ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 682 กลับบ้าน

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 682 กลับบ้าน

“อาจารย์ของนายเหรอ” โจวเจ๋อยังจำอาจารย์คนนั้นของสวี่ชิงหล่างได้ ตอนแรกเขาปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ถ้าหากไม่ใช่เพราะสุดท้ายโจวเจ๋อเรียกอิ๋งโกวออกมา อาจารย์คนนั้นอาจจะฆ่าคนทั้งร้านหนังสือในคืนนั้น และหลังจากถูกอิ๋งโกวซัดไปหนึ่งครั้ง อาจารย์ของเขาก่อนที่จะ ‘สิ้นใจ’ ยังตะโกนออกมาเหมือนแก๊งร็อกเก็ตในการ์ตูนโปเกมอนว่า ‘ฉันจะกลับมาอีก!’

แน่นอนว่า โจวเจ๋อไม่เคยสงสัยว่าเขาจะไม่กลับมาจริงๆ ก่อนที่เขาจะตาย ยังเคยพาโจวเจ๋อเข้าไปดูฉากแต่ละฉากประหนึ่งว่ากำลังอธิบายถึงวิธีการมีชีวิตอยู่ของตัวเองให้โจวเจ๋อได้รับรู้ ถ้าหากเหมือนที่เขาพูดทั้งหมดจริง คนผู้นั้นยากที่จะฆ่าให้ตายได้จริงๆ

สาเหตุที่ก่อนหน้านี้สวี่ชิงหล่างพยายามทำหลายสิ่งหลายอย่าง มีความมุมานะหวังที่จะแข็งแกร่งขึ้น โจวเจ๋อคิดว่าในฐานะที่ตัวเองเป็นหัวหน้าได้ทำตัวเป็นแบบอย่างน่าจะเป็นแหตุผลอย่างหนึ่ง และอีกหนึ่งเหตุผลคือสวี่ชิงหล่างรออาจารย์ของเขาปรากฏตัวอีกครั้ง ได้เตรียมความพร้อมต้อนรับเขาเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าอย่างไร อาจารย์คนนั้นยังเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อแม่ของเขาอีกด้วย

“อืม ผมสัมผัสได้” สวี่ชิงหล่างตอบ

“ดีเลย สงสัยนายจะพัฒนาไม่น้อย จำได้ว่าตอนที่เขาปรากฏตัวครั้งที่แล้ว นายไม่รู้ตัวเลยสักนิด อ้อใช่ ตอนนั้นดูเหมือนนายกำลังล้างเท้าอยู่”

สวี่ชิงหล่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดแก้คำให้ถูกต้อง “อาบน้ำ ไม่ใช่ ตอนนั้นผมโดนพิษ…”

“ครั้งนี้นายก็อดทนหน่อย ช่วงนี้อย่าอาบน้ำ ถ้าหากศัตรูมา นายกำลังโป๊อยู่ ลำพังแค่บุคลิกก็แพ้ก่อนแล้ว คำพูดเดียวกัน พูดตอนใส่เสื้อผ้ากับพูดตอนถอดเสื้อผ้า เป็นความรู้สึกสองอย่างโดยสิ้นเชิง นายเข้าใจไหม”

สวี่ชิงหล่างอยากจะถามโจวเจ๋อเป็นอย่างมากว่า ทำไมหัวข้อถึงเบี่ยงเบนมาเรื่องเขาอาบน้ำไม่อาบน้ำได้ แต่เขาไม่ได้พูดแก้คำอะไรมากนัก แล้วมองโจวเจ๋ออย่างกังวลอยู่บ้าง พลางเอ่ยว่า “พวกคุณกลับทงเฉิงเถอะ ผมจะอยู่ที่นี่พักหนึ่ง”

โจวเจ๋อยื่นมือตบไหล่ของสวี่ชิงหล่าง สวี่ชิงหล่างขมวดคิ้ว มองโจวเจ๋ออย่างรังเกียจเล็กน้อย “เจ็บ”

มือล้วนเป็นกระดูกสีขาว จับไหล่ของเขาจะสบายได้อย่างไร เจ็บชิปเป๋ง

“แบบนี้ก็หมดสนุกสิ พวกเราเดินตามพล็อตละครน้ำเน่าอีกรอบดีไหม นายร้องว่าอย่านะ ฉันร้องว่าเอาสิ อย่านะเอาสิ! อย่านะ เอาสิ? สนุกไหม”

“แต่…”

ประโยคนี้ สวี่ชิงหล่างไม่พูดออกมา แต่โจวเจ๋อก็เข้าใจ เขาอยากพูดว่า อิ๋งโกวไม่อยู่! ถ้าหากเหมือนตอนนั้นอาจารย์คนนั้นเข้ามา หากไม่ไหวจริงๆ ให้อิ๋งโกวออกมาต่อสู้อีกสักรอบก็คงดี แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าทำไม่ได้

“นี่ไม่ใช่ปัญหาที่พวกเราอยากจะหลบก็หลบได้ ตอนนั้นฉันฆ่าเขา นายว่าถ้าหากเขากลับมา อยากจะมาหานายหรือมาหาฉัน”

สวี่ชิงหล่างพยักหน้า ดูเหมือนจะเป็นแบบนี้จริงๆ

“อย่าคิดมากเลย มาแบบไหนก็รับมือแบบนั้น นายรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงก่อน กลับไปค่อยดูว่าพอจะคิดหาวิธีล็อกตัวอาจารย์ของนายล่วงหน้าได้ไหม ต่อให้เขากลับมาแล้ว ก็ต้องหาสถานที่สะสมพลังใหม่ เป็นไปไม่ได้ที่เข้าวงการแล้วจะอยู่ถึงยอดสุดทันที”

ถ้าหากสวี่ชิงหล่างไม่สามารถสัมผัสถึงการกลับมาของอาจารย์ของเขาได้ เช่นนั้นร้านหนังสือต้องมีอันตรายแน่นอน หมาป่าชั่วร้ายตัวหนึ่งอาจจะมาหาถึงบ้านได้ตลอดเวลา ตอนนี้ในเมื่อเหล่าสวี่มีการพัฒนาถึงขั้นสัมผัสรับรู้ได้ เช่นนั้นทุกคนจึงเตรียมพร้อมปิดประตูตีสุนัขได้เลย

“อย่างนั้นผมจะไม่ทำตัวสำออยแล้ว”

“เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องสำออยอยู่แล้ว”

โจวเจ๋อบีบไหล่ของสวี่ชิงหล่าง นุ่มมาก เนื้อสัมผัสดีเยี่ยม โดยเฉพาะตอนที่มือของคุณยังคงเป็นกระดูกสีขาวทั้งหมด คุณจะมีความรู้สึกอยากเข้าไปจับของนุ่มๆ ที่ยังคงมีความเด้งและยืดหยุ่น

“เอาออก” สวี่ชิงหล่างปัดมือของโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อจึงโล่งใจ เอ่ยว่า “วันพรุ่งนี้จะกลับแล้ว ออกมานานมากแล้วเหมือนกัน“

เช้าวันที่สอง

พวกเขาเหลือทนายอันไว้ที่สถานพักฟื้นคนเดียว หน้าที่ของเขาซับซ้อนมาก ขณะเดียวกันกลับแสนง่าย นั่นก็คือ…จ่ายเงิน

จ่ายเงินสร้างคฤหาสน์หลังนี้ใหม่อีกครั้ง ทำเป็นรูปแบบสถานพักฟื้นระดับไฮเอนด์ที่แท้จริง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรวมทั้งงานป้องกันบริเวณนี้ ต้องวางแผนใหม่อีกหนึ่งรอบ ไม่ว่าอย่างไร ‘คนป่วย’ พวกนั้นมีเงินเยอะ ทนายอันพยายาม ‘สร้าง’ ก็พอ ส่วนคนที่เหลือนั่งเครื่องบินทั้งหมด เจิ้งเฉียง เยวี่ยหยา และหลิวฉู่อวี่ พวกเขาไม่ได้นั่งเครื่องบินกลับเมืองของตัวเองโดยตรง แต่บินไปทงเฉิงพร้อมกับโจวเจ๋อและคนอื่น

เครื่องบินของตงไห่แอร์ไลน์ลงจอดที่สนามบินทงเฉิงซิ่งตง เนื่องจากสนามบินเล็กมาก ไม่ต้องพูดถึงการเดินออกมาผ่านงวงช้างที่เชื่อมต่อโดยตรง แม้แต่รถบัสรับส่งยังใช้น้อยมาก หลังจากลงเครื่อง ทุกคนจึงเดินตรงไปที่ประตูทางออก ทงเฉิงวันนี้มีหิมะตก อุณหภูมิติดลบ หรงเฉิงก็หนาว แต่ที่นั่นอากาศค่อนข้างแห้ง ทงเฉิงอยู่ปากแม่น้ำแยงซีและยังติดทะเลใหญ่ จึงมีความชื้น สามารถทำให้รู้สึกหนาวสั่นได้เลยทีเดียว

โจวเจ๋อกับผีดิบสองตัวที่อยู่ในทีมไม่มีความผิดปกติ คนอื่นที่เหลือเริ่มตัวสั่นหงึกๆ เมื่อออกจากอาคารผู้โดยสาร อิงอิงเรียกรถแท็กซี่ โจวเจ๋อหันข้าง มองไปยังอาคารผู้โดยสารของสนามบินแห่งใหม่ที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งก่อสร้างได้เจ็ดแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ยังไม่ได้ใช้งาน เขาจำได้ว่าตอนที่ตัวเองออกจากทงเฉิงไปยูนนาน ได้เจอวิญญาณของคนงานก่อสร้างสองสามคนที่นี่ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้จากไปนานเท่าไร แต่เป็นเพราะเจอเรื่องราวมากมายเกินไป ดังนั้นจึงทำให้คนเกิดภาพหลอนว่ายาวนาน

หลังจากเถ้าแก่ปลงอนิจจังแล้ว ทุกคนจึงแยกกันนั่งรถแท็กซี่ ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถแท็กซี่ขับมาถึงถนนหนานต้าแล้วจึงหยุดรถ ประตูของร้านหนังสือถูกติดตั้งและออกแบบใหม่ ให้ความรู้สึกเหมือนร้านกาแฟ มองจากภายนอกแล้วมีความหรูอยู่บ้าง

ถึงอย่างไรนักพรตเฒ่าก็เป็นคนที่ทันสมัย นอกจากรสนิยมเรื่องผู้หญิงที่ทุกคนไม่กล้าเห็นด้วย มุมมองความงามในเรื่องอื่นถือว่าไม่มีปัญหา

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกเขินอายมากคือ นักพรตเฒ่าทันสมัยเกินไป เขาติดตั้งเครื่องสแกนลายนิ้วมือที่ประตูร้านหนังสือ! จากนั้นฉากหนึ่งจึงปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ เถ้าแก่กลับบ้าน มีลูกน้องกลุ่มหนึ่งตามมาข้างหลัง แต่เข้าบ้านของตัวเองไม่ได้ จึงต้องอยู่ท่ามกลางความระเกะระกะของลมหนาวและหิมะละลาย

ไม่มีใครอยู่ในร้าน อิงอิงหยิบโทรศัพท์โทรหานักพรตเฒ่า แต่ไม่มีคนรับสาย อิงอิงจึงโทรหาเจ้าลิงน้อย ไม่มีคนรับเหมือนเดิม

โจวเจ๋ออยากจะทุบเครื่องสแกนลายนิ้วมือจริงๆ แต่พอครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงล้มเลิกความคิดนี้ไป เพราะตัวล็อกกุญแจน่าจะแพงมาก ค่าตกแต่งและปรับปรุงในครั้งนี้ ล้วนใช้เงินจากบัญชีส่วนรวม

อิงอิงเหมือนจะมองอะไรออก จึงถามอย่างสงสัย “เถ้าแก่ สถานพักฟื้นที่ภูเขาชิงเฉิงน่าจะมีเงินเยอะใช่ไหม”

“นั่นเป็นเงินของคนไข้” โจวเจ๋อยื่นมือลูบศีรษะของอิงอิง “พวกเขาจ่ายเงินปรับปรุงบ้าน ก็เพื่อตัวของพวกเขา เพื่อความปลอดภัยของพวกเขา”

สิ่งนี้อาจจะเป็นสาเหตุที่ตอนแรกทนายอันเอาเรื่องนี้มาบอกโจวเจ๋อแต่ตอนนั้นโจวเจ๋อกลับแสดงออกอย่างเฉยชา นี่มาจากความเคยชินเมื่อชาติที่แล้ว เอาเงินจากคนไข้ มักจะรู้สึกว่าไม่สบายใจ

ส่วนเรื่องที่ตัวเองฆ่าสามคนนั้น นั่นคือพวกเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง คนละเรื่องกัน คนเราอยู่บนโลกนี้ มักจะมีความพิถีพิถันอะไรอยู่บ้าง

ในเมื่อเข้าร้านหนังสือไม่ได้ โจวเจ๋อจึงเดินไปนั่งในร้านขายยาที่อยู่ติดกัน รอนักพรตเฒ่ากับเจ้าลิงกลับมา

ฟางฟางเห็นโจวเจ๋อเข้ามา เธอดีใจมาก ยกน้ำชามาเสิร์ฟ ต้อนรับทักทายโจวเจ๋อรวมทั้งคนที่โจวเจ๋อพาเข้ามา แต่สิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อแปลกใจคือ เขาพบว่าห้องพักผู้ป่วยห้องผ่าตัดกลับไม่ว่าง

เมื่อผลักประตูเดินเข้าไป โจวเจ๋อเห็นคนตัวไหม้เกรียมสามคนนอนอยู่ข้างใน

“นี่คือ” โจวเจ๋อชี้คนที่อยู่บนเตียงแล้วถามฟางฟาง

“เถ้าแก่ เป็นคนพวกนั้นที่คุณพามาครั้งที่แล้วค่ะ”

พวกโกวซินเหรอ คนที่ดวงดีคนนั้น ไม่ใช่สิ แผลพวกนั้นที่เป็นก่อนหน้านั้นผ่านไปนานขนาดนี้ ตามหลักน่าจะรักษาหายแล้ว และความไหม้เกรียมตามร่างกายเกิดขึ้นได้อย่างไร

“เอ่อ เถ้าแก่ เดิมทีพวกเขาฟื้นตัวดีพอสมควร หลังจากคุณออกไปไม่กี่วันพวกเขาก็ทยอยกันฟื้นตัว และยังจ่ายค่ารักษาอย่างใจป้ำมากๆ ค่ะ พวกเขากำลังจะกลับ นักพรตที่อยู่ร้านติดกันจึงจะไปส่งพวกเขา และยังได้จัดงานเลี้ยงส่งให้พวกเขาด้วย

วันนั้นเป็นวันคริสมาสต์อีฟพอดี นักพรตซื้อลูกโป่งมาตกแต่งเล็กน้อย จากนั้นไม่รู้ว่าเป็นอะไรวันนั้นตอนที่พวกเขากินข้าวดูเหมือนลูกโป่งจะติดไฟ และพวกเขาสองสามคนก็เคลื่อนไหวไม่สะดวกอยู่แล้ว แค่พอฝืนขยับตัวได้เท่านั้น ตัวของนักพรตคนนั้นไม่เป็นอะไร แต่สามคนนี้กลับเป็นแผลไฟไหม้หนักมาก

พวกเราได้ยึดตามคำสั่งของเถ้าแก่ก่อนที่จะไป ไม่ส่งพวกเขาไปโรงพยาบาลใหญ่ แต่ให้อยู่ในร้านขายยาของพวกเราต่อ หมอสองคนของพวกเราได้ทำความสะอาดแผลให้พวกเขาเรียบร้อยแล้วค่ะ พวกเขาดวงแข็งมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะยังอดทนได้จนถึงตอนนี้ และนี่อาจจะเป็นคนไข้ที่ดวงแข็งที่สุดตั้งแต่ที่ฉันทำงานสายนี้มาค่ะ”

โจวเจ๋อฟังคำพูดของฟางฟางแล้ว รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เรื่องของโกวซิน โจวเจ๋อไม่คิดที่จะจัดการต่อภายหลัง จะฆ่าก็ไม่อยากฆ่า จะเก็บไว้ก็ไม่อยากเก็บ เดิมทีอยากปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ พวกเขารักษาแผลหายพอสมควรแล้ว ก็ปล่อยพวกเขาไป แต่ใครจะคิดว่า ตอนที่พวกเขาจะไปในวันนั้นนักพรตเฒ่ากลับจัดงานเลี้ยงส่งแล้วดันเกิดอุบัติเหตุ ดูท่าแล้วพวกเขาคงต้องนอนต่ออีกสักพักหนึ่ง

“เถ้าแก่ โทรติดแล้วเจ้าค่ะ” อิงอิงยื่นโทรศัพท์ให้โจวเจ๋อ

“ฮัลโหล นักพรตเฒ่า คุณอยู่ที่ไหน กลับมาเปิดประตู!”

“เจี๊ยกๆๆๆ!!!!!!” เสียงเจ้าลิงดังมาตามสายโทรศัพท์

ฮวาหูเตียวที่นอนหลับอยู่บนไหล่ของโจวเจ๋อตลอดเวลาพลันตื่นขึ้น พูดกับโทรศัพท์ “จี๊ดๆๆๆ!!!!!”

“เจี๊ยกๆๆๆๆ!!!!!”

สัตว์สองตัวคุยกันอย่างสนุก โจวเจ๋อยื่นมือตีก้นของฮวาหูเตียว ฮวาหูเตียวสั่นไปทั้งตัว รีบก้มหน้าอย่างน้อยใจ ไม่ร้องแล้ว

“เย็นนี้กินสมองลิง” ฝ่ายเจ้าลิงก็ไม่ร้องอีกทันที

“ฮัลโหล เถ้าแก่ ข้าเอง มีอะไร”

“กลับมาเปิดประตู”

“โอ้ว อา โอ้ว! เถ้าแก่ พวกเจ้ากลับมาแล้วเหรอ! ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวกลับไป ข้ากำลังพาเจ้าลิงมาชื่นชมทิวทัศน์หิมะและท่องบทกลอน”

“โอ้พระเจ้า ตาแก่อย่างคุณทำไมถึงพาลิงมาด้วย อ้าๆๆๆๆ!!!!!!!” โทรศัพท์สายนั้นมีเสียงร้องของผู้หญิงดังเข้ามา และเสียงนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นคนมีอายุ เสียงใหญ่และทรงพลัง

“เถ้าแก่ มีสาวใหญ่ล้มบนพื้นแล้ว”

“กลับมาเดี๋ยวนี้”

“ได้ จะไปเดี๋ยวนี้…”

“เงินล่ะ คุณยังไม่ได้ให้เงิน ใช้ถุงยางไปห้าอัน เอาเงินมา!”

เสียงคลำกระเป๋าดังเข้ามา น่าจะเป็นนักพรตเฒ่ากำลังให้เงิน

“เถ้าแก่ สาวใหญ่คนนี้หาเรื่อง ใส่ถุงยางให้ข้า หลอกเงินข้า”

……………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท