ตอนที่ 670 ความลับในตอนนั้น
โจวเจ๋อตกตะลึง จากนั้นตรวจสอบศพผู้หญิงทันที ศพผู้หญิงไม่ได้ใส่เสื้อผ้า อาจเป็นเพราะเถ้าแก่หญิงเดิมทีคิดว่าคนอื่นไม่น่าจะได้เห็นเธออีก เธอจึงไม่เตรียมการไว้
โจวเจ๋อพยักหน้าเอ่ยว่า “คุณหุ่นดีมากครับ”
เถ้าแก่หญิงไม่อาย และไม่รู้สึกรำคาญ เธอยิ้มเล็กน้อยพูดว่า “ขอบคุณที่ชมค่ะ” คนที่ตายมาแล้วหนึ่งครั้งอะไรที่ควรปลงตกก็ปลงได้ อาจจะไม่ถึงขั้นสำส่อนหรือเปิดกว้างเกินไป แต่ก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยแล้วจริงๆ
โจวเจ๋อยื่นมือลูบคอของศพผู้หญิงสองสามทีแล้วถามว่า “ไม่ใช่ถูกกัดแล้วตายทันทีใช่ไหมครับ”
จากการแนะนำตัวของเถ้าแก่หญิงก่อนหน้านี้ อายุขัยของเธอมีชีวิตถึงสามสิบปี และเป็นยมทูตได้ห้าปี ปลายศตวรรษที่แล้วเกิดเหตุการณ์ผีดิบที่นี่ ตอนนั้นเถ้าแก่หญิงเพิ่งอายุสิบกว่าปี แต่ศพนี้ ไม่ใช่สาววัยรุ่นแล้ว
“ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้ถูกกัดแล้วตายทันที และในความเป็นจริง ฉันก็ไม่ได้ตายเพราะสิ่งนี้ ท่านคะ ที่นี่หนาวมาก พวกเราขึ้นไปคุยข้างบนกันเถอะค่ะ”
โจวเจ๋ออยากจะพูดว่าไม่ต้อง เขารู้สึกว่าอยู่ที่นี่สบายมาก แต่มองเห็นเถ้าแก่หญิงตัวสั่น พอคิดแล้วจึงพยักหน้าตกลง ทุกคนกลับมาที่ห้องทำงานของเธอ โจวเจ๋อนั่งตรงหัวโต๊ะอย่างอารมณ์ดี
เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะเจอเบาะแสอย่างไม่น่าเชื่อ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเจอคนที่ถูกฆ่าในตอนนั้นบางครั้งพยายามหาแทบตายกลับไม่เจอพอเลิกหากลับเจอจนได้
เถ้าแก่หญิงยกน้ำชามาเสิร์ฟอีกหนึ่งแก้ว โจวเจ๋อไม่ใช่คนที่ชอบดื่มน้ำชา ชาติที่แล้วเขาทำงานเหนื่อยและหนักมาก ไม่มีกะจิตกะใจคิดเรื่องพวกนี้ แต่ชาตินี้กลับชอบดื่มกาแฟมากกว่า ปกติเขาจะดื่มชาผูเอ่อร์ที่อิงอิงชงให้ดื่มเป็นบางครั้ง เมื่อวางถ้วยน้ำชาไปข้างๆ แล้วโจวเจ๋อจึงถามว่า “พูดก่อนเถอะครับ”
เถ้าแก่หญิงไม่ถามโจวเจ๋อว่าทำไมต้องการสืบเรื่องนี้ หนึ่งคือด้วยฐานะและหน้าที่ สองคือถ้าหากโจวเจ๋ออยากจะสืบเรื่องนี้ จริงๆ แล้วเธอยินดีที่จะช่วยเหลือเป็นอย่างมาก
หลังจากเป็นยมทูต เธอเคยลองตามหาร่องรอยตอนที่เธอเลิกเรียนกลับบ้านตอนกลางคืนเมื่อปีนั้น แต่จนถึงป่านนี้ยังไม่มีเบาะแสอะไรเหมือนเดิม เธออยากแก้แค้น อยากแก้แค้นมาก เพราะแผลที่คอของเธอ ถึงแม้จะไม่ได้นำความตายมาสู่เธอ แต่กลับนำพาสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่ามาให้เธอ ทรมานเธอนานนับสิบปี! ถ้าหากคืนนั้นเธอถูกกัดตายไปเลย เธออาจจะไม่แค้นเคืองขนาดนี้
“นั่นเป็นเหตุการณ์เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นฉันอายุสิบสองปี ฉันตั้งแต่เด็กจนโต ใช้ชีวิตอยู่ที่ตูเจียงเยี่ยนมาตลอด แต่ตอนนั้น ตูเจียงเยี่ยนเป็นเพียงอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่ยังไม่พัฒนาเหมือนในตอนนี้ จำได้ว่าคืนนั้น ฉันเลิกเรียนตอนดึกสะพายกระเป๋ากลับบ้านคนเดียว เพราะต้องเข้าร่วมการฝึกซ้อมร้องเพลงสำหรับงานเลี้ยงของโรงเรียน ดังนั้นตอนที่ออกจากโรงเรียนกลับบ้าน ฟ้าจึงมืดแล้ว” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เถ้าแก่หญิงดูเหมือนจะมีอารมณ์ที่หนักอึ้งอยู่บ้าง ความทรงจำในช่วงนั้น น่าจะทำให้เธอไม่อยากนึกถึงมัน
แน่นอนว่า โจวเจ๋อจะไม่ว่างจัดถึงขั้นเดินไปปลอบใจเธอ และจะไม่ยื่นผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชูช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอ ตลกจริง ล้วนเป็นคนที่เคยลงนรกมาแล้วทั้งนั้น ยังต้องการคนอื่นมาปลอบใจอีกเหรอ
“มีเงาดำจู่ๆ เข้ามาจับฉันจากด้านหลัง จากนั้นฉันก็รู้สึกว่าที่คอของฉัน คันมาก”
“คันมาก” โจวเจ๋อใช้มือที่ใส่ถุงมือลูบฟันของตัวเองอย่างอดไม่ได้ คัน มีความหมายกี่อย่างกัน
“ใช่ค่ะ คันมาก รู้สึกเหมือนถูกยุงกัด ตอนนั้นไม่รู้สึกเจ็บจริงๆ ค่ะ แค่รู้สึกคันเท่านั้น ทั้งคันทั้งแสบ คันลึกลงไปถึงกระดูก”
โจวเจ๋อรู้สึกคันหลังตัวเองเล็กน้อยสำหรับคำบรรยายของเธอ แต่ตอนนี้เขาเกาหลังไม่สะดวก อิงอิงเห็นดังนั้น รีบลุกขึ้นเดินไปข้างหลังเถ้าแก่ของตัวเองแล้วเริ่มช่วยเกาหลังให้เขา ฮู้ สบายจริงๆ
“จากนั้น ฉันก็สลบไป” เถ้าแก่หญิงกล่าว
“สลบไป” โจวเจ๋อยากที่จะเข้าใจ “คันจนเป็นลมเหรอ”
“เสียเลือดเยอะเกินไปค่ะ”
“อ้อ”
“ใช้เวลาทั้งหมดประมาณสามสิบวินาทีกว่า ข้างหูของฉันถึงขนาดได้ยินเสียงอีกฝ่ายดูดเลือดจากในร่างกายของฉันค่ะ”
“ทำไมคุณถึงไม่ตาย” นี่คือสิ่งที่โจวเจ๋อสงสัยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าอย่างไรตอนนั้นคนที่อยู่ตรงหน้ายังไม่ใช่ยมทูต แต่เป็นหญิงสาวธรรมดาอายุสิบสองปีคนหนึ่งเท่านั้น
“ฉันถูกคนพบว่าสลบอยู่บนถนน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และช่วยชีวิตได้ทันค่ะ”
“จากนั้นล่ะ ร่างกายมีปัญหาอะไรไหม”
“มีปัญหาค่ะ หลังจากออกจากโรงพยาบาลไม่นาน ฉันจึงลาออกจากโรงเรียน เพราะร่างกายแย่ลงเรื่อยๆ ทุกคืนขอเพียงเข้านอนก็ต้องฝันร้ายตลอด เป็นความฝันที่น่ากลัวมาก เป็นความฝันที่เหมือนจริงมาก ไม่เพียงเท่านั้น ร่างกายของฉันยังรู้สึกปวดเมื่อย เหมือนทรมานฉันตลอดเวลา”
“ไม่ถึงตาย”
“ถ้าหากคุณปู่ของฉันไม่ใช่แพทย์แผนจีนเก่าแก่ ถ้าหากไม่มีเขาหายาสมุนไพรมารักษาฉัน ฉันคงมีชีวิตไม่เกินสามเดือน”
“อ้อ คุณปู่ของคุณยังอยู่ไหม”
“ยังอยู่ค่ะ แต่ฉันไม่อยากเข้าใกล้เขาอีก เพราะคุณก็รู้ดี คนอย่างพวกเราอยู่กับคนทั่วไปมากไม่ได้ จะไม่ดีกับพวกเขา โดยเฉพาะญาติสนิททางสายเลือดในชาติที่แล้ว จะเป็นกรรมหนักที่รุนแรงเกินไป”
โจวเจ๋อพยักหน้า แสดงออกว่าเข้าใจ แต่จดจำคนนี้เอาไว้แล้ว ศิลปินพื้นบ้านและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่เก่งๆ มีหลายคน แต่ละคนล้วนเป็นสิ่งมีค่า และแพทย์แผนจีนที่สามารถยื้อชีวิตคนตรงหน้านี้ได้ ฝีมือนี้ น่านับถืออย่างยิ่ง
เสียดายที่แผลในตอนนี้ของเถ้าแก่โจว ไม่สามารถรักษาด้วยยาและการฝังเข็ม ต่อให้เป็นหมอที่เก่งกว่านี้ก็ไม่สามารถย้อนชีวิตกลับมาได้ จำได้ว่าชาติที่แล้วผลิตภัณฑ์สุขภาพเกี่ยวกับการย้อนวัยได้รับความนิยมมากช่วงหนึ่งเจ้าของโรงงานตั้งใจไปหานักแสดงอายุมากที่ยังแอ๊บเด็กมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ สุดท้ายมีแต่ความวุ่นวาย
“มีชีวิตรอดก็จริง แต่มีชีวิตอยู่เหมือนเป็นโทษทรมานอย่างหนึ่ง ฝันร้ายคอยอยู่เคียงข้างคุณตลอดเวลา ทรมานจิตใจของคุณทุกวัน สำหรับคนอื่นแล้ว การนอนเป็นเรื่องที่มีความสุขมาก แต่สำหรับฉันในตอนนั้น การนอนกลับเป็นความทรมานอย่างหนึ่ง”
“ตอนนี้ล่ะ” โจวเจ๋อพูดซ้ำเติม “คุณคิดว่าตอนนั้นถึงแม้จะนอนหลับฝันร้ายก็มีความสุขใช่ไหม”
เถ้าแก่หญิงตะลึง ก่อนจะหัวเราะพลางพยักหน้า ถือว่ายอมรับไปโดยปริยาย อย่างน้อยเมื่อเทียบกับตัวเองในตอนนี้ที่อยากจะหลับก็หลับไม่ได้ นับว่าดีกว่ากันเยอะ
“ความทรมานนี้ อยู่กับฉันมาตลอดจนอายุสามสิบปี ฉันจึงไม่ได้แต่งงาน ที่บ้านก็รู้ถึงสภาพจิตใจและร่างกายของฉันจึงไม่บังคับฉันค่ะ”
“สุดท้ายคุณตายได้ยังไง” โจวเจ๋อพูดด้วยความสงสัยอย่างยิ่ง
“อุบัติเหตุค่ะ”
“อ้อ”
“ถูกไฟช็อตตาย”
“เจ็บมากใช่ไหม”
“คิดไว้ล่วงหน้า”
“วันเกิดอายุสามสิบปีของฉันในตอนนั้น ฉันนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ แล้วโยนไดร์เป่าผมที่เสียบปลั๊กอยู่เข้าไป”
“อืม” โจวเจ๋อนิ่งไป แล้วพูดต่อ “ก็ดี ดีกว่าถูกรถชน”
อิงอิงที่ช่วยเกาหลังให้เถ้าแก่ของตัวเองฟังบทสนทนาของทั้งสองคนที่เริ่มเบี่ยงเบนออกไป แล้วจึงรู้สึกว่าน่าขำ ทั้งสองคนพูดคุยอย่างจริงจังว่าตัวเองตายได้อย่างไร หรือบางทีนี่คือหัวข้อที่สามารถคุยกันได้ระหว่ายมทูตด้วยกัน
โจวเจ๋อรู้สึกว่าหัวข้อนี้ชักจะเปิดกว้างและอิสระเกินไป เขาจึงถามทันที “ตอนที่คุณมีชีวิตอยู่ รวมทั้งหลังจากที่คุณเป็นยมทูตแล้ว เคยตามสืบเรื่องนั้นไหม”
“เคยสืบค่ะ แต่ไม่มีประโยชน์ ฉันไม่เห็นใบหน้าของคนนั้น นี่คือปัญหาที่ร้ายแรงที่สุด ตอนนั้นฉันกลัวมาก ตอนนี้เสียใจจริงๆ ต่อให้กลัวฉันก็น่าจะหันกลับไปมองสักครั้ง”
ไม่ว่าอย่างไรตอนนั้น เธอเป็นหญิงสาวอายุสิบสองปีคนหนึ่งเท่านั้น
“แต่ ตอนนั้นเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดามาก มีข่าวอยู่บ่อยครั้ง ได้ยินว่ามีคนตายไม่น้อย”
“ไม่ได้แจ้งความเหรอ” โจวเจ๋อถาม
เถ้าแก่หญิงส่ายหน้า “ตอนนั้นคนในบ้านยังเคยพูดกัน แต่ก็ตัดสินใจปิดบังเรื่องนี้” เหมือนกรณีที่หญิงสาวเมื่อมีมลทิน หลายคนไม่ยอมที่จะแจ้งความ
“จากนั้นล่ะ”
“หลังจากนั้น ฉันก็ไม่เคยยอมแพ้ที่จะตามหาตลอด แต่กลับเสียแรงเปล่า แต่หลังจากที่ฉันเป็นยมทูต กลับมาบ้านเกิดใช้ชีวิตในฐานะใหม่ ทำให้ฉันเจอเบาะแสอย่างหนึ่ง”
“เบาะแสอะไร”
“นั่นคือปีที่สองที่ฉันเปิดร้านสุกี้หม้อไฟ และเป็นปีที่สามที่ฉันเป็นยมทูต ตอนดึกที่ร้านได้ต้อนรับลูกค้ามากินสุกี้หม้อไฟคนหนึ่ง เขาดื่มเหล้าเยอะมาก ฉันจึงดื่มเป็นเพื่อนเขานิดหน่อย”
โจวเจ๋อขมวดคิ้ว ไหนบอกว่าไม่มีบริการดื่มเป็นเพื่อน ดูเหมือนจะมองออกถึงความสงสัยของโจวเจ๋อ เถ้าแก่หญิงจึงพูดเสริมว่า “เขาหน้าตาพอใช้ได้”
โจวเจ๋อกระแอมหนึ่งทีแล้วเอ่ยว่า “คุณไม่ต้องอธิบายก็ได้”
“ขอโทษค่ะท่าน ฉันกับเขาดื่มเหล้ากัน”
“หลังจากดื่มเสร็จล่ะ”
“เขาก็จ่ายเงินแล้วออกไป”
“อ้อ”
“แต่เขาบอกว่า แม่ของเขาอยู่ในบ้านป่วยมาตลอด ทำให้เขาปวดใจมาก ไม่ใช่เพราะไม่มีเงินรักษาหรือเป็นคนอกตัญญู แต่เขารู้สึกว่าแม่ทรมานมาหลายปีแล้ว ทำให้เขาเสียใจมาก”
“แม่ของเขามีปัญหา”
“ค่ะ เขาบอกว่าแม่ของเขาฝันร้ายเป็นประจำ ร่างกายชักกระตุกและกลัวความหนาวมาก เขาพาแม่ของเขาไปโรงพยาบาลหลายแห่งทั้งในและต่างประเทศเพื่อขอร้องให้หมอช่วย แต่ก็ไม่ได้ผล ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งเขาพูดถึงช่วงเวลาที่แม่ของเขาไม่สบายในตอนแรก ฉันจึงเริ่มระวังตัวขึ้นมา”
“อยู่ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่คุณโดนกัดเหรอ”
“ใช่ค่ะ กระทั่งสามารถพูดได้ว่าเป็นวันเดียวกัน เพราะเขาพูดว่าตอนนั้นที่แม่ของเขาได้รับบาดเจ็บ เป็นวันเกิดของเขาตอนยังเด็กพอดี เขาจำได้แม่น และวันนั้นก็เป็นวันเดียวกันกับที่ฉันโดนกัด ฉันจำได้แม่นยำค่ะ”
“จากนั้นล่ะ”
“ฉันกลับบ้านกับเขา ไม่ได้นั่งรถของเขา แต่ตามเขาอยู่ข้างหลัง จนมาถึงบ้านของเขา”
“แม่ของเขาก็เป็นผู้เคราะห์ร้าย”
“ค่ะ”
“เคยถามอะไรแล้วหรือยัง”
“ฉันแอบเข้าไปในห้องของแม่เขา แต่เธอเธอเสียสติไปแล้ว ถามอะไรไม่ได้เลย”
โจวเจ๋อพูดโพล่งออกมาทันที “ฆ่าเธอ แล้วก็ถามวิญญาณ”
เถ้าแก่หญิงสีหน้าเปลี่ยนทันที มองโจวเจ๋ออย่างไม่อยากจะเชื่อ ดูเหมือนจะคาดคิดไม่ถึงว่าคำพูดเหล่านี้จะหลุดออกมาจากปากของยมทูต ควรทราบว่า ยมทูตไม่สามารถฆ่าคนทั่วไปได้ ไม่อย่างนั้นจะโดนบทลงโทษจากนรก
โจวเจ๋อเลยหัวเราะแก้เขิน ยมทูตเถ้าแก่หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ไร้เดียงสาจริงๆ แต่เขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขาเป็นคนเย็นชาไม่สนใจชีวิตคน จึงรีบพูดให้กำลังใจว่า “เธอมีชีวิตอยู่ก็ต้องทรมานต่อไป ฆ่าเธอแล้วเท่ากับช่วยปลดทุกข์ให้เธอ และยังสามารถช่วยเธอกับคุณแก้แค้นในเวลาเดียวกัน ผมพูดแบบนี้ถูกต้องไหมครับ”
……………………………………………………………………….