ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 1099 ผู้สร้างมรรคาลงสนาม

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1099 ผู้สร้างมรรคาลงสนาม

ณ อาณาเขตลับ เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล มหาเทวาพ้นนิวรณ์และมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญต่างมารวมตัวกันที่นี่

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลกล่าวว่า “มองจากสถานการณ์ตอนนี้ จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์นับว่าสวามิภักดิ์ต่ออริยะสวรรค์แล้ว พวกเราควรจะเลือกทางไหนดี”

ถึงแม้ศึกระหว่างหานเจวี๋ยและเจ้านวฟ้าบุพกาลจะยังไม่เปิดฉากขึ้น แต่เห็นชัดได้ว่าเริ่มขึ้นแล้ว

หานฮวงบุตรชายของหานเจวี๋ยต้องการทำลายล้างฟ้าบุพกาล ซ้ำยังได้รับการเกื้อหนุนจากศิษย์ส่วนใหญ่ของเขาด้วย จุดนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังงัดข้อกับเจ้านวฟ้าบุพกาล

หานเจวี๋ยไม่ได้ขัดขวาง นั่นคือการประกาศจุดยืนว่าจะสู้

มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญถอนหายใจเอ่ยไปว่า “คาดว่าพวกเราก็จำเป็นต้องเลือกแล้ว ไม่อาจแยกตัวสันโดษได้”

มหาเทวาพ้นนิวรณ์ถอนหายใจตาม

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเอ่ยถาม “พวกเราจะร่วมแรงร่วมใจกันหรือว่าต่างคนต่างไป“

สองผู้สร้างมรรคาเงียบไป

ถึงแม้พวกเขาจะลอบวางแผนกันอย่างลับๆ แต่ก็คิดจะคล้อยตามสถานการณ์เช่นกัน ผู้สร้างมรรคาทั้งหมดรวมแล้วมีอยู่ไม่กี่คน หากจำนวนของทั้งสองฝ่ายไม่สมดุลกัน แพ้ชนะก็ตัดสินกันได้ง่ายดายยิ่ง

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลกล่าวว่า “อันที่จริงพวกเราก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน”

ใช่แล้ว

โลกมหามรรคของพวกเขาถูกผนวกรวมกับฟ้าบุพกาลแล้ว พวกเขาตกเป็นทาสของเจ้านวฟ้าบุพกาลแล้ว พวกเขาจะขัดขืนได้หรือ

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยว่า “นี่คือโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของพวกเรา หากไม่ดิ้นรนเกรงว่าภายหน้า…”

มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญถอนหายใจ “แม้แต่สุนัขรับใช้ผู้ภักดีอย่างจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์…”

ดวงตาทั้งแปดของเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลหรี่ลง ถามไปว่า “สนับสนุนอริยะสวรรค์อย่างนั้นหรือ หากว่าพ่ายแพ้ เขาเหนือกว่าผู้สร้างมรรคารายอื่นๆ เกรงว่าพวกเรา…”

“แต่หากว่ามีชัยเล่า”

คำถามของมหาเทวาพ้นนิวรณ์ทำให้เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลต้องใคร่ครวญดูอีกครั้ง

มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญไม่ส่งเสียงอีก กำลังชั่งผลดีผลเสียอยู่เช่นกัน

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลถาม “พ้นนิวรณ์ เจ้าคงเลือกแล้วกระมัง วังสวรรค์ก็คือจุดยืนของเจ้า”

วังสวรรค์เข้าร่วมสงครามแล้ว ฟ้าบุพกาลไม่คิดเลยว่าวังสวรรค์จะเกื้อหนุนอนธการ ทำให้ฟ้าบุพกาลตั้งรับไม่ทัน ถึงขั้นที่ขวัญกำลังใจสั่นคลอนด้วยซ้ำ

มีผู้แข็งแกร่งรายหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในวังสวรรค์ ขนานนามตนว่าเทพมารปฐมยุค แข็งแกร่งอย่างยิ่ง พลังรบแข็งแกร่งถึงขั้นที่ต่อกรกับยอดมหามรรคหลายคนได้โดยไม่พ่ายแพ้

แต่เทพมารปฐมยุคเพิ่งสร้างชื่อเสียงได้ไม่เท่าไรก็ถูกเก้าตัวตนลึกลับเข้าปิดล้อมรุมโจมตีอย่างน่าอนาถ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายพิโรธนัก จำเป็นต้องทุ่มกำลังของวังสวรรค์ไปออกค้นหาเทพมารปฐมยุคจึงถอนตัวจากสนามรบ

ถึงแม้วังสรรค์จะเข้าร่วมเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ในมุมมองของเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล นี่คือการประกาศจุดยืนของมหาเทวาพ้นนิวรณ์

ความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกับหานเจวี๋ยรวมถึงมหาเทวาพ้นนิวรณ์แนบแน่นเป็นที่สุด ถึงขั้นที่เรียกได้ว่ามีสายใยผูกพันระหว่างทั้งสองฝ่าย

มีจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายอยู่ ก็เป็นไปได้ที่ทั้งสองคนนี้จะจับกลุ่มเป็นพันธมิตรกัน

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยว่า “ข้าอยากจะเป็นผู้สร้างมรรคาอย่างแท้จริง”

“ผู้สร้างมรรคาอย่างแท้จริงหรือ…”

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลตะลึงไปกับวาจานี้

มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเอ่ยเสียงเรียบ “แต่เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าอริยะสวรรค์จะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริงได้”

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยว่า “นอกเหนือจากศัตรูแล้ว เขาปฏิบัติต่อลูกศิษย์และบุตรธิดาอย่างไร พวกเจ้าน่าจะรู้แจ้งดี”

หานเจวี๋ยแทบจะไม่มีเงื่อนไขผูกมัดใดๆ ต่อบุตรธิดาและลูกศิษย์เลย ตั้งใจฝึกบำเพ็ญเสมอมา อุปนิสัยเช่นนี้หาได้ยากนัก

พวกเขาก็เคยเฝ้าสังเกตการณ์โลกปฐมยุคเช่นกัน หานเจวี๋ยก็หล่อเลี้ยงโลกปฐมยุคอย่างปล่อยวางเช่นกัน

ยิ่งคิดเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลและมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญก็ยิ่งหวั่นไหวขึ้นเรื่อยๆ

พอลองคิดดูให้ดี พวกเขาไร้ความแค้นเคืองกับหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยเองก็ไม่เคยล่วงเกินพวกเขาเช่นกัน

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นพวกเขาที่เอาแต่ลองเชิงหานเจวี๋ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยขึ้นว่า “เรื่องในอดีตไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีก บนโลกนี้ไม่มีตัวตนที่เก่าแก่โบราณไปกว่าพวกเราแล้ว จะเลือกเช่นไรก็ตามแต่ใจตนเถิด อย่าได้เสียใจภายหลังก็พอ”

พอเอ่ยจบ มหาเทวาพ้นนิวรณ์ก็เลือนหายไป

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลมองไปที่มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ เอ่ยถามไป “เจ้าเล่า”

มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเอ่ยว่า “ถึงแม้ข้าจะมีความประทับใจในตัวอริยะสวรรค์ แต่ก็ยังเชื่อมั่นในตัวฟ้าบุพกาล นับแต่อดีตกาลมาเขาไหนเลยจะเคยพ่ายแพ้ อีกอย่างก็ยังมีตัวแปรอย่างเจ้าแดนต้องห้ามอันธการด้วย

“อวิชชา พวกเราอาจจะด้อยกว่าฟ้าบุพกาล แต่พวกเราทำผิดไปมากน้อยเพียงใด ฟ้าบุพกาลก็ยอมอภัยให้ เจ้าแน่ใจหรือว่าหลังจากอริยะสวรรค์ไร้พ่ายแล้วนิสัยใจคอจะไม่เปลี่ยนไป

“ยิ่งแบกรับแรงกดดันมากเพียงใด ข้าก็ยิ่งกังวลว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น”

วาจาของเขาทำให้เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลตกอยู่ในห้วงความคิด

….

เวลาเคลื่อนคล้อยไป ช่วงศึกสงครามของฟ้าบุพกาลผ่านไปไวยิ่ง ทั่วหัวระแหงปรากฏสงครามขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพลิงสงครามครอบคลุมไปทั่วอาณาเขตโลกมหามรรคแห่งต่างๆ กฎระเบียบพังทลาย หยินหยางขัดแย้ง

มหามรรคสามพันวิถีระส่ำระสาย ทำให้ห้วงกาลเวลาวุ่นวาย มีสิ่งมีชีวิตมากมายที่ข้ามอดีตหรืออนาคตหลุดเข้ามา ถึงแม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ แต่กลับทำให้สรรพสิ่งรู้สึกถึงความสิ้นหวัง

สถานการณ์วุ่นวายเช่นนี้จะสิ้นสุดลงยามใดกัน

แรงกรรมแห่งมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่แรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ ไอพยาบาทมากมายไร้สิ้นสุดล่องลอยเต็มห้วงอวกาศ มารร้ายมากมายก่อกำเนิดขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ไม่ว่าจะเป็นอริยะมหามรรคที่อยู่เบื้องบนหรือสรรพสิ่งสามัญเบื้องล่าง ล้วนได้กวาดม้วนเข้าสู่บ่วงกรรมมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ สังหารฆ่าฟันไม่จบสิ้น

สนามรบระหว่างอนธการและฟ้าบุพกาลมีแพ้ชนะแตกต่างกันไป อริยะและอริยะเสรีทยอยดับสูญไปอย่างต่อเนื่อง มีอริยะมหามรรคส่วนน้อยที่ดับสูญลง ส่วนยอดมหามรรคไม่ดับสูญไปเลยสักคน

ทว่านี่เป็นเรื่องที่สรรพสิ่งต่ำกว่าอริยะมหามรรคลงไปไม่รับรู้ พวกเขาเห็นเพียงว่ามีผู้ทรงพลังมากมายนำกำลังออกต่อสู้ออกรบอย่างห้าวหาญ ประกอบกับความแค้นที่ฝังลึกมานานย่อมถูกล้างสมองไป

เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นแทบจะเข้าร่วมมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่กันหมด รวมถึงทายาทตระกูลหานด้วย ตอนนี้ความแค้นระหว่างอนธการและฟ้าบุพกาลดำเนินไปถึงจุดที่ไม่อาจรอมชอมกันได้แล้ว

ส่วนหานเจวี๋ยก็ตั้งใจฝึกบำเพ็ญต่อไป

เขาเข้าใกล้การฝ่าทะลวงไปเรื่อยๆ แล้ว

ในวันนี้หานเจวี๋ยที่เพิ่งอายุครบสี่ร้อยห้าสิบล้านปีลืมตาขึ้นมา

เขาขมวดคิ้วในทันใด

“นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าเลือกอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็มีราคาที่ต้องจ่ายเหมือนกัน”

หานเจวี๋ยพึมพำกับตัวเอง แววตาเย็นชา

พลังแห่งผู้สร้างมรรคาที่แกร่งกล้าสองสายเข้าสู่ฟ้าบุพกาล ถึงแม้จะไม่ใช่พลังทั้งหมดแต่ก็เพียงพอจะเปลี่ยนรูปการณ์ของมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ได้ ทำให้หานฮวงต้องออกโรงเอง

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล!

มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ!

พวกเขาแบ่งพลังของตนให้แก่ลูกน้องในสังกัด เข้าโจมตีอนธการอย่างแข็งขัน บุกตะลุยมีชัยไร้พ่ายไปตลอดทางไม่อาจหยุดยั้งได้

หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงหามหาเทวาพ้นนิวรณ์และจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์

ฝั่งละสองคน ยุติธรรมดียิ่ง!

ผู้สร้างมรรคาทั้งสองดำเนินการทันที ไม่ถึงหนึ่งวันพวกเขาต่างสร้างตัวตนที่แข็งแกร่งเหนือกว่ายอดมหามรรคขึ้นมาหนึ่งตน มุ่งหน้าสู่สนามรบ

ผู้ทรงพลังที่เปี่ยมด้วยพลังของผู้สร้างมรรคาทั้งสี่ที่สามารถทำให้ฟ้าบุพกาลหม่นหมองสิ้นสีสันได้

ถึงแม้พวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็มิใช่ผู้สร้างมรรคาอย่างแท้จริง หานฮวงแข็งแกร่งกว่าพวกเขาเล็กน้อย หานเจวี๋ยไม่ต้องเป็นห่วงไปชั่วขณะ

“ลูกน้องของพวกเราล้วนลงมือแล้ว จากนี้ก็รอดูเถิดว่าผู้ใดจะฝ่าทะลวงได้ก่อน”

หานเจวี๋ยพึมพำกับตัวเอง เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา

ระดับแตกต่างการต่อสู้ก็ย่อมแตกต่างออกไป เบื้องหลังมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ ตัวตนที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดก็คือหานเจวี๋ยและเจ้านวฟ้าบุพกาล การต่อสู้ของพวกเขาจะทำให้ความหมายของมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่แปรเปลี่ยนไป

หานเจวี๋ยหลับตาลง ฝึกบำเพ็ญต่อไป

ในเวลานี้เอง แสงรุ้งสายหนึ่งพุ่งผ่านนภามุ่งสู่จักรวาลโลกดารา

เงาร่างหนึ่งยืนอยู่บนสายรุ้ง เป็นหงจวินที่เป็นบรรพชนเต๋ากลับชาติมาเกิด

หงจวินก้มหน้ามอง ไม่เห็นหลิวเป้ยผู้เป็นอาจารย์ของตนจึงไม่ได้แวะเยี่ยมเยือนแต่มุ่งตรงไปยังอนธการต่อ

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท