บทที่ 1124 รวมข้าเข้าไปด้วย!
“พลังนี้…แข็งแกร่งจริงๆ!”
หานฮวงคิดด้วยความตื่นเต้นปรีดา นี่คือพลังในแบบที่เขาไม่เคยสัมผัสถึงมาก่อน เขารับรู้ได้ว่าตนมีพลังที่สามารถทำทุกอย่างตามต้องการได้
สื่อหยวนหงเหมิงและหวงจุนเทียนก็ปรีดาจนแทบคลั่งแล้ว ดื่มด่ำในพลังนี้อย่างยิ่ง
ผู้สร้างมรรคาอย่างนั้นหรือ
อีกไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะบรรลุถึงระดับนั้นเช่นกัน!
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการคือหานเจวี๋ยตัวจริง ส่วนอริยะสวรรค์เกรียงไกรคือร่างแยก หานเจวี๋ยทำการสลับตัวระหว่างร่างจริงกับร่างแยกอย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วระดับนี้ต่อให้เจ้านวฟ้าบุพกาลยังอยู่ก็ไม่มีทางสังเกตเห็นเช่นกัน
เมื่อเห็นสามเทพมารอนธการสำแดงพลังเกรียงไกร เหล่าผู้ทรงพลังรายอื่นๆ ก็พากันลงมือ พวกเขาล้วนได้รับพลังจากหานเจวี๋ยเช่นกัน แม้จะสู้ผู้สร้างมรรคาไม่ได้ แต่ก็แข็งแกร่งในระดับครึ่งก้าวสู่ผู้สร้าง
ผู้ทรงพลังแต่ละคนพุ่งเข้าใส่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการดั่งปลาไนว่ายทวนน้ำ
อนธการสิ้นแสงอ้าปากกว้าง ยื่นลิ้นยาวออกมาคิดจะตวัดม้วนผู้ทรงพลังส่วนใหญ่เข้าไป แต่กลับถูกหลบเลี่ยงไปได้สบายๆ
เหตุนี้ทำให้มันร้องคำรามด้วยความหงุดหงิด ร่างกายใหญ่มหึมาสะบัดปัดโดนเศษซากห้วงมิติรอบข้าง
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเผชิญหน้ากับการโจมตีจากสามเทพมารอนธการ แต่กลับไม่ตระหนกเลย รับมือได้สบายๆ
แม้ว่าจะมีพลังระดับผู้สร้างมรรคา แต่คิดจะทำอันตรายเขาก็ยังยากมากอยู่ดี
“เพียงมดปลวกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับความเมตตาจากพลังเหนือธรรมชาติ รนหาที่ตายโดยแท้!”
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการแค่นเสียงเย็นชา ความมืดมิดระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง ทำลายล้างผู้ทรงพลังทั้งหมดที่โจมตีเข้ามา สามเทพมารอนธการเองก็เช่นกัน
แต่วินาทีต่อมาพวกเขาก็ฟื้นคืนชีพกลับมารุมล้อมหานเจวี๋ยอย่างครบถ้วน
พวกเขาเหลียวมองออกไป อริยสวรรค์เกรียงไกรลอยสูงอยู่นอกฟ้าบุพกาลแล้ว แสงเทพจากร่างนั้นมอบความรู้สึกสงบปลอดภัยให้พวกเขาอย่างยิ่ง ราวกับไม่ว่าพวกเขาจะถูกเข่นฆ่าเช่นไรก็ไม่จำเป็นต้องวิตกว่าจะตาย
“สมกับเป็นอริยะสวรรค์เกรียงไกร!”
“แข็งแกร่งนัก! มีความหวังแล้ว!”
“ฮ่าๆๆ มีทางรอดแล้ว!”
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ รอรับความตายเถิด!”
“อริยะสวรรค์เกรียงไกรในตำนานเล่าขานสิถึงจะสมเป็นบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งของฟ้าบุพกาล ชื่อเสียงสมคำร่ำลือ”
“ในอดีตยามจัดงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งแรกขึ้น ตอนนั้นข้ากับบุตรแห่งสวรรค์ทั้งหมดร่วมมือกันท้าทายอริยะสวรรค์เกรียงไกร ตั้งแต่ยามนั้นข้าก็รู้ถึงความต่างระดับแล้ว”
….
หานเจวี๋ยเดินนำอยู่เบื้องหน้า เอ่ยว่า “พวกเจ้าตามหลังข้ามาเถิด”
เมื่อเหล่าผู้ทรงพลังได้ยินก็พากันเหินร่อนลงด้านหลังหานเจวี๋ย ติดตามเขาเข้าไปหาเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
หานฮวงเงยหน้ามอง แววตาซับซ้อน คิดในใจ ‘ท่านพ่อ เหตุใดท่านไม่ปรากฏตัวขึ้นเร็วกว่านี้ หากเป็นเช่นนั้น…’
หานหลิงตายแล้ว เขารู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของตนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ในฐานะพี่ชายการที่ไม่สามารถปกป้องน้องสาวของตนไว้ได้ นับเป็นความล้มเหลวใหญ่หลวงที่สุด
“ฮ่าๆๆ นั่นคือท่านพ่อข้า ท่านพ่อของข้า!”
หานชิงเอ๋อร์ตะโกนด้วยความตื่นเต้น เริ่มแนะนำกับผู้ทรงพลังรอบข้าง เจียงเจวี๋ยซื่อส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
เหล่าผู้ทรงพลังเริ่มพากันประจบประแจงหานชิงเอ๋อร์แล้ว หากเป็นแต่ก่อนพวกเขาอาจจะไม่แยแส แต่ตอนนี้ การมาถึงของอริยะสวรรค์เกรียงไกรนำความหวังและความปรีดามาให้พวกเขามหาศาล พวกเขาไม่สนใจศักดิ์ฐานะอีกต่อไป
“มาเถอะ อริยะสวรรค์เกรียงไกร ให้ข้าได้เห็นพลังของเจ้าหน่อย หากเจ้าต่ำชั้นเช่นเดียวกับเจ้านวฟ้าบุพกาล เช่นนั้นคงน่าเบื่อเกินไป!”
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการหัวเราะอย่างบ้างคลั่ง เจตนาสังหารกวาดม้วนไปทั่วฟ้าบุพกาลดั่งพายุ
หานเจวี๋ยเมินเฉยต่อเจตนาสังหารของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ใช้เจตนาสังหารของตนขับเคลื่อนไปด้านหน้า พายุโหมกระโชกถูกเขาผลักออกไป ห้วงมิติฟ้าบุพกาลพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง
“ฮวงเอ๋อร์ ขึ้นมาเถอะ”
เสียงหานเจวี๋ยพลันแว่วขึ้นข้างหูของหานฮวง หานฮวงเงยหน้ามองขึ้นไปด้วยความตกใจ
หานเจวี๋ยลอยสูงอยู่ด้านบนมองตรงไปด้านหน้า ไม่ได้สบตากับเขา แต่หานฮวงแน่ใจว่าตนไม่ได้ฟังผิด ท่านพ่อเพียงเรียกเขาไปออกโรง
หานฮวงสูดหายใจเขาลึกๆ พลันย่อตัวกระโดดขึ้นไป เหาะขึ้นไปอยู่เคียงข้างผู้เป็นบิดา
“ฮวงเอ๋อร์ พ่อจะถ่ายทอดพลังวิเศษประการหนึ่งให้เจ้าเดี๋ยวนี้”
เสียงของหานเจวี๋ยดังขึ้นอีกครั้ง ความทรงจำมหาศาลประการหนึ่งผุดขึ้นในหัวของหานฮวง วินาทีนั้นเขาเหม่อลอยไปทันที
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
“ที่แท้…”
อารมณ์ของหานฮวงซับซ้อนอย่างยิ่ง ในที่สุดเขาก็เข้าใจเรื่องหนึ่งขึ้นมา
พลังลึกลับที่ช่วยให้เขาไร้พ่ายในอดีตที่ผ่านมา ที่แท้ก็เป็นพลังเวทของท่านพ่อ
มิน่าเล่า…
หานฮวงละอายใจอย่างยิ่ง หลงคิดว่าพึ่งพาตัวเองได้ แต่ความจริงกลับพึ่งพาบิดามาตลอด
“เตรียมออกศึก!”
เสียงของหานเจวี๋ยแว่วดังขึ้นอีกครั้ง สติอารมณ์ของหานฮวงกลับสู่ความเป็นจริง
ทันใดนั้นหานฮวงเบิกตากว้าง มองเห็นร่างหนึ่งปรากฏขึ้นข้างกายเขา เป็นหานหลิง
“น้องสี่ เจ้ายังไม่ตายหรือ”
หานฮวงถามด้วยความดีใจ เสียงสั่นเครือ กลัวว่าตนจะฝันไป
หานหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อคืนชีพให้ข้าเจ้าค่ะ”
“เหตุผลที่ข้าไม่ออกโรง เนื่องจากข้าเก็บเสี้ยววิญญาณของพวกเจ้ารวมถึงเหล่าศิษย์ทั้งหลายเอาไว้หมดแล้ว” เสียงหานเจวี๋ยแว่วขึ้นในหูของสองพี่น้อง
ครืน…
ปฐมยุคประทับนภาปะทุขึ้นมา ขวางอยู่ด้านหน้า กางกั้นพลังอันธการของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการที่ประเดประดังเข้ามา
ลำแสงสายหนึ่งพุ่งลงมาจากฟากฟ้า แยกตัวออกเป็นสองสาย ร่วงลงบนร่างของหานฮวงและหานหลิง ทำให้พลังของพวกเขาระเบิดขึ้นมา
“ดูเหมือนเจตจำนงฟ้าบุพกาลจะเลือกพวกเจ้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็เป็นตัวแทนฟ้าบุพกาลร่วมทำลายล้างเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไปกับพ่อเถิด!”
เสียงของหานเจวี๋ยก้องสะท้อนอยู่ในฟ้าบุพกาล ครั้งนี้ผู้ทรงพลังรายอื่นๆ ก็ได้ยินเช่นกัน
พวกเขามองหานฮวงและหานหลิงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม
พวกเขาล้วนมองเห็นลำแสงสายนั้นที่ร่วงลงมาจากฎเกณฑ์สูงสุด หานเจวี๋ยกล่าวไม่ผิดเลย เจตจำนงฟ้าบุพกาลเลือกพวกเขาจริงๆ
“พวกเจ้าจงสำแดงพลังวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเจ้า โจมตีเจ้าแดนต้องห้ามอันธการพร้อมกัน!”
เสียงของหานเจวี๋ยดังขึ้นอีกครั้ง เหล่าผู้ทรงพลังต่างได้สติกลับมา เมื่อมีร่างใหญ่มโหฬารของหานเจวี๋ยกั้นขวางอยู่ พวกเขาลงมือโจมตีพร้อมกัน พลังเวทแข็งแกร่งเลิศล้ำนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านร่างหานเจวี๋ยเข้าโจมตีเจ้าแดนต้องห้ามอันธการพร้อมกัน
หานฮวงและหานหลิงก็ลงมือเช่นกัน พลังวิเศษที่หานฮวงสำแดงออกไปย่อมเป็นปฐมยุคไร้สิ้นสูญ ส่วนหานหลิงผสานรวมกับกองทหารจักรพรรดินับสิบล้าน ผสานรวมเป็นทหารจักรพรรดิสุดแข็งแกร่งตนหนึ่ง ด้วยความช่วยเหลือของหานเจวี๋ย พลังวิเศษของผู้ทรงพลังหลายพันคนเสริมลงบนร่างทหารจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุด คมดาบแสงทัณฑ์เทพเจ็ดวิถีจากปฐมยุคสิ้นสูญเข้าล้อมพัวพันรอบร่างของทหารจักรพรรดิสุดแข็งแกร่ง พุ่งเข้าโจมตีเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไปด้วยกัน
พลังแห่งฟ้าบุพกาล การโจมตีสุดแข็งแกร่ง!
เมื่อเผชิญกับพลังโจมตีเช่นนี้ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการซัดฝ่ามือข้างหนึ่งออกไป ความมืดมิดกลืนกินห้วงกาลเวลา มารพยาบาทนับไม่ถ้วนร้องคำรามพุ่งตัวออกมา ราวกับมีกำแพงดำทะมึนที่ใหญ่ยิ่งกว่าฟ้าบุพกาลแผ่พุ่งออกไป
ครืน…
แรงโจมตีน่าหวาดหวั่นทำให้กายเนื้อของผู้ทรงพลังที่ได้รับพลังจากเทพผู้สร้างแล้วสั่นสะท้าน เกือบจะพังทลายลงแล้ว ฟ้าบุพกาลยิ่งถูกสั่นคลอนจนพังย่อยยับ แม้แต่ดินแดนเวิ้งว้างก็ปรากฏรอยปริร้าว สายฟ้าแลบแปลบปลาบในห้วงกาลเวลา
“มีความสามารถเท่านี้ก็คิดจะสังหารข้าแล้วหรือ”
“น่าขัน! เป็นเรื่องที่น่าขันเหลือเกิน!”
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการหัวเราะดังลั่นอย่างโอหัง ทำให้ผู้ทรงพลังหลายพันคนมีสีหน้าตกใจ
พลังระดับนี้ยังไม่สามารถทำลายล้างเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้อีกหรือ
พวกเขารับรู้ได้ว่าพลังโจมตีที่ผสานรวมกันแข็งแกร่งอย่างยิ่งแล้ว มองจากที่ฟ้าบุพกาลพังทลายลงก็เพียงพอจะทำให้ทราบแล้ว
“พลังของสรรพสิ่งฟ้าบุพกาลไม่เพียงพอ เช่นนั้นหากรวมข้าไปด้วยเล่า”
ในขณะที่เหล่าผู้ทรงพลังหวั่นวิตกอยู่ เสียงของหานเจวี๋ยพลันดังขึ้น ฉุดรั้งพวกเขาให้มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
เห็นเพียงว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรที่มีร่างใหญ่มโหฬารเช่นเดียวกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการยกมือขึ้น ชี้นิ้วออกไป
“นั่นคือ…”
เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นตื่นเต้นขึ้นมา โดยเฉพาะเหล่าศิษย์ที่มาจากโลกเขย่าพิภพล้วนคุ้นเคยกับกระบวนท่านี้ดีเหลือเกิน
ปีนั้นยามที่มารร้ายออกอาละวาดในแดนมนุษย์ หานเจวี๋ยยืนอยู่บนยอดเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ขวางกั้นโลกเขย่าพิภพไว้ ทำลายล้างเหล่ามารร้ายด้วยดัชนีเดียว ช่วยเหลือสรรพสิ่งให้พ้นภัย
ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!
ดัชนีกระบี่ที่ผสานพลังแห่งเทพผู้สร้างไว้พุ่งออกไป ปราณกระบี่สายนั้นแผ่พุ่งผ่านด้านบนของทหารจักรพรรดิสุดแข็งแกร่งไป แรงโจมตีทรงพลังมหาศาล ยิ่งใหญ่เกินกว่าฟ้าบุพกาลและกำแพงอันธการ!
………………………………………………………………