บทที่ 1076 มหันตภัยแห่งฟ้าบุพกาล ภาระหน้าที่
สุดยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลนับไม่ถ้วนหัวเราะดังลั่นแล้วพุ่งเข้าโจมตีเมืองทศพิธ สะท้านฟ้าสะเทือนดินไม่อาจสกัดขวางได้
เหล่าผู้ทรงพลังอย่างจ้าวซวงเฉวียน ชิงเทียนเสวียนจีและเต้าจื้อจุนพากันเข้าไปขัดขวาง
ภายในเมืองทศพิธ เงาร่างหนึ่งพลันยืนผงาดขึ้นมา ร่างกายขยายใหญ่จนกระทั่งใหญ่โตกว่าเมืองทศพิธทั้งเมือง เป็นเทวีตราวินัย
แสงศักดิ์สิทธิ์แห่งระเบียบวินัยสาดส่องไปยังสนามรบที่มืดมัว เมื่อมารร้ายนับไม่ถ้วนต้องแสงก็สลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิวไป แต่ร่างแยกของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลกลับไม่ได้รับผลกระทบใดเลย
เทพมหาทัณฑ์ก็พุ่งออกมาจากเมืองทศพิธเช่นกัน ทอดสายตามองเงาร่างมารสูงใหญ่ไพศาลน่าหวาดหวั่นที่อยู่ไกลออกไป เขาถอนหายใจเอ่ยไปว่า “สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นโดยแท้”
ชุดเกราะแตกหักเปื้อนเลือดผสานเข้าสู่ร่างเขา กลิ่นอายของเขาพลันแปรเปลี่ยน ทำให้เหล่าผู้ทรงพลังตกใจพากันหันไปมอง
ผู้นำดวงจิตมหามรรค!
เหล่าผู้ทรงพลังล้วนให้ความเคารพเลื่อมใสเทพมหาทัณฑ์ยิ่งนัก แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเทพมหาทัณฑ์แข็งแกร่งมากแค่ไหน
เทพมหาทัณฑ์เดินออกไปด้านหน้า ทุกย่างก้าวร่างกายจะยืดสูงขึ้น กลิ่นอายระเบิดปะทุขึ้นมา
ในเวลาเดียวกันนี้ พลังแกร่งกล้าอีกสายที่สามารถแช่แข็งพลังทั้งปวงได้พลันแผ่เข้ามา คล้ายตอนที่มหามรรคสามพันวิถีร่วงหล่นลงมายังแผ่นดินรกร้างช่วงก่อนหน้านี้ ลำแสงสีม่วงเชื่อมค้ำฟ้าดิน ฝุ่นธุลีและมารร้ายนับไม่ถ้วนถูกพัดกวาดม้วนออกไป
ค่ายกลสวรรค์ทหารเทพ!
แสงเจิดจ้านับไม่ถ้วนร่วงดิ่งลงมา ทั่วทั้งเมืองทศพิธพลันตื่นเต้นฮือฮา
สีหน้าของจ้าวซวงเฉวียนก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน
หานฮวง!
สุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งฟ้าบุพกาลที่ได้รับการยอมรับจากปวงชน!
ถึงแม้จ้าวซวงเฉวียนจะมีคุณสมบัติในการทะยานสู่สมญานามนี้ได้ แต่ในใจของสรรพสิ่งเขายังคงห่างชั้นจากหานฮวงมากนัก
ภายในลำแสงสีม่วง หานฮวงปรากฏตัวขึ้นด้วยรูปลักษณ์ของเทพมารอนธการ เรือนผมขาวปลิวไสว นัยน์ตาสีม่วงฉายแววเย็นชาน่าหวาดผวา
“ฮึ่ม!”
หานฮวงแค่นเสียงคราหนึ่ง ทวนยาวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ เป็นทวนศักดิ์สิทธิ์อนธการนั่นเอง ปราณม่วงอนธการที่พัวพันอยู่ก่อตัวเป็นมังกรยาว แผดคำรามอย่างต่อเนื่อง
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของเขา ต่างพากันทอดสายตามองมา
“เทพมารอนธการ! ฮ่าๆๆ ข้าอยากเห็นนักว่าตัวเจ้าที่อ้างตัวว่าเป็นเทพมารอนธการจะมีคุณสมบัติคู่ควรหรือไม่!”
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลหัวเราะอย่างโอหัง วาจาเปี่ยมด้วยเจตนาหมิ่นหยาม
ทันทีที่เอ่ยจบ ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลทั้งหมดพากันชูสองแขนขึ้นสูง แรงกรรมนับไม่ถ้วนถูกดูดซับเข้าไป ก่อตัวเป็นพายุหมุนสั่นคลอนฟ้าดิน หมุนวนทำลายห้วงมิติ แม้แต่แม่น้ำมรรคกระบี่ของหลี่เต้าคงก็ถูกพัดกระจัดกระจายออกไป
ครืน…
มหามรรคสามพันวิถีสั่นสะเทือน ห้วงมิติทั่วฟ้าบุพกาลเริ่มพังทลาย รอยปริร้าวบริเวณแถบชายขอบเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มารร้ายนับไม่ถ้วนกระโจนออกมาจากรอยแยก ดุร้ายน่าหวาดกลัวร้องคำรามไม่ขาดสาย
“หนวกหู!”
หานฮวงทะยานไปด้านหน้าพลางซัดฝ่ามือออกไป
ฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร!
กระแสฝ่ามือไร้รูปไร้เสียงขจัดมารร้ายหลายร้อยล้านตนให้หายวับไปในชั่วพริบตา ในบรรดานั้นมีร่างแยกหลายสิบร่างของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลรวมอยู่ด้วย!
จากนั้นหานฮวงก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้ายอดมารร้ายฟ้าบุพกาลในทันใด ปฐมยุคสิ้นสูญสองสายโผล่ขึ้นรอบกาย ขณะที่เขาแทงทวนโจมตีใบดาบแสงมหามรรคก็สาดส่องขึ้นมา ทำลายล้างมารร้ายทั้งหมดในโลกา
เหล่าผู้ทรงพลังที่อยู่ตามรายทางรู้สึกเพียงว่ามีอันตรายเข้าครอบงำตน แต่ด้วยความเร็วของปฐมยุคสิ้นสูญทำให้พวกเขามองเห็นไม่ชัดเจน
“เหลือแค่พวกเราสองคนแล้ว!”
สายตาหานฮวงจ้องมองยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลเขม็ง เอ่ยด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลไม่ลนลานเลย สองมือที่ชูสูงของเขาพลันปล่อยลงในทันใด แรงกรรมนับไม่ถ้วนกดทับลงมาก่อนแทรกซึมเข้าสู่ร่างของเขา บีบอัดเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ร่างกายบิดเบี้ยวอย่างรุนแรงราวกับร่างกำลังจะระเบิดออกมา
หานฮวงขว้างทวนออกไปแทงทะลุร่างยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล ทว่าเมื่อดึงกลับมา มีเงาร่างสลัวสายหนึ่งติดมาด้วยราวกับวิญญาณของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลติดมากับทวนศักดิ์สิทธิ์อนธการ
“อนาคตของเจ้าจบสิ้นแล้ว!”
หานฮวงแค่นเสียง ทวนศักดิ์สิทธิ์อนธการพลันเปล่งแสงสีม่วงพร่างพราว คมทวนพิฆาตเงาสลัวของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล
ตูม…
ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลพลันระเบิดออก บังเกิดพลังโจมตีอันน่าพรั่นพรึงที่ทำลายล้างทุกสิ่งได้ ค่ายกลที่ปกป้องเมืองทศพิธอยู่พังทลายในทันใด ทุกสิ่งทั่วทั้งก้นบึ้งฟ้าบุพกาลถูกกวาดล้าง
….
ภายในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
หานเจวี๋ยยังคงฝึกบำเพ็ญอยู่ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา
เขาลืมตาขึ้น เห็นว่าเก้าเทวดาราและซั่นเอ้อร์ไม่อยู่แล้ว
เหล่าศิษย์มากมายมารวมตัวกันภายในอารามเต๋า แม้แต่ไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นก็อยู่ด้วย ล้วนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ถึงการต่อสู้ที่เมืองทศพิธ
หานเจวี๋ยทอดสายตาสอดส่องไปยังก้นบึ้งฟ้าบุพกาล ที่นั่นกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว วิญญาณผู้วายชนม์นับไม่ถ้วนล่องลอยไปทั่ว สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับต่ำกว่าเสรีลงไปล้วนตกตายทั้งสิ้น
หานฮวง เจียงเจวี๋ยซื่อ เทพมหาทัณฑ์ เทวีตราวินัย หลี่เต้าคงและเหล่าผู้ทรงพลังอย่างจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุนยังคงต่อสู้กับยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลอยู่
‘หืม’
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว เขาพบว่ากลิ่นอายของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลเปลี่ยนไป
อีกนิดเดียวก็จะเทียบเท่าผู้สร้างมรรคาแล้ว!
หากลองวิวัฒนาการดูอย่างน้อยก็คงมีค่าตัวราวเก้าพันล้านล้านปีแล้ว!
นี่ไม่ใช่ตัวตนที่สรรพสิ่งฟ้าบุพกาลจะสามารถต่อกรได้อีกต่อไป
หานฮวงเริ่มหยิบยืมพลังปฐมยุคไปใช้แล้ว แม้หานเจวี๋ยจะไม่ได้ขัดขวางแต่สุดท้ายหานฮวงก็ยังไม่ใช่ผู้สร้างมรรคา ต่อให้มีพลังปฐมยุคก็ยากเทียบกับตัวตนที่มีค่าตัวระดับเก้าพันล้านล้านปีได้
‘เหล่าผู้สร้างมรรคายังไม่ลงมืออีกหรือ’
หานเจวี๋ยรู้สึกแปลกใจ ผู้สร้างมรรคาเหล่านี้ช่างมีความอดทนโดยแท้
โลกมหามรรคอวิชชาอยู่ใกล้ก้นบึ้งฟ้าบุพกาลที่สุด เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลก็ไม่มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน บางทีเขาอาจจะหวังให้ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลช่วยให้โลกมหามรรคของเขาได้แยกตัวเป็นเอกเทศอีกครั้งกระมัง
หานเจวี๋ยลังเลอยู่บ้างว่าจะลงมือดีหรือไม่
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกหานฮวงคงต้านไม่ไหว ในสนามรบนอกจากบุตรชายของเขาก็ยังมีเหล่าศิษย์อยู่อีกไม่น้อยเลย
หรือจะใช้วิชาอัญเชิญเทพเรียกทุกคนกลับมาดี
หานเจวี๋ยไม่อยากเผยตัวออกไปส่งเดช
ในเวลานี้เอง
คลื่นวนสีดำหลุมหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา ทำให้เขานิ่งงันไป
….
ณ ก้นบึ้งฟ้าบุพกาล ซากปรักหักพังเกลื่อนกลาด ทับสุมกันสูงเป็นภูเขา
เมื่อทศพิธที่ในอดีตเคยรุ่งโรจน์สดใส บัดนี้กลับราบเป็นหน้ากลอง ผู้ทรงพลังทั้งหลายกำลังรักษาอาการบาดเจ็บ สงครามดุเดือดที่อยู่ไกลออกไปยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จ้าวซวงเฉวียนและหานฮวงต่างร่วมมือกันต่อสู้กับยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล
จ้าวเซวียนหยวนมองคลื่นวนสีดำที่อยู่เบื้องหน้า เฝ้ารออย่างเคร่งเครียด
เต้าจื้อจุน เจียงอี้ หานทั่ว อี๋เทียน หานชิงเอ๋อร์ หานอวิ๋นจิ่น หานอวี้และเหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นก็ล้วนเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ
“ตอนนี้ได้แต่รอคอยให้อาจารย์ปรากฏตัวแล้ว มิเช่นนั้นพวกเราล้วนต้องรอรับความตาย”
เต้าจื้อจุนเอ่ยเสียงเครียด กลิ่นอายของเขาอ่อนแอลงเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาสำแดงอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคแล้วก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลอยู่ดี ทั้งยังพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วยิ่ง น่าอนาถนัก
เมื่อทอดสายตามองไปก็เห็นหานฮวงและจ้าวซวงเฉวียนที่โดนสังหารแล้วฟื้นคืนชีพซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลเลย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะต้องถูกยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลปลิดชีพเป็นแน่
ระยะเวลาที่พวกเขาถูกสังหารก็สั่นลงเรื่อยๆ พวกเขากำลังแข็งแกร่งขึ้น แต่ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลกลับแข็งแกร่งขึ้นอย่าต่อเนื่อง
“ท่านพ่อจะมาหรือไม่…ไม่เช่นนั้นพวกเราหนีกันดีหรือไม่”
หานชิงเอ๋อร์กลืนน้ำลายแล้วเอ่ยขึ้นมา
เจียงเจวี๋ยซื่อเอ่ยด้วยสีหน้าไม่น่ามอง “หนีหรือ หนีไปที่ใดเล่า หากว่าหนีไปเช่นนี้ พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในฟ้าบุพกาลก็จะกระจัดกระจายออกไป สิ่งที่รอคอยพวกเราอยู่ก็มีเพียงความตายเท่านั้น”
“กลับไปที่อาณาเขตเต๋าของท่านพ่อก็ได้นี่!”
“เช่นนั้นเหล่าสรรพสิ่งจะทำอย่างไรเล่า”
เจียงเจวี๋ยซื่อย้อนถาม “พวกเราล้วนเป็นสิบยอดฟ้า ถูกแต่งตั้งเป็นดวงจิตมหามรรค สรรพสิ่งไว้วางใจในตัวพวกเรา แต่เมื่อมหันตภัยเช่นนี้มาเยือนจะให้พวกเราทอดทิ้งสรรพสิ่งหรือ”
หานทั่ว อี๋เทียน เต้าจื้อจุนและพวกหานอวิ๋นจิ่นล้วนมีสีหน้าไม่น่ามองเช่นกัน หานชิงเอ๋อร์อยากเอาตัวรอดก็ยังพอทำได้ แต่พวกเขาล้วนมีภาระหน้าที่อยู่กับตัว หากว่าหนีไปเช่นนี้จริงๆ มรรคจิตต้องได้รับความเสียหายแน่
“กล่าวได้ดียิ่ง!”
เสียงหัวเราะเสียงหนึ่งแว่วเข้ามา ทุกคนหันไปมองด้วยความตกใจ เห็นเพียงว่ามีเงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากคลื่นวนสีดำ
เป็นหานเจวี๋ย
เขาเปิดใช้งานยอดสมบัติทั่วร่าง แสงเทพเจิดจ้าแยงตา ทำให้สรรพสิ่งมองไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่พอเห็นเขาปรากฏตัวขึ้นทุกคนล้วนรู้สึกปรีดาสุดขีด ความรู้สึกปลอดภัยเข้าโอบล้อมพวกเขาไว้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
………………………………………………………………