บทที่ 1112 ความมั่นใจของเจ้านวฟ้าบุพกาล
อันธการมาเยือนแล้ว!
เจ้าแดนต้องห้ามปรากฏตัวแล้ว!
ทั่วทั้งฟ้าบุพกาลตกอยู่ในความหวาดผวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
ถึงแม้อนธการและฟ้าบุพกาลจะรบกันมาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังมีสถานที่ที่ไม่รับผลกระทบอยู่ แต่ครั้งนี้ทั่วทั้งฟ้าบุพกาลถูกครอบงำ!
กลุ่มอิทธิพลใหญ่ระดับเจ้าผู้ปกครองที่อยู่เบื้องบนหรือว่าโลกสามัญเบื้องล่างที่มีนับไม่ถ้วน ล้วนตกอยู่ในความกระวนกระวาย
ข่าวแพร่กระจายไปเร็วยิ่ง สถานการณ์ของฟ้าบุพกาลเปลี่ยนไปแล้ว!
ภายในห้วงอวกาศแห่งหนึ่ง เหล่าผู้กำหนดชะตาเคราะห์มารวมตัวกันบนอุกกาบาตลูกหนึ่ง
“ฮ่าๆๆ มาแล้ว! ยุคสมัยของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมาถึงแล้ว!”
“จิ่งเทียนกง รีบกอบกู้ลัทธิอันธการกลับคืนมา รวบรวมสาวกของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เพื่อทำงานรับใช้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ”
สือตู๋เต้าออกคำสั่งด้วยความตื่นเต้น จิ่งเทียนกงปฏิบัติตามคำสั่งทันที พาลูกน้องของตนจากไป
สือตู๋เต้ามองไปยังทิศทางของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ แววตาเปี่ยมไปด้วยความร้อนแรง
ผู้ที่เขาเชื่อมั่นมาตลอดก็คือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ยึดถือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นนาย หานเจวี๋ยใช้หนังสือยอดชะตาเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของสรรพสิ่ง แต่ก็เพียงตัดความเกี่ยวข้องระหว่างเขากับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเท่านั้น!
สือตู๋เต้าคิดเพียงว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรคือร่างแยกหนึ่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ต่อให้ภายหลังจะมีข่าวว่าทั้งสองคนมิใช่คนเดียวกัน แต่ในใจเขายังคงสันนิษฐานว่าทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกัน ถึงขั้นที่อริยะสวรรค์เกรียงไกรอาจจะเป็นเพียงเสี้ยววิญญาณหนึ่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการกลับชาติมาเกิด
กลยุทธ์เช่นนี้ก็มีให้เห็นอยู่มากมาย!
ผู้ทรงพลังส่วนใหญ่มักแบ่งแยกวิญญาณออกไปนับไม่ถ้วน ส่งเข้าสู่สังสารวัฏกลับชาติมาเกิด
นี่คือเหตุผลที่ว่าเหตุใดอริยะสวรรค์เกรียงไกรถึงผงาดขึ้นมาได้รวดเร็วปานนั้น
แม้ว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรจะมิใช่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการตัวจริง ทั้งสองฝ่ายก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกันแน่นอน
ตอนนี้ ข้อสันนิษฐานเหล่านี้ไม่มีประโยชน์แล้ว
ไม่ว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรจะเกี่ยวข้องกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอย่างไร สิ่งที่เขาต้องทำก็มีเพียงการรับใช้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการให้เขาทำสิ่งใดเขาก็จะทำสิ่งนั้น!
“จากนี้ไป ผู้กำหนดชะตาเคราะห์ทั้งหมดจะยึดถือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นนาย เข้าใจหรือไม่”
สือตู๋เต้ากวาดตามองลูกน้องทั้งหมด เอ่ยเสียงเข้ม
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงถอนหายใจคราหนึ่ง ทว่าไม่ได้ขัดขวาง
เขาสูญเสียปณิธานไปแล้ว คิดเพียงแต่จะไหลตามกระแสไป ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าชนรุ่นหลังเหล่านี้มีความทะเยอทะยานมากกว่า
การจมดิ่งลงสู่ความมืดมิดก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นเส้นทางที่ผิดพลาดเสมอไป
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก็อยากแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ทำลายตัวพันธนาการ ความยึดติดในอดีตไม่สำคัญอีกต่อไป
เวลาผ่านพ้นไประยะหนึ่ง อนธการและฟ้าบุพกาลก็ยังไม่รวมตัวกัน กลับเป็นกลุ่มลัทธิอันธการในพื้นที่ต่างๆ ที่รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ชื่อเสียงขยายออกไปยังต่อเนื่อง
เก้ามหาฟ้าบุพกาลและหานฮวงล้วนกลับไปที่ฐานทัพของแต่ละฝ่าย เริ่มพักฟื้นบำรุง
เก้ามหาฟ้าบุพกาลมีที่พึ่งพาของตนอยู่ ดังนั้นจึงไม่คิดจะไปหาหานฮวงในตอนนี้ ส่วนฝ่ายหานฮวง ความหยิ่งทะนงของตนไม่อนุญาติให้เขาเป็นฝ่ายไปขอความช่วยเหลือจากศัตรูก่อน
….
ภายในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
สิงหงเสวียนเพิ่งกลับมาถึง กำลังพูดคุยอยู่กับเหล่าสตรี
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ฮวงเอ๋อร์เกือบต้องตาย จะต้องแจงเรื่องนี้ให้ท่านพี่ทราบ” ชิงหลวนเอ๋อร์เอ่ยด้วยความกังวล
สิงหงเสวียนเชื่อว่าหานเจวี๋ยไม่มีทางหลอกตนแน่ หากเขาบอกว่าไร้พ่ายก็คือไร้พ่ายแล้ว ส่วนเรื่องเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็แค่ตัวตลกน่าขบขันเท่านั้น
“ไม่เป็นไร ให้เจ้าเด็กแสบคนนั้นได้ลิ้มลองความทุกข์เสียบ้าง แม้แต่เรื่องแต่งงานก็ไม่มาคุยกับข้า ในเมื่อไม่เห็นบิดามารดาอยู่ในสายตาแล้ว ไยต้องพึ่งความช่วยเหลือจากบิดามารดาอีกเล่า” สิงหงเสวียนแค่นเสียง
เดิมทีนางคิดจะสังหารเทพธิดาหมิงจี้ แต่ขณะนั้นก็นึกถึงหานฮวงขึ้นมาจึงใจอ่อนอีกครั้ง
ส่วนเรื่องคำสาปของนาง เดิมทีก็ไม่นับเป็นอันใดอยู่แล้ว หานฮวงเป็นเช่นเดียวกับบิดาของเขา ปิดด่านบำเพ็ญนับหมื่นนับพันปีเป็นเรื่องปกติ ไม่แน่ว่ารอจนเทพธิดาหมิงจี้ฟื้นฟูรูปโฉมกลับมาได้แล้ว หานฮวงก็ยังไม่มีเวลาไปพบนางอยู่ดี
อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยด้วยความประหม่ากังวล “อย่าก่อปัญหาเลยจะดีกว่า สั่งให้บรรดาศิษย์เหล่านั้นกลับมากันทั้งหมดเถิด ซ่อนตัวอยู่ในอาณาเขตเต๋าปลอดภัยกว่า”
ก่อนหน้านี้พวกนางเคยสอดส่องระดับความแข็งแกร่งของหานฮวงและเก้ามหาฟ้าบุพกาล พลังนั้นทำให้พวกนางต้องถอดถอนใจด้วยความตะลึง
แต่เมื่อผู้แข็งแกร่งเหล่านี้เผชิญหน้ากับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการกลับดูไม่ต่างจากมดปลวกเลย ความห่างชั้นเพราะระดับนั้นมีเพียงต้องเห็นด้วยตาตนถึงจะเข้าใจ แค่หวนนึกถึงขึ้นมาก็ใจสั่นแล้ว
หากว่าบนโลกนี้มีผู้ไร้พ่ายอยู่จริงๆ นั่นก็คือตัวตนของผู้ไร้พ่าย!
ทิ้งห่างจากหานฮวงและจักรพรรดิในช่วงก่อนหน้านี้ไปไกลลิบ!
ต่อให้เป็นหานเจวี๋ยเทียบกันแล้วก็คงมีความห่างชั้นอยู่เช่นกัน ถึงแม้หานเจวี๋ยจะสังหารศัตรูได้อย่างแกร่งกล้าทรงอำนาจเสมอ แต่ก็ไม่ใช่ตัวตนที่น่าหวาดกลัวและทำตัวสบายๆ เหมือนเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
ถึงขั้นที่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการยังไม่ได้ลงมือ หานฮวงและเก้ามหาฟ้าบุพกาลก็เกือบตายแล้ว
เซียนซีเสวียนเอ่ยว่า “ไม่อาจแจ้งต่อหานเจวี๋ยได้จริงๆ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการมิใช่ดาวรุ่งที่เพิ่งปรากฏขึ้นในภายหลัง สมัยก่อนตอนอยู่ที่มรรคาสวรรค์พวกเขาก็เคยได้ยินเรื่องของเขาแล้ว มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตที่ดูเหมือนจะจบสิ้นลงเพราะซูฉี อันที่จริงแล้วเป็นเพราะคำสาปแช่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการที่คอยผลักดันทุกอย่างอยู่”
ชิงหลวนเอ๋อร์รู้สึกว่ามีเหตุผล จึงไม่คิดจะเอ่ยเรื่องนี้กับหานเจวี๋ยอีก
เซวียนฉิงจวินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถิด เขาจะต้องรับรู้ได้แล้วแน่นอน เขามีตบะระดับใดแล้วเล่า ต่อให้ปิดด่านอยู่ ก็ใช่ว่าจะไม่รับรู้เรื่องโลกภายนอก หากเป็นเรื่องที่เขาจัดการได้ เมื่อถึงเวลาที่สมควรลงมือ เขาจะลงมือแน่นอน”
พอหวนนึกถึงประสบการณ์ในการออกรบเหล่านั้นของหานเจวี๋ยขึ้นมา พวกนางก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับ
ในขณะเดียวกัน พวกนางคิดถึงความเป็นไปได้อีกข้อหนึ่งขึ้นมา
ที่หานเจวี๋ยไม่ปรากฎตัว หรือจะเป็นเพราะตอนนี้ยังสู้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่ได้
นอกจากสิงหงเสวียนแล้ว พวกนางล้วนนึกถึงจุดนี้ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมาเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาเพิ่มมากขึ้น
….
ณ ดินแดนเวิ้งว้าง ภายใต้พฤกษาใหญ่มโหฬาร เจ้านวฟ้าบุพกาลและเงาร่างเลือนสลัวของเจ้าเอกทัศฟ้าบุพกาลนั่งอยู่ตรงข้ามกัน
เจ้าเอกทัศฟ้าบุพกาลเอ่ยขึ้นว่า “ร่างแยกของพวกเราล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เขาอหังการถึงเพียงนี้ คาดว่าต้องมีความมั่นใจอยู่แน่นอน เจ้าควรระวังไว้บ้าง ก่อนหน้านี้เขาก็เคยสาปแช่งเจ้ามาแล้ว ยามนี้ต้องพุ่งเป้ามาที่เจ้าอีกแน่”
เจ้านวฟ้าบุพกาลแค่นเสียง “เพียงหนอนที่คลานอยู่ในที่มืดเท่านั้น เขาคงนึกว่าข้าบาดเจ็บสาหัสไปแล้วกำลังอยู่ระหว่างปิดด่าน แต่หารู้ไม่ว่าข้ารอคอยให้เขาปรากฏตัวอยู่”
“เจ้าจะลงมือหรือ”
“ไม่ต้องรีบร้อนไป ในเมื่อเขาต้องการให้อนธการและฟ้าบุพกาลร่วมมือกัน ก็ดีหากว่าทำสำเร็จ ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับอริยะสวรรค์เกรียงไกรสามารถประนีประนอมกันได้ บางทีข้าอาจจะร่วมมือกับอริยะสวรรค์เกรียงไกรจัดการเขา ดูจากที่เขาลงมือกับหานฮวงก็ทราบแล้วว่าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีกับอริยะสวรรค์เกรียงไกร แต่ก็คงเกรงว่าจะก่อศัตรูมากเกินไป ดังนั้นจึงเพียงแต่ทำให้บาดเจ็บสาหัสไม่ได้ลงมือสังหาร”
เจ้านวฟ้าบุพกาลเอ่ยเนิบๆ ไป สายลมแผ่วหวิวพลันโชยมา ต้นไม้ส่ายไหวใบไม้นับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมา ดวงดารานับร้อยล้านดวงหดตัวตามลงไป ก่อตัวเป็นเงาร่างหนึ่ง ร่อนลงด้านหลังของเจ้านวฟ้าบุพกาลดั่งกลีบบุปผา
เจ้าเอกทัศฟ้าบุพกาลเอ่ยถาม “เจ้าคิดจะทำอันใด”
เจ้านวฟ้าบุพกาลตอบว่า “รอดูพลังของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไปก่อน ตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินตบะของเขาได้ แต่มีความมั่นใจเช่นนี้ อย่างน้อยก็คงเป็นผู้สร้างมรรคาระยะต้น มีโอกาสสูงที่จะบรรลุระยะกลางหรือถึงขั้นที่บรรลุระยะปลายแล้ว แต่ระยะปลายมีความเป็นไปได้ค่อนข้างต่ำยิ่ง ถึงแม้ข้าจะปิดด่านฝึกบำเพ็ญอยู่เป็นนิจ แต่ก็ไม่มีทางที่จะพลาดจนทำให้ชนรุ่นหลังบรรลุถึงระยะปลายได้”
นับตั้งแต่ต้นจนจบ เขาคิดว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย เพียงใช้ประโยชน์จากยอดสมบัติบางชนิดเพื่อเก็บซ่อนบ่วงกรรมไว้
เจ้านวฟ้าบุพกาลโบกมือขวาเล็กน้อย เราร่างหลายสิบร่างที่อยู่ด้านหลังพุ่งฉิวไปสู่ส่วนลึกของดินแดนเวิ้งว้าง หายลับไปยังไร้ร่องรอย
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ในเมื่อเจ้าอยากจะใช้มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่เป็นกระดานหมาก เช่นนั้นก็ลองดู ข้าบังเอิญมีวิธีอยู่พอดี เป็นวิธีสังหารผู้สร้างมรรคา” เจ้านวฟ้าบุพกาลพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงเย็นชาอย่างยิ่ง
เจ้าเอกทัศฟ้าบุพกาลเงียบไป เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะใช่เพียงผู้สร้างมรรคาระยะกลางแน่หรือ
ในเวลาเดียวกันนี้
[มหาเทวาพ้นนิวรณ์ต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
หานเจวี๋ยที่อยู่บนหลังของอนธการสิ้นแสงตอบรับคำขอเข้าฝัน มหาเทวาพ้นนิวรณ์ย่อมมาด้วยเรื่องของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ หานเจวี๋ยให้เขาสงบใจไว้แล้วสังเกตการณ์ต่อไป
หลังสิ้นสุดแดนความฝัน ในใจของมหาเทวาพ้นนิวรณ์กลับยังค่อนข้างกังวลอยู่
คิดไปว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
มิเช่นนั้นไยต้องรอสังเกตการณ์อีกเล่า
………………………………………………………………