ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 1081 กระแสแห่งเจ้าแดนต้องห้าม

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1081 กระแสแห่งเจ้าแดนต้องห้าม

สายธารกาลเวลาไหลผ่านดั่งกระแสน้ำ ไหลไปไม่ย้อนหวนคืน

ไม่ทันรู้ตัวหานเจวี๋ยก็อายุสองร้อยสี่สิบล้านปีแล้ว ตบะของเขายังคงเพิ่มพูนขึ้นตลอด

ความรู้สึกเช่นนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ

หานเจวี๋ยเริ่มตรวจดูจดหมายก่อนตามความเคยชิน

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ] x72

[จ้าวซวงเฉวียนสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[เจ้านวฟ้าบุพกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านตัดแบ่งวิญญาณ พลังมรรคได้รับความเสียหาย]

[หานฮวงบุตรชายของท่านดูดซับกฎเกณฑ์สูงสูดแห่งพ้นนิวรณ์ ตบะเพิ่มมหาศาลฉับพลัน]

[จี้เซียนเสินศิษย์ของท่านพลัดเข้าสู่แม่น้ำกาลเวลา]

[มหาเทวาพ้นนิวรณ์สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากตัวตนเหนือชั้น]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านดูดซับปราณอนธการ วิญญาณเริ่มเปลี่ยนแปลง]

[เจียงเจวี๋ยซื่อศิษย์ของท่านตระหนักรู้ในมหาโชค ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลสหายของท่านเริ่มบุกเบิกมหาโชค ดวงชะตาเพิ่มพูน]

….

หลายปีมานี้ กลับไม่ได้โกลาหลวุ่นวายเท่าที่ผ่านมา

หลังจากเผชิญมหันตภัยยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล ฟ้าบุพกาลจึงเริ่มฟื้นฟูกำลังกลับมา ราวกับหานเจวี๋ยได้ย้อนกลับไปอยู่ในยุคที่มรรคาสวรรค์เริ่มต้นวงจรใหม่

หานเจวี๋ยตรวจดูจดหมายด้วยความอดทน

รอจนเขาอ่านจดหมายเสร็จก็ทอดสายตามองออกไปนอกอาณาเขตเต๋า

มีศิษย์บางส่วนที่ระงับจิตใจอันกระสับกระส่ายไว้ไม่อยู่จึงออกจากอาณาเขตเต๋าไปแล้ว ได้ฟังเทศนาธรรมจากหานเจวี๋ยสักครั้งก็นับว่ามาครานี้ไม่เสียเที่ยวแล้ว

เก้าเทวดาราและซั่นเอ้อร์กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ในอารามเต๋า ผลงานที่แสดงให้เห็นทำให้หานเจวี๋ยพอใจมาก

หานเจวี๋ยทอดสายตามองไปยังโลกปฐมยุค ถึงแม้สายลับจากโลกมหามรรคอื่นๆ จะแทรกซึมเข้าสู่โลกปฐมยุค แต่สถานการณ์ภายในยังคงมั่นคงตลอดมา เทพมารฟ้าบุพกาลสามพันตนใกล้จะกลายเป็นเทพมารปฐมยุคแล้ว แม้คุณสมบัติจะไม่เท่าเทพมารปฐมยุคตัวจริงอย่างหานเจวี๋ย แต่ก็เหนือกว่าเทพมารฟ้าบุพกาลแห่งฟ้าบุพกาลแน่นอน

ขณะนี้โลกปฐมยุคปลอดภัยไร้กังวล แม้ว่าเหล่าผู้สร้างมรรคาจะเล็งเห็นถึงกำลังของโลกปฐมยุค แต่ตอนนี้โลกปฐมยุคยังคงห่างชั้นไม่อาจเทียบกับฟ้าบุพกาลได้ อีกทั้งโลกปฐมยุคก็กำลังเข้าใกล้ฟ้าบุพกาลเช่นกัน

ขอเพียงโลกมหามรรคทั้งสองโลกเข้าชนกัน สถานการณ์ของโลกปฐมยุคก็จะจบลงเช่นเดียวกับอวิชชา พ้นนิวรณ์และผลาญนภา

หานเจวี๋ยหันเหสายตามายังฟ้าบุพกาล

เขาพลันเลิกคิ้วขึ้นมา

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ…

ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเจ้าแดนต้องห้ามอันธการนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในฟ้าบุพกาล อีกทั้งมีกลุ่มอิทธิพลเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมากมาย ลัทธิอันธการแห่งมรรคาสวรรค์ที่หายสาบสูญไปนานก็ผงาดขึ้นมาอีกครั้ง

เกิดอะไรขึ้น

หานเจวี๋ยเริ่มทำนายดู สีหน้าแปลกพิกลขึ้นมา

ที่แท้เป็นสำนักเลิศนพวิถี…

จ้าวซวงเฉวียนเจ้าอัษฎาฟ้าบุพกาลกลับชาติมาเกิดและอวี้ยวนผู้สืบทอดเจตจำนงเจ้าเอกทัศฟ้าบุพกาลรวมถึงดวงจิตนพชาติประกาศตัวว่าศรัทธาในเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ซ้ำยังปั้นเรื่องยกยอเจ้าแดนต้องห้ามอันธการราวกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคือผู้กอบกู้โลก

หานเจวี๋ยมองด้วยความตะลึง

นี่มันกลยุทธ์ใดกัน คิดอะไรกันอยู่

เขาทำนายดูอย่างจริงจัง ยิ่งทำนายก็ยิ่งแปลกใจ

คิดจะใช้ประโยชน์จากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมาจัดการข้าเช่นนั้นหรือ

ช่างเพ้อฝันนัก

จ้าวซวงเฉวียนคนนี้ยังรักษาระดับความประทับใจที่มีต่อเขาไว้ ทว่าเริ่มเตรียมการป้องกันเขาแล้ว

หรือเขาคิดว่าหากตัวเขาสู้กับหานฮวงขึ้นมาข้าจะลงมือ

หานเจวี๋ยลองมองในมุมของจ้าวซวงเฉวียนดู ต้องป้องเช่นนี้ไว้จริงๆ หากเปลี่ยนเป็นเขาก็ไม่มีทางวางใจว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้ามายุ่งกับการต่อสู้ของรุ่นเยาว์

แต่เจ้านวฟ้าบุพกาลไม่ได้บอกจ้าวซวงเฉวียนหรือว่าตอนนี้ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการที่สุดก็คือเขา

หานเจวี๋ยไม่ได้คิดจะแทรกแซง มีคนยกยอปอปั้นเขาทั้งที เขาย่อมไม่ขัดขวาง

ขอเพียงเขาไม่ให้ความสนใจ จ้าวซวงเฉวียนย่อมเสียเวลาเปล่า

หานเจวี๋ยสอดส่องวังจักรพรรดิมหาโชคในอาณาเขตพ้นนิวรณ์ ช่วงนี้หานฮวงและหานหลิงก็สงบมากเช่นกัน โดยเฉพาะหานฮวง คาดว่าคงได้รับผลกระทบจากยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลมากเหลือเกิน

อีกอย่างมหาเทวาพ้นนิวรณ์ก็เริ่มทำงานเพื่อหานเจวี๋ยแล้ว มอบกฎเกณฑ์สูงสุดของตนให้หานฮวงทำความเข้าใจ

เกื้อกูลต่อหานฮวงก็คือการแสดงความเป็นมิตรต่อหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเฝ้ามองหานฮวง

ในระดับต่ำกว่าผู้สร้างมรรคาลงไปเด็กคนนี้นับว่าเป็นตัวตนเลิศล้ำเพียงหนึ่งเดียวแล้ว แต่หากคิดจะพิสูจน์ผู้สร้างมรรคาก็ยังห่างไกลอีกมาก

การบุกเบิกโลกมหามรรคจำเป็นต้องใช้เวลา ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจึงมีผู้สร้างมรรคาเพียงห้าราย ส่วนหานเจวี๋ยแตกต่างออกไป ระบบคือมหาโชคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา โลกมหามรรคของเขาเริ่มก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่อดีตเมื่อนานมาแล้ว อีกทั้งคุณสมบัติร่างกายของเขาก็เหนือล้ำกว่าเทพมารอนธการ

‘ไม่ทราบเช่นกันว่าผู้สร้างมรรคาคนต่อไปจะปรากฏตัวขึ้นตอนไหน แล้วจะเป็นผู้ใด’

หานเจวี๋ยคิดด้วยความสงสัยอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่ได้ใช้ความสามารถวิวัฒนาการทำนายดู

ต้องเหลือเรื่องที่ไม่รู้เอาไว้บ้างถึงจะน่าสนใจ

ผู้สร้างมรรคารายใหม่ก็คุกคามเขาไม่ได้อยู่ดี

หลังจากนั้นหานเจวี๋ยหลับตาลงปิดด่านต่อไป

ต้องลองดูว่าจะสามารถบรรลุถึงระดับผู้สร้างมรรคาระยะสมบูรณ์ได้ก่อนอายุครบสามร้อยล้านปีหรือไม่

….

ฟ้าดินกว้างไพศาล นภาเขียวครามดังหยก ขุนเขาทอดตัวเป็นระลอกลุ่มดอนกลายเป็นคันกั้นขอบฟ้า บนยอดเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่ง อารามเต๋าหลังหนึ่งตั้งอยู่ เหนือประตูใหญ่แขวนป้ายเอาไว้สลักอักษรไว้สามคำ

วังเมฆาม่วง!

ภายในวังมีผู้บำเพ็ญในชุดนักพรตเต๋าหลายพันคนนั่งสมาธิอยู่ หันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน

หงจวินนั่งสมาธิอยู่ในตำแหน่งหน้าวัง เรือนผมขาวโพลนสีหน้าเรียบเฉย ทั่วร่างแผ่รัศมีสันโดษหลุดพ้น

นักพรตเต๋านายหนึ่งเอ่ยปากถาม “อาจารย์ ขณะนี้มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่กำลังจะมาเยือนแล้ว ก่อนหน้านี้มียอดมารร้ายฟ้าบุพกาลออกอาละวาดในฟ้าบุพกาล นับเป็นหายนะร้ายแรง แล้วมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่จะเป็นอย่างไรเล่าขอรับ”

พอวาจานี้เอ่ยออกไป ผู้แสวงมรรคทั้งหมดในวังเมฆาม่วงล้วนมองไปที่หงจวิน

หงจวินคือบรรพชนเต๋ากลับชาติมาเกิด เผยแพร่มรรคามานับร้อยล้านปีสร้างชื่อเสียงเลื่องลือ ในสายตาของผู้แสวงมรรคกลุ่มนี้ หงจวินคือยอดคนผู้บรรลุมรรคแห่งฟ้าบุพกาลแล้ว เป็นตัวตนที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุด

หงจวินตอบว่า “มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ไม่อาจคาดการณ์ได้ แต่จะต้องลำบากยากแค้นยิ่งกว่าเดิมแน่นอน พวกเจ้าสมควรคิดได้แล้วว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนอย่างไร มิใช่มัวกังวลว่ามหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่จะมาเยือนตอนไหน เช่นนั้นรังแต่จะเพิ่มปัญหาร้อนใจ”

วาจาของเขาทำให้เหล่าผู้แสวงมรรคแตกตื่นขึ้นมา

“ด้วยคุณสมบัติของพวกเรา ต้องฝึกบำเพ็ญอีกนานเพียงใดเล่าถึงจะตามยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลทัน”

“แม้แต่ทั่วฟ้าบุพกาลก็แทบจะย่อยยับ แล้วพวกเราจะมีประโยชน์อันใดเล่า”

“ทอดสายตามองไปทั่วฟ้าบุพกาล มีเพียงสำนักเลิศนพวิถี วังจักรพรรดิมหาโชค ฟ้าบุพกาลเขตเหนือและสำนักเสพมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุด แต่หากพวกเราอยากเข้าร่วมก็ยากเย็นนัก”

“เฮ้อ ได้ยินทุกท่านเอ่ยมาเช่นนี้แล้ว จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าการบำเพ็ญไม่มีความหมายเลย พวกเราไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้”

“หาใช่ไม่ สหายเต๋าทุกท่านต้องมีใจมั่นศรัทธาต่อไป เจ้าคนเดียวอาจทำไม่ได้ แต่หากว่าหมื่นคน แสนคนจนถึงหลายร้อยล้านคนรวมกันเล่า”

….

หงจวินไม่ได้เอ่ยขัดเสียงวิจารณ์ของเหล่าศิษย์ในห้องโถง

ผ่านไปนานพักใหญ่ รอจนผู้แสวงมรรคทั้งหมดสิ้นความสนใจแล้ว วังเมฆาม่วงก็เงียบลงอีกครั้ง สายตาของพวกเขาทอดมองไปยังร่างของหงจวินต่อ

คนที่พวกเขาจะสามารถพึ่งพิงได้ก็มีเพียงคนที่อยู่เบื้องหน้านี้ ผู้ทรงพลังที่มีชื่อเสียงก้องฟ้าบุพกาลเหล่านั้นอยู่ห่างไกลจากพวกเขาเกินไป

หงจวินเอ่ยเนิบๆ ว่า “ข้าเคยเผชิญมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาหลายครั้ง ถึงแม้มหาเคราะห์ครานี้จะเหนือกว่าที่ผ่านมา แต่ข้าจะออกโรงแน่นอน พวกเจ้าฝึกบำเพ็ญอยู่ในวังเมฆาม่วงให้ดีก็พอ อาจจะมีโอกาสพลิกผันได้”

ผู้แสวงมรรคมองหน้ากันไปมา มีหลายคนที่เผยรอยยิ้มออกมา เช่นนี้นับว่าได้รับการปกป้องจากหงจวินแล้ว

ในเวลานี้เอง มีเสียงปรบมือแว่วเข้ามาพักหนึ่ง ผู้แสวงมรรคทั้งหมดหันมองไปตามเสียง มองเห็นเพียงว่ามีเงาร่างสายหนึ่งเดินผ่านประตูวังเมฆาม่วงเข้ามา ร่างนี้ใหญ่กำยำอย่างยิ่ง ปล่อยผมยาวสยาย ทุกย่างก้าวแฝงพลังยิ่งใหญ่

หงจวินหรี่ตาถาม “มาด้วยเหตุใด”

ผู้มาหัวเราะเสียงดังก่อนเอ่ยไปว่า “ข้ามาเอาของของข้าคืน!”

เขาคือผานกู่!

หงจวินหรี่ตาแล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับสหายเก่าท่านนี้”

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท