บทที่ 1156 หนึ่งความคิดตัดสินกรรม
“อาจารย์ ท่านต้องการให้ข้าวางมือสมานฉันท์กับพวกเขาเอาตอนนี้หรือขอรับ”
ตู๋กูอู๋เงยหน้ามองหานเจวี๋ย เอ่ยถามเสียงเบา
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “บ่วงกรรมของพวกเจ้า ข้าย่อมไม่สอดมือเข้าไปยุ่ง ข้าเพียงหวังให้เจ้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตอนนี้เจ้าเข้าสู่สภาวะคอขวดแล้ว การต่อสู้ไม่อาจช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่เนื่องจากเจ้ามีศัตรูมากเกินไป ทันทีที่เจ้าบุกเบิกฟ้าดินขึ้นจะถูกศัตรูเข้ารุกรานทำลายแน่ ในใจเจ้าเคยนึกเสียใจภายหลังบ้างหรือไม่”
ตู๋กูอู๋ถอนหายใจเอ่ยไปว่า “หากบอกว่าไม่เคยนึกเสียใจเลยก็คงโกหกแน่นอน แต่จะให้ข้าละวางความแค้นลงเช่นนี้ ข้าไม่พร้อมจริงๆ ขอรับ คิดว่าพวกเขาก็คงไม่ยอมรามือเช่นกัน”
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “เจ้าคิดอย่างไรกับโลกปฐมยุค”
ตู๋กูอู๋ตอบว่า “คนที่ข้าชิงชังคือเทพมารที่วางตัวสูงส่งเหล่านั้น ข้าถือกำเนิดในโลกปฐมยุค ย่อมไม่มีทางชิงชังโลกปฐมยุค เมื่อตบะของข้าเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ข้าก็เข้าใจว่าคุณสมบัติของข้าก็คือพรอย่างหนึ่งที่โลกปฐมยุคประทานให้”
“เจ้าทราบถึงการมีอยู่ของโลกมหามรรคอื่นๆ หรือไม่”
“ทราบขอรับ นอกโลกปฐมยุคมีสถานที่กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่า จักรพรรดิผู้นั้นก็มาจากนอกโลกปฐมยุค ข้าเคยไปเยือนยมโลก ในยมโลกมีสถานที่สำหรับเปลี่ยนผ่านรับดวงชะตาโลกปฐมยุคโดยเฉพาะ ดูเหมือนโลกปฐมยุคจะแข็งแกร่งกว่าโลกมหามรรคอื่นๆ มิเช่นนั้นคงไม่มีสิ่งมีชีวิตหลั่งไหลเข้ามามากขนาดนี้”
ตู๋กูอู๋เอ่ยอย่างใช้ความคิด นี่คือเรื่องจริง
ปัจจุบันนี้ ทอดสายตามองไปทั่วยุคสมัยไร้สิ้นสุด โลกมหามรรคที่มีพลังดึงดูดใจสรรพสิ่งด้านนอกได้มากที่สุดก็คือโลกปฐมยุค โลกปฐมยุคเป็นของเทพผู้สร้าง ดวงชะตาเหนือล้ำกว่าโลกมหามรรคอื่นๆ อาศัยเพียงกฎเกณฑ์สูงสุดเก้าสายก็เพียงพอจะทำให้เหล่าผู้ทรงพลังบ้าคลั่งได้แล้ว
โลกปฐมยุคทรงพลังมากจริงๆ สามารถสะกดข่มผู้มาเยือนจากต่างโลกได้
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณสมบัติของเจ้าน่าจะเหมาะสมเป็นผู้พิทักษ์แห่งโลกปฐมยุค มิใช่ต่อสู้ขัดแย้งในโลกปฐมยุค เจ้าคิดเห็นเช่นไร”
ตู๋กูอู๋กล่าวอย่างจนปัญญา “ท่านบอกมาเถิดขอรับว่าข้าควรต้องทำอย่างไร”
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ข้าสามารถลบความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าไปจากสรรพสิ่งได้ ให้เจ้าได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
ตู๋กูอู๋เบิกตากว้าง
ลบความทรงจำไม่ใช่เรื่องยาก แต่ลบความทรงจำของสรรพสิ่ง…
ในที่นี้รวมถึงศัตรูคู่แค้นที่ทำให้เขารู้สึกลำบากใจด้วย!
ตู๋กูอู๋ถามด้วยความกระวนกระวาย “เช่นนี้จะยุ่งยากเกินไปหรือไม่ขอรับ”
“ยุ่งยากหรือ เพียงข้าคิดก็ทำได้แล้ว”
“นี่…”
แม้แต่ตู๋กูอู๋ที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชนก็ยังตื่นตะลึงเช่นกัน
นี่เป็นความสามารถระดับใดกันเล่า
หานเจวี๋ยมองทะลุถึงความคิดของเขา เขาปรบมือเล็กน้อยพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาละ นับจากนี้ไปสรรพสิ่งจะลืมเลือนเจ้า”
การทำให้ลืมเลือนตู๋กูอู๋ง่ายมากจริงๆ เพียงตัดบ่วงกรรมระหว่างเขาและสรรพสิ่งก็ใช้ได้แล้ว อย่าว่าแต่เทพผู้สร้างเลย ผู้สร้างมรรคาก็ทำได้เช่นกัน แต่ขอบเขตความสามารถของเทพผู้สร้างจะครอบคลุมไปถึงผู้สร้างมรรคาด้วย
ตู๋กูอู๋ตัวสั่นเล็กน้อย เขาไม่รู้สึกถึงสิ่งใดเลย หากมิใช่เพราะอีกฝ่ายคือท่านปู่เซียนที่เขาไว้วางใจ เขาถึงขั้นที่คิดไปแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังหลอกเขาอยู่
หานเจวี๋ยยกมือขึ้นกวักเล็กน้อย หานโยวพลันปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขา
พอเห็นหานโยว ตู๋กูอู๋ประหม่าขึ้นมาทันที ตั้งท่าระวังอย่างยิ่ง
หานโยวยังคงอยู่ในท่านั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญ เมื่อรับรู้ได้ถึงความผิดปกติเขาจึงลืมตาขึ้นมา ทันทีที่มองเห็นหานเจวี๋ย เขาตกใจรีบคุกเข่าทำความเคารพทันที หวาดหวั่นยำเกรงยิ่ง
เป็นครั้งแรกที่ตู๋กูอู๋เห็นหานโยวตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หัวหน้าเผ่าเอกา หนึ่งในตัวตนที่มีอำนาจปกครองสูงสุดของโลกปฐมยุค แต่ก่อนที่เผชิญหน้ากับเขาล้วนมีท่าทีเย็นชามองหยามอยู่เสมอ
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “รู้จักเด็กคนนี้หรือไม่”
หานโยวหันไปมองตู๋กูอู๋ ส่ายหน้าเอ่ยตอบว่า “ไม่รู้จักขอรับ”
เพิ่งเอ่ยจบ เทพมารชีวิตก็ปราฏตัวขึ้นข้างกายหานเจวี๋ยต่อ
ตู๋กูอู๋มีสีหน้าแปลกพิกลขึ้นมา
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ ต่อไปนี้จะมาอยู่ในโลกปฐมยุค เขานับได้ว่าเป็นศิษย์คนหนึ่งของข้า พวกเจ้าจะดูแลพิทักษ์โลกปฐมยุคร่วมกัน”
เทพมารชีวิตมองพินิจตู๋กูอู๋เล็กน้อย เอ่ยชมเชย “ยังหนุ่มแน่นเช่นนี้แต่สหายเต๋าแข็งแกร่งกว่าข้าเสียอีก”
ตู๋กูอู๋กระแอมคราหนึ่ง เอ่ยไปว่า “ต่อไปคงต้องรบกวนสหายเต๋าทั้งสองช่วยดูแลอีกมาก”
“กล่าวได้ดี!”
เทพมารชีวิตหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยวาจา ตู๋กูอู๋เสมือนยกภูเขาออกจากอก เคารพยำเกรงในตัวหานเจวี๋ยยิ่งกว่าเดิม
ตู๋กูอู๋เกิดมากำพร้าโดดเดี่ยว ตั้งแต่คุณสมบัติเป็นที่ประจักษณ์ก็ตกเป็นเป้าเพ่งเล็ง เผชิญการต่อสู้จากความชิงชัง เนื่องด้วยเหตุนี้จึงไม่เคยมีสหายชิดใกล้ข้างกายเลย แต่เขาหาได้มีคู่แค้นทางสายเลือดไม่
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าคุยกันไปเถอะ ยุคสมัยไร้สิ้นสุดเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกแล้ว โลกปฐมยุคจะต้องมีบุตรแห่งสวรรค์ปรากฏตัวเพิ่มมากขึ้น อย่าปล่อยให้โลกมหามรรคอื่นๆ ไล่ตามโลกปฐมยุคทัน”
พูดจบหานเจวี๋ยก็เลือนหายไปจากจุดเดิม
หานโยวและเทพมารชีวิตก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศกระอักกระอ่วนเลย ต่างขยับเข้ามาสนทนาพูดคุยกับตู๋กูอู๋ เป็นมิตรอย่างยิ่ง
ตู๋กูอู๋มองใบหน้าทั้งสองที่เคยนึกชิงชังเป็นที่สุด รู้สึกว่าน่าเกลียดอย่างยิ่ง แต่จำเป็นต้องกล่าวเลยว่า ความชิงชังในใจเขาลดทอนลงไปมากโขแล้ว
อันที่จริงพอไม่เป็นอริศัตรูกันก็ดีอย่างยิ่ง
ในใจตู๋กูอู๋จึงยังคงมีความกังวลอยู่บ้าง กลัวว่าหานโยวและเทพมารชีวิตจะแสร้งเล่นละครอยู่
เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ตู๋กูอู๋ติดตามเทพมารชีวิตและหานโยวไปพบผู้นำกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ของโลกปฐมยุค ได้รับเกียรติอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หานโยวลั่นวาจาว่าผู้ใดกล้าคิดร้ายต่อตู๋กูอู๋ ผลลัพธ์ที่ตามมาจะไม่ใช่สิ่งพวกเขาแบกรับไหวแน่นอน
ตู๋กูอู๋ถึงได้ตระหนักถึงความน่ากลัวของหานเจวี๋ยอย่างแท้จริง เพียงปรบมือก็ลบความทรงจำสรรพสิ่งได้
….
ภายในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
เมื่อจัดการเรื่องตู๋กูอู๋เสร็จ หานเจวี๋ยก็สอดส่องยุคสมัยไร้สิ้นสุดต่อ
ที่เขาให้ความช่วยเหลือตู๋กูอู๋ก็เพราะมีแผนการของตนอยู่ เขาคือเทพผู้สร้าง แล้วในกลุ่มผู้สร้างหน้าใหม่แห่งยุคสมัยไร้สิ้นสุดจะขาดสิ่งมีชีวิตจากโลกปฐมยุคไปได้อย่างไรเล่า
ตู๋กูอู๋อาจจะไล่ตามหานฮวงและบรรพชนเต๋าไม่ทัน แต่ก็ไม่มีทางถูกทิ้งห่างไปมากนัก
ในอนาคตยิ่งมีผู้สร้างมรรคาจากโลกปฐมยุคเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งดีเช่นนี้ถึงจะสามารถควบคุมผู้สร้างมรรคาในปัจจุบันได้
เมื่อเทียบกับบุตรธิดาแล้ว หานเจวี๋ยไว้ใจโลกปฐมยุคของตนมากกว่า สรรพสิ่งในโลกปฐมยุคก็คือบุตรธิดาของเขาเช่นกัน อีกอย่างยิ่งโลกปฐมยุคแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไร เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมาเท่านั้น ยิ่งเขาแข็งแกร่งขึ้นโลกปฐมยุคก็จะยิ่งได้รับประโยชน์มากขึ้น
หานเจวี๋ยสอดส่องยุคสมัยไร้สิ้นสุดอยู่สักพักก็ถอนสายตากลับมา
ฝึกบำเพ็ญต่อดีกว่า
ต้องรักษาทัศนคติในการบำเพ็ญไว้ถึงจะเลิศล้ำไปตลอดกาล
การก้าวข้ามเทพผู้สร้างขึ้นไปก็เป็นเรื่องที่เขาต้องการทำให้ได้!
….
ณ ยมโลก บนสะพานอนิจจัง หลงเฮ่าและหานเหลียงกำลังมุ่งไปยังด้านหน้า
“พวกเรากำลังจะไปที่ใดกันแน่”
หานเหลียงอดถามไม่ได้ หลงเฮ่าทำตัวลับๆ ล่อๆ ลากเขามาด้วย ตลอดทางไม่ยอมบอกอะไรเลย
หลงเฮ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่เต็มด้วยโอกาสวาสนา”
หานเหลียงถาม “ที่ใดหรือ”
ในยมโลกจะมีโอกาสวาสนาอันใดได้
“โลกปฐมยุค!”
หลงเฮ่าเอ่ยอย่างหนักแน่นทรงพลัง สีหน้ากระตือรือร้น
หานเหลียงแปลกใจ เขาย่อมรู้จักโลกปฐมยุคอยู่แล้ว นั่นคือโลกมหามรรคที่เทพผู้สร้างบุกเบิกขึ้นด้วยตัวเอง ได้รับขนานนามว่าเป็นโลกมหามรรคที่แข็งแกร่งที่สุด
แต่โลกมหามรรคต่อต้านคนนอกอย่างยิ่ง หากมิใช่สิ่งมีชีวิตของโลกปฐมยุคก็ไม่สามารถเข้าไปได้ หากต้องการเข้าไปจะต้องเปลี่ยนผ่านบ่วงกรรม
“แต่ว่า…”
“วางใจเถอะ ข้ามีวิธีปกปิดอำพราง ครั้งนี้ไม่ได้ไปอยู่ที่โลกปฐมยุคนานนักหรอก เพียงไปตามหาสมบัติชิ้นหนึ่ง สมบัตินี้มีส่วนช่วยในการบุกเบิกโลกมหามรรคของเจ้าได้ เจ้าหาทางทำให้สำเร็จไม่ได้มาโดยตลอด บางทีอาจเป็นเพราะขาดแรงหนุนจากภายนอก ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังเยาว์วัย หากไร้โอกาสวาสนาก็ยากจะก้าวข้ามขั้นตอนที่เจ้าติดอยู่ได้”
หลงเฮ่าโบกมือพลางเอ่ยวาจา ท่าทีคล้ายกำลังสื่อว่าข้าทำเพื่อเจ้าอยู่
เงาร่างหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านหน้า แผ่แสงเจิดจ้าพร่างพราว ทำให้หลงเฮ่าและหานเหลียงชะงักเท้า
รอจนพวกเขาเห็นอีกฝ่ายชัดๆ ก็อดตะลึงไม่ได้
“หลิง…จักรพรรดิ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” หลงเฮ่าเอ่ยถาม
ตอนแรกคิดจะเรียกศิษย์น้องหานหลิง แต่ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือยมโลก ถูกสอดส่องได้ง่าย
………………………………………………………………