บทที่ 55 จับตาดูเขาขายความลับให้ใคร
เรื่องที่เฉินเสี่ยวหราน ลาออก เป็นกระแสไม่น้อยในแวดวงน้ำหอมเมืองหลินชวน
ทุกคนต่างรู้ว่า เป็นนักปรุงน้ำหอมอันดับสองเมืองหลินชวนเป็นรองเพียงสวี่รั่วยีเท่านั้น เธอทำอะไรกันแน่ ถึงทำให้ลี่ซื่อกรุ๊ปปล่อยนักปรุงน้ำหอมอันดับสองของเมืองหลินชวนไป
เรื่องที่คนสงสัยมากกว่าก็คือใครจะมาแทน เฉินเสี่ยวหรานกลายเป็นหัวหน้าแผนกน้ำหอมของลี่ซื่อกรุ๊ป
นิ้วสวี่รั่วยีสไลด์หน้าจอ ยิ่งอ่านมากขึ้น ดวงตายิ่งเย็นวาบขึ้น
เมื่ออ่านถึงข้อความสุดท้าย แทปเล็ตเธอก็กระเด็นไปทางหนึ่งแล้ว
คนที่จะมาแทน เฉินเสี่ยวหรานได้จะมีใคร นอกจากแอนนา!
ลี่ซื่อกรุ๊ปนอกจากแอนนา ยังมีใครรับตำแหน่งของ เฉินเสี่ยวหรานได้
สวี่รั่วยีโมโหกัดริมฝีปากล่างแน่น
สมญานามเธอคือนักปรุงน้ำหอมอันดับหนึ่งเมืองหลินชวนไม่ใช่เรื่องจริง แค่แอบอ้างชื่อเท่านั้น
ระดับการปรุงน้ำหอมที่แท้จริงของเฉินเสี่ยวหราน สวี่รั่วยีรู้ดี สูงกว่าเธอ
ลี่ซื่อกรุ๊ปถ้าหากไล่เฉินเสี่ยวหราน ออก จะต้องจ้างสวี่รั่วยี
สวี่รั่วยีคิดถึงตรงนี้ สายตามีแววเย็นเยียบ
เธอหยิบมือถือขึ้นมา ครุ่นคิดนิดหนึ่ง แล้วโทรออกไปหาเบอร์หนึ่ง
“เหมือนเดิม บอกฉันตอนนี้หัวหน้าแผนกน้ำหอมลี่ซื่อกรุ๊ปคือใคร”
ไม่กี่นาทีต่อมา คนนั้นตอบ “น่าจะเป็นแอนนา“
“โอเค เหมือนเดิมที่เคยตกลงกัน เดี๋ยวโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้”
สวี่รั่วยีวางสาย โยนมือถือลงบนเตียงไม่พอใจ
เธอเป็นคู่หมั้นลี่ถิงเซิ่ง เคยพูดกับเขาหลายครั้ง เธอเป็นหัวหน้าแผนกน้ำหอมลี่ซื่อกรุ๊ปได้ แต่ก็ถูกเขาอ้างสารพัดเหตุผลปฏิเสธ
แอนนาต่อให้ฝีมือปรุงน้ำหอมดีเยี่ยม ไม่มีประสบการณ์และแบ็คกราวน์ ทำไมเพิ่งจะเข้ามาทำงานก็ได้เป็นหัวหน้าแผนกน้ำหอม
กลางดึก สวี่รั่วยีไม่ง่วงนอนเหมือนเคย นั่งรอในห้องรับแขก
คนรับใช้เรียกไม่รู้กี่ครั้ง สวี่รั่วยีก็ไม่ฟัง
คนรับใช้ในคฤหาสน์ตระกูลลี่พากันถอนหายใจ ไม่รู้คุณสวี่กับคุณชายระหองระแหงอะไรกัน
สวี่รั่วยีกระชับชุดคลุมแน่น ทนไม่ไหวแล้ว วิ่งไปเฝ้ารอที่ข้างโรงรถ
มองเห็น เบนท์ลีย์สีดำที่คุ้นตา สายตาสวี่รั่วยีมีประกายวาบ
คนในรถเหมือนมองไม่เห็นเธอ ขับรถเข้าไปในโรงจอดรถ รอจนลี่ถิงเซิ่งลงจากรถ ก็แค่เหลือบตามองสวี่รั่วยีที่รออยู่ข้างๆ รถ
คิ้วเลิกขึ้นนิดหนึ่ง น้ำเสียงเย็นชา
“คุณมาอยู่ที่นี่ทำอะไร”
พูดจบ เขาก็เก็บกุญแจรถเข้าไปในกระเป๋า เดินเข้าไปในคฤหาสน์
สวี่รั่วยีเดินตามลี่ถิงเซิ่ง “ถิงเซิ่ง วันนี้ได้ยินข่าวเฉินเสี่ยวหราน ลาออกแล้วหรือคะ”
กลัวว่าลี่ถิงเซิ่งจะไม่พอใจ น้ำเสียงสวี่รั่วยีอาย และอ่อนโยน
ชายหนุ่มเพียงต่าออกเสียง “อืม” เย็นชา “คุณรู้ได้ยังไง”
สวี่รั่วยีเสียวสันหลังวาบ
ปกติแล้วลี่ถิงเซิ่งไม่ชอบคนที่แอบสืบความลับทางธุรกิจของลี่ซื่อกรุ๊ปมากที่สุด แม้แต่เธอเองก็ไม่เว้น
สวี่รั่วยีเม้มปากพูดอ่อนโยน “เรื่องนี้มีสื่อรายงานกันใหญ่โตแล้ว ฉันเองก็เพิ่งเห็น รู้สึกเป็นห่วงมาก ถึงได้มารอคุณที่โรงรถไงคะ”
สวี่รั่วยีพูดจริงใจ แต่ในใจวางแผนไม่ใช่อย่างนี้
ลี่ถิงเซิ่งชะงักเท้า ชำเลืองมองสวี่รั่วยีที่ทำตัวอ่อนหวาน ริมฝีปากบางเหยียดนิดหนึ่ง ไม่คิดจะเปิดโปงความคิดในใจของสวี่รั่วยี
“ก็แค่หัวหน้าแผนกลาออกเท่านั้น” ลี่ถิงเซิ่งเดินเข้าคฤหาสน์ ปลดเนคไท ส่งให้พ่อบ้างที่อยู่ข้างๆ
สวี่รั่วยีรีบคว้าโอกาสเสนอตัวเอง “ถิงเซิ่ง งานของฉันที่สวี่ซื่อก็ไม่ยุ่ง ถ้าลี่ซื่อกรุ๊ปต้องการ ฉันไปรับงานหัวหน้าที่นั่นได้! ฝีมือฉันดีกว่า เฉินเสี่ยวหราน ต่อไปพวกเราช้าเร็วก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี ฉันคุ้นเคยงานของลี่ซื่อกรุ๊ปเร็วหน่อย…”
“พอแล้ว!” ลี่ถิงเซิ่งขมวดคิ้ว
สวี่รั่วยีอึ้งไปครู่หนึ่ง ค่อยได้สติคืนมา รู้สึกว่าเมื่อครู่ตัวเองผิดพลาด
“สวี่รั่วยี คุณเคยช่วยชีวิตผม ผมขอบคุณมาก ดูแลคุณและเรื่องแต่งงาน ผมต้องทำแน่ แต่ลี่ซื่อกรุ๊ป คุณอย่าคิดเข้ามายุ่ง เฉินเสี่ยวหราน อีกกี่คนลาออก ก็ต้องมีคนที่เหมาะสมกว่ามาทำงานแทน แต่ตำแหน่งว่างนี้ไม่ใช่ของคุณ”
ลี่ถิงเซิ่งพูดจบ ก็ไม่มองสวี่รั่วยีที่ยืนทื่ออยู่ตรงนั้นอีก เดินเข้าไปในห้องหนังสือ
เขานั่งลงหน้าโต๊ะเขียนหนังสือเหนื่อยล้า มือถือแนบหู เสียงมีความอ่อนเพลีย
“หลี่อาน เรื่องคนเป็นไส้ศึกบริษัท หาเจอหรือยัง”
หลี่อานก็เพิ่งถึงบ้าน ยังไม่ทันเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้าตัวเอง ไม่ลังเล รีบรับสายทันที
“มีความคืบหน้าแล้วครับ”
พูดแล้ว หลี่อานก็พูดชื่อหนึ่งออกมา
ชื่อนั้นลี่ถิงเซิ่งคุ้นๆ
ใบหน้าหล่อเหลา มีความโหดเหี้ยมเพิ่มขึ้นมา
ครู่ใหญ่เขาก็เอ่ยกำชับหลี่อานช้าๆ
“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น รอครั้งหน้าเขาปล่อยข่าวให้สวี่รั่วยี มีหลักฐานแล้วค่อยจัดการ”
หลี่อานพยักหน้า มือถืออีกเครื่องหนึ่งของเขาดังขึ้น
“ประธานลี่ กรุณารอสักครู่”
หลี่อานปลดล็อกหน้าจอ อ่านข้อความในเอสเอ็มเอส แล้วเก็บไว้
“ประธานลี่ หลักฐานขายข่าวให้คุณสวี่รั่วยีมีหลักฐานแล้ว แต่…” หลี่อานหยุดนิดหนึ่ง “คนนี้บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับการขายข่าวอื่นของบริษัทด้วย”
ลี่ถิงเซิ่งยิ้ม
นิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะช้าๆ
เดิมทีแอนนาเป็นหัวหน้าแผนกน้ำหอม อยู่ในแผนของเขาอยู่แล้ว
ผลงานน้ำหอมของเฉินเสี่ยวหราน สองสามปีมานี้ ไม่สมกับชื่อเสียงมานานแล้ว
สวี่รั่วยีแย่งชิงชื่อเสียงจอมปลอมนักปรุงน้ำหอมอันดับหนึ่งกับเฉินเสี่ยวหราน มานานปี หลังจากเฉินเสี่ยวหราน ลาออก สวี่รั่วยีที่อิจฉาแอนนาอยู่แล้ว ไม่ยากที่จะเล็งเป้าโจมตีแอนนา
วงการน้ำหอมเมืองหลินชวน บริษัทที่มีชื่อเสียงโด่งดังนอกจากลี่ซื่อกรุ๊ปก็คือสวี่ซื่อกรุ๊ป
ขณะที่แอนนานักปรุงน้ำหอมที่มีแบ็คอะไรนั่น หลังจากมีปัญหากับสวี่รั่วยี เป็นเป้าของสวี่รั่วยี คนที่จะพึ่งพิงได้ก็มีแต่ตัวเอง
ตอนนั้น ความลับของเธอก็จะต้องเปิดเผยต่อหน้าเขาแน่
“ประธานลี่” หลี่อานไม่เข้าใจ
มีคนขายความลับของบริษัท ทำไมประธานลี่ดีใจขนาดนี้
“เร็วๆ นี้เขาอาจมีความเคลื่อนไหวอีก” น้ำเสียงลี่ถิงเซิ่งเคร่งขรึม ดังขึ้นช้าๆ “น้ำหอมซีซั่นนี้กำลังจะวางตลาด ถ้าเขาขายความลับของบริษัท จะต้องไม่ปล่อยโอกาสนี้แน่”
พูดแล้ว ลี่ถิงเซิ่งจุดบุหรี่สูบ ควันจางๆ สีขาวลอยออกมาจากปาก
“จับตาเขาไว้ รอดูเขาขายความลับให้ใคร” ลี่ถิงเซิ่งพ่นควันออกมา มองหน้าจอคอมพิวเตอร์ สายตาเรื่อยๆ มีความหมายลึกๆ
……
เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกลี่ถิงเซิ่งวางแผน สวี่รั่วฉิงก็หงุดหงิด
กลับถึงบ้านกล่อมเด็กๆ หลับแล้ว เธอยังนอนไม่หลับ
ไม่รู้หลี่อานพูดกับลี่ถิงเซิ่งเรื่องที่ตัวเองไม่อยากเป็นหัวหน้าแผนกน้ำหอมแล้วหรือยัง
พลังของวงการน้ำหอมเมืองหลินชวน ก่อนมาเมืองหลินชวนสวี่รั่วฉิงเคยหาข้อมูลชัดเจน
ถ้าตอนนี้สวี่รั่วยีเริ่มพุ่งเป้ามาที่ตัวเอง…
สวี่รั่วฉิงกัดริมฝีปาก
ไพ่ในมือเธอมีไม่มาก
ถ้าหากเป็นอันตรายต่อชีวิตของสวี่อี้หานกับสวี่อี้ฝาน สุดท้ายเธอทำได้แค่ขอความช่วยเหลือจากลี่ถิงเซิ่ง
ไม่อย่างนั้นก็ต้องทิ้งความแค้น!