บทที่ 1080 ตัวตนที่ต้านทานอริยะสวรรค์ได้
สิงหงเสวียนโบกแขนเสื้อสำแดงเวท จอแสงฉากหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกคน เริ่มฉายฉากความฝันของนาง
ในความฝัน เด็กหนุ่มคนหนึ่งถือดาบตะลุยไปด้านหน้า เบื้องหน้าคือปีศาจขนาดมหึมาตนหนึ่ง กำลังเหยียบย่ำเมืองที่พังถล่มเต็มไปด้วยควันดินปืน ประชาชนนับไม่ถ้วนร้องโหยหวน เสียงคร่ำครวญดังก้องไปทั่วหล้า
เด็กหนุ่มชุดขาวยกมือชี้ออกไป สำแดงดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ ปราณกระบี่พุ่งออกไปจากปลายนิ้วรัศมีไกลนับหมื่นลี้ พุ่งทะลุศีรษะของปีศาจใหญ่มหึมาตนนั้น โลหิตสาดกระจายทั่วฟ้า
หานเจวี๋ยรู้สึกแปลกใจ
ต้องกล่าวเลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีลักษณะตามแบบของเขาจริงๆ
“น่าประหลาด ในมรรคาสวรรค์ก็หาได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นไม่”
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์นับนิ้วทำนาย ในปวงสวรรค์หมื่นโลกาไม่มีเหตุการณ์ที่สอดคล้องกับในความฝันเลย
ในมรรคาสวรรค์ก็มีสำนักหยกพิสุทธิ์อยู่มากมาย เป็นนามที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่เมื่อนำมาผนวกเข้ากับศึกนี้และเด็กหนุ่มคนนั้น ทว่าทำนายไม่พบเลย
เซียนซีเสวียนจ้องมองฉากความฝัน เอ่ยขึ้นว่า “อาจจะยังไม่เกิดขึ้นตอนนี้”
เหล่าสตรีรับชมต่อไป
ความฝันดำเนินไปเรื่อยๆ ผ่านกระบวนการสำคัญจากการต่อสู้หลายครั้ง เหตุการณ์ที่พบพานคล้ายคลึงกับการต่อสู้เหล่านั้นที่หานเจวี๋ยเคยประสบมา
รอจนฉากความฝันของสิงหงเสวียนสิ้นสุดลง ลี่เหยาเอ่ยขึ้นมา “หรือจะเป็นเชื้อสายรุ่นหลังคนหนึ่ง”
ชิงหลวนเอ๋อร์พยักหน้ารับ “น่าจะใช่ ในบรรดาเชื้อสายรุ่นหลังมีคนมากมายที่ศรัทธาชื่นชมในตัวท่านพี่”
นี่ก็เป็นข้อสันนิษฐานอย่างหนึ่ง
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ในอนาคตคงได้รู้เอง ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังทำนายไม่พบ ได้แต่ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้ว แต่สามารถทำให้เจ้าฝันถึงได้บางทีอาจจะเป็นทายาทในสายของฮวงเอ๋อร์”
สิงหงเสวียนตาเป็นประกายขึ้นมา “ฮวงเอ๋อร์แต่งภรรยามีครอบครัวเช่นนั้นหรือ”
หานฮวงใจแข็งดั่งศิลา ล่วงเลยมานานปานนี้ก็ยังไม่มีสตรีเลยสักนาง ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องตาสตรียิ่งนัก
แต่หานเจวี๋ยรู้ดี หานฮวงรู้สึกว่าตนมิใช่พวกเดียวกับเหล่าสรรพสิ่ง ดังนั้นถึงไม่แต่งงานมีครอบครัว
ก็เหมือนที่มนุษย์ยากจะแต่งกับไก่หรือสุนัขได้ แม้ว่าหลังผ่านการแปลงกายแล้วจะดูไม่ต่างกันมาก แต่ความทระนงในสายเลือดของหานฮวงไม่อนุญาตให้เขาทำเช่นนั้น
“ก็อาจจะเป็นไปได้ เรื่องบุพเพเช่นนี้ผู้ใดจะกำหนดได้เล่า”
หานเจวี๋ยยิ้มพลางลุกขึ้นมา จากนั้นก็ออกจากอารามเต๋าไป ปล่อยให้เหล่าสตรีหารือกันด้วยความสงสัยต่อไป
สตรีล้วนชอบซุบซิบนินทา พวกนางล้วนอยากรู้ว่าหานฮวงจะแต่งกับสตรีเช่นใด
อีกด้านหนึ่ง
วังจักรพรรดิมหาโชค ณ อาณาเขตพ้นนิวรณ์
ภายในตำหนักใหญ่มืดสลัว แถบพื้นที่ชายขอบมีเพลิงขาวโพลนลุกโชน บนนภาปรากฏเมฆอัสนี หานฮวงนั่งสมาธิอยู่ในสระลึกลับแห่งหนึ่ง ทวนศักดิ์สิทธิ์อนธการตั้งอยู่ด้านข้าง มีมังกรม่วงพัวพัน ได้รับการหล่อเลี้ยงจากน้ำในสระ
มีเสียงฝีเท้าสายหนึ่งแว่วเข้ามา มองเห็นหานหลิงในชุดกระโปรงยาวสีทองงามสง่าเดินเข้ามา บนศีรษะสวมมงกุฎหงส์ มีจี้หยกห้อยประดับอยู่ตรงหน้าผากส่องแสงเจิดจ้าออกมา บดบังรูปโฉมงามล้ำเลิศของนาง ชายกระโปรงยาวด้านหลังของนางมีเงาร่างสลัวของกองทหารจักรพรรดิแถวหนึ่งล่องลอยอยู่ ดูคล้ายองครักษ์ที่ตามติดเป็นเงาตามตัว
หานหลิงหยุดฝีเท้า ทอดมองหานฮวงพลางเอ่ยว่า “พี่รอง อย่าได้ยึดติดอีกเลย ตัวตนเหนือชั้นท่านนั้นยินยอมให้ท่านได้ทำความเข้าใจในพลังแห่งกฎเกณฑ์สูงสุดทั้งเจ็ดสายของพ้นนิวรณ์เชียวนะ”
หานฮวงเอ่ยโดยไม่ลืมตาขึ้น “ต้องขอบคุณความหวังดีของเขา แต่ข้าจะทำความเข้าใจพลังวิเศษของตนก่อน ในการต่อสู้ครั้งก่อนทำให้ข้าตระหนักรู้ได้ไม่น้อยเลย มิได้ยึดติดสิ่งใด น้องสี่ เจ้าวางใจเถอะ”
หานหลิงถอนหายใจเบาๆ “ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลตนนั้นแข็งแกร่งจริงๆ ต่อให้มีตัวข้าสิบคนให้การสนับสนุนท่านก็ไม่มีทางสู้เขาได้ จุดสำคัญอยู่ที่ความต่างชั้นของระดับตบะ”
“แต่ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลตนนั้นเพิ่งถือกำเนิดขึ้นนานเพียงใดกัน
“ความเป็นมาของตัวตนนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิด แม้แต่ท่านพ่อก็ทำได้เพียงขับไล่เขาออกไป
“ไม่ว่าเขาจะมีความเป็นมาอย่างไร แต่สุดท้ายก็แข็งแกร่งกว่าเรา นี่คือความจริง พวกเราจะต้องเพียรพยายามเพื่อเหนือกว่าเขาให้ได้!”
หานฮวงเอ่ยอย่างหนักแน่น หานหลิงฟังแล้วได้แต่ทอดถอนใจอีกครั้ง
ภายในตำหนักใหญ่เงียบสงัด มีเพียงเสียงน้ำในสระไหลก้องอยู่เบาๆ
หานหลิงหันหลังเดินออกไป เอ่ยทิ้งท้ายไว้ว่า “พี่รอง จุดที่ท่านควรให้ความสนใจก็คืออนธการมิใช่เรื่องอื่น หากท่านยึดติดอยู่กับพลังของคนอื่นเช่นนี้จะหลงลืมสิ่งสำคัญอันเป็นพื้นฐานที่สุดไป พยายามทุ่มเทกำลังเพื่อพัฒนาตัวเองสำคัญกว่าการทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อให้เอาชนะคนอื่นได้”
หานฮวงลืมตาขึ้น มองแผ่นหลังของนางพลางขมวดคิ้ว
เขาไม่ได้โต้แย้ง แต่เก็บมาใคร่ครวญตริตรอง
….
ฟ้าบุพกาล ณ สำนักเลิศนพวิถี
จ้าวซวงเฉวียน ดวงจิตนพชาติและอวี้ยวนต่างนั่งสมาธิอยู่ที่นี่
อวี้ยวนมองเห็นว่าสีหน้าของจ้าวซวงเฉวียนไม่น่ามอง จึงเอ่ยถาม “เจ้าวิถี ท่านอยากกล่าวอันใดหรือไม่”
จ้าวซวงเฉวียนเหลือบมองเขาเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยไปว่า “สำนักเลิศนพวิถีจำเป็นต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ ด้วยระดับในปัจจุบันนี้ยังห่างไกลไม่เพียงพอ”
จ้าวซวงเฉวียนที่ความทรงจำของเจ้าอัษฎาฟ้าบุพกาลฟื้นตื่นขึ้นมาแล้วทราบถึงฐานะที่แท้จริงของอวี้ยวน นั่นคือผู้สืบทอดเจตจำนงแห่งเจ้าเอกทัศฟ้าบุพกาล ไม่ช้าก็เร็วจะถูกเจ้าเอกทัศฟ้าบุพกาลเข้ายึดครองร่าง แต่จำเป็นต้องปิดบังความจริงข้อนี้ไว้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงทุ่มกำลังสนับสนุนอุ้มชูอวี้ยวน ทำให้อวี้ยวนได้รับการปฏิบัติด้วยในแบบที่ห่างไกลจากตอนอยู่ในวังจักรพรรดิมหาโชค
“สำนักเลิศนพวิถีขาดแคลนผู้ทรงพลังชั้นแนวหน้ามากที่สุด ข้ากลับนึกถึงตัวตนหนึ่งขึ้นมาก็คือผู้นำดวงจิตมหามรรครุ่นก่อน เขามีนามว่าบรรพชนเทพปฐมกาล ครอบครองพลังที่ไม่ด้อยไปกว่ายอดมารร้ายฟ้าบุพกาลตนนั้นเลย” ดวงจิตนพชาติเอ่ยด้วยรอยยิ้มผ่อนคลายสบายๆ
จ้าวซวงเฉวียนเลิกคิ้วเอ่ยถาม “เขาอยู่ที่ใด”
“เขาถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่ง เหลืออยู่เพียงเจตจำนงเสี้ยวหนึ่ง ล่องลอยอยู่ในดินแดนเวิ้งว้าง ข้าจะหาวิธีคืนชีพให้เขา เขาเคยเป็นมือขวาของข้ามาก่อน เชื่อฟังคำสั่งข้า”
“โอ้ แต่ก่อนเจ้าร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“แค่กๆ ดีร้ายอย่างไรข้าก็เคยเป็นถึงผู้ปกครองฟ้าบุพกาล”
“แล้วเหตุใดถึงตกอยู่ในสภาพนี้ได้”
จ้าวซวงเฉวียนและอวี้ยวนต่างมองดวงจิตนพชาติด้วยความฉงน
ดวงจิตนพชาติกระอักกระอ่วน ไม่ได้ให้คำตอบ
จ้าวซวงเฉวียนหรี่ตาเอ่ยถามออกไป “เพราะผู้ใด”
ดวงจิตนพชาติตอบว่า “อริยะสวรรค์…แต่เรื่องนี้เป็นอดีตไปแล้ว ตอนนั้นนับว่าข้าประมาทเอง”
จ้าวซวงเฉวียนไม่ได้ถามต่ออีก หลังจากได้เห็นเหตุการณ์ตอนที่อริยะสวรรค์เกรียงไกรสยบยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล เขาก็ทราบแล้วว่าความพ่ายแพ้ของดวงจิตนพชาติก็ไม่นับว่าอยุติธรรมจนเกินไป
อวี้ยวนไม่ได้สอดปากเอ่ย ไม่ทราบเช่นกันว่าในใจคิดเรื่องใดอยู่
“คนเดียวยังไม่พอ สิ่งที่ข้าต้องการคือพลังที่เพียงพอจะต้านทานอริยะสวรรค์ได้ ตัวตนระดับเดียวกับบรรพชนเทพปฐมกาลผู้นี้ มีมากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น รอจนมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาเยือน ผู้ใดจะรับประกันได้ว่าอริยะสวรรค์จะไม่เข้ามาร่วมวงด้วย”
จ้าวซวงเฉวียนเอ่ยเสียงขรึม เขาเคยชินกับการเตรียมพร้อมในสถานการณ์เลวร้ายที่สุด
ดวงจิตนพชาติแสดงสีหน้าขื่นขม
ไอ้เด็กเหลือขอ คิดว่าตัวตนเช่นเดียวกับบรรพชนเทพปฐมกาลมีมากมายนักหรือ
หากมิใช่เพราะการปรากฏตัวของอริยะสวรรค์เกรียงไกร บรรพชนเทพปฐมกาลก็นับเป็นตัวตนไร้พ่ายในฟ้าบุพกาลเช่นกัน
ดวงจิตนพชาติทอดถอนใจอยู่ภายใน
สรุปแล้วอริยะสวรรค์เกรียงไกรมีความเป็นมาอย่างไรกัน ผงาดขึ้นมารวดเร็วเหลือเกิน ความเร็วในการก้าวหน้าของคนผู้นี้ทำให้เขาไม่อาจทำความเข้าใจได้เลย
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเล่า แม้แต่บรรพชนเทพปฐมกาลก็ยังถูกเขาสาปแช่งจนตายได้มิใช่หรือ” อวี้ยวนถาม
ดวงจิตนพชาติกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง เอ่ยว่า “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการลึกลับเพียงใดกันเล่า แม้แต่อริยะสวรรค์เกรียงไกรก็ยังถูกเขาสาปแช่ง เจ้าคิดว่าจะสยบเขาได้อย่างนั้นหรือ”
อวี้ยวนกล่าวว่า “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่กล้าเผยตัว คาดว่าคงมีห่วงพะวงอยู่ หากพวกเราร่วมมือกับเขาได้บางทีเขาอาจจะมีความมั่นใจมากขึ้น”
“พูดน่ะง่ายแต่จะชักจูงมาเข้าพวกอย่างไรเล่า”
“สำนักเลิศนพวิถีสามารถประกาศถึงความเลื่อมใสในตัวเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้ รอคอยให้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นฝ่ายติดต่อมาหาพวกเราเอง ถือโอกาสชักจูงสาวกของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมาเข้าร่วมด้วย ส่วนเรื่องผลกระทบเชิงลบที่จะตามมา ทางเราสามารถปั้นเสริมเติมแต่งตำนานของเขาได้ ชื่นชมความดีของเขา เพราะในยุคสมัยนี้ผู้ที่ชิงชังในตัวเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอย่างแท้จริงก็เหลืออยู่ไม่มากแล้ว”
วาจาของอวี้ยวนทำให้ดวงตาของจ้าวซวงเฉวียนเปล่งประกายขึ้นมา
………………………………………………………………