ตอนที่ 658 ไม่มีปัญหา!
“คุณพูดแบบนี้ทำร้ายน้ำใจกันมาก” ทนายอันเม้มปาก เหมือนกำลังพูดกับตัวเอง แต่ก็เหมือนพูดกับเด็กผู้ชาย“ชีวิตมักจะต้องมีการหลอกลวงด้วยความปรารถนาดีบ้าง”
“พวกเราล้วนเข้มแข็ง”
“ผมรู้ว่าผมเข้มแข็งมาก!” ทนายอันพูดเสียงดัง จากนั้นเหมือนจะไปกระตุกแผล จึงสูดปากไม่หยุด มองดูแขนซ้ายของตัวเองที่สูญเสียไป ทนายอันขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่เคยผ่านโลกมาก่อน ถ้าหากคนทั่วไปจู่ๆ แขนหายไปข้างหนึ่ง ไม่แน่คงร้องไห้โวยวาย แต่ในใจของทนายอันแค่รู้สึกไม่สะดวกเท่านั้นเอง เพราะนี่ไม่ใช่ร่างกายของตัวเองเลยด้วยซ้ำ หากคุณจะให้เขาพูดว่ารู้สึกทะนุถนอมและมองเป็นสิ่งล้ำค่ามากแค่ไหน นั่นล้วนเป็นสิ่งจอมปลอม เหมือนกับบ้านที่คุณเช่ากับบ้านที่คุณซื้อเป็นของตัวเอง คุณแสดงท่าทีกับทั้งสองอย่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ข้างล่างนั่น หมายถึงสิ่งที่อยู่ในผนังสีเขียวนั่นน่ะ คุณมองออกไหมว่าเป็นอะไร” ทนายอันถามเด็กผู้ชาย
เด็กผู้ชายส่ายหน้า “ข้าไม่รู้”
ตอนที่ยืนอยู่ตรงผนังสีเขียวนั่น สมาธิทั้งหมดของเขากำลังต่อต้านสิ่งที่เย้ายวนเป็นส่วนใหญ่ มีหรือจะมีเวลาคิดเรื่องอื่น
“แต่ข้ากลับสงสัยมาก เจ้าเรียกเถ้าแก่มาแบบนี้ ถึงตอนนั้นถ้าหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นล่ะ”
“ปัญหาต้องมีแน่นอน” ทนายอันพูดต่อ “หากไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนแรกมู่เฉิงเอินน่าจะเจอก้อนหินสีเขียวที่นี่ แต่เขาไม่กล้าย้ายก้อนหินเหล่านี้ออกมา เห็นได้ชัดว่าผ่านกระบวนการคิดมาแล้ว คิดว่าในนี้มีอันตรายและกลไกอย่างอื่น แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร ขอเพียงได้ผลประโยชน์และเป็นผลดีที่ยอดเยี่ยม ก็ต้องใช้มือจับให้แน่น คนเราเวลากระหายน้ำจนทนไม่ไหว ถึงแม้จะมีขวดยาพิษวางอยู่ตรงหน้าคุณ คุณก็ต้องดื่มลงไป”
ความหมายอีกแง่หนึ่งคือ เถ้าแก่มีสภาพเป็นแบบนั้นแล้ว ปากกาด้ามนั้นสามารถยืนหยัดได้นานแค่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้ และไม่มีสถานการณ์ไหนที่แย่ไปกว่านี้แล้ว
เด็กผู้ชายพยักหน้า เขากับทนายอันอยู่ด้วยกัน อ้อไม่ เวลาที่นอนด้วยกัน โดยส่วนใหญ่แล้วทนายอันจะพูดมากกว่า และเขาจะเป็นคนฟังมากกว่า
หลายปีที่ผ่านมา จริงๆ แล้วเขาใช้ชีวิตตัดขาดจากโลกภายนอก ตอนแรกที่เขาอยู่ในถ้ำของตัวเอง ยังเจอลูกน้องคิดจะหักหลังและกินเขา แค่นี้ก็มากพอที่จะแสดงให้เห็นว่าในบางเรื่อง จริงๆ แล้วเขาก็อ่อนหัดยิ่งนัก ดังนั้น บางครั้งได้เรียนรู้แนวคิดของคนหน้าเนื้อใจเสืออย่างทนายอัน ก็ถือว่าเป็นการเพิ่มความรู้ให้ตัวเอง
ข้างหน้า มีแสงไฟฉายส่องเข้ามา ไม่น่าจะใช่เถ้าแก่และคนอื่นๆ มาแล้ว ฝั่งเถ้าแก่ถ้านับรวมทั้งหมดบวกกับเขาที่ร่างไหม้เกรียม ก็มีแค่สี่คนเท่านั้น แต่ไฟฉายที่อยู่ข้างหน้ากลับมีไม่ต่ำกว่าสิบ
“ตีให้สลบทั้งหมดแล้วโยนทิ้งไปทางนั้น จากนั้นสำรวจบริเวณใกล้เคียงว่ายังมีคนอื่นอีกไหม ตีให้สลบแล้วจัดการให้เรียบร้อย ก่อนที่เถ้าแก่จะมา ที่นี่ไม่อนุญาตให้ผู้อื่นทำลายและสร้างผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น”
เด็กผู้ชายได้ยินดังนั้นจึงลุกขึ้นเดินไปข้างหน้า ไม่ช้าก็มีเสียงดังตึงมาจากข้างหน้าเป็นระยะ หลังจากผ่านไปประมาณห้านาที เด็กผู้ชายจึงเดินกลับมานั่งลงข้างทนายอันอย่างเงียบๆ
“จัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ทำแขนขาหักใช่ไหม”
“ตีสลบแล้ว”
“อ้อ”
ทั้งสองคนเงียบต่อไป
“คุณขยับเข้ามาใกล้อีกหน่อย อาศัยช่วงที่พวกเถ้าแก่ยังไม่มา ผมของีบแป๊บหนึ่ง”
เด็กผู้ชายหันข้างให้ทนายอัน ทนายอันก็ขยับเข้ามาหาเด็กผู้ชาย เด็กผู้ชายจับศีรษะของทนายอันแล้ววางไปบนขาของตัวเอง
ทนายอันพอใจเป็นอย่างมาก เหมือนความเจ็บปวดที่เสียแขนไปไม่ทรมานขนาดนั้นแล้ว เขาถอนหายใจยาว แล้วหลับตาอย่างพึงพอใจ
เด็กผู้ชายก้มหน้ามองทนายอันที่เป็นเพื่อนร่วมเตียงของตัวเอง ทนายอันหรี่ตา เอ่ยว่า “มองอะไร”
“ปกติคนแก่เวลาทำสิ่งที่ปรารถนาสำเร็จก่อนตาย น่าจะมีสีหน้าเหมือนกับเจ้า”
“…” ทนายอัน
“ผมจะไม่ตาย ผมยังไม่ประสบความสำเร็จ” ทนายอันพูดเน้น
“อืม”
“วางใจได้ ผมจะนอนหลับแป๊บหนึ่ง ช่วงที่คุณไม่อยู่ ผมเกรงใจไม่กล้าไปขอนอนกับเถ้าแก่ จึงไม่ได้พักผ่อนเลยเหนื่อยเหลือเกิน ทางด้านนั้นของผมก็ปกติ ไม่ชอบหนุ่มน้อย”
เด็กผู้ชายถอนหายใจ แล้วพูดแก้ไขให้ถูกต้องว่า “น่าจะเป็นคนแก่มากกว่า” หากพูดถึงอายุ ทนายอันที่เป็นคนมาหนึ่งชาติเป็นผีมาหนึ่งชาติ ยังมีอายุยืนไม่เท่าเด็กผู้ชายคนนี้จริงๆ ทนายอันไม่ต่อล้อต่อเถียงอีก เขานอนหลับแล้วจริงๆ
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เสียงรถยนต์ปรากฏขึ้นข้างหน้า แม่กุญแจที่ประตูใหญ่ถูกงัดออก จากนั้นรถคันนั้นจึงขับเข้ามาในนี้ เด็กผู้ชายไม่ขยับ ได้แต่ยื่นมือตบหน้าคนที่อยู่ในอ้อมแขนเบาๆ พลางเอ่ยว่า “เถ้าแก่มาแล้ว”
เมื่อทนายอันลืมตาแล้วก็อยากจะบิดขี้เกียจ แต่กลับรีบใช้มือข้างเดียวของตัวเองดึงผ้าที่พันแผลเอาไว้ เพื่อให้เลือดสดไหลออกมา เปื้อนเป็นรอยใหญ่ แล้วจึงลุกขึ้นอย่างโซเซ ประจวบเหมาะกับตอนที่สวี่ชิงหล่างกับอิงอิงประคองเถ้าแก่เข้ามาพอดี ทนายอันตัวสั่น ทำท่าเหมือนจะล้มลงไป
เด็กผู้ชายยืนอยู่ข้างๆ ไม่ขยับ
“…” ทนายอัน
‘พลั่ก!’ สถานการณ์อยู่ในบรรยากาศที่น่ากระอักกระอ่วนไปชั่วขณะ
เด็กผู้ชายก้มหน้าประคองทนายอันที่ล้มลงไป ทนายอันเหลือบตามองเขาด้วยความนิ่งขรึมหนึ่งที เด็กผู้ชายจึงได้แต่หัวเราะ
“ก้อนหินพวกนั้นอยู่ข้างล่าง มีเยอะมาก…” ทนายอันเล่าเรื่องอย่างคร่าวๆ จากนั้นจึงชี้ไปที่อิงอิงแล้วพูดว่า “อิงอิง คุณคอยเฝ้าอยู่ที่ปากทางเข้า”
อิงอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจต่อการจัดการนี้ แต่เธอรู้ดีว่าทนายอันจัดการแบบนี้ก็มีเหตุผลของเขา ดังนั้นจึงไม่พูดอะไร
“เหล่าสวี่ คุณกับเขา…” ทนายอันชี้ไปที่เด็กผู้ชาย “พวกคุณสองคนนำเถ้าแก่ลงไป จากนั้นให้เด็กน้อยอยู่ที่ปากทางเข้าด้านล่าง ไม่อนุญาตให้เข้าไป”
เด็กผู้ชายได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้า ทนายอันหันไปมองหญิงสาวตัวดำที่อยู่ด้านหลังสุดของทุกคน ชี้ไปที่เธอแล้วเอ่ยว่า “คุณก็ตามลงไปดูแลด้วย ครั้งนี้ถ้าหากเถ้าแก่ไม่สามารถตื่นขึ้นมาหรือดีขึ้น คุณก็คงมีชีวิตต่อได้ไม่กี่วัน และครั้งนี้ ถ้าหากคุณสามารถออกแรง ผมจะช่วยพูดแทนคุณ ให้เถ้าแก่ถอนพิษในตัวคุณทั้งหมด ให้คุณได้เป็นอิสระ”
หญิงสาวตัวดำได้ยินดังนั้น จากเดิมที่มีสีหน้านิ่งได้แสดงความตื่นเต้นดีใจออกมาในที่สุด
“ได้ งั้นก็ตามนี้”
ทนายอันขยับเข้าไปใกล้เถ้าแก่ พบว่าหน้าอกของเถ้าแก่มีปากกาด้ามนั้นปักอยู่ ดูเหมือนจะนูนออกมาข้างนอกกว่าเดิมอยู่ไม่น้อย ซึ่งหมายความว่า ถึงแม้จะเป็นปากกาพิฆาตด้ามนี้ ก็ไม่สามารถยืนหยัดได้นานเช่นกัน
เด็กผู้ชายกับสวี่ชิงหล่างประคองร่างของเถ้าแก่ เพราะว่าร่างกายตอนนี้ดูแล้วเปราะบางเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่สามารถอุ้มแบบเจ้าหญิงเหมือนตอนที่อุ้มทนายอันลงไปก่อนหน้านั้น ด้วยเหตุนี้จึงใช้เวลาทั้งหมดเกือบครึ่งชั่วโมง กว่าทั้งสามคนจะลงมาถึงข้างล่าง
เด็กผู้ชายปีนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วรับหญิงสาวตัวดำลงไป ครั้งนี้เร็วขึ้นและสะดวกมากกว่าเดิม ทนายอันไม่ลงไปอีก เพราะหนอนสีดำที่อยู่ข้างล่างมีความอันตรายสูง เขาลงไปอีกครั้งจะกลายเป็นภาระเปล่าๆ
สวี่ชิงหล่างมีพลังของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลอยู่ในตัว เวลาอยู่ในน้ำจึงไม่มีปัญหา ส่วนหญิงสาวตัวดำก็ปล่อยเธอไปเถอะ สำหรับพวกผีดิบด้วยลักษณะทางกายภาพของพวกเขา สามารถถูกผนังหินสีเขียวทำให้ลุ่มหลงได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงสั่งให้อิงอิงอยู่ข้างบน ส่วนเด็กผู้ชาย เขามีประสบการณ์เคยลงไปมาแล้ว แต่ก็เตือนเขาไม่ให้เข้าไปลึกอีก สถานการณ์อยู่ในช่วงเคร่งเครียด ถ้าหากมีผีดิบอยู่ข้างล่างอีกหนึ่งตัวแล้วเกิด ‘ฟิน’ ขึ้นมา คงได้แต่บอกว่าซวยซ้ำซวยซ้อน
อิงอิงยืนอยู่ข้างทนายอัน ไม่พูดจา ทนายอันมองเธอ แต่ไม่กล้าพูดกับเธอเหมือนที่พูดกับเด็กผู้ชายเพื่อให้ตัวเองได้นอนอยู่ในอ้อมแขนของเธอ จึงนั่งขัดสมาธินั่งหลับพักสมอง
…
ด้านล่าง
เด็กผู้ชายไม่ได้เข้าไปที่ทางเดินในถ้ำนั้นอีก สวี่ชิงหล่างดันร่างของเถ้าแก่เข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง หญิงสาวตัวดำตามอยู่ข้างหลังอย่างช้าๆ ขาของเธอเคลื่อนไหวไม่สะดวก แต่ช่วงที่ผ่านมานี้ ได้ฝึกความสามารถในการปีนป่ายมาอย่างดี
เมื่อออกมาจากถ้ำที่สูงเท่าครึ่งตัวคนแล้ว ตอนที่เข้าไปในเขตของบ่อนั่น สวี่ชิงหล่างขมวดคิ้วเล็กน้อย วางฝ่ามือลงไปในน้ำสักครู่หนึ่ง เกล็ดงูแต่ละเกล็ดได้งอกออกจากแขนของเขา แล้วร่วงลงไปอย่างช้าๆ แผ่ขยายออกไปตามทิศทางของนิ้วที่ชี้ไปข้างหน้า กลายเป็นทางน้ำที่ประกอบขึ้นจากเกล็ดงูสายหนึ่ง
“อย่าเดินออกนอกเกล็ดงู” สวี่ชิงหล่างพูดเตือนหญิงสาวตัวดำ จากนั้นเขาจึงอุ้มร่างของเถ้าแก่ขึ้นมา แล้วเดินเข้าไปในน้ำ หญิงสาวตัวดำเนื่องจากกำลังคลาน แต่ความสูงไม่พอ น้ำที่อยู่ในนี้จึงไหลเข้าปากของเธอเป็นระยะ แต่เธอไม่รู้สึกขยะแขยงอะไร คลานตามหลังของสวี่ชิงหล่างต่อไป ปกติก็ปลูกผักทำไร่ ใช้ปุ๋ยต่างๆ มากมาย มีหรือจะพิถีพิถันกับเรื่องพวกนี้
เมื่อเสียเวลามาพักใหญ่ ในที่สุดสวี่ชิงหล่างก็พาโจวเจ๋อมาถึงด้านล่างผนังหินสีเขียวเสียที แต่ต่อจากนี้ควรทำอย่างไร สวี่ชิงหล่างหยิบดาบเหรียญทองแดงของตัวเองออกมา แล้วขุดก้อนหินสีเขียวหนึ่งก้อนวางไว้ที่หน้าอกของเถ้าแก่ แต่รออยู่นานดูเหมือนจะไม่ได้ผลอะไร
หญิงสาวตัวดำมองอยู่ข้างๆ แล้วพูดอย่างลังเลว่า “ตอนนี้เขาไม่สามารถดูดซับได้ด้วยตัวเอง”
“คุณมีวิธีไหม”
หญิงสาวตัวดำชี้ไปที่ผนัง แล้วชี้ไปที่โจวเจ๋อ จากนั้นก็พยักหน้าหงึกๆ
“ต้องปลูกลงไปเหรอ”
“ทนายคนนั้น เห็นความสามารถของฉันไม่ใช่เหรอ ถึงสั่งให้ฉันมา กระทั่งสั่งให้ฉันลงมาด้วย” ขาของเธอไม่ดี แต่ก็ยังให้เธอลงมา
“คุณลองดูก็แล้วกัน”
“ได้”
หญิงสาวตัวดำหยิบเมล็ดสองเมล็ดออกมาจากกระเป๋ากันน้ำของตัวเอง ไม่ได้ใส่เข้าไปในปากของโจวเจ๋อแต่วางไว้บนผิวหนังของโจวเจ๋อ ต่อจากนั้นเธอจึงกรีดนิ้วของตัวเอง เพื่อให้เลือดของตัวเองหยดลงไปบนผิวหนังของโจวเจ๋อ เมล็ดเหมือนได้รับพลังชีวิต เริ่มไหลซึมเข้าไปในร่างของโจวเจ๋อ
ร่างกายของเถ้าแก่โจวในตอนนี้ย่ำแย่จริงๆ ดังนั้นจึงไม่สามารถขัดขวางการแทรกซึมเข้าไปได้
“ระวังหน่อย”
“ไม่มีปัญหาหรอก” หญิงสาวตัวดำเริ่มโบกมือทั้งสองข้าง เหมือนกำลังควบคุมเมล็ดของตัวเองให้เติบโตในร่างกายของโจวเจ๋อ ไม่ช้าเถาวัลย์เส้นเล็กละเอียดราวกับเส้นผมได้งอกออกมาบนร่างกายของโจวเจ๋อ
“ช้าๆ ช้าๆ หน่อย ร่างกายของเขาอ่อนแอ” สวี่ชิงหล่างพูดเตือนอีก
“ไม่เป็นไร การเติบโตของเมล็ดตอนแรกจะซึมซับพลังชีวิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากต้นอ่อนงอกออกมาแล้ว ก็สามารถใช้มันเป็นสื่อกลางดูดซับสิ่งที่อยู่ภายนอก ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าควรทำยังไง…”
‘ปึก!’ ทันทีที่สิ้นเสียง ปากกาพิฆาตที่ปักอยู่ตรงหน้าอกของโจวเจ๋อพลันเด้งออกมา แล้วตกลงไปในน้ำ ส่วนเถ้าแก่โจวที่เดิมทีมีร่างกายไหม้ดำ เริ่มมีการลอกเนื้อออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“…” หญิงสาวตัวดำ!
……………………………………………………………………….