บทที่ 1118 ความหวังของสรรพสิ่ง
เมื่อเจ้าแดนต้องห้ามอันธการลุกขึ้นยืน ผู้ทรงพลังทั้งหมดที่กำลังต่อสู้อยู่พลันหวั่นวิตกขึ้นมาทันที
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเตรียมลงมือแล้วหรือ
ฉากตอนที่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการทำลายมือใหญ่มโหฬารยิ่งกว่าฟ้าบุพกาลไปยังคงตราตรึงอยู่ ทำให้พวกเขาหวาดผวา
สามเทพมารอนธการโจมตีเข้าใส่อีกครั้ง ต่างคนต่างสำแดงพลังวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมา ทุ่มพลังทั้งหมดโจมตี
ครืน!
สามเทพมารอนธการถูกพลังกระแทกจนถอยกรูดไป กายเนื้อแหลกลาญ เหลือเพียงวิญญาณที่ลอยละลิ่วออกไปสุดขอบอวกาศมืดมิด
“หานเย่ เจ้าสังเกตหรือไม่ว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่ได้ลงมือสังหารเลย”
หานเหยาและหานเย่โจมตีใส่อนธการสิ้นแสงไปพร้อมกัน ถ่ายทอดเสียงคุยกันไปด้วย
หานเย่ขมวดคิ้ว เขาก็สังเกตเห็นในจุดนี้เช่นกัน
ไม่ว่าผู้ทรงพลังเหนือชั้นเหล่านั้นจะโจมตีเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอย่างไร แม้จะดูดุเดือดแต่ล้วนไม่สิ้นชีพเลย สำหรับยอดมหามรรคแล้วกายเนื้อดับสูญจะนับเป็นอันใดเล่า
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการคิดจะทำอะไรกันแน่
หานเย่ไม่คิดว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะมีจิตเมตตาใดๆ ต้องมีแผนร้ายอยู่แน่นอน
สรุปแล้วกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่
“พวกเจ้าต่อสู้กับอนธการสิ้นแสงต่อไปเถิด ข้ามอบพลังส่วนหนึ่งให้มันไปอีก ส่วนตัวข้าจะไปต่อกรกับห้าผู้สร้างมรรคาที่บุกเบิกโลกมหามรรคอย่างฟ้าบุพกาล ผลาญนภา อวิชชา พ้นนิวรณ์และเลือนพิสุทธิ์ขึ้นมา พวกเขาคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด อยู่เหนือสรรพสิ่งทั้งปวง หากฟ้าบุพกาลล่มสลายพวกเขาก็สามารถคืนชีพให้สรรพสิ่งฟ้าบุพกาลเพียงแค่พลิกฝ่ามือคราเดียว
“หากข้าปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็แปลว่าพวกเขาตายหมดแล้ว ต่อไปก็จะเป็นตาของพวกเจ้า ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือพวกเจ้าได้อีก”
เสียงของหานเจวี๋ยดังก้องอยู่ในห้วงอวกาศ สะท้อนอยู่ในความฝันของสรรพสิ่ง!
ฝูงชนเริ่มภาวนา ตัวตนเหนือชั้นทั้งห้านั่นต้องชนะแน่!
หานเจวี๋ยหายไป พลังของอนธการสิ้นแสงปะทุขึ้นมา คลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม ลิ้นยาวกวาดออกไป ทอดยาวไม่สิ้นสุดพาดผ่านหลายอาณาเขต กวาดม้วนโลกมหามรรคหลายล้านแห่งรวมถึงอริยะมหามรรคสิบกว่าคนมาในคราวเดียว
หลี่เต้าคง หลงเฮ่าและมู่หรงฉี่มุ่งมายังเหนือหัวของอนธการสิ้นแสง เตรียมจะช่วยเหลือซูฉี แต่ไม่ว่าพวกเขาจะสำแดงพลังเช่นใดก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายซูฉีออกมาได้ ราวกับซูฉีและมหามรรคอัมพรโจวซ่งเชื่อมผสานอยู่กับอนธการสิ้นแสง ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
“เป็นไปได้อย่างไร!”
หลี่เต้าคงมีสีหน้าตกตะลึง ในใจเขาเปี่ยมความชิงชัง คิดจะแยกเอาวิญญาณของซูฉีออกมาผสานเข้ากับกายเนื้อของเขาแต่ก็ไม่อาจทำได้
พลังของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่เพียงแต่ผนึกซูฉีไว้เท่านั้น ยังปกป้องซูฉีไว้ด้วย
ซูฉีเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ถอดใจเถอะ พวกเจ้าคิดหาทางสังหารอนธการสิ้นแสงดีกว่า รอจนเจ้าแดนต้องห้ามอันธการตายแล้วย่อมช่วยข้าได้”
พอพวกหลี่เต้าคงได้ยินดังนั้นก็ไม่ดึงดันอีก ต่างเคลื่อนย้ายออกไปทันที
มหามรรคอัมพรโจวซ่งเอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “สำนักซ่อนเร้นของพวกเจ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจริงๆ”
เข้ามาช่วยเหลือซูฉีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนเขาไม่มีผู้ใดถามไถ่ถึงเลย
ซูฉีเอ่ยยิ้มๆ “อยากเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้นหรือไม่เล่า ข้าช่วยแนะนำให้เจ้าได้นะ”
เวลาผ่านมานานขนาดนี้ หนีไปไหนไม่รอดฝึกบำเพ็ญก็ไม่ได้ พวกเขาทำได้เพียงพูดคุยกันไปสานสัมพันธ์ไมตรีขึ้นมาไม่น้อย
“ค่อยว่ากันอีกทีเถอะ”
มหามรรคอัมพรโจวซ่งทอดถอนใจเอ่ยออกไป ดวงตาเปี่ยมความสิ้นหวังล้ำลึก
หลังจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจากไป อนธการสิ้นแสงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ มันได้รับพลังแห่งเทพผู้สร้างไปตอนนี้นับว่าไร้พ่ายอย่างสิ้นเชิงแล้ว หากผู้สร้างมรรคาไม่ปรากฏตัวขึ้นก็ไม่มีผู้ใดสู้มันได้ อย่างน้อยการโจมตีก็ไม่เป็นผลเลย
กองทหารจักรพรรดิ ขุนพลศักดิ์สิทธิ์และขุนพลพินาศนับไม่ถ้วนคล้ายจะทุ่มสมาธิไปกับการควบคุมอนธการสิ้นแสงไว้ แม้จะเป็นเช่นนี้แต่เหล่าอริยะมหามรรคก็ไม่สามารถทำอะไรอนธการสิ้นแสงได้อยู่ดี
ความกดดันในการต่อสู้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อให้ห้วงมิติชายขอบฟ้าบุพกาลเริ่มพังทลาย แม่น้ำดวงชะตาและสายธารกาลเวลาปรากฏขึ้นมา มหามรรคสามพันวิถีบิดเบี้ยวสะเทือนไปด้วยกัน พร้อมจะพังทลายได้ทุกเมื่อ
นอกฟ้าบุพกาล
ณ ดินแดนเวิ้งว้าง ห้าผู้สร้างมรรคายืนเรียงแถวกัน เจ้านวฟ้าบุพกาลอยู่ตรงกลาง
เบื้องหน้าของพวกเขา มีเงาดำสายหนึ่งเยื้องย่างเข้ามา
ทุกๆ ย่างก้าวเงามืดนี้จะยืดสูงขึ้นหนึ่งเท่า ไม่นานนักก็สูงเกินกว่าผู้สร้างมรรคาทั้งหมดไป
พอเห็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล มหาเทวาพ้นนิวรณ์ มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญและจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์พลันรู้สึกกดดันอย่างยิ่ง
แม้แต่เจ้านวฟ้าบุพกาลก็รู้สึกหนักใจเช่นกัน อยู่ใกล้กันขนาดนี้ แต่เขายังคงมองอีกฝ่ายไม่ออกอยู่ดี
เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายเอาความกล้ามาจากไหนถึงมาท้าทายพวกเขา
หรือว่าเขาจะก้าวข้ามผู้สร้างมรรคาไปแล้ว
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาก็แผ่ลามไปอยู่ภายในหัวของเจ้านวฟ้าบุพกาลอย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไม่อาจยับยั้งได้อีก
หรือว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะดำรงอยู่มาเนิ่นนานกว่าเขา เพียงแต่ซ่อนตัวไว้มาโดยตลอด
ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
มิเช่นนั้นเหตุใดเขาถึงรับรู้การผงาดขึ้นมาของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่ได้เล่า
ต้องทราบก่อนว่าในอดีตผู้สร้างมรรคารายอื่นล้วนไม่ทราบถึงการมีตัวตนอยู่ของเขาเลย…
ยิ่งคิดเจ้านวฟ้าบุพกาลก็ยิ่งตระหนก
เนิ่นนานมากแล้วที่เขาไม่มีความรู้สึกเช่นนี้
ตอนนี้มาคิดเรื่องพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่ต้องสู้เท่านั้น
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการกล้ามาปรากฏตัว ย่อมต้องเกิดการต่อสู้ดุเดือดขึ้นแน่นอน
ความรู้สึกดูแคลนในใจของเจ้านวฟ้าบุพกาลถูกสยบลงไปอย่างสิ้นเชิง มองเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอย่างตื่นตัวเต็มที่
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการกลับใจตอนนี้ยังทัน!” มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญตะโกนเสียงทุ้ม
เขาหวั่นวิตกนัก แต่รอบกายมีผู้สร้างมรรคาอยู่มากมายปานนี้ อีกทั้งมีเจ้านวฟ้าบุพกาลอยู่ด้วย เขารู้สึกว่ามีโอกาสเอาชนะได้มากยิ่ง
นับตั้งแต่โบราณมา ผู้สร้างมรรคายังไม่เคยมีร่วมมือกันต่อสู้มาก่อน
ศึกนี้จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่จารึกอยู่ในใจของพวกเขาแน่นอน!
หานเจวี๋ยมองไปที่พวกเขา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าตั้งตารอศึกนี้มาเนิ่นนานนัก จะกลับใจได้อย่างไรเล่า”
พอสิ้นเสียงเขา ความมืดมิดขยายตัวครอบงำไปทั่วดินแดนเวิ้งว้างโดยมีตัวเขาเป็นจุดศูนย์กลาง พริบตาเดียวดินแดนเวิ้งว้างแห่งนี้ก็ตกอยู่ในความมืดมิดอย่างสมบูรณ์
เปลวเพลิงสีแดงร้อนแรงลุกโชนขึ้นรอบกายหานเจวี๋ย ทำให้รูปลักษณ์ของเขาปรากฏเด่นชัดอยู่ท่ามกลางความมืด
ห้าผู้สร้างมรรคามีสีหน้าตกตะลึง ความสามารถนี้มันอะไรกัน
พวกเขารับรู้ได้ว่าตนไม่สามารถเล็ดลอดออกไปจากความมืดมิดนี้ได้ กล่าวอีกนัยคือพวกเขามีแต่ต้องสู้เท่านั้น!
จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ที่เจ้าอารมณ์ที่สุดชิงลงมือเป็นคนแรก เขาเคลื่อนย้ายไปปรากฏด้านหลังของหานเจวี๋ย พลังแห่งกาลเวลามหาศาลไร้สิ้นสุดโถมทับหานเจวี๋ย ฉุดลากเขาสู่วังวนของมิติเวลา
ผู้สร้างมรรคารายอื่นพากันออกโรงแล้ว เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลแปลงกายไปอยู่ในรูปลักษณ์ของขุนพลพินาศ ร่าง ขุนพลพินาศนี้มีดวงตาเก้าดวง รัศมีน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง เขาชกออกไปหนึ่งหมัด พลังเวทที่รวมตัวกันเป็นลูกแสงสีแดงฉานราวกับดวงอาทิตย์พุ่งเข้าใส่หานเจวี๋ย
มหาเทวาพ้นนิวรณ์วาดมือสร้างประตูขึ้น ประตูบานนี้ยืดขยายอย่างรวดเร็ว บานประตูเปิดอ้าออก พายุกาลเวลาอันโกลาหลชวนสิ้นหวังกวาดม้วนออกมา ท่ามกลางคลื่นพายุมีเงามายามากมายนับไม่ถ้วน เงาเหล่านั้นคือผู้แสวงมรรคนับแต่อดีตกาลมา
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญใช้พลังสร้างมือใหญ่มโหฬารขึ้นมาอีกครั้ง ตบเข้าใส่หานเจวี๋ย
เจ้านวฟ้าบุพกาลปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าหานเจวี๋ย
ทั้งสองคนยืนตรงข้ามกัน หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็ก ใกล้กันอย่างยิ่ง พลังอำนาจน่าหวาดหวั่นระเบิดตัวออก วินาทีนั้น ภาพติดตามากมายพลันปรากฏขึ้น ราวกับมีเจ้าแดนต้องห้ามอันธการและเจ้านวฟ้าบุพกาลนับไม่ถ้วนกำลังต่อสู้กันอยู่ สั่นสะเทือนห้วงมิติโกลาหลปั่นป่วน สะบั้นหลุดพ้นจากกระแสพายุรุนแรง บดขยี้มือใหญ่มโหฬารป่นปี้
หานเจวี๋ยตั้งใจสะกดข่มตบะให้อยู่ในระดับผู้สร้างมรรคา เลี่ยงไม่ให้การต่อสู้หมดความสนุกไป แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้เขาก็สามารถสะกดข่มเจ้านวฟ้าบุพกาลอย่างรวดเร็วได้อยู่ดี
ครืน…
กายเนื้อของเจ้านวฟ้าบุพกาลถูกภาพติดตามากมายของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการทำลายล้าง ร่างของทั้งสองพลิกกลับตาลปัตร ราวกับกำลังดิ่งลงสู่หุบเหวลึกไร้ก้น
ท้ายที่สุดแล้วเจ้านวฟ้าบุพกาลซึ่งเป็นผู้สร้างมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุดชูมือขวาขึ้นเหนือศีรษะ เรียกกระบี่ไม้เล่มหนึ่งออกมา กระบี่ไม้เล่มนี้ราวกับสร้างขึ้นมาจากกระดูก เขาตวัดกระบี่ฟันออกไป พลังชีวิตมหาศาลหลั่งไหลออกมา คลื่นยักษ์โถมซัดสาด พฤกษาสูงใหญ่นับไม่ถ้วน บรรพตยิ่งใหญ่เรียงซ้อนชั้นปรากฏกระจายตัวอยู่ทั่วห้วงอวกาศ พุ่งเข้าใส่หานเจวี๋ย
จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์พุ่งลงมาจากด้านบน กฎเกณฑ์เหนือธรรมชาติก่อตัวขึ้นใต้ฝ่าเท้า เป็นแสงเจิดจ้าแยงตา แต่ก่อนที่จะย่ำลงบนศีรษะของหานเจวี๋ยก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นสกัดกั้นเอาไว้
………………………………………………………………