บทที่ 913 ลั่วสุ่ย ‘ข้าจะกินคุณชาย!’
ธารดาราพาดผ่านตัดขาดการเชื่อมต่อระหว่างฟ้าดิน กีดขวางกาลเวลาและปริภูมิ กฎระเบียบมากมายนับไม่ถ้วนแหลกลาญ ถล่มลงมาฉับพลัน
หลี่จิ่วเต้าส่องประกายแวววาวทั้งตัว ร่างกายอ่อนช้อยไร้มลทิน เขาเยื้องย่างเนิบนาบ พริบตาเดียวก็ฝ่าออกจากธารดาราโดยไร้รอยขีดข่วน กระทั่งชายเสื้อยังไม่ได้รับความเสียหาย
เขาปะทะกับหอกยาว ฝ่ามือคู่นั้นแข็งแกร่งทนทานกว่ายอดศาสตราชิ้นใด แสงเจิดจ้าปะทุออกมานับคณา เสียงโลหะกระทบกระทั่งดังไม่หยุด
ศพตี๋เทาตาโต ตกใจแทบตาย น่ากลัวเกินไปแล้ว รับมือหอกยาวด้วยฝ่ามือเพียงลำพังโดยไม่เป็นอันใดได้เชียวหรือ!
เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของมันอย่างสิ้นเชิง ซ้ำยังเกินขอบเขตความเข้าใจชองตนออกไป!
ศพมู่ชิงและปราณศพบุกเข้ามา ทว่าไม่อาจประชิดตัวได้เลย รัศมีสยดสยองกระแทกพวกมันจนกระเด็นไปอีกด้าน
พวกมันร้อนรนทนมิไหว ทว่าไร้ซึ่งหนทาง!
เข้าร่วมการต่อสู้ไม่ได้ ซ้ำยังหนีไปไหนไม่ได้อีก พวกมันอนาถเหลือเกิน!
ปึง!
เวลานั้นเอง พวกมันได้ยินเสียงแตกร้าวใสกังวาน เมื่อแหงนสายตามองก็ต้องตกตะลึง
นี่เพิ่งประมือกันไม่ทันไร หลี่จิ่วเต้าก็ทำลายหอกยาวจนแหลกลาญเสียอย่างนั้น!
พวกมันหวาดผวาเหลือแสน ตื่นกลัวอย่างแท้จริง หลี่จิ่วเต้าอยู่ในระดับใดกัน!
โลหิตสาดกระจาย ศพตี๋เทาซึ่งสูญเสียหอกยาวยิ่งมิใช่คู่มือหลี่จิ่วเต้าเข้าไปใหญ่ เพียงครู่เดียวก็ถูกชายหนุ่มสังหารอย่างสิ้นเชิง!
“ไม่ว่าที่ใด ภัยร้ายลดไปหนึ่งย่อมถือเป็นเรื่องดี”
หลี่จิ่วเต้าหันมองศพมู่ชิงกับปราณศพ เพียงโบกมือเบา ๆ ทั้งสองไม่ทันได้ร้องขอความเมตตาก็ถูกฆ่าอย่างสิ้นเชิง!
…
ภายในเมืองชิงซาน
จิตของหลี่จิ่วเต้าหวนคืนสู่ตัวเขาบนเก้าอี้โยก ก่อนจะวางแท็บเล็ตในมือบนโต๊ะข้าง ๆ
“คุณชายเชิญดื่มชา”
ลั่วสุ่ยยกชามาหนึ่งถ้วยด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
หลี่จิ่วเต้ารับถ้วยชามา จิบอึกหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบยิ้ม ๆ “พวกเราใกล้ได้กินเลี้ยงกันอีกแล้วใช่หรือไม่”
“กินเลี้ยงหรือ”
ลั่วสุ่ยชะงัก หมุนความคิดไม่ทัน หมายความว่าอย่างไรกัน?
“งานวิวาห์อย่างไร”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ชางเหยากับมัจฉาสัตมายาออกท่องเที่ยว ข้ารู้สึกว่าพวกเขาทั้งคู่ใกล้ได้ลงเอยกันแล้ว”
เขาดูออกว่าชางเหยามีใจให้มัจฉาสัตมายา และมัจฉาสัตมายาก็มีใจให้ชางเหยา จึงเสนอให้ชางเหยากับมัจฉาสัตมายาออกไปท่องเที่ยวกันสักระยะ
ชายหนุ่มตั้งใจจับคู่ชางเหยากับมัจฉาสัตมายา ให้พวกเขามีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง
ลั่วสุ่ยเพิ่งถึงบางอ้อ หัวเราะเบา ๆ พลางกล่าว “พวกเขานับเป็นคู่สร้างคู่สมอย่างแท้จริง”
หลังกล่าวจบ นางก็กระซิบข้างหูหลี่จิ่วเต้าเสียงแผ่ว “คุณชาย อาภรณ์ของข้าตัดเสร็จหรือยัง ข้าอยากใส่จนรอไม่ไหวแล้ว…”
หลี่จิ่วเต้าหน้าแดงก่ำอย่างไม่ค่อยได้เห็น
เขารู้ว่าลั่วสุ่ยเอ่ยถึงสิ่งใด เขาตัดเสร็จนานแล้ว แต่ยังไม่ได้ให้นางสักที
เพราะลั่วสุ่ยกล่าวว่าจะใส่ให้เขาดูในห้องตามลำพัง
เขากลัวตนเองห้ามใจไม่ไหว!
“ยัง! ยังเหลืออีกนิดหน่อย!” ชายหนุ่มรีบตอบ
ลั่วสุ่ยลอบหัวเราะในใจ คุณชายปากไม่ตรงกับใจอีกแล้ว
ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว คุณชายไฉนเลยจะยังตัดอาภรณ์ไม่เสร็จ เห็นได้ชัดว่าเป็นข้ออ้างของคุณชาย!
“คุณชายกลัวข้ากินคุณชายเข้าไปหรือ”
นางกระซิบเสียงแผ่วข้างหูหลี่จิ่วเต้าอีกครั้งอย่างแนบชิด ด้านชายหนุ่มได้กลิ่นหอมรัญจวนจากตัวลั่วสุ่ยอย่างชัดเจน ก็พลันสติเริ่มหลุดลอย เกือบคุมตัวเองไม่อยู่
ดูออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางและหลี่จิ่วเต้าใกล้ชิดขึ้นอีกก้าว หากเป็นเมื่อก่อน ต่อให้ลั่วสุ่ยใจกล้าเพียงใดก็มิกล้าเอื้อนเอ่ยวาจาเช่นนี้
“เจ้าแมวน้อยสีขาวตัวนี้ กล้าเย้าหยอกคุณชายแล้วหรือ”
หลี่จิ่วเต้าคว้าลั่วสุ่ยเข้ามาในอ้อมกอด ตีก้นของลั่วสุ่ยพลางกล่าว “หากต้องกิน ก็ต้องเป็นคุณชายที่กินเจ้า!”
เป็นถึงชายชาตรีจะยอมให้สตรีสัพยอกปานนี้ได้อย่างไร!
ไม่มีทาง!
เขาต้องเป็นฝ่ายรุกต่างหาก!
ลั่วสุ่ยหน้าแดงก่ำ ชาวาบไร้เรี่ยวแรง หัวใจเต้นโครมครามไม่หยุด
นางนึกในใจไปว่า คุณชายช่างไร้จรรยาบรรณจริง ๆ ลอบโจมตีกันนี่นา!
“เช่นนั้นก็มาเลย!”
นางมองจ้องหลี่จิ่วเต้าตรง ๆ สายตาเลื่อนลอยเปี่ยมเสน่ห์ ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ!
ยามนี้ของวิเศษทั้งหมดในลานต่างปิดผนึกญาณสัมผัสของพวกมัน นี่มิใช่ภาพที่พวกมันมองได้!
“เอ๋ เหตุใดคุณชายถึงต้องตีพี่หญิงลั่วสุ่ย”
หน้าห้อง จิ้งจอกน้อยเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ นางเห็นคุณชายตีก้นพี่หญิงลั่วสุ่ย
จิ้งจอกขาวเย็นชารีบปิดตาจิ้งจอกน้อย พานางกลับไปที่ห้อง
“นั่นมิได้เป็นการตี หากแต่เป็นการเมตตาเอ็นดู!”
จิ้งจอกขาวเย็นชาบอกกับจิ้งจอกน้อย
“หา”
จิ้งจอกน้อยฉงน การถูกตีก้นกลายเป็นการได้รับความเมตตาไปได้อย่างไร?!
“อีกหน่อยเจ้าจะเข้าใจเอง!”
ด้านนอกลาน
หลี่จิ่วเต้าเห็นสายตาลั่วสุ่ยที่จ้องมองมาตรง ๆ ก็กลืนน้ำลายอย่างอดมิได้
ลั่วสุ่ยงดงามเกินไป ทั้งบริสุทธิ์ทั้งยั่วยวน เขาทนไม่ไหวจริง ๆ ยามได้เห็น ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าเขาจะทำอันใดลงไป!
“ก็ได้ เจ้านี่จริง ๆ เลย!”
สุดท้ายเขาเลือกยอมแพ้ เป็นฝ่ายปราชัย
“ฮิ ๆ คุณชายต้องรักษาคำพูดนะ ข้าจำได้ว่าคุณชายจะตัดอาภรณ์ให้ข้าตั้งหลายชุด คุณชายห้ามผิดคำพูดเด็ดขาด!”
ลั่วสุ่ยยิ้มซุกซน น่ารักน่าหลงใหล
นี่คุณชายยอมแพ้หรือ?
คงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลยกระมัง!
ด้วยความสามารถของคุณชาย น่ากลัวว่าแม้แต่จ้าวแห่งความมืดมิดก็มิอาจทำให้คุณชายยอมแพ้ ถึงอย่างไรคุณชายก็ยังเอ็นดูนาง!
นางคิดในใจ รู้สึกเปี่ยมสุข
“ได้ ข้าไม่ลืม”
หลี่จิ่วเต้าตอบ นึกในใจว่าลั่วสุ่ยช่างเป็นปีศาจน้อยยวนใจจริง ๆ เขายังเกือบเคลิบเคลิ้มคุมตัวเองไม่อยู่
“อยู่เฉย ๆ ไปก็เบื่อ ออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนคุณชายดีกว่า”
หลี่จิ่วเต้าบอกกับลั่วสุ่ย
“ได้เลยคุณชาย!”
ลั่วสุ่ยคล้องแขนหลี่จิ่วเต้าอย่างเป็นธรรมชาติ ดูเหมือนคู่รักสวรรค์สร้าง สนิทชิดเชื้อกันยิ่งนัก
และหลี่จิ่วเต้ามิได้ต่อต้านความชิดเชื้อนี้ ออกจากเมืองชิงซานไปพร้อมลั่วสุ่ย
ยามมาถึงริมลำธาร ชายหนุ่มพลันหยุดชะงัก
เขาเดินไปหาต้นหลิวและก้อนหิน นำดินออกมาจำนวนหนึ่ง แบ่งไปให้ทั้งต้นหลิวและก้อนหิน
จากนั้นก็หยิบขวดหยกพิสุทธิ์ออกมาอีกหนึ่ง รินแบ่งให้ต้นหลิวและก้อนหินจำนวนหนึ่ง
ขวดพิสุทธิ์นี้มิได้มีขนาดใหญ่ ทว่าน้ำในนั้นกลับเสมือนไม่มีวันหมด ไร้ที่สิ้นสุด หลังรดน้ำจนดินเปียกชุ่ม หลี่จิ่วเต้าก็เก็บขวดพิสุทธิ์กลับไป
ดินนี้มิใช่ดินธรรมดา หากแต่เป็นดินโกลาหล น้ำก็มิใช่น้ำธรรมดา หากแต่เป็นน้ำพิสุทธิ์ไร้ราก ล้วนเป็นสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าแลกมาจากบรรพจารย์ฝู
“อยู่เคียงข้ามาตั้งนมนาน หวังว่าพวกเจ้าจะให้กำเนิดจิตวิญญาณออกมา ก้าวสู่เส้นทางฝึกตนด้วย”
หลี่จิ่วเต้าลูบไล้ต้นหลิว แล้วหันไปลูบไล้ก้อนหินด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
ผ่านมาตั้งนาน เขามีความผูกพันต่อต้นหลิวและก้อนหินเช่นกัน จึงอยากให้ต้นหลิวและก้อนหินก้าวสู่เส้นทางฝึกฝนด้วย
หลังเสร็จสิ้นแล้ว หลี่จิ่วเต้ากับลั่วสุ่ยไปจากที่นี่
เมื่อมาถึงพื้นที่ปลอดคน เขาก็ยกมือเรียกกระบี่ฉุนจวินออกมาก่อนจะก้าวขึ้นไป
“มาเถิด ปีศาจน้อยของข้า”
ชายหนุ่มกล่าวต่อลั่วสุ่ยยิ้ม ๆ ยื่นมือออกไปอย่างสุภาพบุรุษ เชื้อเชิญลั่วสุ่ยให้ขึ้นมาเหินกระบี่ด้วยกัน
“ได้!”
ลั่วสุ่ยจับมือหลี่จิ่วเต้า ก้าวขึ้นไปบนกระบี่ฉุนจวิน
จากนั้นกระบี่ฉุนจวินลอยออกไป หายไปในหมู่เมฆ ไปจากที่นี่
และเวลานั้นเอง ด้านต้นหลิวกับก้อนหินเกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นทั้งคู่!
พวกมันวิวัฒนาและยกระดับขึ้น!