ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 678 คุณคิดว่าผมโง่เหรอ

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 678 คุณคิดว่าผมโง่เหรอ

คนบ้านเดียวกันเจอคนบ้านเดียวกัน น้ำตารื้นทั้งสองข้าง ดังนั้นจึงทักทายกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พี่ ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง แต่โจวเจ๋อไม่ต้องถาม เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าเหลือใบหน้าเพียงครึ่งเดียว และใบหน้าครึ่งเดียวนี้ ถูกแทงทะลุด้วยแท่งเหล็กอันหนึ่ง เขาใช้ชีวิตอย่างน่าอาดูร

“เจ้ากำลังสงสารข้า” คนที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากยิ่งให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีของตัวเอง

“เจ้ากำลังสงสารข้าจริงๆ”

โจวเจ๋อไม่ตอบ

“ทำไมถึงไม่ตอบข้า”

“ผมกลัวว่าคุณจะยืมเงินผม”

“เอ่อ…ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!!!!!!”

ทนายอันมองอยู่ข้างๆ เป็นห่วงว่าเจ้านี่จะหัวเราะจนตายจริงๆ แล้วก็สุนัขเฝ้าบ้านเส้นตื้นขนาดนี้เชียว

“วางใจได้ ข้าในตอนนั้น ในเมื่อออกมาแล้ว ดังนั้นจะไม่กลับไปอีก”

โจวเจ๋อพยักหน้า

“พูดมา เมื่อกี้เจ้าพูดว่า ยังมีไอ้โง่อีกคนหนึ่งสั่งให้เจ้ามาเยี่ยมข้า เป็นไอ้หน้าโง่คนไหน”

“เป็นคุณ”

ใบหน้าครึ่งหนึ่งหลับตา พูดด้วยความสงสัย “เป็นข้าจริงๆ เหรอ”

“เป็นคุณจริงๆ”

“ข้าเป็นไอ้หน้าโง่เหรอ”

“คุณเป็นไอ้หน้าโง่”

ใบหน้าครึ่งหนึ่งพยักหน้า เหล็กที่อยู่บนใบหน้าหมุนวนหนึ่งรอบ

“ข้าสั่งให้เจ้ามาเยี่ยมข้า เจ้าก็มาจริงๆ เหรอ”

“ใช่”

“นอกจากมาเยี่ยมข้าแล้ว ยังจะทำอะไรอีก”

โจวเจ๋อรู้สึกเมื่อยแขน จึงวางซึ้งนึ่งลงไป ใบหน้าครึ่งหนึ่งถูกปิดอีกครั้ง

“เขานอนหลับอยู่ ผมอยากปลุกเขา”

“เจ้ารู้ไหมว่าปลุกเขาให้ตื่น หมายความว่าอะไร”

“ผมรู้”

“รู้แต่ก็อยากทำ” ใบหน้าครึ่งหนึ่งไม่ค่อยเชื่อ แต่แล้วก็ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ “พวกเจ้าสองคนเดินมาถึงขั้นนี้แล้วใช่ไหม”

‘พรืด!’ ทนายอันที่อยู่ถัดไปได้ยินแล้วจึงหัวเราะออกมา จากนั้นรีบก้มหน้าทันที ใช้ปลายเท้าเขี่ยพื้นวาดเป็นวงกลม

“ทุกคนเดินทางต่างกันแต่มีเป้าหมายเดียวกัน”

“ไม่ ข้ากับเจ้าไม่เหมือนกัน ข้าเป็นอิสระ วิญญาณของข้า การใช้ชีวิตของข้า ชีวิตของข้า ร่องรอยที่ข้าเคยอยู่ความหมายที่เกิดมาของข้า ล้วนเป็นอิสระ!”

โจวเจ๋อขมวดคิ้ว ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนห้าเหมาปะทะหนึ่งเซนต์

หรือบางทีนี่คือความเชื่อเพียงอย่างเดียวที่เขามีอยู่ในตอนนี้ และเป็นการหวนรำลึกเพียงอย่างเดียวท่ามกลางช่วงเวลาที่ทรมานเหมือนอยู่ในคุกมานานแรมปีเช่นนี้ ในฐานะสุนัขเฝ้าบ้านตัวหนึ่ง เขาเคยเดินออกมาอยู่บนเส้นทางของตัวเอง หลุดพ้นจาก ‘พันธนาการ’ ของอิ๋งโกว นี่นับว่าเป็นจุดแสงที่สว่างเจิดจ้า ก็เหมือนคนที่แก่ตัวแล้ว มักจะชอบนึกถึงวันเวลาที่ตัวเองยังเป็นหนุ่มสาวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

โจวเจ๋อคิดว่าเขาอาจจะตายไปแล้ว แม้แต่ตอนนั้นที่จิตวิญญาณของเขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยตราประทับจิต ก็ยังสงสัยว่าตัวเขาเองได้ตายไปแล้วใช่หรือไม่ แต่ตอนนี้ถึงแม้เขาจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ชีวิตแบบนี้ จริงๆ แล้วยิ่งเหมือนความอัปยศอย่างหนึ่ง

ใครกันแน่ที่นำเขามาวางให้โดนดูถูกอยู่ตรงนี้ เขาในตอนแรกเดินไปถึงขั้นไหนกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนปราบเขาได้ และการกระทำนี้ การจัดการนี้ การดำเนินการนี้ แค่ปราบอย่างเดียวยังไม่พอ ยังมาพร้อมกับลักษณะของการลงโทษเพื่อให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อด้วยความอ้างว้าง!

“เสียดาย ตอนนี้เขาไม่อยู่ ข้ารู้สึกคิดถึงเขาจริงๆ”

“อ้อ”

“อยากจะทำให้เขาโกรธอีกครั้ง”

“เหอะ เข้าใจได้”

โจวเจ๋ออยู่ข้างๆ พลางยืดเหยียดร่างกาย เหมือนกำลังอุ่นเครื่องก่อนเรียนวิชาพละศึกษา

“เจ้ากำลังจะ…เตรียมกินข้าใช่ไหม”

โจวเจ๋อไม่พูด

“เจ้าเป็นสัตว์เดรัจฉานเหรอ ข้าเหลือใบหน้าแค่ครึ่งเดียวแล้ว”

“ผมหิวแล้ว”

ขายุงก็คือเนื้อ โจวเจ๋อไม่อยากทิ้ง ต่อให้คุณเหลือแค่ครึ่งหน้า แต่ยังมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้ จึงคุ้มค่าที่จะกิน

“จริงๆ แล้ว ข้าก็หิวเหมือนกัน”

“ผมรู้”

สิ่งที่อยู่ในภาพจิตรกรรมฝาผนัง คนทั่วไปไม่กล้าเล่นแบบนี้จริงๆ

โจวเจ๋อรู้สึกว่า ตอนแรกที่เขาพยายามดิ้นให้หลุดจากอิ๋งโกว เป็นเพราะอยากจะเป็นคนตะกละได้อย่างอิสระเสรีใช่ไหม แต่พอคิดดูแล้วกลับไม่ถูกต้องอยู่บ้าง อิ๋งโกวคงไม่เบื่อมากถึงขั้นไปยุ่งกับอาหารของสุนัขเฝ้าบ้าน

คุณจะตาย คุณจะอยู่ คุณจะหิว คุณจะอิ่ม เขาไม่สนใจทั้งนั้น

“เจ้าไม่เคยกังวลว่า ข้าก็สามารถกินคุณได้เหมือนกันเหรอ”

“เคยคิด”

“จากนั้นล่ะ”

“ไปเก็บน้ำผึ้งก็กลัวว่าจะถูกผึ้งต่อย”

“ก็ใช่”

การสนทนาง่ายๆ ที่น่ากระอักกระอ่วนยังคงดำเนินต่อไป รอจนกระทั่งโจวเจ๋อทำการเตรียมพร้อมพอเป็นพิธีเรียบร้อยแล้ว ซึ้งนึ่งจึงเริ่มสั่นขึ้นมา

ทนายอันถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อรู้ตัว เว้นระยะห่างช่วงหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ทำสัญญาณมือให้อิงอิงกับเด็กผู้ชายที่อยู่ข้างหลัง เพื่อให้พวกเขาเตรียมตัว

โจวเจ๋อยืนอยู่ข้างซึ้งนึ่งต่อไป สีหน้าไร้อารมณ์ ชูมือขึ้นมา ฟันกัดถุงมือแล้วดึงถุงมือลงมา เผยให้เห็นมือกระดูกขาวข้างนั้น บีบนิ้วมือเข้าหากันเบาๆ ส่งเสียงดังของโลหะเสียดสีกันออกมา ทำนองไพเราะน่าฟัง

โจวเจ๋อกระทั่งเกิดความคิดหนึ่งว่า ถ้าเจาะรูบนนิ้วของตัวเอง ก็จะทำเป็นเครื่องดนตรีได้แล้วใช่ไหม ลองคิดดู ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดมิด ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างเตียง ชูมือของตัวเองขึ้นมา กระดูกสีขาวสะท้อนรับกับแสงจันทร์ เอามาแนบริมฝีปากแล้วเป่าเป็นเพลง ภาพนี้สวยงามจนต้องกลั้นหายใจจริงๆ

“อย่าเสียสมาธิ ข้ามาแล้ว” เสียงของใบหน้าครึ่งหนึ่งดังเข้ามา ชั่วเวลาเดียว เริ่มเกิดความสั่นสะเทือนเบาๆ ในห้องสุสาน แต่ไม่ได้ถึงขั้นรุนแรง ไม่มีปรากฏการณ์ฟ้าแตกแผ่นดินแยกเกิดขึ้น คล้ายกับเสียงฟ้าร้องฝนตกเล็กน้อย

“ข้าทำไม่ได้ ข้าไม่รู้ว่าขาของข้า มือของข้า ร่างกายส่วนอื่นของข้า อยู่ที่ไหนกันแน่”

“อืม”

จากนั้นจึงเงียบอีก

ทนายอันรออยู่ข้างๆ ด้วยความร้อนใจ ไหนบอกว่าจะต่อสู้กัน พวกคุณก็ต่อสู้กันสิ! มัวแต่พูดๆๆ แต่ไม่สู้ พูดหาแม่มึงเหรอ!

แน่นอนว่า ไม่ว่าเสียงภายในใจจะดังอย่างไร ทนายอันยังแสดงสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วย ‘ฉันเป็นห่วงความปลอดของเถ้าแก่’ อยู่บนใบหน้าของเขา

“สู้ไม่ไหว เจ้าเห็นสภาพของข้าแล้ว ช่างเถอะ เจ้ากินเถอะ อาหารส่วนใหญ่ กินสดๆ จริงๆ แล้วมีสารอาหารดีที่สุด”

โจวเจ๋อพยักหน้า

“แต่ ข้าไม่มีสารอาหารอะไรแล้วจริงๆ”

“พอมองออก”

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องการอะไร สิ่งที่ข้าให้เจ้าได้ ไม่เยอะจริงๆ บังเอิญ…เอ่อ ไม่ใช่ ไม่มีวัตถุดิบ ต่อให้เป็นพ่อครัวใหญ่แค่ไหน ก็ไม่สามารถทำของที่ดีออกมาได้”

“อืม”

“เจ้าพาผีดิบมาสองตัว”

ณ ที่ไกลๆ อิงอิงกับเด็กผู้ชายที่คอยเฝ้าอยู่หน้าประตูตลอดเงยหน้าพร้อมกัน

โจวเจ๋อเนื่องจากเป็นเพราะ ‘ตำแหน่ง’ ของตัวเอง คล้ายกับ ‘จูซานไท่จื่อ’ ที่เร่ร่อนอยู่ในชนบทมองเห็นเกี้ยวของขุนนางปกครองเมืองผ่านหน้าของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่รู้สึกพิเศษอะไร แต่สำหรับอิงอิงและเด็กผู้ชายแล้ว ถึงแม้ใบหน้าครึ่งหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าจะไม่น่ากลัวเท่าการปรากฏตัวของอิ๋งโกว แต่ความรู้สึกอึดอัด เหมือนถูกบีบเค้นมาจากสายเลือด ทำให้พวกเขาทรมานจริงๆ

นี่ไม่ใช่ความหวาดกลัว แต่เป็นตราประทับในส่วนลึกของสายเลือดที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยมนุษย์

“คือยังไง” โจวเจ๋อถาม

“เลือกมาหนึ่งตัว ให้ข้าได้สิงร่าง”

“คุณอยากต่อสู้กับผม แถมยังอยากยืมคนของผม เพื่อให้คุณต่อสู้กับผม” คุณคิดว่าผมโง่มากเหรอ

“เจ้าเชื่อข้าไหม”

“ไม่เชื่อ”

“ข้าจะไม่ทำร้าย…” ใบหน้าครึ่งหนึ่งเงียบไป ทันใดนั้นเขารู้สึกเหนื่อยมาก แต่เขาก็รู้สึกชื่นชมและดีใจ เขาพอจะคาดเดาได้ว่า อิ๋งโกวอยู่กับคนนี้มานาน น่าจะเหนื่อยยิ่งกว่าใช่ไหม

ทนายอันที่อยู่ถัดไปฟังความหมายออก เขาร้อนใจอยู่บ้าง ถึงแม้เขาจะไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ และไม่เคยเป็นสุนัขเฝ้าบ้านมาก่อน (ถึงแม้เขาอยากให้ตัวเองได้เป็นสุนัขเฝ้าบ้านมากก็ตาม!) แต่เขาก็ฉลาด เขาฟังออกถึงความหมายนอกเหนือจากนี้ของใบหน้าครึ่งหนึ่ง เพียงแต่ทนายอันสงสัยอยู่เล็กน้อย เถ้าแก่จะฟังไม่ออกเหรอ หรือว่าเป็นคนที่อยู่ในเกมจึงมองไม่ออก

เด็กผู้ชายเห็นทนายอันโบกมือให้ตัวเอง จึงสงสัยอยู่บ้าง

“เร็วเข้าเถอะ แบบนี้ ข้าจะยิ่งเหนื่อย”

“คุณอยู่แบบนี้มานานแล้ว ยังจะเหนื่อยอีก”

“แน่นอนว่าเหนื่อย”

“ควันดำที่หน้าประตูนั่น คืออะไร” ควันดำนั่น เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ผีดิบในครั้งนั้น

“คนเพิ่งตื่นนอน ก็ต้องมีลมปากบ้าง นับประสาอะไรกับข้าที่นอนหลับมานานขนาดนี้”

ลมปาก โจวเจ๋อส่ายหน้า เอ่ยว่า “ผมไม่เชื่อว่านี่คือลมปากของคุณ”

“อย่างนั้นเจ้าคิดว่าเป็นอะไร” ใบหน้าครึ่งหนึ่งยิ้มเล็กน้อยขณะถาม

โจวเจ๋อโน้มตัวพูดเบาๆ โดยมีซึ้งนึ่งเป็นตัวกั้น ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นคนนั้นที่อยู่ในซึ้งนึ่งเป็นฝ่ายเงียบเอง

โจวเจ๋อจึงพูดต่อ “จริงๆ แล้ว ผมคิดมาตลอด ตอนแรกคุณหลุดจากการผูกมัดของคนผู้นั้นได้ยังไง ชาติที่แล้วผมเป็นหมอ หากมองจากมุมมองของการแพทย์ในปัจจุบัน การกระทำที่เล็กน้อยและละเอียดอ่อน เป็นแนวโน้มการพัฒนาของการแพทย์ในปัจจุบัน แต่ในมุมมองของจิตวิญญาณแล้ว ผมรู้สึกมาตลอดว่าฐานะของผมกับอิ๋งโกว เหมือนคนหลายบุคลิกที่อยู่ในจิตวิญญาณดวงหนึ่ง มีการผ่าตัดแบบไหน สามารถแยกบุคลิกประเภทนี้ออกได้บ้าง” ต่อให้เป็นการกระทำที่ละเอียดอ่อนกว่านี้ เป็นการผ่าตัดที่รอบคอบกว่านี้ ก็ไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้

“ดังนั้น” คนนั้นที่อยู่ในซึ้งนึ่งพูดแล้ว

“ดังนั้น ผมคิดว่า ในเรื่องของจิตวิญญาณคุณน่าจะมีความรู้ระดับลึกซึ้งมาก ผมไม่รู้ว่าคุณเรียนรู้อะไรมาจากอิ๋งโกวบ้าง กระทั่ง คุณอาจจะไม่ได้เรียนรู้อะไรมาจากอิ๋งโกวเลย แต่คุณตื่นรู้ได้ด้วยตัวเอง โอเค จะไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว คุณสำเร็จแล้ว ผมมีจินตนาการเกี่ยวกับคุณจริงๆ แต่ผมไม่อิจฉาคุณ และไม่อยากเลียนแบบคุณ ยิ่งไม่อยากเดินทางที่คุณผ่านมาแล้ว เพราะเหนื่อยเกินไป”

“เหอะ…”

โจวเจ๋อหัวเราะ กระดูกสีขาวเสียดสีไปมาอยู่บนซึ้งนึ่ง เกิดเสียง ‘เอี๊ยดอ๊าด’ ออกมา

“คุณคิดว่าผมเหมือนกับเขา…” ขณะที่พูด นิ้วมือของโจวเจ๋อชี้ไปที่ทนายอันที่ทำสัญญาณมือให้เด็กผู้ชาย “คุณคิดว่าผมเหมือนกับเขา คิดว่าคุณกำลังเตรียมโอกาสชิ้นใหญ่ให้ผม จากนั้นเตรียมเรียกผีดิบของตัวเองตัวหนึ่งเข้ามาทันที เพื่อรับการสืบทอดหรือรับโอกาสพิเศษอะไร”

“…” ทนายอัน

“…” เด็กผู้ชาย

เด็กผู้ชายตั้งใจเงยหน้ามองทนายอัน ทนายอันที่โบกมืออยู่ข้างหลังกลับนิ่งไป

“แล้วก็ ก่อนหน้านี้ผมคิดว่า ใครที่มีความแค้นอันใหญ่หลวงกับคุณ ถึงทำให้คุณเป็นแบบนี้ และยังจงใจสร้างที่นี่เพื่อดูถูกคุณ ตอนนี้ดูเหมือนผมจะคิดออกแล้ว”

“คิด…อะไรออก”

“เขาไม่ได้ตั้งใจดูถูกคุณ แต่อาจเป็นเพราะเขาฆ่าคุณไม่ตาย!”

……………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท