ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 681 อาจารย์ กลับมาแล้ว

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 681 อาจารย์ กลับมาแล้ว

สิ่งที่เกินความคาดหมายของทนายอันคือ โจวเจ๋อดูเหมือนไม่สนใจมากเท่าไร เขาคิดว่าหลังจากพูดออกไปแล้วเถ้าแก่ของตัวเองจะ ‘ดีใจ’ ไม่ว่าอย่างไรเถ้าแก่ของตัวเองก็…

“คุณจัดการเองแล้วกัน สามารถป้องกันคนธรรมดาได้ก็พอ ส่วนอย่างอื่น ขอเพียงมีใจ ถึงแม้จะทิ้งคนไว้คอยเฝ้าก็ไม่มีความหมายอะไร” ไม่มีเหตุผลที่ต้องป้องกันโจรเป็นพันวัน ที่สำคัญที่สุดคือ ใบหน้าครึ่งหนึ่งนั้นเป็นตัวละครที่เข้าหายาก ไม่อย่างนั้นโจวเจ๋อคงไม่วางเขาไว้ตรงนั้นชั่วคราวไม่ยอมกิน

“อืม ผมเข้าใจแล้ว”

“ไปกันเถอะ ไปกินหม้อไฟ”

โจวเจ๋อเอาแต่นอนตลอดวัน ท้องหิวแล้วจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะโจวเจ๋อรู้สึกท้อใจ เขาแค่อยากแอบอู้นอนเฉยๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่น และยิ่งไม่มีอะไรต้องกังวล แค่ขี้เกียจ อยากนอนผ่อนคลายเฉยๆ

หม้อไฟแบ่งเป็นเก้าช่อง และยังเป็นหม้อใหญ่มาก นั่งล้อมวงกันหลายคน ไม่ว่าอย่างไรหลังจากที่ได้ดื่มน้ำดอกพลับพลึงแดงแล้ว ทุกคนชอบที่จะกินข้าวมากขึ้น

โจวเจ๋อนั่งหัวโต๊ะ อิงอิงนั่งอยู่ข้างๆ คอยช่วยหยิบผักและเนื้อให้โจวเจ๋อ ทนายอัน สวี่ชิงหล่าง หญิงสาวตัวดำรวมทั้งยมทูตสามคนแยกกันนั่งถัดมา เด็กผู้ชายนั่งอยู่ไกลๆ เขาไม่ชอบกินอะไร นั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือทำการบ้านของเขา

โจวเจ๋อได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้จับกุมที่ยูนนาน ดังนั้นครั้งนี้ถือว่าเป็นการพบกันของทุกคน มีความคล้ายกับหัวหน้าทีมขายตรงที่เรียกดาวน์ไลน์มานั่งประชุมกัน จริงๆ แล้วก็ประมาณนี้ ในเมื่อหัวหน้าได้เป็นผู้จับกุมแล้ว ทุกคนก็ต้องกลับมาย้อนความทรงจำในอดีตด้วยกัน ขณะเดียวกันยังคาดหวังถึงอนาคตที่สวยงาม สุดท้ายเป็นการย้ำว่าต้องสามัคคีกันพยายามทำเพื่อส่วนรวมต่อไปโดยมีโจวปลาเค็มเป็นจุดศูนย์กลาง

“เอ๊ะ ผ้าขี้ริ้วล่ะ” อิงอิงถือตะเกียบกวนหาในช่องที่อยู่ตรงหน้าตัวเองด้วยความแปลกใจ เธอจำได้ว่าตัวเองเพิ่งจะใส่ลงไปหนึ่งชิ้น และยังคำนวณเวลาอยู่ในใจเรียบร้อย ทนายอันกำลังเคี้ยวอยู่ในปาก ชี้ไปที่ปากของตัวเอง มีความหมายว่าอยู่ที่เขา

“อ๋า” อิงอิงยากที่จะเข้าใจ ทั้งๆ ที่ทนายอันไม่ได้ยื่นตะเกียบเข้ามาในนี้

“ผมหยิบจากข้างล่าง ฮ่าๆ” ทนายอันหัวเราะ “หลายปีก่อน ทุกคนไม่ได้มีชีวิตสุขสบายเช่นนี้ ไปกินหม้อไฟในร้านหม้อไฟ หนึ่งคนต่อหนึ่งหม้อยังจ่ายไม่ไหว ดังนั้น ตอนนั้นจะมีคนเป็นกลุ่มนั่งล้อมกันอยู่ข้างๆ หม้อไฟหนึ่งหม้อ สองสามช่องนี้เป็นของเธอ สองสามช่องนี้เป็นของฉัน ซื้ออาหารเอาเอง ทุกคนกินกันแบบนี้ การยื่นตะเกียบลงไปข้างล่าง แอบขโมยอาหารของคนอื่นกิน ถึงจะอร่อยที่สุด”

“มีวิธีแบบนี้ด้วย” อิงอิงกะพริบตา

จริงๆ แล้ว สำหรับคนแถวเจ้อเจียงส่วนใหญ่ หม้อไฟในสายตาของพวกเขา มักจะเป็นการไปซื้อซองเครื่องปรุงจากในซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นหลัก ซึ่งมีหลายยี่ห้อที่ขายตามท้องตลาดโดยเขียนไว้ว่า ‘หม้อไฟฉงชิ่ง’

เวลาที่กินหม้อไฟมักจะหักครึ่งหนึ่งแล้วใส่ไปข้างในหรืออาจจะน้อยกว่านั้น จากนั้นจึงเริ่มตุ๋นผักหม้อใหญ่ สำหรับวัฒนธรรมและวิวัฒนาการการกินหม้อไฟ มักจะไม่ได้มีความลึกซึ้งอะไรขนาดนั้น

ทุกคนกินข้าวหนึ่งมื้ออย่างกลมเกลียวและมีความสุข โจวเจ๋อวางตะเกียบ มองทนายอันหนึ่งที จากนั้นจึงลุกขึ้นพร้อมกับอิงอิง ออกไปเดินเล่นข้างนอก คนที่เหลือไม่ได้ไปไหน หัวหน้านั่งสั่งการ แต่แผนการจัดการโดยละเอียด จะต้องมีกุนซือที่เป็นลูกน้องเป็นคนจัดการแน่นอน

โจวเจ๋อชอบแอบขี้เกียจ ทนายอันก็มีความสุขอยู่ในนั้นเช่นกัน

“เถ้าแก่ มือของท่านจะงอกออกมาไหมเจ้าคะ” อิงอิงประคองแขนข้างเดียวของโจวเจ๋อ

ภูเขาชิงเฉิงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง แต่พื้นที่ใหญ่มาก และการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวที่เสร็จแล้วจริงๆมีเพียงส่วนน้อยมากเท่านั้น พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสถานที่ที่มีคนเข้าไปน้อยมาก กระทั่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ในปัจจุบันเวลาว่างยังหาอุปกรณ์หรือไม่ก็ปืนล่าสัตว์เข้าภูเขาไปล่าสัตว์เหมือนสมัยก่อน หลายปีนี้หมาป่าหรือหมูป่าพบเห็นได้น้อยแล้ว แต่ไก่ป่ากับกระต่ายป่ากลับมีอยู่ไม่น้อย

ตอนที่โจวเจ๋อเดินไปจากตรงนี้ ไม่ได้เดินทางถนน เขาเพิ่งเดินได้ประมาณหนึ่งร้อยเมตร ก็เห็นกระต่ายสองตัวกระโดดผ่านหน้าตัวเองไป กระต่ายสองตัวนี้ต้องขอบคุณที่เถ้าแก่โจวเดินออกมาหลังจากกินหม้อไฟไปเมื่อครู่ไม่อย่างนั้นโจวเจ๋อไม่รังเกียจที่จะจับกระต่ายป่าสองตัวนี้กลับไปให้สวี่ชิงหล่างทำเป็นหม้อไฟเนื้อกระต่าย

เมื่อเดินลึกเข้าไปในป่าได้ระยะหนึ่ง โจวเจ๋อหาก้อนหินที่ค่อนข้างใหญ่แล้วนั่งลง อิงอิงยืนอยู่ข้างหลังโจวเจ๋อ ช่วยนวดไหล่ให้โจวเจ๋ออย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร โจวเจ๋อนั่งเงียบๆ อยู่แบบนี้ อิงอิงก็นวดให้เขาเงียบๆ เช่นกัน หิมะตกเป็นระยะ แต่ไม่หนักมาก แค่โปรยปรายลงมาเพิ่มความงดงามเท่านั้น ไม่ได้ตกจริงจัง นั่งอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง โจวเจ๋อจึงจูงมือของอิงอิง แล้วคนทั้งสองก็เดินกลับไปด้วยกัน

ถ้าหากไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร วันพรุ่งนี้โจวเจ๋อจะเตรียมตัวกลับทงเฉิง ตามหลักแล้วนานขนาดนี้ การปรับปรุงตกแต่งร้านหนังสือใหม่น่าจะเสร็จแล้ว เขาคิดถึงโซฟาของตัวเอง

“เถ้าแก่ มือของท่าน จะงอกออกมาไหมเจ้าคะ” อิงอิงถามอีกครั้ง

“ไม่น่ามีปัญหา แต่ไม่รู้ว่าจะดีเหมือนของเดิมไหม”

“ฮู่ว อย่างนั้นก็ดีเจ้าค่ะ” อิงอิงหัวเราะ “เห็นเถ้าแก่มีมือข้างเดียว รู้สึกไม่ชินจริงๆ เลยเจ้าค่ะ”

โจวเจ๋อก็หัวเราะ ไม่ได้อธิบายให้อิงอิงทราบว่ารสนิยมของตัวเองดูเหมือนจะเปลี่ยนไปพอสมควร ช่วงนี้มักจะรู้สึกว่ามือกระดูกขาวนี้ดูดีไม่เบา ถ้าทำถุงมือเหล็กหนึ่งชุด น่าจะสมบูรณ์แบบยิ่งกว่านี้ แต่นี่เป็นเพียงความคิดเท่านั้น สำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน มีสองแขนสองขาร่างกายแข็งแรงปกคลุมไปด้วยเลือดเนื้อถึงจะดีที่สุด

พวกเขายังไม่ทันเดินไปถึงถนน ในป่าที่อยู่ตรงหน้า กลับมีเสียงหอบของผู้ชายกับผู้หญิงดังแว่วมา โจวเจ๋อลังเลเล็กน้อย ไม่ได้หยุดเดิน แต่อิงอิงกลับเป็นฝ่ายดึงแขนของโจวเจ๋อ พลางเอ่ยว่า “เถ้าแก่ อยู่ตรงนั้นๆ พวกเราไปแอบดูด้วยกันเถอะ!”

“…” โจวเจ๋อ

อันที่จริงคืออยู่ตรงหน้า หากจะแอบดูแทบไม่ต้องเดินไกลเลยจริงๆ เพียงเงยหน้าเล็กน้อยแล้วสังเกตไปทางนั้น ก็จะเห็นกายเนื้อเปลือยกายล่อนจ้อนของคนสองคนกำลังโยกย้ายส่ายเอวอยู่ในป่าพอดี กำลังทำภารกิจดั้งเดิมและลึกลับอันสูงส่งเพื่ออนาคตของมาตุภูมิในอนาคต

โจวเจ๋ออยากจะเดินอ้อม เขาไม่อยากดูการพะเน้าพะนอคลอเคลียอะไรที่นี่ อีกทั้งอิงอิงก็อยู่ตรงหน้า เขาไม่อยากทำให้ตัวเองยิ่งดูทุเรศเกินไป แต่ดูเหมือนว่าตอนที่ทั้งสองคนเดินผ่าน สองคนนั้นกำลังเข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว

หญิงสาวลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า เป็นอาหง! เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็ออกมาพร้อมกับจามหนึ่งที เขาคือหลินกวน หน้าอกของอาหงยังมีแผลที่น่าตื่นตกใจ และจากกิจกรรมการออกกำลังกายเมื่อครู่ แผลจึงฉีกเลือดสดไหลซึมออกมา

“น่าเสียดาย คุณอยากดื่มไหม”

“ผมไม่ดื่มเลือดมนุษย์” หลินกวนส่ายหน้า

“อ้อ น่าเสียดายจริงๆ” อาหงหยิบผ้าพันแผลขึ้นมาแล้วพันแผลให้ตัวเองใหม่ หลินกวนที่อยู่ข้างหลังมองดูฉากนี้พลางมีสีหน้าสับสนอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่ามีรสชาติถูกใจมาก

เมื่อครู่เจ้าหนอนน้อยผงาดขึ้น เขาไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้เป็นเวลาของคนมีคุณธรรมและสติปัญญาแล้ว จึง…

“รู้สึกขยะแขยงใช่ไหม” อาหงถาม

“ถึงแม้ความรู้สึกแบบนี้ไม่ถูก แต่น่าขยะแขยงจริงๆ จริงๆ แล้วผมไม่มีเหตุผลที่จะพูดอะไร เพราะคุณก็ไม่รังเกียจที่ผมรู้สึกขยะแขยง”

“อย่าเข้าใจผิด เรื่องราวสิ้นสุดลงแล้ว ต่อไป คุณก็คือคุณ ฉันก็คือฉัน”

“อย่างนั้นคุณมาหาผมทำไม…”

“ฉันเป็นคนมาสองชาติแล้ว เป็นผู้หญิงทั้งสองชาติ อยากจะลองความรู้สึกแบบนั้นบ้าง ไม่ได้เหรอ”

“เอ่อ…”

“เอาละคุณกลับไปเถอะ คุณออกมานานแล้วคนทางนั้นจะไม่วางใจ”

“ผมมีความอิสระอยู่บ้าง”

อาหงหันหน้ามองไปที่หลินกวน ยิ้มเล็กน้อยเอ่ยว่า “อย่างนั้นก็ดี ฉันจะแก้ผ้าพันแผลอีก พวกเรามาสนุกกันอีกครั้ง”

“ไม่ครับๆๆ!”

“ฉันกลับแล้วนะ”

อาหงหลังจากใส่เสื้อผ้าแล้วก็เดินออกไปอย่างไม่ยี่หระ หลินกวนรู้สึกเหงาเล็กน้อย แต่หลังจากใส่เสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยแล้วก็หมุนตัวเดินออกไปเช่นกัน เดินไปทางสถานพักฟื้น

“เถ้าแก่” อิงอิงยื่นบุหรี่มาหนึ่งมวน โจวเจ๋อคาบด้วยความเคยชิน อิงอิงยื่นจุดไฟให้โจวเจ๋ออีกครั้ง จากนั้นโจวเจ๋อจึงพ่นควันบุหรี่ออกมา ถุย ฉันจะสูบบุหรี่หลังเสร็จกิจทำไม

“ไปกันเถอะ พวกเราก็กลับเหมือนกัน วันพรุ่งนี้กลับทงเฉิงเลย เหล่าอันต้องเหมาเก็บงานตอนท้ายอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน” โจวเจ๋อลุกขึ้น กำลังจะเดินก็เห็นว่าตรงตำแหน่งที่มี ‘การทำสงคราม’ ก่อนหน้านี้ อาหงเดินกลับมาอีกครั้ง

อาหงนั่งยองๆ อยู่ตรงนั้น เผยแววตาครุ่นคิดออกมา เหมือนกำลังรำลึกถึงเรื่องราวที่ผ่านไปเมื่อครู่ เธอช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ หลังจากมาเสฉวนแล้ว โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองเจอคนที่น่าสนใจสองสามคน รวมถึงยมทูตหญิงที่อยู่ตรงหน้าเช่นกัน คนแซ่หลินคนนั้นก็ใช่ กระทั่ง ‘แมงมุม’ คนนั้นพอที่จะนับรวมได้เช่นกัน

เมื่อเดินทางอ้อมเล็กน้อย โจวเจ๋อกับอิงอิงจึงเดินกลับมาถึงถนนใหญ่อีกครั้ง จากนั้นเดินไปที่สถานพักฟื้น

“เถ้าแก่ ได้ยินทนายอันพูดว่า คนพวกนั้นมีเงินเยอะมาก”

“ใช่ ถือว่ามีเงินเยอะ”

‘แมงมุม’ ไม่ใช่คนสูงส่งอะไร เขาเลือกสร้างสถานพักฟื้นอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพราะป้องกันควันดำจากถ้ำนั้นมาทำร้ายคนอีกครั้ง แต่ตัวเขาเองไม่กล้าลงไปอีกก็เท่านั้น

และเหตุผลเดียวกัน เขาบอกว่าไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องวิงวอนของคนพวกนั้นได้ แต่เขาก็ยังยอมรับพวกเขาแพร่เชื้อให้คนรวยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย เพราะอยากอาศัยความรวยและอิทธิพลของพวกเขารักษาสภาพปัจจุบันของตัวเองให้คงอยู่ต่อไป คุณบอกว่าเขาดีมากแค่ไหน พูดไม่ได้ แต่จะพูดว่าเขาเลวแค่ไหน ก็ไม่ถึงขั้นนั้น

ถ้าหาก ‘แมงมุม’ ยินดี เขาไม่ต้องจำกัดบริเวณอยู่ในสถานพักฟื้นเล็กๆ แห่งนี้ได้อย่างสิ้นเชิง ตัวเองสร้างองค์กรแล้วขยายออกไป อย่างน้อยๆ ถ้าหากเขายินดีที่จะทำจริงๆ อาจจะไม่มีผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างอื่นหรือการขายตรงยักษ์ใหญ่อะไรแล้ว เขากับอิงอิงเดินไปตามถนนช้าๆ ท่ามกลางหิมะ ตอนที่ถึงสถานพักฟื้น เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว

โจวเจ๋อเห็นสวี่ชิงหล่างกำลังยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ แหงนหน้ามองท้องฟ้า โอ้ว วันนี้มีคนอารมณ์สุนทรีเยอะจริง

“เหล่าสวี่ มีของกินมื้อดึกไหม” รู้สึกหิวเล็กน้อย

“ชู่ว!” สวี่ชิงหล่างทำมือบอกโจวเจ๋อให้ ‘เงียบเสียง’ จากนั้นจึงหัวเราะขึ้นมา หัวเราะไปเรื่อยๆ พร้อมน้ำตา

“เฮ้ นายเหนื่อยจนเพี้ยนไปแล้วเหรอ” โจวเจ๋อถามด้วยความเป็นห่วง ตัวเองเป็นเถ้าแก่ใจดำบีบบังคับลูกน้องจนเป็นบ้าเหรอ

สวี่ชิงหล่างทั้งร้องไห้และหัวเราะพูดว่า “ผมสัมผัสได้ว่า เขา กลับมาอีกแล้ว…”

……………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน