“ระบบ ระบบ…”
ถึงแม้จะไม่มีก่ีศึกษาคู่แข่งอย่างจริงจัง ทว่าหลินเยวียนยังคงมีคำถามที่เขาตอบไม่ได้ จึงเรียกหาระบบเพื่อไขข้อข้องใจ
“ติ๊งต่อง มีเรื่องอะไรหรือ?”
“ครั้งก่อนนายเคยบอกพูดถึงการจัดอันดับพ่อเพลง อาจารย์หยางจงหมิงอยู่ที่สาม?”
“ใช่”
“ไม่มีอะไรแล้ว”
“งั้นโฮสต์ต้องการสั่งผลิตการจัดอันดับไหม การจัดอันดับที่แท้จริงและเป็นมืออาชีพที่สุด เจ้าเดียวในบลูสตาร์!”
“ไม่ต้อง”
“…”
ระบบหลบไปแล้ว
ส่วนหลินเยวียนยืนยันข้อสงสัยของตนเองแล้ว
ผู้มีพรสวรรค์ระดับแนวหน้าในแต่ละสาขาเก่งก็จริง แต่ไม่ใช่วีรบุรุษทุกคนจะเข้าร่วมทัพ
อย่างน้อยหยางจงหมิงก็ไม่ต้องไปจงโจว
ถึงแม้ไม่รู้เหตุผลโดยละเอียดที่หยางจงหมิงไม่ได้ไปจงโจว แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นได้ชัดว่ายังมีขาใหญ่ระดับยอดพีระมิดที่ถ่อมตัวอยู่บ้างในฉินฉีฉู่เยี่ยนหานจ้าวเว่ย
หลินเยวียนคล้ายกับใช้ความคิด
เขากับเหล่าโจวพูดคุยกันมากมาย
จากความหมายของเหล่าโจว จงโจวไม่มีทางลงมือเป็นการชั่วคราว
อย่างน้อยในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมไม่จำเป็นกังวลว่าจะเผชิญกับการลอบโจมตีจากจงโจว
เพราะพ่อเพลงจากจงโจวส่วนมากเป็นผู้อาวุโส
ในบรรดาผู้อาวุโสเหล่านี้ มากที่สุดก็จะมีตัวแทนสักหนึ่งหรือสองคนที่โจมตีหลินเยวียน
หากพวกผลัดกันโจมตี ก็ออกจะมุ่งเป้าชัดเจนเกินไป
ภาพคงจะน่าเกลียดมากทีเดียว
บรรดาชาวฉินในจงโจวไม่มีทางตอบรับ
แต่หลินเยวียนจะคาดหวังให้หลินเยวียนออมมือไม่ได้ เขายังต้องยืนหยัดอย่างเข้มแข็งด้วยตัวเอง
เขาต้องเตรียมตัวให้ดี
ตอนนี้สิ่งที่เขามั่นใจได้คือ ในมหาสงครามเทพเซียนปีนี้ จะต้องมีการลอบโจมตีจากจงโจวอย่างแน่นอน
“ จริงสิ”
จู่ๆ หลินเยวียนก็นึกขึ้นได้
ในเมื่อจงโจวได้รวบรวมผู้ที่มีความสามารถในหลากหลายสาขา หมายความว่าตัวตนอื่นๆ ของเขาจะเผชิญกับความท้าทายสารพัดรูปแบบจากจงโจงด้วยใช่ไหม?
ยกตัวอย่างเช่นการ์ตูนของอิ่งจือ
จะต้องมีนักวาดการ์ตูนชั้นนำที่ถูกดึงตัวไปยังฉู่โจวแล้ว
หรือยกตัวอย่างเช่นนิยายของฉู่ขวง
จงโจวจะต้องมีตัวละครโหดๆ ที่สามารถประมือกับฉู่ขวงได้อย่างแน่นอน
หลินเยวียนไม่กล้าดูเบาการพัฒนาด้านศิลปะของบลูสตาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวรรณกรรมซึ่งคิดเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ในแวดวงศิลปะ
โชคดีที่ฉู่ขวงยังมีทางหนีทีไล่
การพัฒนาศิลปะแขนงต่างๆ บนโลกมานานหลายปี ไม่ได้เกิดขึ้นเปล่าประโยชน์
ยังมีนิยายคลาสสิกอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้เผยแพร่
ยิ่งไปกว่านั้น…
น่าจะยังเหลือเวลาอีกสองสามปีกว่าจงโจวจะผนวกรวม
ลำดับการผนวกรวมหลังจากนี้ คงจะเป็นจ้าวโจวและเว่ยโจว
สุดท้ายแล้วจึงเป็นจงโจว
เบื้องบนน่าจะคิดเช่นนี้
ถึงอย่างไรสำหรับฉินฉีฉู่เยี่ยนหานจ้าวเว่ยแล้ว จงโจวคือขุนเขาสูงชันซึ่งยากข้ามผ่าน
เมื่อจงโจวเข้าผนวกรวมในอนาคต จะเกิดการโจมตี และทำให้วัฒนธรรมของแต่ละทวีปปะปนกันเละตุ้มเปะ
ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีระบบเหมือนกับหลินเยวียน
ถ้าไม่มีระบบ น่ากลัวว่าทั้งเจ็ดร่วมมือกันก็อาจไม่ใช่คู่แข่งของจงโจว
เอาเถอะ
ตอนนี้ยังไม่ต้องขบคิดเรื่องนี้
หลินเยวียนเรียกระบบออกมาอีกครั้ง
เขาง่วนอยู่ในคลังเพลงอันล้ำค่าของโลก
ขณะนี้เป็นสงครามดนตรี
ถ้าคว้าแชมป์สิบสองสมัยไม่ได้ หลินเยวียนต้องหดหู่ใจเจียนตายอย่างแน่นอน
ผ่านมาถึงด่านที่ห้าแล้ว จะมาตกม้าตายตอนนี้ได้อย่างไร
ระบบ “…”
และขณะที่หลินเยวียนกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่ในคลังเพลง ความตื่นเต้นของโลกภายนอกยังคงไม่สงบลง
ไม่เพียงเรื่องที่เขาต้องการคว้าแชมป์สิบสองสมัย ยังมีผลที่เกิดขึ้นหลังจากคอนเสิร์ตอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมูนวอล์ก!
นี่น่าจะอยู่ในความคาดหมายของผู้ชมคอนเสิร์ตสดทุกคน
มูนวอล์กโด่งดังแล้ว !
……
มูนวอร์กโด่งดังถึงขั้นไหนน่ะหรือ?
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ หัวข้อที่ผู้ที่มีใจรักในการเต้นพูดคุยกันในระยะนี้ ก็คือ ‘มูนวอล์ก’!
นักเต้นมากมายล้วนศึกษาท่ามูนวอล์กจากคอนเสิร์ตของเซี่ยนอวี๋ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เรียนรู้!
ปฏิบัติตาม!
พวกเขาไม่เพียงทำตามท่าเต้นของเซี่ยนอวี๋ พวกเขาถึงขั้นเลียนแบบชุดของเซี่ยนอวี๋ด้วยซ้ำไป
เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสีดำ ถุงเท้าสีขาว และรองเท้าหนังสีดำ
นอกจากนั้นยังมีถุงเท้าซึ่งเพิ่มความรู้สึกทางการอีกด้วย
ฃบนโลกออนไลน์
นักเต้นหลายคนอัปโหลดวิดีโอที่ตนเลียนแบบท่าเต้นของเซี่ยนอวี๋
ทว่าหลังจางที่ชาวเน็ตรับชมวิดีโอเหล่านี้แล้ว ต่างรู้สึกผิดปกติ
‘ไม่รู้ว่าทำไม แต่พ่อเพลงอวี๋เต้นแล้วถึงให้ความรู้สึกมากกว่า’
‘หรือเป็นว่าพ่อเพลงอวี๋ร้องไปเต้นไป’
‘ไม่ใช่แค่เท่านี้นะ ยังเป็นเพราะการเต้นของพ่อเพลงอวี๋ได้มาตรฐานมากกว่า’
‘ฉันเป็นนักเต้น ตอนที่เห็นมูนวอล์กครั้งแรกรู้สึกตกใจมาก แต่ในเวลาเดียวกันฉันก็คิดว่าที่จริงแล้วท่าเต้นนี้ไม่นับว่ายาก จนกระทั่งฉันได้ลองเอง…’
‘ล้มสินะ?’
‘ล้มอยู่แล้ว ครูหลายคนในชมรมเต้นของพวกเราบอกว่าท่าเต้นนี้ยากเกินไป’
‘ผู้ที่แสดงท่ามูนวอล์กต้องใช้ความแข็งแกร่ง ความยืดหยุ่น และ การประสานกันของร่างกาย เป็นเรื่องยากมากแม้แต่สำหรับนักเต้นมืออาชีพ ผมเชื่อว่าคนที่ลองทำหลายคนน่าจะล้มมาแล้ว’
‘ประเด็นคือท่าเต้นนี้ การควบคุมของสมองจำเป็นต้องไปในทิศทางตรงกันข้าม’
‘ไม่รู้จริงๆ ว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋คิดค้นท่าเต้นที่สุดยอดขนาดนี้ได้ยังไง’
‘…’
ผู้ที่คิดค้นท่ามูนวอล์กคือเซี่ยนอวี๋!
เรื่องนี้ถูกประกาศก้องทั่วทั้งใต้หล้าผ่านคำอธิบายอย่างเป็นทางการจากสตาร์ไลท์
และด้วยเหตุนี้เอง ชาวเน็ตจึงเรียกเซี่ยนอวี๋ว่า ‘ผู้คิดค้นมูนวอล์ก’ !
และต่อจากนั้นไม่กี่วัน
เมื่อผู้คนทำตามท่ามูนวอล์กมากขึ้นเรื่อยๆ กระแสจึงแพร่กระจายออกเป็นวงกว้างมากขึ้น
ถึงขั้นที่กลายเป็นประแสมูนวอล์กของผู้คนทั่วไป
แม้แต่ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านการเต้น ยังลองทำตามบทเรียนบนโลกออนไลน์
เพียงแต่ท่าทางค่อนข้างตลกขบขัน
บางคนพยายามอธิบายโครงสร้างของหลักการพื้นฐานในท่าเอียง 45 องศาของเซี่ยนอวี๋
ทว่าหลังจากความพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าและล้มเหลว ทุกคนจึงได้ข้อสรุปในที่สุด
‘ท่าเอียง 45 องศาต้องอาศัยอุปกรณ์ช่วย!’
เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะฝ่าฝืนกฎแห่งแรงโน้มถ่วงของโลก
อย่างไรก็ตาม ต่อให้เข้าใจหลักการ ทุกคนก็ยังตกใจกับจินตนาการของเซี่ยนอวี๋อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ต้องเข้าใจ
ว่าในท่าเอียง 45 องศาของไมเคิล แจ็กสัน การประดิษฐ์รองเท้านั้นได้รับการจดสิทธิบัตร
ถึงขั้นที่มีคนเริ่มเดินบนเส้นทางการเต้นของตนเอง เพราะชื่นชอบการท่ามูนวอล์กมาก
กระแสการเลียนแบบในครั้งกินเวลานานนับสิบวัน
ในสารานุกรมบลูสตาร์ ซึ่งรวบรวมโดยสมาคมวรรณศิลป์นั้น ได้เขียนเพิ่มเติมใช่ช่องของเซี่ยนอวี๋
‘นักเต้น’
ก่อนหน้านี้ เซี่ยนอวี๋ได้รับการแนะนำในฐานะ ‘นักประพันธ์เพลง’ ‘ผู้เรียบเรียงเพลง’ ‘นักแต่งเนื้อเพลง’ และ ‘นักร้อง’
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ
สารานุกรมบลูสตาร์ซึ่งสมาคมเป็นผู้รวบรวมขึ้นนั้นมีบรรทัดฐานและมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก
ไม่ใช่ว่าคุณทำอะไร แล้วคุณจะได้รับสถานะนั้นโดยอัตโนมัติ
วิชาชีพดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการยอมรับอย่างเป็นวงกว้างเสียก่อน สมาคมวรรณศิลป์จึงจะเขียนแนะนำเช่นนี้ลงในสารานุกรมได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เซี่ยนอวี๋เพียงคนเดียวคว้าแชมป์ห้าสมัย เป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆ
ในขณะนั้น
ในที่สุดหลินเยวียนก็เลือกผลงานสามชิ้นที่เขาคิดว่ายอดเยี่ยมจากระบบมาได้
ผลปรากฏว่า
ทันทีที่มายังบริษัท ซุนเย่าหั่วก็นำข่าวหนึ่งมาบอกกับหลินเยวียน
“รุ่นน้อง เกมพืชปะทะซอมบี้เวอร์ชันทางการของเราผลิตเสร็จแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ตามคำขอของนาย ในนั้นใส่องค์ประกอบท่ามูนวอล์กที่นายเต้นในคอนเสิร์ตลงไปด้วย…”
กลับมาแปลต่อหน่อยค่า หายไปเกือบ 3 สัปดาห์แล้ว พยายามอ่านแปลอังกฤษแล้ว รู้สึกว่าไม่ได้อรรถรสค่ะ ชอบแปลไทยมากกว่ามาก