บทที่ 1086 ระดับที่ไม่รู้จัก
‘ลูกหลานก็มีวาสนาของลูกหลานเอง ขึ้นอยู่กับพวกเขาแล้ว’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ เขาไม่ได้เข้าไปข้องแวะกับเรื่องของลูกหลานและเหล่าศิษย์มานานมากแล้ว
หลังอ่านจดหมายเสร็จ เขาทอดสายตาสอดส่องฟ้าบุพกาล
หลังจากยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลถูกสะกด ฟ้าบุพกาลก็กลับสู่ความสงบ ถึงแม้สิ่งมีชีวิตจะถูกเข่นฆ่าไปกว่าครึ่งก็ตาม แต่หานเจวี๋ยพบว่าดวงชะตาของฟ้าบุพกาลกลับเพิ่มขึ้นซ้ำยังเพิ่มขึ้นเร็วยิ่ง
ไม่เพียงเท่านี้ ฟ้าบุพกาลยังขยายใหญ่ขึ้นด้วย!
ว่ากันตามจริงแล้วก็ไม่ใช่ว่าขยายใหญ่ขึ้น แต่เหมือนถูกฉุดดึงให้ขยายออกมากกว่า ห้วงมิติของฟ้าบุพกาลพังถล่มไปชั้นแล้วชั้นเล่า พลังวิญญาณก็แบ่งแยกกระจัดกระจายเบาบางลง
มองจากสถานการณ์แล้ว เจ้านวฟ้าบุพกาลเตรียมจะฉีกแยกฟ้าบุพกาลออกแล้ว แต่ย่อมไม่ใช่การฉีกแยกธรรมดาแน่นอน เป็นการยกระดับการสรรค์สร้างอย่างหนึ่ง ทลายข้อผูกมัดที่ดินแดนเวิ้งว้างมีต่อโลกมหามรรค ทำให้โลกมหามรรคกระจายตัวไปทั่วทุกมุมของดินแดนเวิ้งว้าง หรือก็คือยุคสมัยไร้สิ้นสุดนั่นเอง
สำหรับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่ำกว่าระดับอริยะมหามรรคลงไป ฟ้าบุพกาลนับว่ากว้างไกลไร้ขอบเขตแล้ว แต่ดินแดนเวิ้งว้างกว้างใหญ่กว่ามาก แม้แต่ผู้สร้างมรรคาก็ไม่รู้ว่าใหญ่ขนาดไหนกันแน่
แต่มีเรื่องหนึ่งที่ยืนยันได้ ดินแดนเวิ้งว้างในปัจจุบันนี้มีฟ้าบุพกาลเป็นแกนนำ โลกมหามรรคอื่นนอกเหนือไปจากนี้ล้วนไม่นับว่าใหญ่นัก คุกคามฟ้าบุพกาลไม่ได้
ไม่ทราบเช่นกันว่าการนำพามาซึ่งยุคสมัยไร้สิ้นสุดยังจำเป็นต้องใช้พลังของหานฮวงอยู่หรือไม่
หานเจวี๋ยตั้งตารอยิ่งนักว่าผู้สร้างมรรคาคนที่เจ็ดจะเป็นใคร
เจ้านวฟ้าบุพกาล จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ มหาเทวาพ้นนิวรณ์และอริยะสวรรค์เกรียงไกร!
สำหรับความคาดหวังในส่วนนี้ หานเจวี๋ยตัดสินใจว่าจะรอดูต่อไปไม่ใช้การทำนาย
หานเจวี๋ยสอดส่องโลกปฐมยุคต่อ
โลกปฐมยุคยังคงพัฒนาไปอย่างมั่นคง ถึงขั้นที่มีเผ่ามนุษย์ปรากฏขึ้นแล้วด้วย
เจวี๋ยอี้บรรพบุรุษของเผ่ามนุษย์เป็นศิษย์สืบทอดของหานโยว เท่ากับสืบทอดมรรควิถีของหานเจวี๋ยด้วย หลังจากพิสูจน์มรรคก็ก่อตั้งเผ่ามนุษย์ขึ้น หลายล้านปีต่อมาก็พิสูจน์เสรีได้ คุณสมบัติระดับนี้ยอดเยี่ยมมากแล้ว หากอยู่ในฟ้าบุพกาลเกรงว่าคงสำเร็จเป็นอริยะมหามรรคไปแล้ว
สำหรับนามเจวี๋ยอี้นี้ หานเจวี๋ยไม่แยแสนัก เขามองความคิดของหานโยวออกว่าอยากจะเอาใจเขา
ตั้งนามนี้ให้ อาจจะหวังให้หานเจวี๋ยช่วยดูแลเจวี๋ยอี้ในภายภาคหน้า
แต่น่าเสียดาย ตอนนี้หานเจวี๋ยยังไม่มีความคิดนั้น
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อ
พริบตาเดียวก็ครบกำหนดปิดด่านไปสองรอบแล้ว
แปลว่าเวลาผ่านไปยี่สิบล้านปี
ยังคงสยบทาสจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ไม่สำเร็จ!
หานเจวี๋ยจำเป็นต้องรอต่อไป ผ่านมานานขนาดนี้ฟ้าบุพกาลฟื้นฟูกำลังกลับมาอีกครั้ง พอสิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้น สงครามก็เพิ่มมากขึ้นตาม มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นจากคำบอกเล่าของสรรพสิ่งอีกครั้ง
หลังจากสำนักเลิศนพวิถีประกาศตัวศรัทธาเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็ซื้อใจสาวกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้ไม่น้อยเลย แต่ก็มีปัญหายุ่งยากตามมามากมายเช่นกัน อย่างน้อยก็ตัดเส้นทางรวมฟ้าบุพกาลให้เป็นหนึ่งไปแล้ว ยังคงมีสรรพสิ่งที่ต่อต้านเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นอย่างมากอยู่ แค่ได้ยินชื่อเสียงและวีรกรรมของเขาก็รู้สึกว่าต้องมิใช่คนดีแน่นอน
ทว่าจ้าวซวงเฉวียนเริ่มออกโรงแล้ว ปฏิญาณว่าจะรวบรวมกำลังเพื่อต่อต้านพลังของอริยะสวรรค์เกรียงไกร ส่วนเรื่องรวมฟ้าบุพกาลให้เป็นหนึ่งไม่ได้สำคัญกับเขามากขนาดนั้นแล้ว
หานเจวี๋ยก็เริ่มเมินเฉยต่อฟ้าบุพกาลแล้ว ตอนนี้เขาคิดแต่จะทะลวงขั้นรวมถึงสยบทาสจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์เท่านั้น
การฝึกบำเพ็ญยี่สิบล้านปีทำให้หานเจวี๋ยเข้าใกล้การทะลวงขั้นขึ้นไปเรื่อยๆ
เขาก็อยากเห็นนักว่าเขาจะทะลวงขั้นสำเร็จก่อนหรือว่าจะสยบทาสผู้สร้างมรรคาสำเร็จก่อน
คิดแล้วหานเจวี๋ยก็หลับตาลง
อีกด้านหนึ่ง เก้าเทวดาราและซั่นเอ้อร์ต่างสร้างอารามเต๋าของตนขึ้นด้านข้างแล้ว ถึงอย่างไรก็ถูกไล่ออกมานานขนาดนี้ พวกเขาไม่มีทางอยู่อย่างไร้ที่พำนักไปได้ตลอด
การที่หานเจวี๋ยปิดด่านเช่นนี้ทำให้เหล่าศิษย์คาดเดาไปต่างๆ นานา แม้แต่เหล่าคู่บำเพ็ญก็คาดเดาอยู่เช่นกัน
ทุกครั้งเมื่อผ่านไประยะหนึ่งบรรดาสตรีของหานเจวี๋ยจะมารวมตัวกันที่อารามเต๋าของสิงหงเสวียน นอกจากสนทนาธรรมแล้วก็มีการคุยเล่นพูดถึงเรื่องราวบางส่วนในฟ้าบุพกาล
ชิงหลวนเอ๋อร์ถอนหายใจเอ่ยไปว่า “ท่านพี่ไม่ออกมานานมากแล้ว คงไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกระมัง”
ลี่เหยาเอ่ยว่า “น่าจะกำลังมุ่งฝ่าทะลวง”
อู้เต้าเจี้ยนหัวเราะฮี่ๆ “เมื่อก่อนเขามาหาพวกเราน้อยมาก เคยชินกันไปเสียแล้ว”
ก่อนที่อาณาเขตเต๋าจะเชื่อมต่อกัน นางและลี่เหยามักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าถูกหานเจวี๋ยลืมเลือนทอดทิ้ง
เซียนซีเสวียนเอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “หากเขาทะลวงระดับนี้ เช่นนั้นจะอยู่ระดับใดกันเล่า”
เหล่าสตรีเริ่มทอดถอนใจ
แต่ลี่เหยาที่มุ่งมั่นในการบำเพ็ญที่สุดกลับชื่นชมหลงใหลยิ่งกว่าเดิม
เวลานี้เอง มีเสียงหนึ่งแว่วมาจากนอกอารามเต๋า
“ท่านแม่ทุกท่าน ลูกมาขอเข้าพบมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือขอรับ”
เป็นหานอวิ๋นจิ่น บุตรชายของลี่เหยา
เหล่าสตรีต่างรักเอ็นดูหานอวิ๋นจิ่นกันยิ่งนัก ถึงขั้นที่เอ็นดูยิ่งกว่าบุตรแท้ๆ ของตนด้วยซ้ำ รวมถึงสิงหงเสวียนด้วย
ถึงแม้หานฮวงจะเลิศล้ำ แต่หานอวิ๋นจิ่นเป็นคนเดียวที่กลับมาเยี่ยมคารวะพวกนางอยู่เสมอ ไม่เหมือนบุตรธิดาคนอื่นๆ หลังจากออกไปแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย พบหน้าได้เพียงในงานชุมนุมฟ้าบุพกาล
“เข้ามาเถอะ”
สิงหงเสวียนเอ่ยขึ้นมา นางเป็นเจ้าของอารามเต๋า ย่อมต้องได้รับคำอนุญาตจากนางก่อน
หานอวิ๋นจิ่นเข้ามาในอาราม ทำความเคารพท่านแม่ทุกคนอย่างนอบน้อม มีมาดยิ่งนัก แม้แต่อู้เต้าเจี้ยนก็ยิ้มหน้าบานเช่นกัน
อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยยิ้มๆ ว่า ”เยวี่ยเอ๋อร์ไม่อยู่ มิเช่นนั้นต้องลากตัวเจ้าไปถามไถ่ไม่หยุดแน่
อาจจะเป็นเพราะนิสัยคล้ายกัน อู้เต้าเจี้ยนจึงสนิทสนมกับฉางเยวี่ยเอ๋อร์นัก
หานอวิ๋นจิ่นเอ่ยว่า “นางอยากรับทายาทหญิงตระกูลหานบางส่วนเป็นศิษย์ขอรับ ข้าเองก็คัดเลือกเด็กสาวที่ยอดเยี่ยมกลุ่มหนึ่งให้นางแล้ว”
ลี่เหยาเอ่ยถาม “พูดมาเถอะ มีเรื่องใดหรือ”
หานอวิ๋นจิ่นชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยว่า “ระยะนี้ข้าได้ยินว่ามีสตรีอยากแต่งให้กับพี่รอง บิดาของสตรีนางนี้คือผู้นำกลุ่มอิทธิพลระดับเจ้าผู้ปกครองในฟ้าบุพกาล เนื่องจากอยากดึงดูดความสนใจของพี่น้องจึงเตรียมจะเข้าโจมตีมรรคาสวรรค์ บีบให้พี่รองปรากฏตัว…”
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้เขารู้สึกพูดไม่ออกยิ่งนัก
ไม่คิดเลยว่ามรรคาสวรรค์จะต้องมาเผชิญเคราะห์จากเรื่องไร้สาระเช่นนี้
เขาได้รับคำไหว้วานจากเหล่าอริยะจึงต้องมาที่อาณาเขตเต๋า
สิงหงเสวียนขมวดคิ้ว “เป็นสตรีที่เผด็จการขนาดนี้เชียวหรือ”
กับเรื่องสะใภ้นางย่อมให้ความสนใจยิ่ง แต่เรื่องนี้ทำให้นางไม่ชอบใจนัก
ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น คนอื่นๆ ก็ไม่ชอบใจเช่นกัน
ชิงหลวนเอ๋อร์กล่าวว่า “บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ฮวงเอ๋อร์ไม่ชอบนาง”
เซวียนฉิงจวินเอ่ยว่า “สตรีเช่นนี้จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สมัยอดีตข้าเองก็มีท่าทีเช่นนี้กับท่านพ่อเจ้าเช่นกัน แต่ตอนนี้เป็นเพราะข้าชอบพอเขาอย่างแท้จริง”
สิงหงเสวียนเอ่ยว่า “พี่หญิงน้องหญิงทุกท่าน เช่นนั้นพวกเราออกโรงกันดีหรือไม่ ฝึกบำเพ็ญมานานขนาดนี้สมควรจะทดสอบฝีมือกันบ้าง”
เซวียนฉิงจวินตาลุกวาว ในอดีตนางเคยเป็นถึงจอมมารมาก่อน
ชิงหลวนเอ๋อร์ค่อนข้างประหม่า นางยังไม่เคยเผชิญการต่อสู้เลย
อู้เต้าเจี้ยนมองไปที่ลี่เหยา
ลี่เหยาสบกับสายตาคาดหวังของหานอวิ๋นจิ่นจึงค่อยๆ พยักหน้ารับ
ในหมู่สตรีผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือลี่เหยา ต้องให้นางออกโรงถึงจะได้เรื่อง
พอเห็นนางพยักหน้ารับ เหล่าสตรีล้วนมีความมั่นใจขึ้นมา ถึงอย่างไรก็เป็นการเผชิญหน้ากับผู้นำกลุ่มอิทธิพลระดับเจ้าผู้ปกครองแห่งฟ้าบุพกาล
ในด้านพลังของลี่เหยาพวกนางต่างยอมรับนับถือจากใจ ล้วนเคยประลองกันในแบบจำลองการทดสอบมาแล้ว
หานอวิ๋นจิ่นยิ้มออกมา เขาเลื่อมใสมารดาของตนที่สุด แม้จะเป็นสตรีแต่เจตจำนงกลับแน่วแน่ไม่ด้อยไปกว่าบิดาของเขาเลย
หลังจากพุดคุยกันอยู่สองสามประโยค หานอวิ๋นจิ่นก็ลาจากไป
เหล่าสตรีพูดคุยเรื่องสถานการณ์ของฟ้าบุพกาล พวกนางก็สนใจใคร่รู้ในมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มากเช่นกัน
สิงหงเสวียน เซวียนฉิงจวินและลี่เหยาเริ่มบุกเบิกโลกมหามรรคของตนแล้ว ดังนั้นพวกนางจึงตั้งตารอยุคสมัยไร้สิ้นสุดยิ่ง
….
หานเจวี๋ยจมจ่อมอยู่ในการฝึกบำเพ็ญ
ยังไม่ถึงช่วงสิ้นสุดการปิดด่าน จู่ๆ ก็มีคลื่นวนสีดำปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา
เขาลืมตาขึ้นมา สีหน้าแปลกใจ
………………………………………………………………