นหมายแล้ว”

“ยกเลิกแล้ว? เขาจะไม่แต่งแล้วหรือ?”

“ข้าเห็นกับตา อี้อ๋องไปที่จวนด้วยตนเอง ทั้งยังนำหนังสือแต่งงานของตนมาด้วย เขายกเลิกการหมั้นหมายแล้ว”

“ดูเหมือนว่าไอสังหารของอี้อ๋องจะรุนแรงจนหนีไม่พ้นแล้ว”

ไม่กี่วันต่อมา ฉีซืออี้ก็ออกจากบ้าน

ปกตินางมักสวมหมวกม่านเวลาออกไปข้างนอก ทว่าวันนี้ออกไปนางกลับไม่ได้ปกปิด เผยให้เห็นใบหน้าที่ทิ้งรอยไว้ ทว่าผื่นจางลงอย่างเห็นได้ชัด

เดิมทีคนในเมืองหลวงต่างสงสัยว่าใบหน้าของนางจะหายได้อย่างไร ทว่าเมื่อเห็นว่าผื่นบนใบหน้าหายไปจริง ๆ ทั้งยังมีสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่ดีในช่วงเวลาสั้น ๆ พวกเขาจึงแพร่ข่าวลือต่อไปว่าอี้อ๋องดวงพิฆาตรุนแรงยิ่ง

“อี้อ๋องใฝ่ทางธรรมแล้ว!” มีคนตะโกนขึ้นมา

“อะไรนะ?”

“วันนี้ไต้ซือจิ้งคงไปที่จวนอี้อ๋องเพื่อรับอี้อ๋องเป็นศิษย์ด้วยตนเอง บอกว่าไอสังหารของอี้อ๋องแข็งแกร่งเกินไป ควรกินเจสวดมนต์ ถึงแม้อี้อ๋องจะไม่ได้บวชเป็นภิกษุ ทว่าก็ใกล้เคียงแล้ว”

“หากชื่อเสียงเรื่องไอสังหารของเขาแพร่ออกไป เกรงว่าจะไม่มีลูกสาวสกุลใดกล้าแต่งงานด้วย”

ไม่กี่วันต่อมา อี้อ๋องก็ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว

ก่อนที่ฟ่านซู่จะออกจากเมืองหลวง เขาให้คนไปส่งกล่องหนึ่งให้ลู่จื่อชิง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท