บทที่ 1153 ความห่างเหิน
“เจ้ายุ่งอะไรกับข้าด้วย”
หานเหลียงแค่นเสียงใส่ ในใจเปี่ยมความหวาดระแวง อีกฝ่ายพุ่งเป้ามาหาเขา มีโอกาสสูงที่จะลงมือ
เจ้าแห่งกาลเวลาเอ่ยเสียงเรียบ “ข้ามาเพื่อชี้ทางเจ้า ไม่อาจปล่อยให้เจ้าถ่วงรั้งพรสวรรค์ของตนได้”
“โอหัง ข้าก็อยากเห็นนักว่าเจ้าจะชี้ทางข้าอย่างไร!”
เจตนาสังหารแผ่ออกมาจากดวงตาของหานเหลียง
ทันใดนั้นเจ้าแห่งกาลเวลาหายวับไป เสียงก้องสะท้อนอยู่ในอากาศ “หานเหลียง ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะเข้าใจเอง ข้ามิใช่ศัตรูของเจ้า ภายภาคหน้าข้าและเจ้าจะตกลงทำงานร่วมกัน รอจนเจ้ามองทะลุถึงความสามารถที่ตนมีเจ้าก็จะเข้าใจเอง
“พบกันครั้งหน้า หวังว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น เมื่อถึงเวลานั้น ข้าไม่มีทางโน้มน้าวด้วยวาจาดีๆ เช่นครานี้อีก”
หานเหลียงขมวดคิ้วแน่น อาณาเขตพลังเวทที่กางครอบนภาสลายลง หลงเฮ่าปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขาทันที
หลงเฮ่าถาม “เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น จู่ๆ เหตุใดถึงสำแดงพลังเวทเล่า”
หานเหลียงก็ไม่ปิดบัง บอกเล่าเหตุการณ์ที่ตนเผชิญกับเจ้าแห่งกาลเวลาออกมา
หลงเฮ่าขมวดคิ้ว
เพียงได้ยินนามนี้ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายมิใช่คนดีมีเมตตา
พลังของหานเหลียงน่าพรั่นพรึงนัก แต่ไม่สามารถทำอันตรายอีกฝ่ายได้
ยุคสมัยไร้สิ้นสุดปรากฏผู้แข็งแกร่งระดับนี้ขึ้นแล้วหรือ
หลงเฮ่าเอ่ยเสียงเครียด “ไปหาอาจารย์กันเถอะ”
“ท่านปู่หรือ”
ดวงตาหานเหลียงเปล่งประกาย ใช่แล้ว บนโลกนี้ไม่มีผู้ใดหรือเรื่องราวใดที่ท่านปู่จะไม่ทราบ
….
ณ อาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
เขาเรียกหานเหลียงที่รออยู่ด้านนอกเข้ามา ถึงแม้ในอารามเต๋าจะมีร่างแยกอยู่ แต่ตามปกติแล้วร่างแยกไม่ยุ่งกับเรื่องในส่วนนี้ เพียงรับผิดชอบเรื่องอนุญาตผ่านเข้าออก คอยเฝ้าดูแลอาณาเขตเต๋าเท่านั้น
หานเหลียงรอมาหลายแสนปีแล้ว หลังจากเข้าสู่อารามเต๋า เขาทำความเคารพอย่างอ่อนน้อม
ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด พออยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ยเขารู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง
ในช่วงเวลาที่เฝ้ารอคอยอยู่ทำให้เขาตระหนักได้ว่าสายสัมพันธ์ระหว่างเขาและหานเจวี๋ยไม่ใช่แค่ปู่หลานเท่านั้น ยังมีช่องว่างที่ยากจะข้ามผ่านไปได้อยู่ระหว่างคนทั้งสองด้วย
หลังออกจากที่นี่ไปเขาถึงได้ทราบว่าท่านปู่เก่งกาจเหลือเกิน
หานเจวี๋ยถามด้วยรอยยิ้ม “มีเรื่องใดกัน”
หานเหลียงสูดหายใจลึกๆ พยายามสงบจิตใจ เงยหน้าเอ่ยถาม “ท่านปู่ ท่านรู้จักเจ้าแห่งกาลเวลาหรือไม่ขอรับ”
“รู้จักสิ”
“เขาคือผู้ใดกันแน่ขอรับ”
“เขาคืออาจารย์ลุงคนหนึ่งของเจ้า แต่ถูกสะบั้นตัดขาดบ่วงกรรมไปแล้ว ไม่มีผู้ใดจดจำเขาได้อีก เสมือนเขาไม่เคยมีตัวตนมาก่อน”
หานเจวี๋ยเอ่ยตอบ น้ำเสียงเขาสบายๆ ยิ่ง ราวกับกำลังเล่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
หานเหลียงเบิกตากว้าง ไม่คิดเลยว่าเจ้าแห่งกาลเวลาที่แสนลึกลับจะมาจากสำนักเดียวกัน สำนักซ่อนเร้นน่ากลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ตั้งแต่เล็กจนโต ศิษย์สำนักซ่อนเร้นที่เขาเคยพบพานล้วนใจดีมีเมตตายิ่ง ทำให้เขามองข้ามรากฐานอันน่าพรั่นพรึงของสำนักซ่อนเร้นไป
หานเหลียงถาม “ท่านปู่ ข้าควรทำอย่างไรดีขอรับ”
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เจ้าคิดไว้ว่าอย่างไรเล่า”
“ข้าย่อมไม่พึ่งพาเขา ถึงแม้เขาจะเป็นอาจารย์ลุง แต่เขาคิดจะมาสั่งสอนข้าคิดว่าคงมีแผนร้ายอยู่”
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องพึ่งเขา”
“แต่ข้าสู้เขาไม่ได้…”
“เช่นนั้นก็คิดหาทางสู้เขาให้ได้…”
“ข้า…”
หานเหลียงถูกตอกกลับจนอึกอักพูดไม่ออก
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เจ้ามาหาข้าเพราะอยากสอบถามความเป็นมาของเขาหรือว่าต้องการให้ข้าช่วยจัดการเขาแทนเจ้ากันเล่า”
หานเหลียงเงียบไป
เขาอยากพูดออกไปยิ่งนักว่าอยากให้จัดการเจ้าแห่งกาลเวลา แต่เขารู้ดีว่าไม่อาจเอ่ยวาจานี้ออกไปได้
หากพูดออกไปจะขายหน้าเหลือเกิน!
เขาเป็นถึงยอดมหามรรคแล้ว เป็นสุดยอดบุตรแห่งสวรรค์ผู้แข็งแกร่งที่ได้รับการยอมรับจากทั่วหล้า แต่เมื่อเผชิญกับปัญหาลำบากกลับต้องมาขอให้ท่านปู่ช่วยจัดการอย่างนั้นหรือ
หากข่าวแพร่ออกไป เขาจะทำตัวอย่างไรเล่า
แล้วท่านปู่จะมองเขาอย่างไร
อีกทั้งจากท่าทีของหานเจวี๋ยแล้วก็อาจจะไม่ยอมช่วยเขา ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็เป็นศิษย์ของท่านปู่
หานเหลียงกัดฟันเอ่ย “ข้าเพียงอยากรู้ประวัติฐานะของเขาขอรับ”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เขาไม่ได้น่ากลัวถึงเพียงนั้น เหตุผลที่เจ้าทำร้ายเขาไม่ได้ก็เพียงเพราะเขาไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าเจ้า”
หานเหลียงผงะไป
สิ่งที่หานเจวี๋ยพูดเป็นความจริง จี้เซียนเสินใช้วิธีอย่างหนึ่งที่คล้ายคลึงกับการเข้าฝัน เพียงแต่ทำให้ปรากฏขึ้นในโลกความเป็นจริงได้ ทำให้หานเหลียงแยกแยะไม่กระจ่าง
จี้เซียนเสินไม่กล้าติดต่อกับหานเหลียงตรงๆ เช่นนี้จะกระตุ้นสัญชาตญาณต้นกำเนิดของหานเหลียงได้
ในอนาคตหานเหลียงจะกลายเป็นผู้สร้างมรรคา ผู้สร้างมรรคาสามารถรับรู้ได้ว่าผู้ใดอาศัยพลังแห่งกาลเวลาไปกับตนเองในห้วงอดีต เว้นแต่อีกฝ่ายจะเป็นผู้สร้างมรรคาเช่นกัน
สถานการณ์เช่นนี้ก็มีการกล่าวถึงในโลกเบื้องล่างเช่นกัน การที่อยากจะย้อนกลับไปสังหารศัตรูในอดีตที่ตนสู้ไม่ได้ในช่วงอนาคตเป็นความฝันเฟื่องของคนโง่เท่านั้น หากแข็งแกร่งกว่าศัตรูก็ไม่จำเป็นต้องย้อนอดีตกลับไปเลย
ในสายตาของเหล่าอริยะ กาลเวลาเป็นเพียงกฎเกณฑ์ประเภทหนึ่งเท่านั้น ต่างสามารถควบคุมได้
หานเหลียงพลันตบมือฉาด เอ่ยขึ้นว่า “ชั่วร้ายนัก ที่แท้ก็สร้างภาพมายาลวง!”
เขาโล่งใจดั่งยกภูเขาออกจากอก รู้สึกว่าเจ้าแห่งกาลเวลาไม่ได้น่ากลัวเลย
หานเหลียงรีบคารวะขอบคุณหานเจวี๋ย
สนทนากันอยู่สักพักเขาก็ออกจากอาณาเขตเต๋าไป
ระหว่างที่เดินทางกลับสู่วังมังกร หานเหลียงทุกข์ร้อนกับผลได้ผลเสียของตน
เขารู้สึกได้ว่าท่านปู่มิได้รักถนอมเขาเช่นในอดีตอีกต่อไป ระหว่างทั้งสองปรากฏความห่างเหินขึ้นมากนัก ความห่างเหินนี้ทำให้เขาแทบจะลืมไปแล้วว่าพวกเขาเป็นปู่หลานกัน
จู่ๆ เขาก็นึกถึงวาจาของมู่หรงฉี่ขึ้นมา
เมื่อออกจากอาณาเขตเต๋าไปเขาอาจจะนึกเสียใจภายหลัง
แต่ไม่นานนักดวงตาของหานเหลียงก็ฉายแววเด็ดเดี่ยวขึ้นมา
ตัวเขาหานเหลียงจะพึ่งพาตัวเองให้ถึงที่สุด ไม่อาจคิดพึ่งพาแต่คนอื่นไปได้ตลอด!
“เจ้าแห่งกาลเวลา ดีมาก เจ้าจงกลายเป็นหินลับคมในชีวิตของข้าเสียเถอะ!”
หานเหลียงเรียกความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง ฮึกเหิมมีชีวิตชีวา
….
ภายในอาณาเขตเต๋า
หานเจวี๋ยเริ่มตรวจดูกล่องจดหมายอีกครั้ง เรื่องที่จี้เซียนเสินวางท่าเป็นเจ้าแห่งกาลเวลาเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยในสายตาเขา
จี้เซียนเสิน สวินเซิ่งจุนและฟางเหลียงได้รวมตัวกันในห้วงเวลาต้นกำเนิดแล้ว มีการสร้างข้อตกลงร่วมกัน สิ่งที่พวกเขาต้องการมิใช่หานเหลียงแต่เป็นการก้าวข้ามผู้สร้างมรรคา คุณสมบัติของหานเหลียงคือความหวังสำหรับพวกเขา
แต่น่าเสียดาย พวกเขาไม่อาจทำสำเร็จได้ หานเจวี๋ยมองเห็นแล้วว่าในอนาคตสามคนนี้จะสยบอยู่ใต้แทบเท้าของหานฮวง สื่อหยวนหงเหมิงและหวงจุนเทียน
หานเจวี๋ยมองเห็นอนาคตของพวกเขามากมายหลายหลาก เขาไม่สามารถป้องกันอนาคตทั้งหมดได้ หากทำเช่นนั้นมิทำลายล้างสรรพสิ่งทั้งหมดทิ้งให้เหลือเขาเพียงคนเดียวเสียดีกว่า แต่หากเป็นเช่นนั้นจะถูกกฎเกณฑ์พื้นฐานของดินแดนเวิ้งว้างสะท้อนกลับ
อนธการ ฟ้าบุพกาลและมรรคาสวรรค์ มองจากปัจจุบันนี้คล้ายจะถูกปิดกั้นด้วยดินแดนเวิ้งว้าง แต่ความจริงกำลังถูกปกป้องอยู่ หากกฎเกณฑ์พื้นฐานต้องการทำลายล้างพวกมันจริงๆ พวกมันไหนเลยจะต้านรับไหว
หานเจวี๋ยเลิกสนใจเรื่องจี้เซียนเสินแล้วตั้งใจตรวจดูจดหมาย
ในช่วงที่ผ่านมานี้ หานฮวงและบรรพชนเต๋าล้วนไม่มีความเคลื่อนไหวเลย
ดูเหมือนว่าหลังจากก่อตั้งกฎเกณฑ์สูงสุดขึ้นมาได้ พวกเขาจะทุ่มเทกายใจจมจ่อมอยู่กับการสร้างโลกมหามรรค
หานเจวี๋ยทอดสายตาสอดส่องพวกเขา
อนธการของหานฮวงมีวิวัฒนาการรวดเร็วที่สุดในบรรดาสามอนธการ กฎเกณฑ์ของเขาเหนือกว่ามรรคาสวรรค์ไปแล้ว กฎเกณฑ์และมหามรรคต่างๆ ล้วนอยู่ระหว่างพัฒนาสู่ความสมบูรณ์แบบ ดึงดูดให้มีเผ่าพันธุ์ต่างๆ หลั่งไหลมาเข้าร่วมไม่ขาดสาย
บรรพชนเต๋ากลับเผชิญปัญหายุ่งยากเข้า ในอดีตที่ก่อตั้งเผ่ามนุษย์มรรคาสวรรค์ขึ้นด้วยคิดจะแสวงมหาโชคจากมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้เผ่ามนุษย์มรรคาสวรรค์เข้าปกครองโลกมหามรรคของผานกู่อย่างเป็นเอกเทศอยู่ เผ่าพันธุ์ต่างๆ จากด้านนอกที่มาเข้าร่วมล้วนจะถูกเผ่ามนุษย์มรรคาสวรรค์กดขี่เป็นทาส ก่อบาปสร้างกรรมชื่อเสียงฉาวโฉ่แพร่หลาย
หากพึ่งพาเพียงเผ่าเดียวแล้วจะก่อตั้งโลกมหามรรคขึ้นได้อย่างไร
บรรพชนเต๋าเริ่มคิดหาทางกดข่มเผ่ามนุษย์มรรคาสวรรค์ลงไป แต่เขาไม่อาจลงมือด้วยตัวเองได้ ด้วยเหตุนี้ ภัยพิบัติและชะตากรรมสารพัดอย่างจึงเริ่มปรากฏต่อเผ่ามนุษย์มรรคาสวรรค์
เผ่าพันธุ์เหิมเกริมเผด็จการที่คิดจะครองโลกเพียงเผ่าพันธุ์เดียวจำเป็นต้องถูกยับยั้ง
หานเจวี๋ยเริ่มตั้งตารอแล้ว ระหว่างหานฮวงและบรรพชนเต๋า ผู้ใดจะชิงพิสูจน์ผู้สร้างมรรคาสำเร็จได้ก่อน
………………………………………………………………