ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 1091 กฎเกณฑ์สูงสุดสายที่เก้า

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1091 กฎเกณฑ์สูงสุดสายที่เก้า

พอได้ฟังคำตอบจากบิดา หานฮวงสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง เขารับรู้ได้ถึงแรงกดดัน แต่ที่มีมากกว่าคือความตื่นเต้น

มาสังหารข้าสิ!

ข้าก็อยากเห็นนักว่าผู้ใดจะสังหารข้าได้!

หานฮวงมองบิดาของตนที่กำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ อยู่ แรงกดดันในใจพลันสลายไปในทันใด

ท่านพ่อยังไม่กังวลในตัวเขาเลย แล้วเขาจะกังวลไปไย

หากชักนำมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาได้ ได้ยิ้มรับยุคสมัยไร้สิ้นสุด เช่นนั้นก็นับว่าเขาเป็นผู้ไร้พ่ายแห่งฟ้าบุพกาลอย่างแท้จริง คู่ควรกับนามเทพมารอนธการแล้ว!

หานฮวงลุกขึ้นขอตัวลาไป

เฝ้ารอมาหลายล้านปีก็เพื่อไม่กี่ประโยคนี้

หานเจวี๋ยมองแผ่นหลังเขาที่เดินจากไป ถอนหายใจอยู่เงียบๆ

เจ้าตัวแสบ ไม่รู้จักถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเลย คุยกับพ่อเจ้าให้มากหน่อยไม่ได้หรือ

ถามดูสิว่าตอนนี้พ่อเจ้าแข็งแกร่งขนาดไหนแล้ว!

ไม่ให้โอกาสพ่อเจ้าได้วางท่าสักหน่อยเลยหรือ

เช่นนั้นหากถึงเวลาที่มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาเยือนเจ้าก็รับความลำบากไปมากหน่อยแล้วกัน!

หานเจวี๋ยคิดๆ ไปด้วยความฮึดฮัด หากถึงเวลาที่หานฮวงถูกข่ม เขาจะเข้าไปช่วยให้ช้าหน่อย

หลังจากหานฮวงจากไป ซั่นเอ้อร์อดถามไม่ได้ “ปฐมบรรพชน เมื่อใดจะถึงคราวที่ข้าได้ออกโรงหรือขอรับ”

บรรพชนหานฮวงกระตุ้นให้เกิดมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ จะต้องก่อความแค้นไว้นับไม่ถ้วนแน่นอน เขารู้สึกว่าตนน่าจะมีส่วนช่วยเสริมกำลังให้ได้

อยู่ข้างกายหานเจวี๋ยมานานถึงเพียงนี้ ได้ซึมซับรับอิทธิพลมา รูปแบบความคิดของซั่นเอ้อร์จึงถูกยกระดับให้สูงขึ้นไปด้วย ไม่ได้มองชีวิตในแง่มุมเดียว แต่มองในมุมของมวลสรรพสิ่งทั้งปวง

มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ดูเหมือนจะเป็นหายนะใหญ่หลวง สำหรับสรรพสิ่งในยุคนี้นับว่าภัยพิบัติทำลายล้าง แต่หากมองในแง่มุมอนาคต นี่คือมหาโชคอันยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน!

เมื่อยุคสมัยไร้สิ้นสุดมาถึง ความโกลาหลวุ่นวายนับไม่ถ้วนจะบังเกิดขึ้น จำนวนสรรพสิ่งจะเพิ่มขึ้นทบทวี เสียสละส่วนน้อยเพื่อเติมเต็มส่วนรวม มิใช่เรื่องพึงกระทำหรอกหรือ

ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตสามัญ ก็ต้องรู้จักเสียสละส่วนน้อยเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมเช่นกัน ทุกสิ่งล้วนต้องมุ่งเน้นไปที่ภาพรวม

หานเจวี๋ยหลับตาเอ่ยไปว่า “ ถึงเวลาแล้วค่อยว่ากันเถิด ใช่ว่าจะมิได้”

ซั่นเอ๋อร์พลันมีสีหน้าปรีดา

เขาเพียรฝึกฝนมาโดยตลอด แต่ไม่เคยได้ลงมือเลย น่าอึดอัดเกินไปแล้วจริงๆ

ภายในแบบจำลองการทดสอบไม่สามารถแอบสาปแช่งศัตรูอยู่ลับหลังได้ ศัตรูจะพุ่งเข้ามาโจมตีเสมอ มหามรรคคำสาปไม่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

หานเจวี๋ยเริ่มสอดส่องฟ้าบุพกาลและโลกปฐมยุค

….

ณ วังจักรพรรดิมหาโชค ภายในตำหนักเชื่อมนภา

หานฮวงบอกเล่าถึงความตั้งใจของตนต่อหานหลิง หานหลิงได้ฟังก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด

ผ่านไปนานพักใหญ่

หานหลิงถอนหายใจ “จำเป็นต้องทำเช่นนี้หรือ”

หานฮวงตอบยิ้มๆ “จำเป็น แทนที่จะปล่อยให้คนอื่นได้ประโยชน์ไป มิสู้มอบให้เจ้าดีกว่า ข้ามาบอกเจ้าไว้ล่วงหน้า เช่นนี้จะได้ลดภาระของเจ้าลง”

หานหลิงขมวดคิ้ว “หากข้าเลือกยืนฝั่งเดียวกับสรรพสิ่ง ท่านจะทำอย่างไร”

“ฮ่าๆๆ…”

หานฮวงหัวเราะดังลั่น เอ่ยไปว่า “น้องสี่ เจ้าคิดว่าข้าจะตายหรือ ไม่มีทาง”

พูดจบ หานฮวงก็หันหลังเดินออกไป

เขาหยุดเท้าเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “อย่าได้บอกเรื่องนี้กับหานเย่ ข้าต้องการให้เจ้าหนูคนนี้เผชิญหน้ากับข้าด้วยพลังทั้งหมด!”

หานหลิงมองแผ่นหลังของหานฮวงที่เดินจากไป แววตาวูบไหว

ภายในวันนั้น หานหลิงประกาศคำสั่งออกไปว่าหานฮวงทรยศต่อวังจักรพรรดิมหาโชค นับจากนี้จะถือว่าเขาเป็นศัตรู

เกิดเสียงฮือฮาไปทั่ววังจักรพรรดิมหาโชค แต่ก็ไม่ได้ตระหนกลนลาน ถึงอย่างไรจักรพรรดิก็เป็นผู้แข็งแกร่งไร้พ่ายทัดเทียมกับหานฮวง เคยปะทะกับสำนักเลิศนพวิถีด้วยตัวคนเดียวมาแล้ว ถึงแม้การจากไปของหานฮวงจะเป็นความสูญเสียใหญ่หลวง แต่ก็ไม่สั่นคลอนต่อรากฐานของวังจักรพรรดิมหาโชค

นอกจากจักรพรรดิแล้ว หานเย่ หานเหยาและหานป้าเสินก็ผงาดขึ้นมาเช่นกัน ทรงพลังพอๆ กับจักรพรรดิและหานฮวงในสมัยก่อน

ในสังกัดของสามคนนี้ก็มีบุตรแห่งสวรรค์ผู้แข็งแกร่งอยู่อีกนับไม่ถ้วนที่กำลังพุ่งผงาดขึ้นมา

ตอนนี้ถึงแม้วังจักรพรรดิมหาโชคจะไม่ได้ขยายอิทธิพลออกไป แต่กำลังพัฒนารากฐานกันอย่างบ้าคลั่ง กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ภายในอาณาเขตพ้นนิวรณ์ล้วนหวาดหวั่นนัก

กลุ่มอิทธิพลยักษ์ใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนกำลังจะผงาดขึ้นมา!

….

หลังจากออกจากวังจักรพรรดิมหาโชค หานฮวงก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

สิบล้านปีต่อมา หานฮวงแต่งกับเทพธิดาหมิงจี้ บิดาของเทพธิดาหมิงจี้ประกาศยกกลุ่มอำนาจของตนให้หานฮวงเป็นผู้นำ ชั่วขณะนั้นเกิดเสียงฮือฮาไปทั่วฟ้าบุพกาล หานฮวงที่เงียบหายไปนานจู่ๆ ก็เปลี่ยนสถานะไป กลายเป็นผู้นำกลุ่มอิทธิพลระดับเจ้าจักรวรรดิ

กลุ่มอิทธิพลนี้เปลี่ยนชื่อเป็นอนธการ อนธการปกครองอาณาเขตหลายสิบแห่งในฟ้าบุพกาล มียอดมหามรรคอยู่เกินห้าร้อยคน เหนือยอดมหามรรคอีกสิบคน ทอดสายตามองไปทั่วฟ้าบุพกาล กลุ่มอิทธิพลที่มีอำนาจทัดเทียมกันมีอยู่ไม่เกินห้านิ้วเลย

หลังจากหานฮวงก่อตั้งอนธการขึ้น รูปการณ์ของฟ้าบุพกาลก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป

เมื่ออนธการปรากฏ มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ก็อยู่ไม่ไกลแล้ว

ผู้ทรงพลังของกลุ่มต่างๆ ล้วนทราบดีว่าหานฮวงจะกระตุ้นให้เกิดมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าหานฮวงจะกระตุ้นขึ้นในยามใด อีกทั้งพวกเขาก็ไม่กล้าเป็นฝ่ายไปหาเรื่องหานฮวงก่อน

ระยะเวลาสิบล้านปีวนมาบรรจบครั้งแล้วครั้งเล่า

ชั่วพริบตาเดียวหานเจวี๋ยก็ปิดด่านมาห้าสิบล้านปีแล้ว มีอายุสามร้อยเจ็ดสิบล้านปี เขามุ่งหน้าสู่เทพผู้สร้าง

หลังจากบรรลุผู้สร้างมรรคาระยะสมบูรณ์ หานเจวี๋ยก็ยิ่งคาดหวังตั้งตากับระดับเทพผู้สร้าง

แต่ถึงแม้ตบะของเขาจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ทว่ายังคงมองไม่เห็นโอกาสจะได้ฝ่าทะลวง

เขารู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างขาดหายไป

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เริ่มใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง

ขาดอะไรไปกันแน่

เจ้านวฟ้าบุพกาลต้องการอาศัยยุคสมัยไร้สิ้นสุดเพื่อพิสูจน์เทพผู้สร้าง เงื่อนไขที่จำเป็นคือฟ้าบุพกาลต้องพังทลายลง ทะลวงสู่ดินแดนเวิ้งว้าง

หรือว่าเขาก็ต้องทำเช่นนี้ด้วย

หากว่าเป็นเช่นนี้ แปลว่าดินแดนเวิ้งว้างรองรับเทพผู้สร้างได้คนเดียวหรือ

ไม่ถูกสิ

ไม่จำเป็นว่าจะต้องบุกเบิกยุคสมัยไร้สิ้นสุดเสมอไป นั่นเป็นเพียงการคาดเดาของเจ้านวฟ้าบุพกาล

โลกปฐมยุคของหานเจวี๋ยยังไม่ถึงขีดจำกัด เห็นทีว่าจะต้องฝากความหวังในการฝ่าทะลวงไว้กับโลกปฐมยุคแล้ว

หานเจวี๋ยสร้างร่างแยกทิ้งไว้ร่างหนึ่ง ส่วนร่างจริงกระโจนเข้าสู่โลกปฐมยุค

ถึงแม้โลกปฐมยุคจะไม่มีอาณาเขตเต๋า แต่เขาไม่กลัวเรื่องถูกโจมตีแล้ว ตอนนี้ตัวตนที่คุกคามเขาได้มีเพียงเจ้านวฟ้าบุพกาล อีกทั้งเจ้านวฟ้าบุพกาลก็สังหารเขาไม่ได้

หานเจวี๋ยโผล่มาที่จุดสูงสุดเหนือโลกปฐมยุค ด้านบนของกฎเกณฑ์สูงสุดทั้งแปดสาย สร้างวังแห่งหนึ่งที่สรรพสิ่งมองไม่เห็นขึ้นมา ร่างจริงของเขานั่งอยู่ภายในวัง ก้มมองความวุ่นวายด้านล่าง

มีกฎเกณฑ์สูงสุดสายที่เก้าอยู่ระหว่างการฟูมฟัก พร้อมจะถือกำเนิดออกมาได้ทุกเมื่อ

หานเจวี๋ยคาดหวังตั้งตารอสิ่งนี้ กฎเกณฑ์สูงสุดสายที่แปดทำให้โลกปฐมยุคได้รับพลังในการกลืนกินโลกมหามรรคแห่งอื่น แล้วกฎเกณฑ์สูงสุดสายที่เก้าจะมีความสามารถใดกัน

หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญพลางเฝ้ารออย่างอดทน

หลายล้านปีผ่านไป กฎเกณฑ์สูงสุดสายที่เก้าปรากฏรอยแตกร้าวขึ้น

หานเจวี๋ยสังเกตดูอย่างละเอียด กฎเกณฑ์สายนี้ดูเหมือนจะขัดต่อกฎเกณฑ์

หรือว่าจะไม่สอดคล้องกับยุคสมัยไร้สิ้นสุด

โลกปฐมยุคทลายพื้นที่ในดินแดนเวิ้งว้างอย่างต่อเนื่อง ขยายขอบเขตของตนออกไปอย่างไม่มีสิ้นสุดก็คือยุคสมัยไร้สิ้นสุดมิใช่หรือ!

หานเจวี๋ยใจเต้นแรงขึ้นมา รีบกระตุ้นพลังของโลกปฐมยุคทันที

เป็นอย่างที่คิดจริงๆ พลังของโลกปฐมยุคทลายพื้นที่ดินแดนเวิ้งว้างได้ ขยับขยายห้วงมิติของตนออกไป

ห้วงมิติขยายใหญ่ขึ้นอย่างไร้ขอบเขตสิ้นสุดได้ แต่ฟ้าบุพกาลไม่อาจขยายตัวออกไปได้อีก เนื่องจากการควบคุมของดินแดนเวิ้งว้างส่งผลให้โลกมหามรรคไม่อาจขยายตัวได้

แต่หากว่าโลกปฐมยุคยังคงขยายตัวออกไปอย่างไร้ขอบเขตเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่แล้ว

‘โลกมหามรรคคือรากฐานในปัจจุบันนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องอื่นแล้ว ขอเพียงพัฒนาความแข็งแกร่งโลกปฐมยุคไปเรื่อยๆ ก็สามารถพิสูจน์เทพผู้สร้างได้ แต่หากอยากจะเหนือกว่าเทพผู้สร้างขึ้นไปอีกต้องทำอย่างไรต่อเล่า’

หานเจวี๋ยจมจ่อมอยู่ในภวังค์

คิดอยู่พักใหญ่ก็คิดไม่ออก เขาได้แต่ยอมแพ้ พิสูจน์เทพผู้สร้างให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด

เขารับรู้ได้ว่ากลิ่นอายของมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่กำลังมุ่งหน้าเข้าใกล้ฟ้าบุพกาล ที่แท้มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ก็มิใช่สิ่งที่นึกอยากกระตุ้นก็กระตุ้นได้ทันที ต้องมีเหตุผลเชื่อมโยงกันก่อนนั่นคือสรรพสิ่งต้องเข่นฆ่ากัน

ถึงแม้ในอดีตฟ้าบุพกาลจะเคยประสบมหาเคราะห์มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ล้วนปราศจากเหตุผลเชื่อมโยงไปสู่มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ ดังนั้นจึงไม่เคยนำพายุคสมัยไร้สิ้นสุดมาถึงได้เลย

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท