บทที่ 1094 ผู้สร้างมรรคาจากอนาคต
ในห้วงอวกาศมืดมิด โครงกระดูกและอุกกาบาตมากมายลอยล่องตัดสลับกันไปอยู่ภายในห้วงมิติที่ไร้ปราณชีวิตแห่งนี้ มีพระอาทิตย์ลอยอยู่สุดปลายห้วงอวกาศและเป็นต้นกำเนิดแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียว
ภายในตำหนักทรุดโทรมหลังหนึ่งที่ลอยอยู่อย่างสงบ รูปสลักหินหน้าประตูตำหนักที่แตกเสียหายไปมาก บ้างก็หัวขาดบ้างก็ไร้แขน ดูหม่นหมองอย่างน่าประหลาด
ซูฉีอยู่ภายในตำหนัก นั่งสมาธิอย่างสงบ ไอโชคร้ายพัวพันอยู่รอบตัว สีหน้าเขาเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ราวกับมีเงาหนอนสีดำไต่คลานอยู่บนในหน้า
ทันใดนั้นซูฉีคล้ายจะรับรู้อะไรได้ เขาลืมตาขึ้นมา ก่อนมองเห็นเงาร่างหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้า
เป็นหานฮวง
หานฮวงประสานหมัดคำนับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ซู ไม่ได้พบกันเสียนาน”
ซูฉีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้องฮวง เจ้ามาได้อย่างไร”
เขาโบกมือขวาคราหนึ่ง เบาะกลมอันหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้า หานฮวงนั่งลงไป
สองศิษย์พี่น้องเริ่มสนทนากัน ไม่มีความห่างเหินเลย ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยพบกันมาแล้วอีกอย่างก็เป็นศิษย์ร่วมสำนักกันด้วย
พูดคุยกันไปสักพักซูฉีก็เอ่ยถาม “ศิษย์น้องฮวงมาหาข้าด้วยธุระใดหรือ”
หานฮวงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ข้าเตรียมจะทำลายล้างฟ้าบุพกาลเพื่อบุกเบิกอนธการ หากทำสำเร็จจะไม่ถูกฟ้าบุพกาลควบคุมอีก ท่านก็สามารถบุกเบิกโลกมหามรรคของตนได้เช่นกัน ยินดีจะช่วยข้าหรือไม่”
เขาเปิดประเด็นขึ้นมา สายตามองไปที่ซูฉีอย่างแน่วแน่
ซูฉีเงียบไป
เรื่องนี้ใหญ่หลวงอย่างยิ่ง เขาย่อมต้องคิดให้ดี
หานฮวงก็ไม่รีบร้อน รอคอยด้วยความอดทน
จากนั้นซูฉีพลันยิ้มออกมา “ตกลง อันที่จริงข้าก็มีเจตนาเช่นนี้อยู่เช่นกัน”
รอยยิ้มของหานฮวงกว้างขึ้นกว่าเดิม ทั้งสองสบตากันไร้ซึ่งคำพูดใดๆ
ซูฉีกล่าวว่า “เจ้ากลับไปเตรียมตัวเถอะ ก่อนมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่จะมาเยือน ข้าจะไปหาศิษย์น้องคนอื่นๆ ด้วย หากมีเพียงพวกเรา คิดจะสั่นคลอนฟ้าบุพกาลคงทำอะไรไม่ได้มาก”
หานฮวงยักไหล่เล็กน้อย ลุกขึ้นแล้วกลายเป็นแสงรุ้งสายหนึ่งพุ่งจากไป
แววตาซูฉีลุ่มลึกขึ้นมา คิดอยู่ในใจ ‘อาจารย์ นี่คือภารกิจที่แท้จริงที่ท่านต้องการมอบหมายให้ศิษย์กระมัง
‘ช่วยเหลือเทพมารอนธการก็นับว่าน่าสนใจ ช่วยคนกันเองย่อมดีกว่าปล่อยให้คนอื่นได้ประโยชน์ไป’
….
ภายในห้วงมิติที่สว่างพร่างพราว แม่น้ำสายหนึ่งที่เต็มไปด้วยหมอกแสงหลากสีสันทอดไหลริน ที่นี่ไร้ทิศทางทั้งยังปราศจากสิ่งมีชีวิต มีเพียงสายน้ำที่ทอดตัวไหลรินไม่หยุดนิ่งสายนี้ ไม่ทราบว่าไหลมาจากที่ใดและจะไหลไปสู่ที่ใด
แม่น้ำดวงชะตา!
นี่คือแม่น้ำดวงชะตาสายหลักของฟ้าบุพกาล เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์แห่งห้วงมิติ กาลเวลาและเหตุแห่งกรรม นับเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำดวงชะตาที่ควบคุมหมื่นโลกาเอาไว้
ทันใดนั้นมีเงาร่างหนึ่งกระโดดออกมาจากส่วนลึกของแม่น้ำดวงชะตา เขาสวมชุดสีขาว วิหคยักษ์สีเงินตัวหนึ่งลอยอยู่ด้านหลังเขา ดูคล้ายกับหงส์เพลิง
คนผู้นี้ก็คือจี้เซียนเสิน
สีหน้าจี้เซียนเสินสุขุมเย็นชา รอจนเขากระโดดพ้นจากแม่น้ำดวงชะตาแล้วจู่ๆ ก็หยุดนิ่งแล้วหันกลับไปมองลึกลงไปในแม่น้ำดวงชะตาอันยิ่งใหญ่เป็นนิรันดร์
“ธุระของเจ้าข้าจะช่วยจัดการให้ แต่เรื่องของข้าเจ้าห้ามก้าวก่าย”
จี้เซียนเสินเอ่ยขึ้นมา สุ้มเสียงราบเรียบ
เสียงหัวเราะเย็นชาดังขึ้นมา “ตัวเจ้าในตอนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ เจ้าคิดจะทำอันใดเล่า”
จี้เซียนเสินเอ่ยว่า “ศิษย์น้องฮวงของข้าคือผู้ชักนำมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มา นี่คือตัวแปรสำคัญสำหรับฟ้าบุพกาล ข้าย่อมต้องให้ความช่วยเหลือเขา”
เสียงลึกลับฮึดฮัด “หาที่ตาย”
“หากข้าไม่เข้าร่วมเขาจะต้องตาย แต่ตอนนี้ต่างออกไปแล้ว”
“แล้วแต่เจ้าเถิด หากว่ากระตุ้นมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ขึ้นมาก็ช่วยธุระของข้าได้พอดี”
จี้เซียนเสินหันหลังเดินจากไป พริบตาเดียวก็เลือนหายไปจากเหนือแม่น้ำดวงชะตา
แม่น้ำดวงชะตากลับสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง
….
สิบล้านปีผ่านไป หานเจวี๋ยได้รับสวรรค์ประทานโชคอีกครั้ง
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วนิดๆ
เขาคิดว่าจะสามารถพิสูจน์เทพผู้สร้างได้ก่อนมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาเยือน แต่ยามนี้บ่วงกรรมแห่งมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่แรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่ามีคนกำลังปลุกปั่นกระตุ้นมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่อยู่
ผู้ที่ปลุกปั่นก็คือซูฉี
ซูฉีประหนึ่งบ้าคลั่งแล้ว ออกตระเวนไปทั่วอวกาศฟ้าบุพกาล โชคร้ายในตัวแผ่พุ่งถึงขีดสูงสุด แม้ว่าจะเป็นอริยะเบิกฟ้าหากเผชิญกับเขาเข้าก็จะประสบหายนะเช่นกัน มีเพียงอริยะมหามรรคขึ้นไปที่สามารถเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ได้
หานเจวี๋ยทำนายพบเรื่องที่หานฮวงและซูฉีไปเจอกัน
ตอนนี้ศิษย์ที่ช่วยเสริมกำลังให้หานฮวงไม่ได้มีแค่ซูฉีเท่านั้น ยังมีจี้เซียนเสิน เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวน เจียงอี้ หลงเฮ่า มู่หรงฉี่และฟางเหลียงด้วย!
อำนาจของอนธการแผ่ไพศาลนัก!
‘เจ้าเด็กแสบพวกนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ต้องช่วยเร่งปฏิกิริยาด้วยแล้ว’
หานเจวี๋ยบ่นในใจเขาเตรียมจะเร่งความเร็วในการขยายตัวของโลกปฐมยุคขึ้น ก่อนหน้านี้เพียงกลัวว่าจะก่อให้เกิดความสงสัยขึ้นมา แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว
นับตั้งแต่จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตปฐมยุค โลกมหามรรคพิสุทธิ์ก็ไม่ได้มุ่งหน้าเข้าหาฟ้าบุพกาลอีกต่อไป กลับลอยมุ่งเข้าหาโลกปฐมยุคแทน
เรื่องนี้กลับเป็นประโยชน์ต่อหานเจวี๋ย
โลกปฐมยุคก็หยุดนิ่งแล้วเช่นกัน ไม่ได้พุ่งเข้าหาฟ้าบุพกาลอีก ฟ้าบุพกาลไม่สามารถดูดดึงกลืนกินโลกปฐมยุคได้อีกต่อไป รอจนโลกปฐมยุคแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ฟ้าบุพกาลอาจจะเป็นฝ่ายลอยเข้ามาหาโลกปฐมยุคก็เป็นได้
หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นว่า “นับจากนี้ไป เจ้าจงลงแรงสาปแช่งให้เต็มที่ เป้าหมายในการสาปแช่งคือศัตรูของหานฮวง”
ซั่นเอ้อร์ลืมตาขึ้นมา สีหน้าตื่นเต้นดีใจ
ดาวกำเนิดคำสาปไม่เชื่อมโยงบ่วงกรรม ยามนี้ซั่นเอ้อร์บรรลุเป็นยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์แล้ว ต่อให้เป็นผู้สร้างมรรคาก็ไม่อาจทำนายถึงเขาได้ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีบ่วงกรรมที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดในฟ้าบุพกาล
เลี้ยงดูมานับร้อยล้านปี สมควรใช้งานได้แล้ว
“วางใจได้เลยขอรับ ข้าจะไม่ทำให้ท่านปฐมบรรพชนผิดหวังแน่นอน!” ซั่นเอ้อร์เอ่ยด้วยความตื่นเต้น
ความสามารถของเขามีเพียงหานเจวี๋ยที่ทราบ แม้แต่เก้าเทวดาราก็ไม่ทราบ
หานเจวี๋ยไม่สนใจซั่นเอ้อร์อีก
ขอเพียงผู้สร้างมรรคาไม่ลงมือก็จะไม่มีผู้ใดสามารถสังหารหานฮวงได้
ช่วงที่ผ่านมาหมื่นโลกาฉายชัดได้รับการยกระดับเรียบร้อยแล้ว มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายเพิ่มเข้ามา
เหล่าศิษย์สืบทอดสามารถเคลื่อนย้ายไปปรากฏข้างกายศิษย์คนอื่นผ่านหมื่นโลกาฉายชัดได้โดยมีเงื่อนไขคือต้องเข้าสู่หมื่นโลกาฉายชัดพร้อมกัน
หานเจวี๋ยสอดส่องฟ้าบุพกาล
จี้เซียนเสินและพวกเต้าจื้อจุนกำลังนำทัพทหารมารอนธการออกทำลายล้างโลกและอาณาเขตฟ้าบุพกาลทั่วสารทิศ พวกเขาไม่ได้ทรมานสิ่งมีชีวิตเลย แต่ผ่านไปที่ใดก็จะทำลายล้างให้วอดวายไปทันที
เกิดข่าวลืออย่างหนึ่งแพร่สะพัดไปทั่วฟ้าบุพกาล
กล่าวกันว่าผู้ที่ต้องการทำลายล้างฟ้าบุพกาลไม่ได้มีเพียงหานฮวงแต่รวมไปถึงสำนักซ่อนเร้นด้วย!
เจ้าสำนักซ่อนเร้นก็คืออริยะสวรรค์เกรียงไกร เรื่องนี้ยิ่งทำให้กลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่แต่ละแห่งไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม
จนใจที่การโจมตีของอนธการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฟ้าบุพกาลจำเป็นต้องตอบโต้กลับ รวมถึงสำนักเลิศนพวิถีด้วย
อวี้ยวนที่เติบใหญ่ผงาดขึ้นมาแล้วนำกองกำลังฟ้าบุพกาลเปิดศึกใหญ่ฉากแรกกับจี้เซียนเสิน เรื่องที่ทำให้หานเจวี๋ยขบขันคืออวี้ยวนสู้จี้เซียนเสินไม่ได้
ดูเหมือนเขาจะประเมินพลังเจ้าอัษฎาฟ้าบุพกาลไว้สูงเกินไป
แต่ก็ถูกแล้ว คนพวกนั้นก่อนตายก็แข็งแกร่งมากสุดเพียงระดับยอดมหามรรคเท่านั้น พลังในสมัยที่ยังรุ่งเรืองอยู่อาจจะไม่แข็งแกร่งเท่ายอดมหามรรคในปัจจุบันนี้ด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นคือจี้เซียนเสินเป็นยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์ ครอบครองพลังแห่งดวงชะตา
หานเจวี๋ยพบว่าในร่างจี้เซียนเสินมีบ่วงกรรมสายหนึ่งที่ถูกซ่อนเร้นปกปิดไว้ลึกยิ่ง ตามหลักแล้วร่างจริงมีตบะเพียงระดับยอดมหามรรคเท่านั้น แต่บ่วงกรรมนี้กลับมิได้มาจากปัจจุบันแต่มาจากอนาคต
ผู้สร้างมรรคาจากยุคอนาคต!
ยุคปัจจุบันนี้คนผู้นั้นเป็นยอดมหามรรค ส่วนอนาคตได้กลายเป็นผู้สร้างมรรคา
หานเจวี๋ยรู้สึกประหลาดใจยิ่ง บรรลุถึงระดับผู้สร้างมรรคาเช่นนั้นก็ข้ามผ่านอดีตและอนาคตได้แล้ว ต่อให้มียอดสมบัติอยู่แต่หากไปแตะต้องอดีตของผู้สร้างมรรคารายอื่นเข้าจะถูกผู้สร้างมรรคาจับได้แน่นอน ดังนั้นผู้สร้างมรรคาจึงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระแสกาลเวลา เพราะทำเช่นนั้นมีแต่จะล่วงเกินผู้สร้างมรรคารายอื่นเท่านั้น
หานเจวี๋ยไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถวิวัฒนาการสอดส่อง ผู้สร้างมรรคารายอื่นก็กลัวเขาจะจับได้อยู่ดี
เพียงแต่สถานะของผู้สร้างมรรคายุคอนาคตคนนี้ค่อนข้างพิเศษ คาดว่าผู้สร้างมรรคารายอื่นคงไม่กล้าแตะต้องเขาง่ายๆ
หานเจวี๋ยยิ้มอยู่ในใจ ‘ตบะอยู่ในระยะต้นก็กล้าสอดมือมายุ่งกับอดีตแล้ว เด็กน้อย เจ้าประเมินพลังของเหล่าผู้สร้างมรรคาในยุคนี้ต่ำไปเสียแล้ว เจ้าเทียบกับเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลไม่ได้ด้วยซ้ำ’
………………………………………………………………