บทที่ 49 การแต่งงานระหว่างคนรวย ไม่จำเป็นต้องมีความรักเสมอไป
ซูจิ่วเอ๋อร์ได้รับวีแชทจากเพื่อนสนิท ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับทันที “ได้ ไม่มีปัญหา เธอวางใจเถอะ! ”
คิดสักนิด แล้วพูดเสริมอีก “ใช่แล้วรั่วฉิง ยังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกเธอ ช่วงนี้เธออยู่ที่เมืองหลินชวนต้องเพิ่มความระมัดระวัง มีอิทธิพลสองฝ่ายกำลังสืบภูมิหลังของเธอ ฝ่ายหนึ่งค่อนข้างสืบหาออกมาได้ง่าย เป็นแม่ของลี่ถิงเซิ่ง แต่ว่าอะไรเธอก็สืบหาออกมาไม่ได้ ไม่มีผลลัพธ์ใดกลับมา ส่วนอีกฝ่ายหนึ่ง….”
ซูจิ่วเอ๋อร์นึกถึงก่อนหน้านี้ที่ลูกน้องของตระกูลซูรายงานกับเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณผู้หญิง ยังมีอีกฝ่ายที่กำลังตามสืบเรื่องคุณสวี่รั่วฉิง แต่ว่า…พวกเราไม่อาจสืบได้ถึงฐานะที่แท้จริงของพวกเขา”
ซูจิ่วเอ๋อร์ฟังจบ สีหน้าจริงจัง
เมืองหลินชวนอิทธิพลมากที่สุด ที่สามารถหลบซ่อนตระกูลซูได้เกรงว่านอกจากตระกูลลี่แล้วก็ไม่มีใครอีก
แม่ของลี่ถิงเซิ่งคุณนายลี่เกรงว่าคงไม่สามารถโยกย้ายระดมเส้นสายที่แท้จริงของตระกูลลี่ได้โดยตรง…..
ซูจิ่วเอ๋อร์คิดมาถึงตรงนี้ ชะงักครู่หนึ่ง น้ำเสียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“รั่วฉิง อีกฝ่ายฉันคาดเดาด้วยตัวเอง อาจจะเป็นคนของลี่ถิงเซิ่ง เกรงว่าเขากำลังตามสืบเธอมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าตอนนี้สืบหาไม่พบถึงฐานะที่แท้จริงของเธอ แต่ฉันก็รับรองไม่ได้ว่าภูมิหลังปลอมที่ตระกูลซูทำให้เธอจะรักษาให้คงอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”
สวี่รั่วฉิงมองวีแชทที่ซูจิ่วเอ๋อร์ส่งกลับมานึกถึงในรถวันนี้ การซักถามของลี่ถิงเซิ่ง
“ขอบคุณเธอ จิ่วเอ๋อร์ ฉันเองก็จะระมัดระวัง หลังการแก้แค้นจบลงแล้วก็จะไปจากเมืองหลินชวน”
สวี่รั่วฉิงวางโทรศัพท์ลง เงยหน้าขึ้นมองเพดานอย่างเลื่อนลอย
อุณหภูมิบนริมฝีปากราวกับยังไม่จางหายไป
……
นับตั้งแต่ที่หลังจากสวี่รั่วยีเข้าพักในบ้านพักของลี่ถิงเซิ่งแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่กลับมาถึงคฤหาสน์เซียวซาน คฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลสวี่ที่ตั้งอยู่ในเมืองหลินชวน
กลับมาถึงบ้าน เธอก็เอากระเป๋าที่อยู่ในมือโยนลงบนพื้นด้วยความโกรธ
เมื่อครู่ตอนที่อยู่บนรถของหลี่อาน เธอพยายามระงับความโกรธของตัวเอง ไม่ได้แสดงออกมา
หลี่อานเป็นผู้ช่วยและเลขาที่มีความสามารถมากที่สุดของลี่ถิงเซิ่ง ติดตามข้างกายของลี่ถิงเซิ่งอยู่ตลอด ยาวนานถึงหกปี!
ถ้าเธอแสดงออกต่อหน้าหลี่อานว่ามีปัญหา เกรงว่าความคิดไม่พอใจของลี่ถิงเซิ่งที่มีต่อเธอจะยิ่งมากขึ้น
คุณนายสวี่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ก็ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมา เอ่ยถาม “ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น? เสียงดังขนาดนี้? คนรับใช้ในบ้านทำอะไรกันอีกแล้ว? โง่เง่าที่สุด”
สาวใช้เอ่ยตอบ “คุณท่าน เป็นคุณผู้หญิงกลับมาแล้ว”
พอคุณนายสวี่ได้ฟัง เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ “กลับมาแล้ว? เธออยู่ด้วยกันกับถิงเซิ่ง อยู่ดีๆ กลับมาทำอะไร? ”
คุณนายสวี่พูดจบ ก็เร่งรีบดึงเสื้อคลุมผ้าไหมแท้มาผูกไว้บนร่าง
ในห้องรับแขก สวี่รั่วยียังคงกำลังระบายอารมณ์
เธอหยิบแก้วมาใบหนึ่งแล้วโยนลงไปบนพื้นหินอ่อน ด้านหนึ่งทุบ ด้านหนึ่งด่าทอ “เธอนับเป็นตัวอะไร อาศัยอะไรมาแย่งชิงผู้ชายกับฉัน! ผู้หญิงคนหนึ่งที่ภูมิหลังไม่มีอะไรเลย มีชื่อเสียงอยู่ที่ต่างประเทศนิดหน่อยก็กล้ากลับมาจับผู้ชายรวย! ยังกล้ามาพูดแบบนั้นกับฉัน! ”
สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างไม่กล้าหายใจแรง กลัวว่าสวี่รั่วยีจะเอาอารมณ์มาระบายใส่ตนเอง
สวี่รั่วยีในเวลาปกติยังนับว่าหน้าตาค่อนข้างอ่อนโยน เวลานี้ดุร้ายมากเป็นพิเศษ
โมโหแทบตายแล้ว! แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครกล้าพูดแบบนี้กับเธอ!
แต่ก่อนถึงแม้ว่าลี่ถิงเซิ่งจะพาเพื่อนสาวเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่ว่าเธอไม่เคยจะไปสนใจ!
ลี่ถิงเซิ่งแต่ไรมาก็ไม่สนใจดาราสาวพวกนั้น ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นสวี่รั่วยีจะส่งคนไปดูหมิ่นพวกเธอ ชายหนุ่มก็ไม่เคยพูดอะไร
แต่ว่าวันนี้ไม่เหมือนเดิม!
เขาไม่เพียงใส่ใจหญิงแพศยาแอนนาคนนั้นอย่างมาก ถึงขั้นยังเอ่ยปากเพื่อเธอ ช่วยเธอขับไล่ตนเองไป
สวี่รั่วยียิ่งคิดยิ่งโกรธเกรี้ยว เธอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ได้ข้อมูลมา แอนนามีลูกสองคน มุมยกขึ้นเป็นรอยยิ้มร้ายกาจเยียบเย็น
ลูกสองคนใช่ไหม?
ไม่ว่าจะเป็นเธอคลอดออกมาเอง หรือว่ารับเลี้ยง
ในเมื่อพามาอยู่ข้างกายตลอด เช่นนั้นจะต้องใส่ใจอย่างยิ่ง
เช่นนั้นก็อย่าได้โทษเธอว่าลงมือเหี้ยมโหด
“รั่วยี” เสียงผู้หญิงที่เข้มงวดดังขึ้นมา ก็คือคุณนายสวี่
เธอเห็นถ้วยน้ำชาโบราณทั้งยังมีเศษแจกันที่อยู่บนพื้น เหลือบตาไปมองคนรับใช้ในบ้านที่โง่เง่าไม่กล้าขึ้นไปด้านหน้า “ไร้ประโยชน์ ตระกูลสวี่เลี้ยงพวกเธอไว้เพื่ออะไร? คุณผู้หญิงทำของแตก พวกเธอไม่รู้จักเข้าไปเก็บกวาดหรือไง? ”
เอ่ยจบ คุณนายสวี่มองลูกสาวที่ใบหน้าแดงก่ำ กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “รั่วยี ลูกมาที่ห้อง แม่มีคำถามจะถามลูก”
หลังจากสวี่รั่วยีและคุณนายสวี่กลับมาถึงห้อง ก็ร้องไห้ออกมายกใหญ่
หลังจากที่เธอเอาเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้เอ่ยเสริมเติมแต่งเล่าให้คุณนายลี่ฟังรอบหนึ่ง ก็พูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ผู้หญิงแพศยาคนนี้ไม่ใช่ว่ามีลูกสองคนอยู่พอดีหรือ? ลูกก็อยากจะดูว่าในใจของเธอ ลูกสองคนสำคัญ หรือว่าลี่ถิงเซิ่งสำคัญ”
“ก่อเรื่อง! ” คุณนายสวี่ตวาด “ปกติแม่สอนลูกยังไง? ลูกยังกล้าไปเอาลูกของแอนนาทุบตีอีกหรือ?”
คุณนายสวี่อาศัยความแผนการของตนเอง กลายมาเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลสวี่ ตลอดเส้นทางไม่รู้ว่าพบเจอหญิงสาวที่คิดจะล่อลวงสามีของตนมามากน้อยแค่ไหน แต่ว่าเธอยังนั่งอยู่ในตำแหน่งคุณนายตระกูลสวี่ได้อย่างมั่นคง ก็เป็นเพราะว่าฝีมือของเธอเหี้ยมโหด
หญิงสาวฝีมือเหี้ยมโหด เข้าใจชัดเจนว่าเวลานี้สวี่รั่วยีต้องการทำอะไร โง่ในความโง่!
“คืนนี้ลูกคิดสั่งสอนแอนนาแล้วล้มเหลว ทำไมล่ะ” คุณนายสวี่มองลูกสาวตัวเองอย่างคนไม่มีคุณค่า ว่ากล่าว “เพราะว่าตอนนี้ลี่ถิงเซิ่งให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนนี้! ในเวลานี้ ลูกยังกล้าเอาลูกทั้งสองคนนั้นของเธอมาลงมีดอีก ลูกไม่กลัวว่าแอนนาจะเอาเรื่องนี้ไปเปิดโปงต่อหน้าลี่ถิงเซิ่งหรือไง? ถึงตอนนั้นสถานการณ์ที่ไม่ดีอยู่แล้วของลูกก็จะกระอักกระอ่วนยิ่งกว่าตอนนี้! ”
สวี่รั่วยีทั้งตัวแข็งค้าง
“เช่นนั้นลูกควรทำอย่างไร? ” เธอไม่ยินยอม เธอไม่อยากเอาผู้ชายของตนเองยกให้ไปอย่างง่ายดายเช่นนี้
เธอใช้เวลามานานขนาดนี้ วางแผนอย่างตั้งใจถึงได้กำจัดสวี่รั่วฉิงออกไป ตอนนี้ก็มีแอนนาออกมาอีกคน
คุณนายสวี่เหลือบมองลูกสาวตัวเอง “อย่างน้อยในช่วงนี้ไม่สามารถจัดการเธอได้ ลูกกับแอนนาเพิ่งจะเกิดความขัดแย้งกันไป คนข้างกายของเธอก็เกิดเรื่องขึ้นทันที ลูกก็คือเป้าหมายแรกทที่จะถูกสงสัย”
“แต่ลูกก็คงไม่อาจนั่งรอโดยไม่ทำอะไรเลยได้นะ! ”
สวี่รั่วยีในใจร้อนรุ่ม นับตั้งแต่แอนนาปรากฏตัวขึ้น ความไม่สงบของเธอยิ่งมากขึ้น ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนลี่ถิงเซิ่งก็ยิ่งห่างจากตนเองออกไปไกลเรื่อยๆ
“ยาที่ครั้งก่อนแม่ให้ลูก เก็บไว้ดีหรือยัง? ” คุณนายสวี่พลันเอ่ยถาม เบนหัวข้อสนทนา
สวี่รั่วยีชะงักไป “วางไว้ในตู้เซฟในห้องของลูก ถิงเซิ่ง ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน”
คุณนายสวี่ครุ่นคิดเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแปลกๆ
การแต่งงานระหว่างครอบครัวร่ำรวย ไม่จำเป็นต้องมีความรักเสมอไป
ขอเพียงมีลูกก็ได้แล้ว
“รอจนผ่านช่วงนี้ไปก่อน หาโอกาสที่เหมาะสม ใช้ยานั่นเสีย ไม้กลายเป็นเรือไปแล้ว ถึงเวลานั้นลี่ถิงเซิ่งถึงแม้จะอยากหลบเลี่ยง ก็ต้องเห็นแก่หน้าพวกเราตระกูลสวี่สามส่วน”
……
วันรุ่งขึ้น สื่อใหญ่ของเมืองหลินชวนคลื่นลมสงบ ราวกับว่างานเลี้ยงส่วนตัวของสามีภรรยาฮิลล์เมื่อวานนี้ ไม่ได้เกิดคลื่นลมอะไรขึ้น
หลี่อานผ่อนลมหายใจ เขากลัวว่าจะมีสื่อมวลชนที่มองข้ามความหวังดีของผู้อื่น นำเรื่องเมื่อคืนเปิดเผยต่อสาธารณะ
ถึงตอนนั้นยังไม่รู้ว่าข่าวซุบซิบที่เกี่ยวกับประธานลี่จะเผยแพร่ไปรุนแรงแค่ไหน
สวี่รั่วฉิงย่ำรองเท้าส้นสูงมาถึงบริษัท ค่อยๆ มองไปที่หลี่อานที่กำลังเช็ดเหงื่อสายตาหนึ่ง แปลกใจเล็กน้อย “ผู้ช่วยหลี่ คุณยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องทำงานทำอะไร? ”
พูดไป สวี่รั่วฉิงก็ผลักประตูห้องทำงานออก
ที่เข้ามาในสายตาก็คือชายหนุ่มที่สวมชุดสูทที่หันหลังให้ตนเอง