ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 1139 หานเหลียง

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1139 หานเหลียง

“ความรู้สึกนี้…เทพมารอนธการ…ไม่ถูก ไม่ใช่เทพมารอนธการแต่กลับทำให้เกิดเสียงเพรียกหาผ่านสายเลือดของข้าได้ จะต้องเป็นเชื้อสายตระกูลหานแน่นอน…”

หานฮวงทอดสายตามองทะลุผ่านอนธการออกไป มองไปที่มรรคาสวรรค์

ในเวลานี้ ภายในอาณาเขตเต๋าของหานอวิ๋นจิ่น หานอวิ๋นจิ่นเร่งเดินเข้าสู่เรือนนอนหลังหนึ่งโดยเร็ว เขาปรากฏตัวขึ้นข้างเตียงไม้ มองสตรีที่อยู่บนเตียง

ฝ่ายสตรีมีสีหน้าทุกข์ทรมาน มีเหงื่อโทรมไม่หยุด สองมือนางกุมอยู่ตรงหน้าท้อง มีแสงสีแดงแผ่ออกมาจากครรภ์ ส่องให้เห็นเส้นเลือดและเส้นชีพจรใต้ผิวหนังได้อย่างชัดเจน มองเห็นทารกที่อยู่ในครรภ์กำลังดีดดิ้นอย่างรุนแรง

“ท่านพี่…”

พอเทวีหยวนเซิ่งเห็นหานอวิ๋นจิ่นก็เอ่ยเรียกด้วยสีหน้าทรมาน

หานอวิ๋นจิ่นขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น คลอดไม่ได้อย่างนั้นหรือ”

แววตาของเทวีหยวนเซิ่งเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางเอ่ยเสียงสั่น “เขากำลังดูดซับพลังเวทของข้า ฝืนจะคลอดออกมา ข้าควบคุมพลังเวทไม่ได้แล้ว…”

นางให้กำเนิดบุตรแก่หานอวิ๋นจิ่นสิบกว่าคนแล้ว แต่ไม่เคยเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

หานอวิ๋นจิ่นยื่นมือแตะหน้าท้องของเทวีหยวนเซิ่ง คิดจะใช้พลังเวทของตนเคลื่อนย้ายบุตรออกมา แต่เมื่อพลังเวทของเขาสัมผัสครรภ์พลันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกร้อนลวกอย่างชัดเจน ทำให้เขาตกใจดึงพลังเวทกลับมาตามสัญชาตญาณ

เป็นไปได้อย่างไรกัน!

เขาเป็นอริยะมหามรรคเชียวนะ!

เพียงทารกที่ยังไม่ถือกำเนิดคนหนึ่งทำร้ายเขาได้แล้วอย่างนั้นหรือ

หานอวิ๋นจิ่นไม่อยากจะเชื่อ ทดลองดูอีกครั้ง แต่ความรู้สึกร้อนลวกนั้นแรงกล้าเกินไปแล้วจริงๆ ถึงขั้นที่แผ่ไปถึงดวงวิญญาณเลย

ตอนนี้ หานอวิ๋นจิ่นก็ตระหนกขึ้นมาแล้วเช่นกัน

ในเวลานี้เอง เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างกายหานอวิ๋นจิ่น เป็นหานเจวี๋ยนั่นเอง

ม่านตาหานเจวี๋ยหดตัววูบ เคลื่อนย้ายทารกออกมา เทวีหยวนเซิ่งหวีดร้อง ทรุดฮวบลงบนเตียง หานเจวี๋ยยื่นมือซ้ายไปรับตัวทารกไว้ โบกมือขวาคราหนึ่ง ใช้พลังเทพผู้สร้างฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้เทวีหยวนเซิ่ง

พอเห็นหานเจวี๋ย หานอวิ๋นจิ่นก็โล่งใจ เขาไม่สนใจเรื่องมารยาทแล้ว รีบเข้าไปตรวจดูอาการของเทวีหยวนเซิ่ง

หานเจวี๋ยก้มหน้ามองทารกในมือ ตัวเล็กกว่าทารกชาวมนุษย์ทั่วไป ตัวโตเท่าฝ่ามือเท่านั้น เปล่งแสงสีแดงออกมาทั่วร่าง บนใบหน้ามีรอยยิ้มแปลกพิสดาร

หลังจากทารกน้อยถือกำเนิดก็ไม่ได้ร้องงอแง กลับยื่นสองมือออกมา ชูเข้าหาหานเจวี๋ย หัวเราะคิกๆ ชวนให้คนขนลุก

สีหน้าหานเจวี๋ยเรียบเฉย แจ้งเตือนแถวหนึ่งยังปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา

[เทพมารที่ไม่รู้จัก : สิ่งมีชีวิตใหม่แห่งยุคสมัยไร้สิ้นสุด ได้รับการวิวัฒนาการขึ้นจากกฎเกณฑ์พื้นฐานของดินแดนเวิ้งว้าง ผสานสัญชาตญาณในการทำลายทุกสิ่งไว้ เพื่อสลายอุปสรรคขัดขวางสำหรับดินแดนเวิ้งว้าง คุณสมบัติของเขาเทียบชั้นได้กับเทพมารอนธการ]

ในที่สุดก็มีสายเลือดรูปแบบใหม่ถือกำเนิดขึ้น…

ทุกยุคสมัยล้วนจะมีเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันออกไป มีความเป็นไปได้ที่คุณสมบัติในยุคสมัยไร้สิ้นสุดจะเหนือกว่าที่ผ่านมา

รอจนหานอวิ๋นจิ่นเดินกลับมา หานเจวี๋ยก็ยื่นบุตรชายของเขาคืนให้แก่เขา

สำหรับคุณสมบัติของเด็กคนนี้ หานเจวี๋ยไม่คิดจะผนึกไว้

หากมีคุณสมบัติที่เพียงทัดเทียมกับเทพมารอนธการก็ยังไม่เพียงพอจะทำลายล้างยุคสมัยไร้สิ้นสุดได้

“เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา เจ้าต้องอบรมสั่งสอนให้ดี”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างมีนัยลุ่มลึก หลังจากเด็กคนนี้ถือกำเนิดขึ้น พลังในร่างกลับมิได้แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ประเด็นหลักคือก่อนหน้านี้ที่อยู่ในครรภ์มารดายังคงได้รับการคุ้มครองจากกฎเกณฑ์พื้นฐานอยู่

หานอวิ๋นจิ่นมองบุตรชายที่อยู่ในมือ ความรู้สึกซับซ้อน เหตุการณ์เมื่อครู่ยังคงทำให้เขาหวั่นใจอยู่

เขาอดเอ่ยถามไม่ได้ “ท่านพ่อ จะไม่มีปัญหาตามมาจริงๆ หรือขอรับ”

“มี ดังนั้นจึงต้องการให้เจ้าอบรมสั่งสอน”

พอเอ่ยจบ หานเจวี๋ยก็เลือนหายไป

ถือกำเนิดพร้อมสัญชาตญาณในการทำลายล้างทุกสิ่ง ดูเหมือนจะน่ากลัว แต่ก็ไม่แน่เช่นกัน ไม่ว่าเรื่องราวใดล้วนมองกันได้สองด้านทั้งสิ้น

ดีร้ายอย่างไรก็เป็นหลานชายของตน หานเจวี๋ยย่อมไม่อาจสังหารตัดตอนได้

เทวีหยวนเซิ่งที่ได้รับการรักษาจากพลังแห่งเทพผู้สร้างแล้ว เดินเข้ามาหยุดข้างกายหานอวิ๋นจิ่น รับตัวบุตรชายไป ไม่ได้หวาดกลัวเช่นก่อนหน้านี้แล้ว มีเพียงสีหน้ารักใคร่ถนอม นางเอ่ยเสียงเบา “เมื่อครู่บิดาของท่านกล่าวไว้หมดแล้ว จำเป็นต้องอบรมสั่งสอนให้ดี ไม่ว่าจะเป็นเด็กคนใดก็ล้วนเดินไปผิดทางได้ทั้งนั้น พวกเราไม่ควรเป็นกังวลกับเขาจนเกินไป เลี้ยงเขาเหมือนเด็กทั่วไปเถิด”

หานอวิ๋นจิ่นเงียบงัน

ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด เขานึกถึงหานฮวงในช่วงมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด หรือว่าบุตรชายของเขาก็จะหัวรุนแรงเช่นนั้นเหมือนกัน

….

ณ แดนเซียน เหนือสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เมฆหมอกลอยอวล หน้าประตูสวรรค์บานที่ตั้งอยู่บนยอดเมฆา ฉู่เสี่ยวชียืนเข้าเวรอยู่

เขาลูบหน้าอกของตน ขมวดคิ้วแน่น

“เกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกนี้คืออะไรกัน”

ฉู่เสี่ยวชีรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างน่าประหลาด รู้สึกว่าหนาวสะท้านไปถึงวิญญาณ ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน

ทหารเซียนที่อยู่ด้านข้างสอบถามเขาด้วยความห่วงใย ถามว่าเขาต้องการไปพักหรือไม่ ตัวเขาเองก็ไม่ได้ฝืนยืนหยัดเช่นกัน หลังจากเอ่ยฝากฝังแล้วก็ขอตัวอำลาไป

เมื่อกลับถึงที่พักของตน ฉู่เสี่ยวชีโคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บ ผลคือเพิ่งจะโคจรพลัง ความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นก็หายไปแล้ว

“น่าประหลาด…”

ฉู่เสี่ยวชีไม่เข้าใจ

ในช่วงเวลาหลังจากนั้น เขาตื่นตัวอยู่ระยะหนึ่ง แต่เมื่อผ่านไปนานเข้า ความรู้สึกนี้กลับไม่เคยปรากฏขึ้นมาอีก ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจต่อ

ไม่ใช่เพียงเขาเท่านั้น เชื้อสายทั้งหมดของตระกูลหานล้วนรับรู้ได้ทั้งสิ้น

สิบเทวดาราก็กลับสู่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม มาเข้าพบหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเพียงเอ่ยประโยคหนึ่งออกไปโดยไม่มองพวกเขาเลย “ภายภาคหน้าจะรู้เอง”

สิบเทวดาราสับสนงุนงง ไม่นานนักพวกเขาก็ออกจากอาณาเขตเต๋าไปอีกครา พวกเขาก็มีภารกิจใหญ่หลวงของตนที่ต้องจัดการเช่นกัน

หานเจวี๋ยเฝ้าสังเกตการณ์บุตรชายคนนั้นของหานอวิ๋นจิ่นอยู่เงียบๆ ตั้งชื่อให้ว่าหานเหลียง

นามนี้…

ช่างมีคุณธรรมนัก!

หานเหลียงสดใสร่าเริงมาตั้งแต่เด็ก ชอบเล่นซุกซนไปทั่ว ทำให้หานเจวี๋ยอดนึกถึงเจ้าหนูนาจาในเทวตำนานขึ้นมาไม่ได้

เรื่องราวของนาจาจางหายไปจากประวัติศาสตร์เนิ่นนานแล้ว แต่หานเจวี๋ยยังคงจดจำได้ ทุกยุคสมัยล้วนจะมีเด็กที่เป็นเช่นเดียวกับนาจาถือกำเนิดขึ้น เป็นมนุษย์ที่มีคุณสมบัติขัดกับธรรมชาติ แต่ก็ยังคงถูกผูกไว้กับมาตรฐานศีลธรรมของมนุษย์ธรรมดา

ถึงแม้หานเหลียงจะชอบเล่นซุกซน แต่ภายใต้การดูแลของหานอวิ๋นจิ่นแล้ว เขาไม่เคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์เลย

มองจากปัจจุบันนี้ ยากจะจินตนาการได้ว่าเด็กน้อยคนนี้ถือกำเนิดมาพร้อมกับคุณสมบัติในการทำลายล้างทุกสิ่ง

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็บังเกิดความคิดอาจหาญอย่างหนึ่งขึ้น

จะใช้สวรรค์ประทานโชคดีหรือไม่

ไม่แน่ว่าอาจจะเพิ่มพรสวรรค์ให้แก่หานเหลียงก็เป็นได้

หานเจวี๋ยสอดส่องอนาคตหานเหลียงดู อนาคตของหานเหลียงมีมากมายหลายทางนัก ส่วนใหญ่ล้วนมุ่งสู่เส้นทางชั่วร้าย เป็นเช่นเดียวกับหานฮวง เพียงแต่ก็มีอนาคตที่เขายังรักษาสติสัมปชัญญะและศีลธรรมพื้นฐานไว้ได้ ถึงขั้นที่มีอนาคตสำเร็จเป็นอริยะด้วย เป็นอริยะที่ตรงตามความหมายอย่างแท้จริง เมตตาโปรดสรรพสิ่ง

น่าสนใจอยู่บ้าง

ถือกำเนิดมาเพื่อทำลายล้าง แต่เมื่อออกท่องแดนมนุษย์ กลับเดินบนเส้นทางแห่งเมตตาธรรม

หานเจวี๋ยเกิดความรู้สึกสนใจในตัวหานเหลียงขึ้นมาเล็กน้อย

ส่วนเรื่องสวรรค์ประทานโชค เก็บเอาไว้ก่อนดีกว่า ในอนาคตพอครบร้อยครั้งแล้วค่อยใช้ทีเดียว

เหล่าลูกหลานที่บรรลุถึงระดับอริยะมหามรรคเหล่านั้นล้วนทราบถึงตัวตนของหานเหลียง การเพรียกหาผ่านสายเลือดที่หานเหลียงกระตุ้นขึ้นมาสร้างแรงกดดันให้มากเหลือเกิน ด้วยเหตุนี้ตลอดระยะเวลาที่หานเหลียงเติบโตขึ้น มักจะมีเผ่ามนุษย์บางส่วนมาเยี่ยมเยือนชมตัวเขาที่เป็นของแปลกใหม่อยู่เป็นระยะ

คนที่ดีต่อเขาที่สุดคือหานชิงเอ๋อร์ หานชิงเอ๋อร์ยังพาเขาออกไปเที่ยวเล่นด้วย

พันปีต่อมา รูปลักษณ์ภายนอกของหานเหลียงยังคงดูเหมือนเด็กน้อยวัยห้าหกขวบ ราวกับจะไม่เติบโตไปตลอดกาล

หานเหลียงกลับไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องนี้เลย เขาก็เป็นเช่นเดียวกับหานฮวง ไม่สนใจแนวคิดของสรรพสิ่งทั่วไป

ในวันนี้เอง

หานเหลียงกำลังเที่ยวเล่นอยู่บนเขาเทพปู้โจว บนเขามีหานอวี้อยู่ หานอวิ๋นจิ่นยังคงไว้วางใจยิ่งนัก

วังวนดำสายหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้าหานเหลียง มือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นออกมาจากความมืด ต้องการคว้าตัวหานเหลียงไป เด็กคนนี้ยังไม่ทันได้เปล่งเสียงก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

หานอวี้ปรากฏตัวขึ้นในทันใด มุดเข้าสู่วังวนดำอย่างรวดเร็ว ไล่ตามไป

นี่คือท่านบรรพชนน้อยของเขาเชียวนะ จะปล่อยให้หายตัวไปในเขตเขาเทพปู้โจวไม่ได้!

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท