สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1074 ทานข้าวที่สกุลสิง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1074 ทานข้าวที่สกุลสิง

บทที่ 1074 ทานข้าวที่สกุลสิง

“คารวะท่านเขย” บ่าวรับใช้ค้อมคำนับ

“ท่านเขย เชิญทางนี้ขอรับ…”

ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกำลังรอข่าวจากข้างนอก เมื่อได้ยินว่าลู่ฉาวอวี่และสิงเจียซือมาแล้วก็ถอนหายใจ

แม่นมเฉียนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ฮูหยินผู้เฒ่า สกุลลู่ไม่ได้คิดอะไรง่ายเพียงนั้น เกรงว่าท่านเขยห้าจะไม่ช่วย บ่าวรู้สึกว่า นายน้อยอิงควรจ่ายเงินสักหน่อยให้คนมาช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านเขยห้าเจ้าค่ะ”

“หากมีทางอื่น ข้าก็ไม่อยากยุ่งยากเพียงนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว “ทว่าเขากลับไปตีลูกชายคนเดียวของใต้เท้าเฝิงกรมกลาโหม ผู้ใดไม่รู้ว่าใต้เท้าเฝิงมีลูกตอนแก่จึงเอาอกเอาใจบุตรอย่างกับอะไรดี บัดนี้ทุบหัวลูกชายเขาแตกแล้ว เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร?”

คนอื่น ๆ ในสกุลสิงกลับมาที่จวน

นายท่านรองสิง นายท่านสามสิง และนายท่านสี่สิงล้วนอยู่ที่นี่กับท่านเขยคนใหม่

นายท่านรองสิงไม่ต้องเอ่ยถึง ปกติเขาเย่อหยิ่งทะนงยิ่งกว่าอะไร แต่บัดนี้กลับกระดิกหางไปมา ไม่กล้าเอ่ยแม้เพียงคำเดียว

ลู่ฉาวอวี่เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้เยาว์ผู้หนึ่ง อายุยังไม่มาก ทว่าบารมีที่แผ่ออกมาของเขา แม้กระทั่งฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่อาจข่มได้

เพียงแต่ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างไรก็เป็นจิ้งจอกเฒ่า ยังคงสามารถต้านทานสิ่งต่าง ๆ ได้ดีกว่าผู้น้อยคนอื่น ๆ ในสกุลสิง

“วันนี้เป็นงานเลี้ยงครอบครัว ทุกคนเป็นคนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจ” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว “เขยห้า เจ้าไม่ได้มาสกุลสิงบ่อยนัก พวกเราไม่รู้ว่าเจ้าชอบทานสิ่งใด หากมีสิ่งใดบนโต๊ะที่เจ้าไม่ชอบก็เพียงแค่บอกมา ผู้เฒ่าจะกำชับให้คนนำออกไปทันที”

ลู่ฉาวอวี่กล่าวนิ่ง ๆ “ฮูหยินผู้เฒ่าใส่ใจแล้ว ข้าไม่จู้จี้จุกจิกเรื่องอาหาร ไม่มีอะไรที่ชอบหรือไม่ชอบเป็นพิเศษ”

“เขยห้าช่างเป็นคนถ่อมตนและสุภาพจริง ๆ สมกับเป็นบุตรชายที่ท่านอ๋องลู่สั่งสอน” นายท่านรองสิงกล่าวยิ้ม ๆ

คนอื่น ๆ พลอยขานรับตาม

ในงานเลี้ยง เห็นได้ชัดว่าทุกคนรู้สึกอึดอัดมาก ทว่าพวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหาหัวข้อพูดคุย หวังว่าจะบรรเทาบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจนี้ลง

สิงเจียซือไม่อยากกลับมา ทว่าเมื่อเห็นพวกเขากระอักกระอ่วนอย่างน่าอนาถก็กลับทำให้นางทานอาหารอร่อยขึ้นกว่าเดิมหลายส่วน

“ได้ยินมาว่านายท่านสี่สิงทำสวนผลไม้หลายแห่ง” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยเบา ๆ “ทั้งยังใช้วิธีการต่อกิ่งที่ท่านแม่ข้าพูดถึง”

อย่างไรก็ตาม เมื่อเอ่ยถึงสวนผลไม้ของเขา นั่นย่อมมีเรื่องให้พูดคุยกันแล้ว

“ต้องขอบคุณวิธีของพระชายา สวนผลไม้ของข้าจึงเป็นไปได้ด้วยดี” นายท่านสี่สิงกล่าว “เมื่อสามวันก่อน ข้าไปที่เรือนพักผ่อนบนภูเขาเพื่อหารือเรื่องการค้ากับผู้ดูแลที่นั่น ผู้ดูแลที่นั่นสนใจผลไม้ของเรามากจึงได้ทำสัญญาระยะยาวแล้ว”

“น้องสี่ทำสัญญาระยะยาวกับเรือนพักผ่อนบนภูเขา นั่นไม่เท่ากับว่าพวกเรากำลังทำการค้ากับสกุลลู่หรือ? พวกเราล้วนเป็นคนกันเอง เจ้าทำสวนผลไม้ก็ได้เพียงไม่มาก ยังไม่สู้แบ่งผลไม้ไปให้เรือนพักผ่อนบนภูเขา คนครอบครัวเดียวกันยังต้องพูดคุยเรื่องเงินอะไรอีก?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของนายท่านสี่สิงจางหายไป

สถานการณ์ของสกุลสิงเป็นอย่างไร นายท่านสี่สิงบุตรนอกสมรสผู้นี้แม้ไม่ได้สนใจเรื่องการเงินของสกุล ทว่าเขาก็ยังรู้ดี

สกุลสิงภายนอกแข็งแกร่ง ทว่าข้างในเหลือเพียงเปลือกกลวง ไม่รู้ว่าจะรักษาความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งเพียงผิวเผินนี้ต่อไปอย่างไร นายท่านรองสิงยังกล้าเอ่ยปากว่าสวนผลไม้เพียงไม่มากนี้ ยกให้คนอื่นไปเปล่า ๆ เสียดีกว่า

นายท่านรองสิงกินดื่มพักค้างอ้างแรมข้างนอกได้ ทว่าเขากับภรรยา และลูก ๆ ไม่นึกอยากมีชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นนั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าสกุลลู่เองก็ไม่ได้มีความตั้งใจเช่นนั้น แต่ถึงแม้สกุลลู่จะมีความตั้งใจนั้น นายท่านสี่สิงก็จะแสดงท่าทีให้ชัดเจน อยากได้ผลไม้ย่อมได้ แต่ก็ต้องจ่ายเงินเสียก่อน

แน่นอนว่านายท่านสี่สิงไม่เคยคิดว่าสกุลลู่จะอยากได้ทรัพย์น้อยนิดของเขา ตรงกันข้าม ผู้ที่เรียกตนเองว่าญาติของเขาต่างหากที่มีความคิดเช่นนี้

ฮูหยินรองสิงกลอกตาไปมา เมื่อได้ยินว่าสวนผลไม้กำลังไปได้ดี นางก็แทบจะหยิบลูกคิดออกมาคำนวณ

ลู่ฉาวอวี่เอ่ยนิ่ง ๆ “นายท่านสี่สิงเอ่ยถึงเรื่องการค้ากับเรือนพักผ่อนบนภูเขานั่นเป็นความสามารถของเขา แม่ของข้าทำการค้าอย่างไม่เห็นแก่ตัวมาโดยตลอด นอกจากของที่ทำให้นางพอใจ นางก็ไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด แม้กระทั่งข้าที่เป็นลูกชายแท้ ๆ”

“สกุลลู่มีกิจการใหญ่โต แน่นอนว่าย่อมไม่สนใจผลไม้ไม่กี่ผลนี้อย่างแน่นอน” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว “เจ้าสี่มีความสามารถจึงได้รับโอกาสในการร่วมมือกันครั้งนี้ นั่นเป็นความสามารถของเขา เจ้ารอง หากเจ้าไม่พูดก็ไม่มีผู้ใดเห็นเจ้าเป็นใบ้หรอก เงียบปากเถอะ!”

ฮูหยินผู้เฒ่าสิงช่วยพูดแทนนายท่านสี่สิง นายท่านสี่สิงกับภรรยาไม่ได้ดูดีใจนัก ทั้งคู่มองหน้ากัน ความเข้าใจต่อกันที่มีมานานทำให้พวกเขาสื่อสารกันได้แม้ไม่ได้เอ่ยปาก

ไม่อาจอยู่ที่สกุลสิงได้อีกต่อไปแล้ว พวกเขาต้องหาทางแยกบ้านออกไป

ด้วยสถานการณ์ของสกุลสิง เกรงว่าเมื่อใดที่ฮูหยินผู้เฒ่าจากไป เมื่อนั้นคงเป็นยามที่สกุลสิงจะกระจัดกระจายจากกัน พวกเขาเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน บ้านสี่เป็นเพียงบุตรนอกสมรส ย่อมไม่ได้ผลดีอะไร

เอาเถอะ สกุลสิงตอนนี้ก็ไม่ได้มีผลดีอะไร ขอเพียงไม่ดึงพวกเขาเข้าไปเกี่ยวพันก็ไม่เลวแล้ว

แยกบ้าน จะต้องแยกบ้าน ทั้งยังต้องแยกโดยเร็วที่สุดด้วย

ผลไม้ส่งไปแล้วสามครั้ง อีกเพียงไม่กี่ครั้งก็จะชำระหนี้ครบ เขาต้องแยกบ้านออกไปก่อนที่จะได้รับชำระหนี้ ไม่เช่นนั้นหลังได้รับชำระเงินย่อมต้องมอบและถูกยึดเอาไป เช่นนั้นเงินของเขาก็จะกลายเป็นเงินของทุกคนแล้ว

ลู่ฉาวอวี่พูดคุยกับนายท่านสี่สิงสองสามคำ

เมื่อนายท่านสี่สิงเห็นว่าลู่ฉาวอวี่สนใจสวนผลไม้ของเขาก็อดที่จะพูดคุยให้มากหน่อยไม่ได้ เพื่อไม่ให้คนอื่น ๆ ในสกุลสิงเกิดความคิดอะไรขึ้นมา

ทุกคนในสกุลสิงเห็นเขาได้รับความสนใจจากลู่ฉาวอวี่มากเพียงนี้ แต่ละคนล้วนไม่พอใจ โดยเฉพาะพี่รองและพี่สาม ดวงตาสองคู่นั้นแทบจะพ่นไฟออกมา อีกฝ่ายต้องการขับไล่เขาออกไปแล้วเข้ามาแทนที่

“เหตุใดไม่เห็นอิงเกอเอ๋อร์เล่า?” ฮูหยินสามสิงเอ่ยถาม “ปกติเขาไม่ได้กระตือรือร้นกับการกินที่สุดหรือ? วันนี้พวกเราซื้ออาหารมาจากภัตตาคารอันดับหนึ่งในเมืองหลวง…”

นายท่านสามสิงเตะขาฮูหยินสามสิงใต้โต๊ะ

ฮูหยินสามสิงถึงได้รู้ว่านางพลั้งพลาดไปแล้ว

สกุลสิงกินข้าวแต่กลับซื้ออาหารมาจากข้างนอก อีกทั้งยังใช้รับรองลู่ฉาวอวี่ นี่หมายความว่าอย่างไร?

สกุลสิงไม่ลังเลที่จะใช้เงินและกำลังมากมายให้บรรลุจุดประสงค์เพื่อประจบประแจงเอาใจลู่ฉาวอวี่

ยิ่งพวกเขาระมัดระวังเพียงใดก็ยิ่งพิสูจน์ว่าคราวนี้สกุลสิงกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก

ลู่ฉาวอวี่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ เขาใช้ตะเกียบคีบอาหารให้สิงเจียซือ

หากสกุลสิงไม่เปิดปาก เขาก็จะไม่เปิดปากเช่นกัน เรื่องนี้เขาไม่รีบร้อน มีอะไรให้เขาไม่พอใจกัน?

“เขยห้า จานนี้ข้าให้แม่นมเฉียนลงมือทำด้วยตนเอง” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว “จานนี้ยังเป็นอาหารที่เจ้าห้าชอบที่สุดเชียวนะ”

การเคลื่อนไหวของสิงเจียซือชะงัก

ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “นางชอบรสหวานจริง ๆ”

“เจ้าห้าชอบอาหารจานนี้มากที่สุดตอนนางยังเล็ก ๆ แต่จานนี้จะเป็นของที่นางชอบได้ก็ต่อเมื่อแม่นมเฉียนเป็นคนทำ ทุกครั้งที่นางกลับมาข้าจะให้แม่นมเฉียนทำอาหารจานนี้ให้ ผ่านไปหลายปีเพียงนี้ บิดามารดาของนางไม่อยู่แล้ว นางก็ไม่เคยทานอาหารจานนี้อีกเลย” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว “เป็นย่าผู้นี้ที่ไม่ได้ดูแลนางให้ดี ทำให้นางได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว”

 

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท