เซียนหมากข้ามมิติ – ตอนที่ 370 ศึกนองเลือดของสองปีศาจ

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 370 ศึกนองเลือดของสองปีศาจ

แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ เห็นชัดว่าเยี่ยนเฟยให้คำตอบไม่ได้ หรือกล่าวว่าไม่ได้ยินคำพูดของหนิวป้าเทียนโดยสิ้นเชิง เขาแค่มองห่างออกไปอย่างอึ้งงัน

ต่อให้ตาเปล่ายากเห็นปราณปีศาจรุกรานท้องฟ้าแถบหนึ่งอย่างชัดเจน แต่การเผยร่างปีศาจแท้จริงของเจ้าภูเขาลู่ส่งผลกระทบไม่น้อยเช่นเดียวกัน

ตัวเป็นเสือยักษ์ ศีรษะกว้างแสยะเขี้ยวชวนประหวั่น แต่กลับมีหน้าเหมือนคนเคร่งขรึม บนตัวและใบหน้า โดยเฉพาะเหนือขาทั้งสี่ ขนยาวสีเหลืองสลับดำเหมือนเปลวไฟลุกโชนแม้ว่าไร้ลมพัดโบก หางแกว่งไปมาเบาๆ เกิดภาพมายามากมาย

ร่างปีศาจสูงสามจั้งปรากฏทีละน้อย ความรู้สึกจากการมองเห็นทำให้ผู้คนตื่นตระหนก คล้ายมีพลังกระตุกจิตวิญญาณล้อมรอบ นี่คือความหวาดกลัวและยำเกรงซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ

อย่าว่าแต่หนิวป้าเทียน แม้แต่เยี่ยนเฟยยังรู้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เสือแน่ หรือพูดว่าจากมุมมองเยี่ยนเฟย สิ่งนี้ไม่มีทางเป็นสัตว์ประหลาดบนโลกมนุษย์

เสือบนโลกมีฉายาว่าราชันแห่งสรรพสัตว์ เมื่ออยู่ท่ามกลางสัตว์ป่าทั่วไปก็เป็นเช่นนั้น ต่อให้ดุดันหรือแข็งแกร่งแค่ไหน ยามฝึกตนเป็นปีศาจสำเร็จ อานุภาพจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้แตกต่างจากคน สวรรค์ไม่เคยยุติธรรม ทั้งไม่มีแนวคิดเรื่องความยุติธรรม สรรพสิ่งเกิดมาย่อมมีความแตกต่าง

ปีศาจตรงหน้าตอนนี้มีลักษณะพิเศษบางส่วนคล้ายเสือร้าย แต่อานุภาพแข็งแกร่งและน่ากลัวกว่าเสือร้าย

หน้าคนบนร่างปีศาจนี้ใช่ว่ามีใบหน้าคนอยู่บนนั้นจริงๆ แต่รูปลักษณ์โดยละเอียดของทุกส่วน เมื่อนำมารวมกันแล้วกลายเป็นคล้ายคลึง แต่กลับน่ากลัวและน่าเกรงขามกว่าหน้าสัตว์หรือหน้าคนมาก

“พี่หนิว… นี่คือปีศาจอะไรกันแน่”

เยี่ยนเฟยกลั้นหายใจครู่ใหญ่ สุดท้ายค่อยฝืนกล่าวประโยคนี้ออกมา

“เจ้าถามข้า ข้าถามใคร เจ้ามัวตะลึงทำอะไร รีบวิ่งสิ! เจ้าสิ่งนี้ดูแล้วก็รู้ว่าไม่น่ายุ่งเกี่ยวด้วย อีกเดี๋ยวข้าคนแซ่หนิวลงมือคงดูแลเจ้าไม่ได้!”

น้ำเสียงหนิวป้าเทียนกรุ่นโกรธอยู่บ้าง เขารู้สึกว่าวันนี้ดีไม่ดีต้องทุ่มสุดตัว ต่อให้เจอมังกรเจียวตัวหนึ่งยังไม่รู้สึกเช่นนี้ แต่ตอนนี้กลับกดดันเกินไปแล้ว

ความรู้สึกหวั่นหวาดเด่นชัดทำให้หนิวป้าเทียนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

ลมโดยรอบแรงขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นหินทรายปลิวว่อนบดบังสายตา แต่ร่างจริงของเจ้าภูเขาลู่เปลี่ยนแปลงเพียงชั่วพริบตา

ตอนนี้ร่างปีศาจปรากฏ เจ้าภูเขาลู่หยัดร่างขึ้นช้าๆ ก้มศีรษะต่ำกล้ามเป็นมัด ดวงตาทองอำพันซึ่งเปลี่ยนเป็นเรียวยาวมองหนิวป้าเทียนกับเยี่ยนเฟยที่อยู่ห่างออกไป

“เยี่ยนเฟย เจ้าไม่ต้องหนี ต่อให้วิ่งหนีไปไม่นานก็ตามเจ้าทัน ข้าสังหารปีศาจตนนี้ก่อน ค่อยมากลืนกินเจ้า!”

สายตาดูถูกกับเสียงแหบพร่าของเจ้าภูเขาลู่ทำให้หนิวป้าเทียนรู้สึกโดนหยาม เขาคำรามคลั่งเดือดดาล

“มารดาเจ้าเถอะ! เจ้าเรียกข้าว่าปีศาจ? ถ้าอย่างนั้นเจ้านับเป็นอะไร! ใครสนว่าเจ้าเป็นปีศาจอะไร วันนี้ข้าคนแซ่หนิวจะกำจัดเจ้า มอ…”

เสียงวัวคำรามดังขึ้น สะท้านทั่วทิศ ปราณปีศาจบนตัวหนิวป้าเทียนยิ่งเด่นชัด แสงอร่ามเลือนรางชั้นหนึ่งเข้มข้นเรื่อยๆ เงาร่างเริ่มเหยียดขยาย

ทว่ายังไม่เผยร่างเดิม แต่เริ่มขยายตัวท่ามกลางเสียงกระดูกลั่น ปราณปีศาจบนหน้าพวยพุ่งไม่หยุด เลือนรางแดงก่ำ ดวงตาทั้งสองอบอวลแสงแดง เหนือศีรษะเขาวัวเฉียบคมเปล่งแสงเยียบเย็นสองข้างงอกออกมา

เจ้าวัวคิดว่าเผยกายพรตซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจ แข็งแกร่งกว่าการที่เขาเผยร่างเดิมออกมา

“มอ…”

เสียงวัวคำรามดังกังวานสะท้านทั่วทิศ แม้แต่เมืองลั่วชิ่งที่อยู่ห่างไกลยังได้ยินชัดเจน

วู้ม… วู้ม… วู้ม…

ต้นไม้ในมือหมุนวนหลายรอบ เกิดเสียงทลายอากาศเป็นระลอก ก่อนฟาดลงกับพื้นเต็มแรง

ตูม โครม…

ทางตะวันออกนอกเมืองลั่วชิ่ง คล้ายเกิดพายุทรายทั่วฟ้า มีคนในเมืองลั่วชิ่งมองมาทางนี้ แต่เห็นแค่พายุทรายอบอวล มองเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นอย่างแท้จริงไม่ชัด

บนกำแพงเมืองลั่วชิ่ง มีทหารมองไปทางตะวันออกของเมืองด้วยสีหน้าตกตะลึง มองพายุทรายทั่วฟ้าเชื่อมต่อฟ้าดิน ในใจตื่นตระหนกหาใดเปรียบ

ลั่วชิ่งมีพิบัติธรรมชาติหนักหน่วงน้อยนัก อีกอย่างเมื่อครู่ฟ้ายังสว่าง ปรากฏการณ์ตรงนั้นน่าหวาดกลัวอยู่บ้างจริงๆ ภายในยังมีเสียงอสนีประหลาดดังมาไม่หยุด ได้ยินแล้วน่ากลัวอย่างยิ่ง

สถานที่ใกล้ประตูเมืองยังมีชาวบ้านอึ้งงันยืนนิ่ง มองการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ห่างออกไป

“เร็วเข้าๆ อย่ามัวอึ้งงัน ถ้าอยากเข้าเมืองรีบเข้ามา ใกล้ปิดประตูเมืองแล้ว!”

“เร็วเข้า อย่ามัวนิ่งอึ้ง ใต้เท้านายทวารสั่งปิดประตูเมือง อีกเดี๋ยวพายุจะมาแล้ว พวกเจ้าจะกลับบ้านหรือเข้าเมือง”

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของทหารตรงประตูเมือง ชาวบ้านข้างนอกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน ทยอยเร่งฝีเท้าเดินเข้าเมือง

“เข้าเมืองๆ ข้าเข้าเมือง!”

“ข้าด้วยๆ…”

“รอข้าด้วยๆ!”

ไม่เพียงแค่นอกเมืองทางตะวันออก ประตูเมืองด้านอื่นเริ่มทยอยปิดประตูเมืองเช่นเดียวกัน กำแพงเมืองลั่วชิ่งสูงใหญ่ ขอแค่ปิดประตูเมือง อีกเดี๋ยวต่อให้พายุทรายทั่วฟ้ามาก็บรรเทา

การตอบสนองต่างจากชาวบ้านทั่วไปกับทหาร ตอนนี้บนกำแพงเมืองลั่วชิ่ง เทพหลักเมืองลั่วชิ่งกับเจ้ากรมศาลมืดยืนอยู่เหนือหอกำแพงเมือง จ้องพายุทรายทั่วฟ้านอกเมืองที่ห่างไกลเขม็ง

ในสายตาเทพผีพวกนี้ สีพายุทรายข้างนอก มีสีสันอื่นที่ทำให้พวกเขากระสับกระส่าย

“ปราณปีศาจเข้มข้นนัก!”

“เป็นปีศาจซึ่งอยู่นอกเมืองนั่นหรือ”

“อืม หนึ่งในนั้น นอกจากนี้ไม่แน่ใจ”

“ใต้เท้าหลักเมือง พวกเราต้องยุ่งเกี่ยวหรือไม่”

นัยน์ตาเทพหลักเมืองลั่วชิ่งวาววาบ หันกลับไปมองในเมือง เต็มไปด้วยชาวบ้านลั่วชิ่งซึ่งเผยสีหน้าหวาดกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าพายุทราย

“อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม อีกฝ่ายน่าจะมุ่งเป้าแค่ปีศาจนอกเมืองนั่น คอยสังเกตการณ์ก่อน!”

ยามเพิ่งสิ้นเสียง

“มอ…”

เจ้าวัวส่งเสียงคำรามสะเทือนขอบฟ้า ต่อมาคือเสียงกึกก้องดังตูม รวมถึงความรู้สึกเหมือนแผ่นดินไหวภูเขาสั่นคลอน

ชาวบ้านทั่วเมืองลั่วชิ่งต่างรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนชัดเจน แรงสั่นสะเทือนทำให้หอสุราโรงน้ำชามากมายรวมถึงเครื่องกระเบื้องในบ้านชาวบ้านสั่นไหวไม่หยุด

นอกเมืองลั่วชิ่ง ตอนนี้สองปีศาจต่างสำแดงความสามารถแท้จริง การปะทะรุนแรงราวกับฟ้าคำรามดังเป็นระลอก หินทรายปลิวว่อนเขาถล่มดินทลายคือความรู้สึกตอนนี้ของเยี่ยนเฟย

เยี่ยนเฟยหมอบตัวลง นอนหมอบตรงก้นหลุมแห่งหนึ่ง สองมือเกาะก้อนหินข้างล่างจนเส้นเลือดปูดโปน

แม้ว่าหนิวป้าเทียนบอกให้เขาวิ่งไปได้ไกลเท่าไหร่ให้วิ่งไปไกลเท่านั้น แต่เรื่องนี้ต้องดูสถานการณ์ตามความเป็นจริง ลมคลั่งกับฝุ่นทรายตอนนี้ทำให้ไม่เห็นทางไม่ว่า เมื่อลุกขึ้นมายังเดินไม่มั่นคง หินยักษ์หลายก้อนปะทะหน้าจนยากจะรับ การหลบโดยไม่ขยับคือวิธีปลอดภัยที่สุด

“โฮก…”

“มอ…”

โครม ครืน…

เสียงกึกก้องกับแรงสั่นสะเทือนทำให้เยี่ยนเฟยหูอื้อตัวชา ทำให้เขารู้สึกถึงความเล็กจ้อยของกำลังคนธรรมดาอีกครั้ง หากไม่มีหนิวป้าเทียน ตอนนี้ตนคงกลายเป็นร่างไร้วิญญาณนานแล้ว หรือกล่าวว่าแม้แต่ร่างไร้วิญญาณยังไม่มี

‘พี่หนิว ท่านอย่าเกิดเรื่องเด็ดขาด!’

ใช่ว่าเยี่ยนเฟยกลัวเจ้าวัวเกิดเรื่องแล้วไม่มีคนปกป้องตน แต่เป็นห่วงว่าหนิวป้าเทียนจะเข้ามาพัวพันจนเกิดเรื่องเพราะเขาเยี่ยนเฟยอย่างแท้จริง

แต่ด้วยการมองเห็นของเยี่ยนเฟย เขาเห็นแค่จุดหนาทึบที่สุดตรงกลางพายุทรายซึ่งห่างออกไปมีแสงเหลืองกับเพลิงปีศาจวูบไหวไม่หยุด เสียงคำรามของสองปีศาจดังระงมไม่ขาดหู

ตูม…

ตรงตำแหน่งใกล้แค่เอื้อม ต้นไม้แตกหักท่อนหนึ่งร่วงหล่น กลิ้งผ่านหลุมซึ่งเยี่ยนเฟยอยู่ไปพอดี นั่นคือต้นพลับซึ่งหนิวป้าเทียนใช้แทนกระบองมาตลอด

ต่อมาเสียงตึงตังดังขึ้นไม่หยุด คล้ายทองเหล็กกระทบกัน ห่างออกไปเหมือนมีประกายไฟนับไม่ถ้วนสาดกระเซ็น

วู้ม… ตูม…

ห่างจากหลุมซึ่งเยี่ยนเฟยหลบอยู่สิบกว่าจั้งหินดินพลิกตลบ เศษหินดินโคลนมากมายพุ่งสู่ฟ้า หอบม้วนเข้าพายุทราย นั่นคือหินโคลนซึ่งเจ้าวัวซัดกระเด็นออกมา

หินทรายบางส่วนม้วนตามลม บ้างหล่นโดยรอบบ้างตกข้างกายเยี่ยนเฟย นอกจากเกือบถูกดินทรายฝังกลบครึ่งหนึ่ง เยี่ยนเฟยยังรู้สึกถึงของเหลวอุ่นร้อนเหมือนฝนโปรยลงมาเป็นระลอก นั่นคือเลือดของเจ้าวัว

“ให้ตายเถอะ…”

ตูม…

หนิวป้าเทียนยังไม่ทันด่าจบ มีเงามืดมหึมาตะปบกรงเล็บคมกริบแล้ว

ครู่ต่อมาหน้าอกเผยรอยกรงเล็บบาดตาหลายสาย ตอนนี้ร่างมหึมาของเจ้าวัวลอยออกไปอีกครั้ง สีเหลืองบนตัวปะทะแสงกรงเล็บบาดตาเต็มแรง เกิดเสียงเฉือนตัดชวนเสียวฟัน

“พรวด…”

หมอกโลหิตซึ่งกระอักออกมากลางอากาศกลายเป็นฝนเลือดอีกครั้ง

แต่ความเจ็บปวดบนตัวกลับทำให้หนิวป้าเทียนคลุ้มคลั่งขึ้นเรื่อยๆ ยามร่างยังไม่ตกสู่พื้น เจ้าวัวพลิกตัวใช้มือเท้ายัน นัยน์ตาเหลือบแสงแดงก่ำ มองเจ้าภูเขาลู่ซึ่งประชิดตัวมาอีกครั้ง ก่อนย่ำพื้นเต็มแรง

ตูม…

พื้นดินรัศมีหลายจั้งเปล่งแสงเหลืองซ่อนเร้น เยี่ยนเฟยรู้สึกถึงแรงดูดบนพื้นดิน ฝุ่นดินมากมายเป็นเกลียวคลื่นซัดโหม

ร่างปีศาจของเจ้าภูเขาลู่ยังไม่เข้าใกล้ก็เห็นเจ้าวัวทำท่าย่อตัว เขารู้สึกถึงความอันตรายเด่นชัด หลบตามสัญชาตญาณ ร่างปีศาจอบอวลด้วยหมอกเพลิงปีศาจดำมากมายชั่วพริบตา

“อย่ามากำเริบเกินไปนัก! มอ…”

พริบตาต่อมาเหนือศีรษะเจ้าวัวเปล่งแสงขาวระลอกหนึ่ง

ร่างกายย่ำพื้นจนเกิดหลุมใหญ่ ก่อนหายไปตามดินทรายด้านหลัง

‘เขาราชันวัว!’

ในใจเจ้าวัวตวาดเดือดดาล พุ่งเข้าใกล้ร่างปีศาจของเจ้าภูเขาลู่ชั่วพริบตาด้วยอานุภาพไร้คู่ต่อกร ทำให้เจ้าภูเขาลู่เกิดความรู้สึกว่าไม่อาจหนีพ้น

ตูม…

วายุทรายถูกแหวกออก แรงโจมตีทำให้การมองเห็นตรงกึ่งกลางยกระดับชั่วขณะ

เขาวัวข้างหนึ่งขวิดใส่กรงเล็บซ้ายซึ่งเงื้อขึ้นมาของเจ้าภูเขาลู่ ส่วนอีกข้างแทงแขนซ้ายของเจ้าภูเขาลู่เหมือนเหล็กนาบ ปลายเขาเสียดลึกถึงกระดูก

“โฮก…”

ครืนๆๆๆๆๆ…

พายุกวาดพื้นดินจนราบ เจ้าวัวขวิดร่างปีศาจมหึมาของเจ้าภูเขาลู่ โจมตีไปทางเหนือตลอด ชั่วพริบตาพลันแหวกทางออกไปสิบกว่าลี้ ระหว่างทางไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือหินยักษ์ ดินโคลนหรือกระแสธาร ทั้งหมดถูกทำลายแหลกละเอียด เจ้าภูเขาลู่ถูกพลังนี้ขวางจนไม่อาจหลบหนี ตะปบกรงเล็บคมกริบใส่หลังเจ้าวัว เปล่งแสงเรืองรองบาดตา แม้ว่าทำลายเกราะป้องกัน แต่กลับไม่อาจสร้างบาดแผลถึงชีวิต

“ดูสิว่าเจ้าจะตายหรือไม่…!”

นัยน์ตาเจ้าวัวเผยแววคลุ้มคลั่งรุนแรง ไม่สนอาการบาดเจ็บบนตัวสักนิด ตั้งท่าอยากขวิดปีศาจตนนี้ให้ตาย

กระทั่งเห็นเมืองลั่วชิ่งซึ่งใกล้เข้าไปเรื่อยๆ…

“มอ…”

เจ้าวัวฝืนข่มความบ้าคลั่ง ส่งเสียงคำรามก่อนสะบัดหัวเต็มแรง

ฉัวะ…

กรงเล็บคมกริบของเจ้าภูเขาลู่ฝังเข้าร่างเจ้าวัวจนเกิดหมอกโลหิตสายหนึ่ง จากนั้นค่อยถูกสะบัดกระเด็น ลอยออกไปร้อยกว่าจั้ง กระแทกกับพื้นดังตูม…

ตึง…

ตอนนี้เจ้าวัวซึ่งสูงเกือบสองจั้งยืนหยัดไม่อยู่ คุกเข่ากับพื้นเต็มแรง แผ่นหลังแทบไม่มีความรู้สึก น้ำลายกับโลหิตหยดจากมุมปากไม่หยุด

“ฮู่… ฮู่… ฮะ… เฮือก…”

เมื่อเงยหน้ามองด้านข้าง ปีศาจซึ่งไม่เคยเห็นนั่นลุกขึ้นพร้อมปราณปีศาจแข็งแกร่งอีกครั้ง รู้ว่าอีกฝ่ายแบกรับอาการบาดเจ็บสาหัสไม่ไหวแน่ แต่ความรู้สึกกดดันยังเด่นชัด

“นะ นี่มันปีศาจอะไรกันแน่…”

เซียนหมากข้ามมิติ

เซียนหมากข้ามมิติ

Status: Ongoing
เพราะกระดานหมากเก่าๆ จี้หยวน พนักงานบริษัทธรรมดาๆ จึงข้ามมิติมาสู่โลกใหม่ในร่างขอทานตาเกือบบอด เพื่อเอาตัวรอดในโลกที่ไม่คุ้นเคย เขาจึงต้องใช้ไหวพริบของคนยุคปัจจุบันและกลหมากพัฒนาตัวเองให้แกร่งกล้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท