บทที่ 1110 สถานการณ์หลุดจากการควบคุม
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นผู้ใดกันเล่า”
หานเจวี๋ยเอ่ยถามมหามรรคอัมพรโจวซ่งด้วยเสียงกลั้วหัวเราะทั้งที่หันหลังอยู่
เขายังคงจดจำบุตรแห่งสวรรค์คนนี้ได้ ในงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งแรกเขาได้แสดงความเก่งกาจไว้
ต้องทราบก่อนว่าภายในงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งแรก ถึงแม้หานฮวงจะได้ครองตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุค แต่ก็มิได้เป็นฝ่ายครองความได้เปรียบเพียงผู้เดียว
มหามรรคอัมพรโจวซ่งกัดฟันเอ่ย “ในอนธการนอกจากหานฮวงแล้วยังมีตัวตนเช่นเจ้าอยู่อีก หรือว่าเจ้าคือ…”
เขาไม่ได้เอ่ยต่อไป
เนื่องจากนามนี้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงเกินไป!
อริยะสวรรค์เกรียงไกร!
เนื่องจากวังจักรพรรดิมหาโชคให้การสนับสนุนฟ้าบุพกาล ดังนั้นเหล่าผู้ทรงพลังจึงคิดว่าหานเจวี๋ยจะไม่สอดมือเข้ามายุ่ง หากว่าคนผู้นี้คืออริยะสวรรค์เกรียงไกรจริงๆ เช่นนั้นเขาก็คงต้องสิ้นหวังแล้ว
ในงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งแรก อริยะสวรรค์เกรียงไกรได้สะกดข่มบุตรแห่งสวรรค์ทั้งหมดจนอยู่หมัด ในบรรดานั้นรวมถึงเขาด้วย!
หากเขาเอ่ยนามอริยะสวรรค์เกรียงไกรออกมา ผู้บำเพ็ญทั้งหมดที่อยู่กัน ณ ที่นี้ล้วนจะเสียกำลังใจในการต่อสู้ไปจนสิ้น
เมื่อรู้อยู่แล้วว่าสู้ศัตรูไม่ได้ ไยต้องดิ้นรนอีกเล่า
ไม่ได้!
จะตัดสินส่งเดชเช่นนี้ไม่ได้!
มหามรรคอัมพรโจวซ่งเอ่ยด้วยความโกรธ “ผู้กำหนดชะตาเคราะห์จงมาสังหารมารร้ายตนนี้เสีย!”
เขาทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับผู้กำหนดชะตาเคราะห์ สิ่งมีชีวิตแห่งพลังโชคชะตาล้วนเป็นผู้กำหนดชะตา พึ่งพาอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคแต่ละคนจะมีความสามารถพิเศษที่แตกต่างกันไป
ถึงอย่างไรก็ต้องตาย มิสู้มาลองข่มขวัญอริยะสวรรค์เกรียงไกรดูสักตั้ง!
“หยุดมือให้หมด!”
สือตู๋เต้าพลันตวาดออกมา ทำให้เหล่าผู้กำหนดชะตาเคราะห์ที่เตรียมพร้อมลงมือต่างมองไปที่เขากันหมด
เห็นเพียงสือตู๋เต้าคุกเข่าข้างหนึ่งลงกลางอวกาศ หันหน้าไปทางหานเจวี๋ย ตะโกนด้วยท่าทีนอบน้อม “สือตู๋เต้าน้อมคารวะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ”
จิ่งเทียนกงก็คุกเข่าตามเช่นกัน สีหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงถอนหายใจ ไม่ได้ห้ามปราม
สมาชิกกลุ่มมิ่งพากันคุกเข่าลงไปครึ่งหนึ่ง คนที่เหลือต่างมองกันไปมองกันมา ลนลานกระวนกระวาย ไม่รู้ควรจะเลือกอย่างไรดี
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการหรือ”
มหามรรคอัมพรโจวซ่งตะลึงงัน เขาย่อมเคยได้ยินตำนานเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมาก่อน เรื่องราวนับไม่ถ้วน แม้แต่สำนักเลิศนพวิถีที่รุ่งโรจน์ดั่งตะวันกลางฟ้าก็ยังยกย่องนับถือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
มิใช่อริยะสวรรค์เกรียงไกรหรอกหรือ
เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย!
สำนักเลิศนพวิถีสนับสนุนฟ้าบุพกาล เหตุใดเจ้าแดนต้องห้ามอันธการถึงให้การสนับสนุนอนธการเล่า
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าหนูตัวนี้มีความกระหายหิวอย่างยิ่ง หากไม่อยากตายก็รีบจากไปเสีย ข้าก็ไม่อาจเหนี่ยวรั้งมันได้เช่นกัน”
พอสิ้นเสียงเขา อนธการสิ้นแสงคำรามออกมา ราวกับกำลังแสดงความโกรธเกรี้ยวอยู่ บอกว่าอย่าได้มองข้ามมันไป!
สือตู๋เต้ารู้ความอย่างยิ่ง พากลุ่มผู้กำหนดชะตาเคราะห์จากไปทันที
อนธการสิ้นแสงเขมือบกลืนกินผู้ทรงพลังรายอื่นต่อไป ทำให้เหล่าผู้ทรงพลังตกใจหนีกระเจิงไปในทิศทางต่างๆ
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ ทั่วห้วงอวกาศเหลืออยู่เพียงเสียงอนธการสิ้นแสงกัดกินซากศพ
มหามรรคอัมพรโจวซ่งยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม ไม่คิดเลยว่าศึกครั้งนี้จะสิ้นสุดลงเร็วขนาดนี้
พ่ายแพ้อย่างยับเยิน
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการให้การสนับสนุนอนธการ
จบแล้ว…
ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว…
จิตใจมหามรรคอัมพรโจวซ่งห่อเหี่ยว
หลังจากกลืนเหยื่อในปากลงไปแล้ว อนธการสิ้นแสงมุ่งหน้าต่อไป
มหามรรคอัมพรโจวซ่งพบว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่คิดจะสังหารตน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด”
หานเจวี๋ยไม่ตอบ
มหามรรคอัมพรโจวซ่งยังคงไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แรงกดดันนั้นช่างแกร่งกล้าเหลือเกิน ทำให้วิญญาณและพลังเวทของเขาถูกสะกดไว้ในร่าง ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ถึงขั้นที่เขาสูญเสียประสาทสัมผัสรับรู้โลกภายนอกไปแล้ว ไม่สามารถกระตุ้นสมบัติวิเศษที่ซ่อนไว้ไกลออกไปหรือใช้กลยุทธ์อื่นๆ ได้เลย
อนธการสิ้นแสงมุ่งหน้าต่อไป
ข่าวการปรากฏตัวของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว
ข่าวนี้น่าตกใจเกินไปแล้วจริงๆ!
ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือสำนักเลิศนพวิถี
ณ สำนักเลิศนพวิถี ภายในตำหนัก
จ้าวซวงเฉวียนอับอายจนพาลโกรธ เอ่ยตะคอกว่า “เหตุใดเจ้าแดนต้องห้ามอันธการถึงให้การสนับสนุนอนธการ”
สายตาของเขามองไปยังร่างของดวงจิตนพชาติที่ยืนอยู่ในห้องโถง ผู้ทรงพลังคนอื่นๆ ในสำนักเลิศนพวิถีก็มองไปที่ดวงจิตนพชาติเช่นกัน
เป็นแผนของดวงจิตนพชาติที่เสนอให้เชิดชูเจ้าแดนต้องห้ามอันธการขึ้นมา
ดวงจิตนพชาติแค่นเสียง เขาก็เกลียดชังเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่พอใจในวิธีที่สำนักเลิศนพวิถีเลือกเชิดชูคุณความดีของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
ถึงแม้ดวงจิตนพชาติจะภักดีต่อเจ้านวฟ้าบุพกาล แต่มีหลายเรื่องราวยิ่งที่เจ้านวฟ้าบุพกาลไม่บอกเล่าต่อเขา
อวี้ยวนเอ่ยขึ้นว่า “จะต้องข่มเจ้าแดนต้องห้ามอันธการลงให้ได้ มิเช่นนั้นผลที่ตามมาคงไม่อาจคาดคิด พวกเราเก้าฟ้าบุพกาลต้องออกโรงเดี๋ยวนี้!”
เขารับสืบทอดเพียงเจตจำนงของเจ้าเอกทัศฟ้าบุพกาลเท่านั้น มิใช่เจ้าเอกทัศฟ้าบุพกาลตัวจริง
ฟ้าบุพกาลที่เหลือต่างเห็นด้วย
จ้าวซวงเฉวียนที่โมโหเดือดดาลก็เห็นด้วยเช่นกัน
ถือโอกาสตอนที่ข่าวยังไม่แพร่ไปในหมู่สรรพสิ่งฟ้าบุพกาลต้องรีบลงมือโดยด่วน
….
ณ ตำหนักอนธการ
หานฮวงนั่งบนบัลลังก์ ฟังรายงานจากหลี่เต้าคง
เหล่าผู้กำหนดชะตาเคราะห์มีวิธีสื่อสารกันโดยเฉพาะ เขาทราบถึงการปรากฏตัวของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแล้ว
เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นล้วนพากันวิพากษ์วิจารณ์
“เหตุใดเจ้าแดนต้องห้ามอันธการถึงให้การสนับสนุนพวกเรา”
“พูดถึงเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ในอดีตเขาเคยทำให้มรรคาสวรรค์ปั่นป่วนวุ่นวายนัก”
“ศิษย์น้องฮวง หากเจ้าไม่รู้จักเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เช่นนั้นก็ต้องระวังหน่อย คนผู้นี้ชอบกวนน้ำให้ขุ่น วันนี้ช่วยพวกเรา วันหน้าก็อาจจะเป็นศัตรูกับพวกเราได้เช่นกัน”
“ใช่แล้ว นับตั้งแต่ลัทธิอันธการรุ่งโรจน์ขึ้นมา ข้ามักจะถูกสาปแช่งอยู่บ่อยครั้ง”
“เป้าหมายของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคืออนธการสิ้นแสงหรือ”
“เป็นไปได้สูง อนธการสิ้นแสงแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น แต่เหตุใดพอพวกเราสอดส่องดูอนธการสิ้นแสงถึงไม่เห็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการที่อยู่บนหัวมันเล่า”
ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไป บางคนตื่นเต้น บางคนตื่นตระหนก บางคนรู้สึกกระวนกระวาย
ชื่อเสียงของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการโด่งดังเกินไปแล้วจริงๆ
อันที่จริงแล้วเจ้าแดนต้องห้ามอันธการลงมืออย่างจริงจังแทบนับครั้งได้ แต่สาวกที่ศรัทธาในตัวเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมีมากเกินไป ข่าวลือสารพัดแพร่กระจายไปทั่ว ทำให้พลังของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการดูเลิศล้ำไร้ขีดจำกัด
หานฮวงไม่ได้เอ่ยแทรกเลย แต่ใคร่ครวญอยู่เงียบๆ
เขาไม่เคยพบเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมาก่อน ถึงขั้นที่ไม่สามารถจับตัวได้เลยด้วยซ้ำ
เช่นนี้หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ
หมายความว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอาจจะแข็งแกร่งกว่าเขามาก!
สมควรตาย!
หลังจากมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่อุบัติขึ้น เหตุใดถึงมีผู้ทรงพลังเลิศโลกาโผล่มามากมายขนาดนี้
เริ่มจากสี่ผู้ทรงพลังครึ่งก้าวสู่ผู้สร้างมรรคา ตามด้วยเก้ามหาฟ้าบุพกาล ตอนนี้ก็มีเจ้าแดนต้องห้ามอันธการโผล่ออกมาอีก
หานฮวงรู้สึกเหมือนเสียการควบคุมอยู่บ้าง
เขาประเมินฟ้าบุพกาลไว้ต่ำเกินไป
หากมิใช่เพราะมีสำนักซ่อนเร้นคอยช่วยเหลือ เกรงว่าอนธการคงพ่ายแพ้แล้ว
หานฮวงลุกขึ้นมา “ข้าจะไปเยือนด้วยตัวเองสักรอบ พวกเจ้าประจำการต่อไป ช่วงที่ข้าไม่อยู่หากเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆ ขึ้นจงรับฟังคำสั่งการของหลี่เต้าคง”
พอสิ้นเสียง หานฮวงก็เลือนหายไปจากจุดเดิม
….
ณ ห้วงอวกาศพังพินาศ
อนธการสิ้นแสงที่เคลื่อนตัวไปด้านหน้าหยุดนิ่ง ด้านหน้าปรากฏลำแสงเก้าสายที่ไม่ทราบว่าสูงเพียงใด แต่ละแสงแผ่กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นออกมา มุ่งหน้าเข้ามาใกล้มัน
เก้ามหาฟ้าบุพกาล!
ทั้งหมดล้วนมีพลังครึ่งก้าวสู่ผู้สร้าง!
หากว่าดวงจิตบรรพกาลยังมีชีวิตอยู่ เกรงว่าคงจิตใจแตกสลายแน่นอน
มีตัวตนที่แข็งแกร่งทัดเทียมเขามากมายถึงเพียงนี้!
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เหตุใดถึงช่วยเหลืออนธการ”
เสียงของจ้าวซวงเฉวียนแว่วเข้ามา น้ำเสียงเห็นได้ชัดว่าเก็บกลั้นโทสะไว้
หานเจวี๋ยตอบกลับไป “ข้าอยากทำอะไรแล้วไยต้องบอกเจ้าด้วย”
“สำนักเลิศนพวิถีของข้าทำงานเพื่อเจ้า เจ้าไม่รู้หรือไร”
ดวงตาของจ้าวซวงเฉวียนแดงก่ำแล้ว
หานเจวี๋ยเอ่ยถามน้ำเสียงเรื่อยเปื่อย “รู้ แล้วเกี่ยวอันใดกับข้าเล่า หากมีฝูงสุนัขที่เจ้าไม่เคยพบมาก่อนเข้ามากระดิกหางให้เจ้า แลบลิ้นให้ เจ้าคิดจริงๆ น่ะหรือว่าพวกมันชอบเจ้า นั่นก็เพราะเจ้ามีของกินอยู่ในมือมิใช่หรือไร”
“โอหัง! รนหาที่ตาย!”
จ้าวซวงเฉวียนตวาดด้วยความโกรธ ระเบิดพลังทั้งหมดออกมา เดินก้าวเข้ามาหา แปดเจ้าฟ้าบุพกาลที่เหลือเดินเคียงมา ทุกย่างก้าวพลังจะเพิ่มขึ้นมหาศาล ทะลวงแยกมิติพังทลายไปทีละชั้นๆ
………………………………………………………………