ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 1101 ก้าวข้ามฝ่าทะลวง! สู่จุดสูงสุดไร้เทียมทาน!

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1101 ก้าวข้ามฝ่าทะลวง! สู่จุดสูงสุดไร้เทียมทาน!

หลังจากสำเร็จเป็นเทพผู้สร้าง เขาต้องการทำสิ่งใดน่ะหรือ

หานเจวี๋ยเผชิญหน้ากับมรรคจิตของตนอย่างไม่สับสนลังเล

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาหนักแน่นยิ่งนัก

“ข้าไม่มีเรื่องใดที่อยากจะทำเป็นพิเศษ คิดจะทำสิ่งใดก็ทำไปตามนั้น ในเมื่อไร้พ่ายแล้วไยต้องสร้างบ่วงเงื่อนไขให้ตนอีกเล่า”

คำตอบนี้ของหานเจวี๋ยทำให้ตัวเขาอีกคนพยักหน้ารับอย่างพอใจ

ผู้ไร้พ่ายที่แท้จริงสมควรต้องไร้บ่วงผูกมัด ไม่ถูกควบคุมโดยกฎเกณฑ์ พลังหรือบาปบุญใดๆ มาจำกัด

ตัวเขาอีกคนเอ่ยถาม “เจ้ายังจะฝึกบำเพ็ญต่อหรือไม่”

“แน่นอน ข้าจะทิ้งระยะห่างระหว่างระดับไปเรื่อยๆ เสริมจุดยืนของตนให้มั่นคงแทนที่จะไปสะกดข่มชนรุ่นหลัง”

หานเจวี๋ยยิ้มให้ตัวเอง หากสูญเสียจิตใจใฝ่ก้าวหน้าไป จะติดหล่มในไม่ช้าก็เร็ว

ในยุคอนธการไหนเลยจะเคยคิดว่าจะมีผู้สร้างมรรคาปรากฏขึ้นหลายคนนัก

ตัวเขาอีกคนที่แปรสภาพมาจากมรรคจิตสลายหายไปดั่งหมอกควัน เอ่ยทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง

“เทพผู้สร้างอยู่เบื้องหน้าแล้ว ขอให้เจ้าสมปรารถนา”

ภายในดินแดนเวิ้งว้าง คลื่นอากาศหลากสีสันต่างกันไปหมุนวนเร็วยิ่งขึ้น

ทันใดนั้นหานเจวี๋ยสอดส่องมองไปถึงฟ้าบุพกาลได้

เวลาในฟ้าบุพกาลไหลไปเร็วอย่างยิ่ง!

หนึ่งวินาทีของที่นี่เทียบเท่าหนึ่งล้านปีด้านนอก!

หานเจวี๋ยมองเห็นการลงมือของหานฮวง ทรงพลังสะท้านฟ้าบุพกาล นำพาความสิ้นหวังมาสู่ฟ้าบุพกาล จากนั้นก็ส่งอนธการสิ้นแสงออกไปเข่นฆ่าล้างบางอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อเห็นว่าฟ้าบุพกาลกำลังจะปราชัย เจ้านวฟ้าบุพกาลก็ลงมือ นอกจากจ้าวซวงเฉวียนและอวี้ยวนแล้ว ยังคืนชีพให้เจ้าฟ้าบุพกาลอีกหกตนด้วย ประกอบกับสร้างร่างแยกของตนขึ้น ลงมือปราบปรามอนธการพร้อมกันกับเจ้าฟ้าบุพกาล

ในช่วงคับขัน สื่อหยวนหงเหมิงปรากฏตัวขึ้น ช่วยสนับสนุนหานฮวง สองเทพมารอนธการร่วมมือกัน ต่อต้านเจ้านวฟ้าบุพกาล

เจ้านวฟ้าบุพกาลต้านแรงกดดันไม่ไหว เริ่มเข้ามาแทรกแซงมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ด้วยตัวเอง

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะได้รับความเข้าใจเช่นนี้มา หากแบ่งสมาธิไป สภาวะตระหนักมรรคอันแสนพิเศษนี้จะพังทลายลง ซึ่งก็แปลว่าเขาจะพลาดโอกาสในการฝ่าทะลวงครั้งนี้ไป

หรือว่านี่คือหนึ่งในด่านทดสอบ

ดวงตาหานเจวี๋ยฉายแววเด็ดเดี่ยวขึ้นมา

เขาจะต้องพิสูจน์เทพผู้สร้างให้ได้!

ผู้ใดก็ไม่อาจขัดขวางหรือถ่วงรั้งเขาได้!

เจ้านวฟ้าบุพกาลสามารถคืนชีพให้สรรพสิ่งได้ เมื่อเขาพิสูจน์เทพผู้สร้างแล้ว ไหนเลยจะไม่สามารถคืนชีพให้เหล่าศิษย์และบุตรธิดาของตนได้เล่า

หานเจวี๋ยตัดการรับรู้จากฟ้าบุพกาล เดินมุ่งไปด้านหน้า ตระหนักรู้ถึงความหมายที่แท้จริงแห่งดินแดนเวิ้งว้าง

เมื่อปราศจากความช่วยเหลือจากเขา หานฮวงย่อมสิ้นชีพในมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ครั้งนี้แน่นอน ไม่ใช่แค่หานฮวงเท่านั้น ยังมีเหล่าศิษย์สืบทอดที่ให้การสนับสนุนเขาด้วย

แต่หานเจวี๋ยไม่อาจละทิ้งเทพผู้สร้างเพื่อบุตรธิดาและเหล่าศิษย์ได้

เขาเริ่มต้นจากฐานะผู้อ่อนแอ จิตใจของเขาจึงแน่วแน่และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน

เขาให้ความช่วยเหลือคนใกล้ชิดได้ถึงได้ช่วย หากช่วยไม่ได้ก็ตัวใครตัวมัน ตั้งมั่นเสมอมา

เมื่อพินิจดูคนทั้งหลายรอบกายตน หานเจวี๋ยไร้ซึ่งความละอายใดๆ ต่อพวกเขา เขาไม่เคยติดค้างผู้ใดทั้งสิ้น!

รวมถึงลูกเมียของตนด้วย หากไม่มีเขาไหนเลยจะมาถึงวันนี้ได้!

“รอข้าพิสูจน์เทพผู้สร้างสำเร็จค่อยคืนชีพให้พวกเจ้าอีกครั้ง!”

ดวงตาหานเจวี๋ยฉายแววบ้าระห่ำและเชื่อมั่น

เขาจะต้องพิสูจน์เทพผู้สร้างให้ได้!

เมื่อความมั่นใจในส่วนนี้พุ่งสูงขึ้นมา คลื่นอากาศรอบข้างพากันหลั่งไหลเข้ามาหาเขา หล่อหลอมกายเนื้อของเขา กายเนื้อของเขาสลายตัวไป เหลืออยู่เพียงวิญญาณที่เดินหน้าต่อ

แสงหลากสีสันทะลักออกมาจากวิญญาณเขา แสงเจิดจ้าแยงตา เห็นได้ชัดว่าเขาตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของวิญญาณตน

พลังที่เขารับรู้ถึงคือพลังที่สูงส่งยิ่งกว่าพลังกฎเกณฑ์สูงสุดของโลกมหามรรค ความรู้สึกนี้น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง

ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ความแข็งแกร่งของวิญญาณหานเจวี๋ยบรรลุถึงขีดสูงสุด เป็นความแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เขาตื่นเต้นนัก

รอจนถึงช่วงที่วิญญาณของเขารองรับต่อไม่ไหว เขาถึงได้หยุดนิ่ง

ด้านหน้าคือคลื่นอากาศเนืองแน่นขนัด ยังคงเจิดจ้าพร่างพราวราวกับเขาไม่เคยก้าวหน้าไปไหนเลย

หานเจวี๋ยชูมือขวาขึ้นมา พึมพำว่า “เทพผู้สร้าง รังสรรค์ทุกสิ่ง ไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะลองดูว่าพลังของข้าเพียงพอหรือไม่”

ครืน!

เขาซัดฝ่ามือออกไป เป็นฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร!

พลังทำลายล้างอันเลิศล้ำพังทลายทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขา ดินแดนเวิ้งว้างแห่งนี้เสมือนกระจกที่แตกกระจาย สีขาวโพลนสองสายเข้าสู่ครรลองสายตาของเขาอีกครั้ง

ฝ่ามือนี้ทำลายกฎเกณฑ์ของดินแดนเวิ้งว้างได้!

ในเวลานี้ หานเจวี๋ยก้าวข้ามผู้สร้างมรรคาไปแล้ว

กายเนื้อของเขารวมตัวขึ้นมาใหม่ เริ่มผสานรวมเข้ากับวิญญาณ พลังปฐมยุคเริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลง

ลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากร่างเขา มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดทั้งด้านบนด้านล่าง ราวกับจะแบ่งแยกดินแดนเวิ้งว้างออกเป็นสองส่วน!

กลิ่นอายพลังของเขาระเบิดออกมา ไม่อาจหยุดยั้งได้!

หานเจวี๋ยจมจ่อมอยู่ด้านใน

ในเวลานี้เอง เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ เขา

เป็นเจ้านวฟ้าบุพกาล

“เจ้า…เป็นไปได้อย่างไร…”

เจ้านวฟ้าบุพกาลร้องอุทานด้วยความตกใจ หานเจวี๋ยรำคาญเสียงเอะอะ เหลือบมองเพียงแวบเดียวเจ้านวฟ้าบุพกาลพลันร่างสิ้นวิญญาณสลาย

แม้แต่คราประทับกฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติที่แฝงเร้นอยู่ในมุมต่างๆ ของดินแดนเวิ้งว้างก็สลายไปด้วย

กล่าวก็คือเจ้านวฟ้าบุพกาลดับสูญไปทันที!

แค่มองแวบเดียวเท่านั้น!

ไม่มีกำลังจะตอบโต้เลย!

การเหลือบมองครั้งนี้ผสานพลังกฎเกณฑ์ของดินแดนเวิ้งว้าง ดังนั้นกฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติของเจ้านวฟ้าบุพกาลที่ซุกซ่อนไว้ในซอกมุมต่างๆ ของดินแดนเวิ้งว้างไม่อาจหลบเร้นได้ ดับสลายไปจนสิ้น

ความห่างชั้นระหว่างผู้สร้างมรรคาและเทพผู้สร้างปรากฏให้เห็นชัดเจน

ในใจหานเจวี๋ยไร้ระลอกอารมณ์ ดื่มด่ำกับการฝ่าทะลวงต่อไป

ไม่นานนัก มหาเทวาพ้นนิวรณ์และจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ปรากฏตัวขึ้น

พวกเขามองหานเจวี๋ยด้วยความตะลึง

สำหรับลูกน้องสองคนนี้ หานเจวี๋ยไม่ได้ลงมือจัดการ

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยอย่างจนใจว่า “เหตุใดท่านถึงไม่ปราฏตัวขึ้นให้เร็วกว่านี้…มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ในครานั้น…”

หานเจวี๋ยทราบเรื่องแล้ว ช่วงที่เขาฝ่าทะลวงอยู่ดูเหมือนจะรวดเร็วแต่ความจริงแล้วกลับยาวนานนัก

มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่จบลงไปนานมากแล้ว นานจนสรรพสิ่งในยุคสมัยไร้สิ้นสุดลืมเลือนฟ้าบุพกาลไปแล้ว

ตอนนี้ฟ้าบุพกาลกลายเป็นตำนานไปแล้ว

นอกจากเหล่าภรรยาของหานเจวี๋ยที่อยู่ในอาณาเขตเต๋า หานฮวง จี้เซียนเสินและพวกมู่หรงฉี่ทั้งหมดล้วนดับสูญไปในมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ หานหลิง หานเย่ หานเหยาและหานป้าเสินเนื่องจากให้การสนับสนุนฟ้าบุพกาลจึงรอดชีวิตมาได้

ทุกสิ่งคล้ายคลึงกับอนาคตที่หานเจวี๋ยเคยวิวัฒนาการไว้ก่อนหน้านี้

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างไม่อินังขังขอบ “ยังทันเวลาอยู่ พวกเจ้าถอยไปก่อน”

มหาเทวาพ้นนิวรณ์และจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์สบตากัน ต่างก็รู้สึกฉงน

หรือหานเจวี๋ยคิดจะย้อนเวลากลับไป

แต่นี่คือมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่เชียวนะ เป็นเอกเทศเหนือกาลเวลา เกี่ยวเนื่องกับบ่วงกรรมไร้สิ้นสุด ไม่อาจบิดเบือนได้

ถึงแม้พวกเขาจะฉงนแต่ก็จำเป็นต้องถอยออกไป

รอบกายหานเจวี๋ยสงบลงอีกครั้ง สามารถสงบใจปรับตบะให้มั่นคงได้

ช่วงเวลาในการปรับตบะให้มั่นคงครานี้ยาวนานกว่าในอดีตที่ผ่านมา

ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด มีคนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

เป็นหานหลิง

หานหลิงแผ่แสงเทพเรืองรองไร้สิ้นสุด ดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าเทวีตราวินัยในสมัยก่อน

นางมองไปที่หานเจวี๋ย เอ่ยอย่างนอบน้อม “ท่านพ่อ ท่านยังอยู่จริงๆ”

ลำแสงที่พุ่งออกมาจากร่างหานเจวี๋ยเจิดจ้าแยงตาอย่างยิ่ง พลังอันน่าหวาดหวั่นทำให้หานหลิงหวาดกลัวขึ้นมาตามสัญชาตญาณ นางอดตกใจไม่ได้

ท่านพ่อแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่

หานเจวี๋ยเหลือบมองนาง เอ่ยไปว่า “ช่วงที่ผ่านมาลำบากเจ้าแล้ว”

“ท่านพ่อ…”

หลากหลายความรู้สึกทะลักออกมาจากจิตใจของหานหลิง ทำให้นางรู้สึกคับข้องหมองใจอย่างยิ่ง

นางยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่เมื่อเห็นว่าหานเจวี๋ยยุ่งอยู่กับการฝ่าทะลวงจึงจากไปเงียบๆ

วันเวลาสับเปลี่ยนหมุนเวียน เกิดเรื่องขึ้นมากมายเหลือเกิน ทำให้นางเกิดความเหินห่างกับผู้เป็นบิดา

หานเจวี๋ยมองแผ่นหลังของนาง ทว่าไม่ได้พูดอะไรมาก

รอจนเขาฝ่าทะลวงสำเร็จ เขาสามารถทำให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้กลายเป็นภาพลวงตาไปได้ ย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท