ตอนที่ 664 เตียวโง่
สิ่งมีชีวิตที่ซ่อนตัวลึกลับตัวนั้น ดูแล้วน่ารักน่าชังเป็นอย่างยิ่ง เนื้ออวบๆ ขุนปุกปุย ให้ความรู้สึกถึงความขี้เกียจที่ทนายอันเคยสัมผัสมาก่อน
สีขนของมันเป็นสีเทา และไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะของเหลวสีเขียวที่สะท้อนออกมาไม่หยุดหรือสาเหตุอย่างอื่น จึงสามารถมองเห็นลวดลายสีม่วงอยู่รำไร มีความคล้ายแมว แต่ก็เหมือนจิ้งจอก และมันในตอนนี้กำลังวางอุ้งเท้าทั้งสี่บนตัวเถ้าแก่ของเขา นอนหมอบตัวอยู่บนหน้าอกของเถ้าแก่ ทั้งสองคน อ้อไม่ หนึ่งคนหนึ่งสัตว์กำลังนอนหลับเหรอ
ทนายอันรู้สึกว่าภาพที่อยู่ตรงหน้า เต็มไปด้วยภาพของการเยาะเย้ยถากถาง สวี่ชิงหล่างก็เดินเข้ามาใกล้ในเวลานี้ แล้วมองไปตามสายตาของทนายอัน จากนั้นจึงตกตะลึง
ไม่แปลกที่พวกเขาจะตกตะลึงพรึงเพริด เพราะก่อนหน้านั้นพวกเขาคิดถึงเหตุการณ์ที่ดีและเหตุการณ์ที่แย่นับครั้งไม่ถ้วน แต่มีเพียงฉากที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้นที่คาดคิดไม่ถึง!
เถ้าแก่ไม่เพียงไม่ถูกสิ่งที่มีตัวตนอันลึกลับน่ากลัวนั่นฆ่าตาย แต่ทั้งสองยังนอนหลับด้วยกันอีกด้วย
“ทำไมผมรู้สึกว่า…” สวี่ชิงหล่างนิ่งไป แล้วพูดต่ออย่างยากลำบาก “พวกเขานอนหลับปุ๋ย” นี่คือความรู้สึกที่ไม่สมเหตุสมผลไร้สาระมาก แต่เป็นความรู้สึกที่รับรู้ได้โดยตรงที่สุด
“หรือไม่…อาจจะ…ประมาณว่า…ไม่ว่ายังไง…ผมก็ไม่เข้าใจ” ทนายอันกะพริบตาปริบๆ ภาพที่อยู่ตรงหน้าอยู่เหนือประสบการณ์และขอบเขตความรู้ของเขาจริงๆ
“อย่างนั้น จะระเบิดหรือไม่ระเบิด” สวี่ชิงหล่างถาม
“หากพูดตามหลักการแล้ว ไม่น่าจะต้องระเบิด เพราะอย่างน้อยดูจากตอนนี้แล้ว เถ้าแก่ไม่มีอันตรายอะไร แต่พวกเรายุ่งกันขนาดนี้แถมยังบาดเจ็บทุกคน เขากลับนอนหลับกอดของใหม่อย่างสบายใจ ผมคันไม้คันมืออยากจะระเบิดจริงๆ!”
เถ้าแก่แบบนี้ เป็นเป้าหมายที่พวกพนักงานอยากจะระเบิดให้ตายใช่ไหม! สวี่ชิงหล่างพยักหน้า แสดงว่าเห็นด้วย
“ฮิๆ โอเค กลับไปบอกพวกอิงอิง คอยจับตาดูความเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ ก่อน ผมจะคอยดูอยู่ตรงนี้ แม่งเอ๊ยคิดไม่ถึงว่าอายุขนาดนี้แล้ว ยังต้องสวมบทเป็นสาวใช้ต้นห้อง”
“ผมจะออกไปก่อน มีเรื่องอะไรคุณก็บอกผม ที่นี่ยังมีสัญญาณอยู่”
“ผมรู้ คอยดูไปก่อน ถ้าหากมีอะไร ก็ระเบิดไปเลย”
สวี่ชิงหล่างเดินถอยออกไป ทนายอันใช้แขนข้างเดียวลูบกระเป๋าของตัวเอง ควักบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน แล้วจึงเปลี่ยนท่านอนลงไป จุดบุหรี่สูบเข้าเต็มปอด จากนั้นพ่นออกมาอย่างแรง เขาคิดอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เหมือนจิ้งจอกและคล้ายแมวนั่นเป็นตัวอะไรกันแน่ แล้วทำไมมันถึง ‘ทำตัวกลมกลืน’ กับเถ้าแก่ของเขาขนาดนี้
ทนายอันไม่ทราบ และขี้เกียจคิดให้เปลืองเซลล์สมอง เพราะก่อนหน้านี้เขาก็คิดไม่ออกว่าทำไมเถ้าแก่ของตัวเองถึงมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับอิ๋งโกว
“มีความรวดเร็วมาก เหมือนจิ้งจอกและแมว เหอะๆ และเหมือนเตียว เอ่อ…” ทนายอันเริ่มใช้ความคิดของตัวเองนับรายชื่อปีศาจที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์อย่างละเอียด นับไปนับมาแล้วเหมือนจะไม่มีเค้าอะไร แต่ตอนที่เขากำลังจะล้มเลิก ในหัวเกิดแสงสว่างวาบทันที ฮวาหูเตียว ฮวาหูเตียวสีทองประกายม่วงแกมแดง! ใน ‘ตำนานสงครามเทพเจ้า (เฟิงเสิน)’ ได้บันทึกเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นอาวุธที่มีชีวิตของโม๋หลี่โซ่ว หนึ่งในสี่ขุนพลของตระกูลโม๋แห่งด่านเจียเมิ่งกวน ดุร้ายผิดปกติ แต่กลืนหยางเจี่ยนเข้าไป สุดท้ายจึงถูกหยางเจี่ยนฆ่าตายตอนอยู่ในท้องของมัน
โอ้วๆ ใช่ตัวเดียวกันไหม ทนายอันหันหน้าไปมองหนึ่งคนหนึ่งสัตว์ที่นอนหลับสนิทไม่รู้วันเดือนปีอยู่ตรงนั้น ถ้าหากเป็นตัวนั้นจริง อ้อไม่ ถึงแม้จะเป็นแค่สายพันธุ์เดียวกันเหมือนตัวนั้นที่อยู่ในตำนานสงครามเทพเจ้า ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่มีตัวตนที่น่ากลัวที่สุดก็ว่าได้! เมื่อลองคิดเชื่อมโยงถึงตอนที่มันใช้พลังโจมตีและความเร็วอันน่ากลัวต่อสู้กับเด็กผู้ชายและอิงอิงก่อนหน้านั้น แม้แต่ร่างของผีดิบก็ยังต้องเหงื่อตกยามที่อยู่ต่อหน้ามัน และเงาลวงตาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลของสวี่ชิงหล่างก็ถูกมันฉีกขาดสะบั้นไปโดยตรง
ปีศาจ เมื่อพูดถึงสายเลือด หากดูจากการแสดงออกทางด้านกำลังและความสามารถแล้ว เหล่าเซียนที่อยู่ในป่าเก่าแก่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ร้านหนังสือเคยสัมผัสมาทั้งหมด แม้แต่ถือรองเท้าให้มันก็ไม่มีสิทธิ์
ว่าแต่ถ้าแก่ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ร่างของเถ้าแก่ทำไมถึงยังย่ำแย่ ไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นเลยสักนิด ทั้งๆ ที่แช่อยู่ใน ‘น้ำบำรุง’ กลับไม่มีปรากฏการณ์ของการเกิดใหม่แม้แต่นิดเดียว
อันที่จริงยังได้ผลอยู่บ้าง แต่เป็นเพราะมันช้าเกินไปและค่อยๆ ปรับจากภายในร่างกาย ดังนั้นทนายอันที่อยู่แต่ไกลจึงมองไม่ออก
เถาวัลย์แต่ละเส้นเหมือนกับหนวดเล็กละเอียด แผ่ขยายอยู่ภายในร่างกายของโจวเจ๋อไม่หยุด พวกมันกลายเป็นเส้นชีพจรของโจวเจ๋อ กระทั่งเป็นเส้นเลือด เริ่มทำการปรับปรุงร่างกายใหม่อีกครั้ง
เพราะว่ามันมองโจวเจ๋อเป็นพื้นดินที่ให้ตัวเองได้เติบโตหยั่งรากลึก และด้วยสัญชาตญาณของพืช ทำให้ต้องยึดรากที่อยู่ใต้เท้าของตัวเองให้มั่นคงแข็งแรง ดังนั้นสามารถพูดได้ว่า มันไม่ได้เป็นฝ่ายที่อยากจะช่วยปรับปรุงและฟื้นฟูสภาพร่างกายของโจวเจ๋อ
เถ้าแก่โจวรู้สึกเพียงคันตามร่างกาย สบายตัวเป็นอย่างมาก สบายจนทำให้ไม่อยากลืมตา ถ้าหากนี่คือความฝันอย่างนั้นก็เป็นฝันที่ไม่อยากตื่น
เจ้าตัวนั้นที่อยู่บนหน้าอกของเถ้าแก่โจวได้กำแบอุ้งเท้าเป็นระยะ ทำท่าจับไปมาอย่างไม่รู้ตัว แถมยังแลบลิ้นออกมาเลียปากของตัวเองเป็นบางครั้ง ดูเหมือนจะนอนหลับสบายเป็นอย่างมาก
แต่ความเงียบสงบเช่นนี้ ไม่ได้อยู่นานเกินไป เพราะร่างกายของโจวเจ๋อหลังจากถูกพืชพวกนี้ปกคลุมอย่างสมบูรณ์แล้ว จิตสำนึกหนึ่งที่เรียบง่ายแต่แข็งแรงดุดันกลับเริ่มโจมตีจิตสำนึกของโจวเจ๋อโดยตรง!
การมีชีวิต การพัฒนาเติบโต การดำรงอยู่ ล้วนเป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ชั่ววินาทีนั้น โจวเจ๋อรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายของตัวเองถูกทิ่มแทงด้วยเข็มมากมายนับไม่ถ้วน ความเจ็บปวดรุนแรงเหมือนน้ำขึ้นพัดขึ้นมาโจมตี
โจวเจ๋อพลันลืมตา เขารู้สึกเหมือนบนร่างกายของตัวเองมีอะไรบางอย่าง แต่ตอนที่เขามองอย่างละเอียดสิ่งนั้นกลับหายไปไม่เห็นแล้ว
แต่ตอนนี้โจวเจ๋อไม่มีเวลาสนใจสิ่งนั้นแล้ว ตอนที่เขาลุกขึ้นมาจากท่านอน หนวดแต่ละเส้นยังคงส่ายเอนไปมาอยู่ข้างกายเขาไม่หยุด ฉากนี้เหมือนซีรีส์ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงของประเทศที่เป็นเกาะแห่งหนึ่ง
“เอ๊ะ เถ้าแก่” ทนายอันคลานขึ้นมาทันที พลางจ้องมองด้านบน เขาเห็นเถ้าแก่ของตัวเองเหมือนกับปลาหมึกยักษ์ร่างกายบิดเบี้ยวไปมาอยู่ตรงนั้นไม่หยุด และหนวดเถาวัลย์เหล่านั้นก็ยังพันอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ทนายอันรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออกทันที ขอบคุณท้องฟ้า ขอบคุณพื้นดิน น่าจะเป็นเพราะมีฐานหลักอยู่บริเวณนี้ ดังนั้นถึงแม้จะอยู่ใต้ถ้ำ ก็ยังพอมีสัญญาณอยู่เล็กน้อย
“ฮัลโหล! เรียกเจินเหม่ยลี่ลงมา!” ยังไม่ทันจะวางสาย ทนายอันก็รู้สึกถึงคลื่นอากาศที่หดตัวอย่างรุนแรง ของสีเขียวที่อยู่ตรงหน้าเริ่มหดตัวอย่างรวดเร็ว เหมือนหลักการของเครื่องสูบลมจักรยาน การหดตัวเร็วทำให้ความกดอากาศต่างกัน อากาศที่อยู่ข้างนอกเริ่มถูกดึงเข้ามาอย่างเร็ว ขังทนายอันอยู่ในทางเดินภายในถ้ำพอดี
‘พรืด! ทนายอันยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็ถูกดูดเข้ามาแล้ว ยังดีที่ของสีเขียวเหล่านั้นถอยห่างออกไปเร็วกว่าเขา ไม่อย่างนั้นถ้าหากจุ่มเข้าไป จะไม่ง่ายเหมือนถูกตัดแขนขาอีกต่อไป
ทนายอันคลานขึ้นมาจากพื้น แล้วเงยหน้า เขามองเห็นเถ้าแก่ของตัวเองกำลังดิ้นออกมาจากของสีเขียว ร่างกายครึ่งตัวยื่นออกมา แต่พวกหนวดที่อยู่บนตัวของเถ้าแก่กลับดึงกลับไปอย่างบ้าคลั่ง ยื้อยุดกันสุดขีด
พืชไม่อยากละทิ้งสารอาหารเหล่านี้ มันตามหาสถานที่ที่ทำให้ตัวเองรอดชีวิตและเติบโตได้อย่างเหมาะสมตามสัญชาตญาณ ทว่าโจวเจ๋อกลับไม่กล้าอยู่ตรงนั้นต่อไป ไม่อย่างนั้นหากปล่อยให้พืชที่อยู่บนตัวของตัวเองแข็งแรงมากกว่านี้ มีความเป็นไปได้สูงที่ตัวเองจะถูกยึดร่างจริงๆ!
และเนื่องจากโจวเจ๋อเริ่มออกมาข้างนอก ของสีเขียวจึงเริ่มหดตัวและรวมตัวกัน มือข้างหนึ่งของโจวเจ๋อกดลงไปที่หลุมบนผนัง ทำตัวเองให้เป็นแคร์รอตหัวใหญ่ แล้วจึงเริ่มดึงตัวเองออกมา จากนั้นพวกหนวดที่สั้นบ้างยาวบ้างเหล่านั้นได้มุดเข้าไปในหลุมของผนังสีเขียวอย่างบ้าระห่ำ
“อาๆๆๆ!!!!!!” โจวเจ๋อคำรามเสียงต่ำ การชักเย่อกับตัวเอง ความรู้สึกที่ตัวเองดึงตัวเองให้ฉีกขาด ทรมานจนยากที่จะทนรับไหว! และเนื่องจากร่างกายของเขาบกพร่องและอ่อนแอเกินไป สิ่งที่น่าอับอายมากคือ โจวเจ๋อพบว่าตัวเองสู้พืชประเภทนี้ไม่ได้! ความอับอายเอ่อล้นเต็มหัวใจ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะไม่มีประโยชน์จนถึงขั้นนี้
โจวเจ๋อชูแขนขวาของตัวเองที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียว แต่ตอนที่เขากำลังจะใช้เล็บตัดการพันธนาการ กลับตกใจเมื่อพบว่าตัวเองไม่มีเล็บแล้วด้วยซ้ำ มีแต่ฝ่ามือกระดูกที่ดำปิ๊ดปี๋อยู่บนแขนขวาของตัวเอง
ตอนที่ต่อสู้กับพระขี้เรื้อนก่อนหน้านี้ เล่นเกินไปหน่อย สนุกเกินจนทำให้ตัวเองมีสภาพเป็นเช่นนี้!
‘ครืนๆๆ!!!’ ร่างของโจวเจ๋อกำลังถอยหลัง แต่เขากำลังถูกดึงเข้าไปในหลุมของผนังอีกครั้ง ทนายอันร้อนใจมากและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ตอนนี้เขาก็เป็นเอี้ยก้วยฉบับมาตรฐานเหมือนกับเถ้าแก่ หญิงสาวตัวดำยังไม่ลงมา ทำไมถึงยังไม่ลงมา!
ตอนนี้คนที่สามารถยับยั้งและควบคุมพืชที่อยู่ภายในร่างของเถ้าแก่ได้ มีเพียงหญิงสาวตัวดำเท่านั้น
“ผม…” ร่างของเถ้าแก่ถูกดึงกลับไปเป็นส่วนใหญ่ เหลือเพียงมือข้างหนึ่งกับศีรษะที่ยังอยู่ข้างนอก พยายามดิ้นรนจนถึงวินาทีสุดท้าย จะขาดแล้ว มันจะขาดแล้วจริงๆ…
‘ฟึบ!’ เสียงเสียดสีกันของอากาศดังเข้ามา ต่อจากนั้นก็คือ ‘กรึกๆๆๆ!!!!’ เสียงแตกหักดังติดต่อกัน โจวเจ๋อรู้สึกตัวเบา ทั้งตัวของเขาร่วงตกลงมาจากหลุมของผนังโดยตรง ตกลงไปบนพื้นอย่างแรง
“โอ๊ะ…แค่ก…” เถ้าแก่โจวรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองสามารถไปขายให้ร้านรับซื้อของเก่าได้แล้ว
“เถ้าแก่!”
เมื่อเห็นโจวเจ๋อหนีพ้นออกมาในที่สุด ทนายอันจึงวิ่งเข้ามาอย่างโซเซ พลางแกว่งแขนข้างเดียวของตัวเองอย่างจงใจ ถ้าหากไม่ใช่เพราะรู้ว่าตัวเองเสียเลือดมากเกินไป เขาอาจจะจงใจดึงแผลอีกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มเอฟเฟกต์ของการรับชม
แต่ตอนที่เขากำลังจะเข้าใกล้โจวเจ๋อ ‘ครืน!’ มีเสียงดังผ่านเข้ามา!
“แม่ง*&……%¥”
ทนายอันลอยกระเด็นออกไปทั้งตัว กระแทกกับผนังที่อยู่ตรงหน้าอย่างแรง รอจนเขาค่อยๆ ร่วงลงมา พยายามเงยหน้าขึ้น แล้วจึงมองเห็นฮวาหูเตียวสีเทาตัวนั้นกำลังหมอบนอนอยู่บนหน้าอกของเถ้าแก่
ทนายอันเลือดพุ่งออกมาจากปาก แม่งเอ๊ย เจ้าเตียวโง่ตัวนี้ คิดว่าฉันจะแย่งที่นอนกับมันหรือไง
……………………………………………………………………….