บทที่ 1074 บุกเบิกระดับใหม่
วาจาของมหาเทวาพ้นนิวรณ์ทำให้หานเจวี๋ยแปลกใจ คนผู้นี้อยากสวามิภักดิ์ต่อเขาหรือ
เรื่องนี้อยู่เหนือความคาดหมายของหานเจวี๋ยจริงๆ ในมุมมองของเขา ผู้สร้างมรรคาล้วนไม่มีทางยอมก้มหัวด้วยตัวเองเว้นแต่จะถูกผู้แข็งแกร่งกว่ากดข่ม เช่นเดียวกับที่เจ้านวฟ้าบุพกาลทำกับพวกเขา
หานเจวี๋ยกล่าวอย่างจนปัญญา “ข้าเพิ่งพิสูจน์ผู้สร้างมรรคาได้เท่าไรกันเชียว จะต่อกรกับเขาได้อย่างไร”
แต่เขากลับสอบถามในใจว่า ‘มหาเทวาพ้นนิวรณ์ต้องการเข้ามาพึ่งใบบุญข้าด้วยใจจริงหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ใช่]
เรื่องนี้กลับทำให้หานเจวี๋ยแปลกใจยิ่งขึ้น
มาด้วยใจจริงเช่นนั้นหรือ
หรือว่าจะเป็นผลงานของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย
มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าสู้ไม่ได้ก็คงจะบังคับสิ้นสุดความฝันไปทันทีด้วยกลัวจะเดือดร้อนเพราะข้า แต่การที่เจ้ายังกล่าวถ่อมตัวอยู่ที่นี่ก็แปลว่ามีความมั่นใจเป็นล้นพ้น”
หานเจวี๋ยเงียบไป
หากว่ามหาเทวาพ้นนิวรณ์มาด้วยความจริงใจ เขาจะดำเนินการแน่
พอเขาย้อนนึกถึงการะกระทำที่ผ่านมาของมหาเทวาพ้นนิวรณ์อย่างละเอียดก็ไม่มีจุดไหนที่ไร้คุณธรรมเลยจริงๆ ซ้ำยังคิดจะเสียสละตัวเองเพื่อแลกทางรอดให้สรรพสิ่งพ้นนิวรณ์ด้วยซ้ำ คุณธรรมในส่วนนี้ยิ่งใหญ่เลิศล้ำโดยแท้
“หากข้าตอบรับท่าน ท่านจะทำอย่างไรเล่า”
หานเจวี๋ยหรี่ตาเอ่ยถาม น้ำเสียงสงบราบเรียบ
มหาเทวพ้นนิวรณ์เอ่ยตอบว่า “ให้ความเคารพเจ้า พร้อมทำทุกอย่างตามที่สั่งการ เรื่องนี้ไม่อาจดำเนินการได้ในทันทีทันใด หากว่าเจ้าเห็นด้วยให้รอไปอีกสักระยะหนึ่งจะดีที่สุด ส่วนเรื่องผู้สร้างมรรคาคนอื่นๆ ขอเสนอความเห็นว่าเจ้าอย่าได้ไปชักจูงเข้าร่วมเลย พวกเขามีจิตใจทะเยอทะยานมากเกินไป ไม่มีทางยอมรับฟ้าบุพกาลรายที่สองได้”
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘หากข้าตอบรับข้อเสนอของมหาเทวาพ้นนิวรณ์ เขาจะบอกเรื่องนี้ต่อผู้สร้างมรรคาคนอื่นๆ หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่บอก]
หานเจวี๋ยถึงได้วางใจ ผู้สร้างมรรคาที่เขาถามไปรวมเจ้านวฟ้าบุพกาลไว้ด้วย ขอเพียงมหาเทวาพ้นนิวรณ์ไม่ทำเช่นนี้ก็จัดการได้ง่ายแล้ว
“ตัดสินใจเถิด ฟ้าบุพกาลดูเหมือนจะมีเมตตา แต่นั่นอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเราไม่อาจคุกคามเขาได้ ขอเพียงเจ้ากลายเป็นภัยคุกคามเขา เขาจะลงมือกับเจ้าแน่นอน อีกอย่างเรื่องจิตมารของเขาทำให้นิสัยของเขาเปลี่ยนไป หากพวกเราไม่เตรียมการรับมือไม่ช้าก็เร็วจะต้องมอดม้วยสิ้นท่า”
มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเสียงมีความจนใจอยู่พอสมควร
เด็กคนนี้ไม่ว่าด้านใดล้วนดีทั้งสิ้น เสียแต่ขี้ระแวงเกินไปถึงขั้นที่ค่อนข้างเกินไปมากด้วย อยู่ในจุดที่เขาไม่อาจเข้าใจได้
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ได้ แต่เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายต่อผู้ใดรวมถึงจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายด้วย ท่านก็รู้ว่าขอเพียงมีคนทราบเรื่องไม่ช้าก็เร็วต้องถูกผู้สร้างมรรคารายอื่นทำนายพบแน่”
มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าสู้เพียงลำพัง ก่อนจะถึงศึกตัดสินชะตาข้าจะเกื้อหนุนผู้บำเพ็ญกลุ่มหนึ่งขึ้นมา เมื่อเจ้าต่อสู้ตัดสินกับฟ้าบุพกาลข้าจะช่วยต้านรับผู้สร้างมรรคาคนอื่นๆ เอาไว้”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยความพอใจ “เช่นนั้นก็เอาตามนี้เถิด รอดูสถานการณ์เงียบๆ ไปก่อน”
“เจ้าใกล้จะทะลวงขั้นแล้วกระมัง”
“จะเป็นไปได้อย่างไร”
หานเจวี๋ยส่ายหน้าพลางหลุดหัวเราะ จากนั้นก็สลายแดนความฝันลง
[มหาเทวาพ้นนิวรณ์เกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 6 ดาว]
หานเจวี๋ยเพิ่งลืมตาก็เห็นแจ้งเตือนนี้ทันที ทำให้เขาพึงพอใจในตัวมหาเทวาพ้นนิวรณ์มากกว่าเดิม
ยอดเยี่ยม
รู้ความยิ่งนัก
การที่มหาเทวาพ้นนิวรณ์เข้ามาสวามิภักดิ์เป็นเรื่องดีสำหรับหานเจวี๋ย แต่ก็ไม่นับเป็นเรื่องดีล้นฟ้าอันใด
เดิมทีเขาก็วางแผนว่าหลังจากพิสูจน์เทพผู้สร้างได้ค่อยจับเหล่าผู้สร้างมรรคาโยนเข้าคุกสวรรค์ปฐมยุคไป
เขาไม่ได้รู้สึกละอายกับแนวคิดนี้ของตนเลย หากเปลี่ยนเป็นผู้สร้างมรรคารายอื่นมาแทนที่แล้วมีวิธีที่สามารถสยบผู้สร้างมรรคาคนอื่นๆ ได้ก็คงลงมือแน่นอน
สำหรับพวกเขาที่ตบะบรรลุถึงระดับนี้แล้ว เรื่องสามมุมมองหมดความหมายไปนานแล้ว
ศีลธรรมของเหล่ามนุษย์เป็นพันธนาการผูกมัดพวกเขาเท่านั้น สิ่งที่จะเทียบกันได้มีเพียงความแข็งแกร่งและอ่อนแอเท่านั้น
เจ้านวฟ้าบุพกาลไม่กล้าสยบเขาก็เพราะมีอาณาเขตเต๋าอยู่ มิเช่นนั้นเจ้านวฟ้าบุพกาลต้องสะกดข่มเขาแน่นอน ทำให้โลกปฐมยุคของเขาถูกฟ้าบุพกาลผนวกรวมเข้ามาเหมือนโลกมหามรรคอื่นๆ
สามารถมอบทางรอดสายหนึ่งให้คนอื่นได้ แต่ไม่อาจปล่อยให้คนอื่นมีโอกาสที่จะคุกคามตนได้
ในเวลานี้เอง เก้าเทวดาราออกมาจากแบบจำลองการทดสอบแล้ว แต่ละคนมีสีหน้าย่ำแย่
พวกเขาถึงขั้นที่ไม่กล้ามองหานเจวี๋ยเลย
ซั่นเอ้อร์เห็นสีหน้าพวกเขาก็รู้สึกเบิกบานอย่างยิ่ง
ให้พวกเจ้าได้รู้เสียบ้าง!
ทราบถึงความร้ายกาจของท่านปฐมบรรพชนแล้วกระมัง
หานเจวี๋ยกลับมิได้ใส่ใจเลย เขากำลังรออาณาเขตเต๋ายกระดับอยู่ แต่รอมานานขนาดนี้ก็ยังไม่เสร็จสิ้นเสียที
แต่ก็ถูกแล้ว ถึงอย่างไรค่ายกลป้องกันของอาณาเขตเต๋าก็บรรลุระดับเทพผู้สร้างแล้ว หากวิวัฒนาการขึ้นอีกสวรรค์เท่านั้นที่ทราบว่าจะต้องใช้เวลานานเพียงใด
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘หินวิญญาณปฐมยุคใช้ยกระดับสุดยอดสมบัติได้หรือไม่’
[ขณะนี้ยังไม่ได้ สุดยอดสมบัติคือสมบัติวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว เว้นแต่ท่านจะบรรลุระดับเทพผู้สร้างบุกเบิกระดับที่สูงขึ้นไปอีกถึงจะทำให้สุดยอดสมบัติยกระดับขึ้นมาได้]
หานเจวี๋ยพัฒนามาถึงจุดที่กลายเป็นผู้บุกเบิกสู่ระดับใหม่โดยไม่รู้ตัวแล้ว
นับตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใดพิสูจน์เทพผู้สร้างได้!
หานเจวี๋ยตั้งตาคอยให้วันนั้นมาถึงยิ่งกว่าเดิม
จากนั้นเขาก็หลับตาลงเริ่มฝึกบำเพ็ญต่อ
….
กาลเวลาผ่านไปรวดเร็วนัก ฟ้าบุพกาลเข้าสู่ยุคโกลาหลวุ่นวายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลก็กลายเป็นฝันร้ายของสรรพสิ่งฟ้าบุพกาลไปเช่นกัน มารร้ายตั้งตัวเป็นเผ่าพันธุ์คอยก่อหายนะขึ้นในฟ้าบุพกาลเป็นระยะๆ
พ้นนิวรณ์ อวิชชาและผลาญนภาก็ผนวกรวมกับฟ้าบุพกาลอย่างสิ้นเชิงแล้ว ไม่ใช่โลกมหามรรคอีกต่อไปแต่กลายเป็นอาณาเขต
ในยามที่หานเจวี๋ยอายุครบสองร้อยสิบล้านปี ฟ้าบุพกาลก็เคยชินกับการมีอยู่ของมารร้ายแล้ว
งานชุมนุมฟ้าบุพกาลถูกจัดขึ้นอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้หัวข้อหลักของงานชุมนุมฟ้าบุพกาลกลายเป็นวางแผนกำจัดมารร้าย แน่นอนว่าแก่นเรื่องหลักยังคงเป็นการประชันขันแข่งของเหล่าบุตรแห่งสวรรค์
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เริ่มตรวจดูจดหมาย
รอจนเขาตรวจจดหมายเสร็จก็เริ่มใช้งานแบบจำลองการทดสอบ
ยังคงเลือกมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเป็นคู่ซ้อมมือ
หลายวันต่อมา หานเจวี๋ยออกจากแบบจำลองการทดสอบ รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตไร้รสชาติขึ้นมา
‘ยังไม่เสร็จอีกหรือ’
หานเจวี๋ยทอดถอนใจอยู่ภายในใจ เขาพะวงถึงเรื่องอาณาเขตเต๋าอยู่ตลอด
เขาลุกขึ้นแล้วออกจากอาณาเขตเต๋า
ณ วังสวรรค์ในอาณาเขตพ้นนิวรณ์
หานเจวี๋ยมาที่หน้าตำหนักหลังหนึ่ง หมู่เมฆท้องฟ้าของที่นี่ดุจภาพวาด หอเซียนเรียงซ้อนชั้น กระเรียนเซียนตั้งแถวเรียงราย สมกับเป็นวังสวรรค์
ภายในตำหนักมีเพียงหานชิงเอ๋อร์คนเดียว นางกำลังเล่นกับร่มเงินคันหนึ่งที่งามประณีตกะทัดรัด
หานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้นตรงหน้านางอย่างกะทันกัน ทำให้นางตกใจกระโดดหลบออกไป
“ท่านพ่อ!”
พอหานชิงเอ๋อร์เห็นว่าเป็นหานเจวี๋ยก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที จากนั้นก็แสดงสีหน้าขุ่นเคือง
“ท่านรู้วิธีทำข้าตกใจจริงๆ!”
หานชิงเอ๋อร์แค่นเสียง แต่การได้พบบิดายังคงทำให้นางดีใจยิ่งนัก
สองพ่อลูกนั่งลงแล้วเริ่มย้อนรำลึกอดีต
หานเจวี๋ยรับฟังเรื่องราวที่บุตรสาวเล่าด้วยสีหน้ารักใคร่เอ็นดู
สาวน้อยในกาลก่อนเติบใหญ่แล้ว ความรู้สึกนี้งดงามมากจริงๆ
หานเจวี๋ยคิดมาตลอดว่าทัศนคติของตนมิได้ชราวัยลง มีเพียงอายุที่เพิ่มขึ้นมาเท่านั้น
“ท่านพ่อ ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลตนนั้นแข็งแกร่งเกินไปแล้ว แม้แต่พี่รองกับน้องสี่ร่วมมือกันก็ยังไม่มีความมั่นใจเต็มที่เลย หากว่าฟ้าบุพกาลประสบภัยหนักหนา ท่านจะออกโรงหรือไม่”
หานเจวี๋ยยิ้มพลางตอบคำถามของบุตรสาว “ออกโรงอะไรกัน พ่อเจ้าปิดด่านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หาได้มีความสามารถในการสู้รบไม่”
หานชิงเอ๋อร์เบะปาก “ข้าว่าตอนนี้ท่านไม่สนใจฟ้าบุพกาลแล้วมากกว่า ท่านก็บุกเบิกโลกมหามรรคขึ้นแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ อยู่ที่ใดหรือ”
เมื่อเอ่ยถึงโลกมหามรรคนางก็สนอกสนใจอย่างยิ่ง
ตบะนางบรรลุถึงยอดมหามรรคแล้วเช่นกัน เริ่มเข้าใจโลกมหามรรคแล้ว เจียงเจวี๋ยซื่อถ่ายทอดความรู้มากมายให้นางแต่นางก็ยังไม่มีแนวทางใดๆ เลย
………………………………………………………………