ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 688 ความเจ็บปวดที่โดนตัดหาง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 688 ความเจ็บปวดที่โดนตัดหาง

“เจ้ามาอีกทำไม”

“ข้ามาเยี่ยมเขา มาดูว่าเขาสบายดีไหม”

“เจ้าไม่ใช่คน”

“ใช่ ข้าไม่ใช่คน แต่มีผู้ชายกี่คนที่ไม่เคยฝันหวานอยากโดนจิ้งจอกยั่วยวน”

“เจ้าน่ารำคาญ”

“ก็น่ารำคาญพอๆ กับเจ้านั่นแหละ”

จิ้งจอกขาวนั่งริมหน้าต่าง หนีบบุหรี่อยู่ในมือหนึ่งมวน ใส่ชุดราตรีสมัยศตวรรษที่แล้วสุดเวอร์วังอลังการ กับสีหน้าท่าทางคล้ายเหมยเยี่ยนฟาง[1]

สาวน้อยโลลินั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือในห้องนอนของตัวเอง วางการบ้านอยู่ตรงหน้า

“นางต้องนอนก่อนสี่ทุ่ม เจ้ามา ข้าเลยต้องออกมาดูเจ้า และยังต้องช่วยนางทำการบ้านเด็กประถม”

“ข้ากลับรู้สึกว่าเจ้าสนุกมาก”

“เจ้ามองออกด้วยเหรอ”

“ใช่ มองออก แต่ข้าขอเตือนเจ้าเรื่องหนึ่ง ข้าเคยได้ยินว่ามียมทูตบางคนถูกหลอมรวมเข้ากับจิตใต้สำนึกของเจ้าของร่าง สุดท้ายตัวเองจึงกลายเป็นคนบ้า” แต่จิ้งจอกขาวไม่รู้ว่า ก่อนหน้านี้มีคนหนึ่งในทงเฉิงเป็นแบบนี้จริงๆ เกือบจะสติฟั่นเฟือน สุดท้ายจึงต้องสลายตัวอยู่ในท้องของเถ้าแก่โจว

“เจ้าไม่เข้าใจ”

“ข้าเข้าใจ เจ้าอิจฉาชีวิตของนาง ปรารถนาชีวิตของนาง กระทั่งจินตนาการว่าตัวเองจะสามารถใช้ชีวิตใหม่ด้วยวิธีนี้ได้ไหม จะว่าไป ชาติที่แล้วเจ้าขาดความรักจากพ่อแม่ ความสะดวกในการเรียนก็แย่มากใช่ไหม”

เรื่องพวกนี้ คนที่รู้มีน้อยมาก สาวน้อยโลลิเหลือบตามองที่ริมหน้าต่างหนึ่งที ไม่พูดต่อ

“ข้าแค่เดา แต่เห็นได้ชัดว่า เจ้ากำลังฝันอยู่ นี่ไม่ใช่นิยาย ‘กลับชาติมาเกิดใหม่’ อะไรแบบนั้น ความฝันนี้มันเปราะบางเกินไป ไม่คุ้มค่า”

“เจ้ามาหาตอนดึก ก็เพื่อมาคุยเรื่องจิตวิทยากับข้า”

“ไม่ใช่”

“อย่างนั้นมาทำไม”

“ข้ากลัว”

“กลัว?”

“ข้าก็ไม่รู้ว่าข้ากลัวอะไร จู่ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ก่อนหน้านี้ข้านอกจากจะมาที่นี่เป็นครั้งคราว เวลาส่วนใหญ่จะอยู่ในคลับแห่งนั้น ข้าสามารถให้บัตรสมาชิกกับเขาหนึ่งใบ เขาสามารถไปใช้บริการที่คลับของข้าได้ อยู่แถวทางด่วนตรงนั้น ติดกับหยางโจว

“ข้าขอขอบคุณเจ้าแทนเขา”

“ไม่ต้องขอบคุณ เพราะเป็นสิ่งที่สมควร”

“เจ้าเบี่ยงประเด็น”

“ข้าเบี่ยงประเด็น เมื่อกี้พูดถึงไหนแล้ว อ้อใช่ ช่วงนี้จู่ๆ ข้ารู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร กระวนกระวายใจทั้งวันทำสมาธิก็ไม่ได้”

“ตัวเองทำตัวเองตกใจเหรอ”

“ข้าเป็นปีศาจ เจ้าเป็นคนที่กลายเป็นผี จริงๆ แล้ว พูดตามความเป็นจริง เป็นปีศาจ มีตัวไหนบ้างไม่รอดตายหวุดหวิดคลานขึ้นมาจากศพของสัตว์ตัวอื่น ถ้าหากไม่มีไหวพริบหรือไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสัมผัสที่หก คงตายไม่รู้กี่รอบแล้ว มนุษย์อย่างพวกเจ้ามักจะชอบใช้ ‘กฎของป่า’ มาแสดงความรู้สึกในบางเรื่อง แต่ข้าเติบโตในป่าเก่าแก่ ถ้าข้าไม่เชื่อสัมผัสที่หกของตัวเอง แล้วข้าควรเชื่ออะไร”

สาวน้อยโลลิส่ายหน้าเล็กน้อย “ดังนั้น เจ้ามาเพราะ?”

“ข้ากระวนกระวายใจ แต่ไม่อยากกลับเข้าไปในป่าเก่าแก่ อยากขอหลบอยู่แถวนี้พักหนึ่ง”

“ไปร้านหนังสือ?”

“คงจะอยู่ที่นี่ตลอดไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”

“จริงๆ แล้ว ข้าไม่อยากแนะนำให้เจ้าไปร้านหนังสือ” เพราะถ้าหากเกิดเรื่องที่ทงเฉิง ร้านหนังสือเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ที่ร้านหนังสือเมื่อตอนกลางวัน เถ้าแก่โจวได้บอกลูกน้องของตัวเองอย่างชัดเจนแล้วว่า อีกสักพักอาจจะเกิดเรื่องใหญ่ ดังนั้นเยวี่ยหยากับยมทูตต่างเมืองคนอื่นจึงไม่ได้กลับไป แต่อยู่ที่ทงเฉิง เตรียมตัวถูกเรียกใช้งานตลอดเวลา

“แต่ข้านึกไม่ออกว่าต้องไปที่ไหน ข้าทั้งน่ารักและสดใสขนาดนี้ น่าจะได้รับการต้อนรับอย่างดีใช่ไหม ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารักหรือว่าที่ระบายอารมณ์ จะมีสักกี่คนที่ปฏิเสธได้”

สาวน้อยโลลินึกถึงฮวาหูเตียวตัวนั้นที่เถ้าแก่พากลับมาที่ร้านหนังสือวันนี้ เธอจึงวางดินสอแล้วพูดอย่างจนใจว่า“ตอนนี้สัตว์ในร้านหนังสือมีอยู่ไม่น้อย”

“มีแค่ลิงตัวเดียวไม่ใช่เหรอ ทำไม มีเพิ่มอีกสองสามตัวเหรอ เถ้าแก่ของพวกเจ้าปกติดูเหมือนไม่บ้าผู้หญิงเท่าไร หรือว่าชอบรักข้ามเผ่าพันธุ์ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงชอบพาสัตว์กลับมาบ้านตลอด”

“ถ้าเจ้าอยากไป ก็ไปได้ ข้าไม่ห้ามเจ้า”

“เจ้าไม่ไปเหรอ”

“ข้ารอโทรศัพท์” ความหมายนอกเหนือจากนี้คือ ยามที่ฉันต้องไปช่วย ฉันค่อยไป

“อืม บางทีเจ้าอาจจะเป็นคนที่ฉลาดที่สุด” จิ้งจอกขาวเดินลงมาจากริมหน้าต่าง ยืนอยู่ตรงหน้ากองตุ๊กตาผ้า แล้วเขี่ยเล่นไปมา “หนีไปจากสถานที่ที่มีปัญหา ยังมีเหตุผลและข้ออ้างที่ดีขนาดนี้อีก แต่เหมือนกับที่ข้าพูดครั้งที่แล้ว ถ้าอยากจะอยู่เป็น แต่ไม่อยากให้เสื้อผ้าตัวเองเปียกชื้น จะเป็นไปได้ยังไง ก็เหมือนสาวๆ ที่ไม่ขายตัวขายแต่เสียงหัวเราะในร้านคาราโอเกะ ในคลับ พวกเธอรักษาเส้นขีดจำกัดสุดท้ายไว้ แต่ก็เข้าใจว่า การไม่โดนเอาเปรียบถูกแตะเนื้อต้องตัวจากลูกค้าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

“ข้าไม่ต้องให้เจ้ามาสอนว่าข้าควรทำยังไง”

“โชคชะตาก็เป็นแบบนี้ ตอนที่เจ้าถูกบังคับให้เป็นลูกน้องของเขาในตอนแรกได้ถูกกำหนดไว้แล้ว”

“ข้ารู้”

“ไม่ เจ้าไม่รู้ เจ้าเป็นยมทูต ถ้าเอาคำว่า ‘ทูต’ ออก ก็เป็นแค่ ‘ผี’ เท่านั้น ผีตนหนึ่ง ยังอาลัยอาวรณ์ครอบครัวในโลกมนุษย์ที่อบอุ่น หลงรักพ่อ ลุ่มหลงอยู่กับวาสนาที่ไม่มีทางจบสวย เรื่องราวที่มีความคล้ายกันแบบนี้ ข้าไม่ต้องยกตัวอย่างแล้ว ปกติแค่ดูต้นเรื่องก็รู้แล้วว่าตอนจบน่าเศร้าแค่ไหน และที่สำคัญที่สุดคือ เขาไม่ใช่พ่อของเจ้า”

“เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว”

“เอาละๆ ไม่รบกวนเจ้าแล้ว ข้าจะลงไปดูเขาหน่อยได้ไหม มองเสร็จแล้วข้าก็จะไป ไปร้านหนังสือ ขอร้องให้รับข้าไว้”

สาวน้อยโลลิก้มหน้า หยิบดินสอขึ้นมาทำการบ้านต่อ

จิ้งจอกขาวเดินไปที่ประตู จากร่างคนกลายร่างเป็นจิ้งจอกขาวตัวหนึ่ง ขนนุ่มเงาเป็นประกาย นัยน์ตาจิ้งจอกเป็นประกายแวววาว เธอเดินลงไปชั้นล่าง มาที่ห้องรับแขก ห้องรับแขกโล่งว่าง แต่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมของซุปเนื้อ

ภายในห้องครัว คุณผู้หญิงดึกแล้วยังเตรียมอาหารมื้อดึกอยู่ แต่อาหารมื้อดึกกับความจืดชืดไม่เข้ากันเลยสักนิด เธอกำลังต้มเนื้อหอมฉุย

จิ้งจอกขาวส่ายหน้า เดินไปที่หน้าประตูห้องหนังสือ ลอดเข้าไปตามช่อง เธอเห็นผู้ชายคนนั้นกำลังนั่งอ่านเคสคนไข้อยู่หลังโต๊ะ เขาจริงจังมาก ขมวดคิ้วเล็กน้อย จับปากกาขึ้นมาวาดๆ เขียนๆ บันทึกเป็นครั้งคราว

ผู้ชายที่จริงจัง หล่อที่สุด

จิ้งจอกขาวมีชีวิตมานานแล้ว ในหัวใจของเธอ จึงไม่มีความคิดชายสูงหญิงต่ำอะไร ผู้ชายคนไหนกล้าบังคับเธอว่าภรรยาต้องตามสามี เธอไม่ถือสาที่จะตัดไอ้หนอนน้อยของเขาให้ใช้ชีวิตปกติไม่ได้ตลอดชีวิต

แต่เธอถนัดที่จะสำรวจและชื่นชม ‘ความงาม’ ของผู้ชาย และคนที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นคนที่งามมากคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ความอ่อนโยนของเขา ความเอาใจใส่ของเขา บุคลิกของเขา ความสุภาพของเขา เสียดายที่ไม่ใช่สมัยราชวงศ์ชิง ไม่อย่างนั้นจะให้เขาเป็นบัณฑิตซิ่วไฉยากจนเดินมาเจอกันที่ริมทะเลสาบสักครั้ง น่าจะเป็นเรื่องที่สวยงามมาก

จิ้งจอกขาวมองอยู่ที่หน้าประตูอย่างเงียบๆ เธอไม่ทำเสียงดัง ในความเป็นจริง เธอรู้ดีว่าเขาน่าจะไม่แน่ใจว่ามีตัวเธออยู่หรือไม่ มองแบบนี้อยู่นานสองนาน จิ้งจอกขาวจึงหมุนตัวเดินออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์ สุราเป็นยาพิษในลำไส้ ลุ่มหลงมากเหมือนมีดปักอยู่บนหัว

จิ้งจอกขาวส่ายหางของตัวเองไปมา เธอกำลังจะออกไป เธอต้องการสถานที่กำบัง สิ่งที่อ่อนโยนและสวยงามเกินไป มักจะเป็นสถานที่ที่เปราะบางเสมอ เธอมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง เห็นคุณผู้หญิงถือซุปเนื้อชามใหญ่หนึ่งชามมาวางบนโต๊ะน้ำชา แต่สิ่งที่ทำให้แปลกใจคือ ข้างๆ ซุปเนื้อ ยังมีเครื่องเคียงจืดๆ อีกสองสามอย่าง

คุณผู้หญิงน่าจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้ว แต่ความเคยชินที่ฝังลึกมานาน ดูเหมือนจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ อย่างเช่น เธอชอบทำซุปเนื้อ

ถึงแม้จะมีกับข้าวอย่างอื่นมากมาย แต่ถ้าไม่มีซุปเนื้อ อาหารจานเด็ดบนโต๊ะกับข้าวนี้ เธอจะรู้สึกไม่หนำใจเหมือนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ และเขายังคงดื่มน้ำซุปอย่างอิ่มเอมใจเหมือนเดิม นี่คือการแสดงหรือว่าความรู้สึกจากใจจริงหรือเป็นการแสดงความรู้สึกจากใจจริงกันแน่ จิ้งจอกขาวยืนอยู่ข้างโต๊ะน้ำชา คุณผู้หญิงเดินไปเคาะประตูห้องหนังสือเรียกสามีของตัวเองออกมากินมื้อดึก

ในหม้อต้มมีควันลอยฟุ้ง จิ้งจอกขาวพลันเกิดความรู้สึกหนึ่งพรั่งพรูออกมา ในเมื่อเขาชอบดื่มซุปเนื้อ ในเมื่อเขาชอบกินเนื้อ อย่างนั้นเนื้อของจิ้งจอกก็ได้ใช่ไหม เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิ้งจอกขาวรีบสะบัดศีรษะของตัวเองทันที รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในใจ ตัวเองทำไมถึงมีความคิดที่น่ากลัวเช่นนี้ เธออยากให้เขากินตัวเอง แต่กลับไม่ใช่วิธีการกินเช่นนี้ ขณะเดียวกันเธอแอบดีใจอยู่บ้าง หรือว่าตัวเองชอบเขาไม่มากพอกันนะ

จิ้งจอกขาวเดินออกจากประตูใหญ่ เดินออกจากบ้าน เดินออกจากหมู่บ้าน เดินไปบนถนน เธอจากจิ้งจอกขาวตัวหนึ่งค่อยๆ กลายร่างกลับเป็นผู้หญิงคนหนึ่งอย่างช้าๆ สวมเสื้อกันหนาวสีขาว มาพร้อมกับใบหน้าที่สดใสและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวน

เธอรู้ว่าต้องแสดงความงามของผู้หญิงออกมาอย่างไร เธอเองก็มีความสุขเช่นกัน นี่ไม่ได้ทำเพื่อเอาใจผู้ชายในอดีต แต่เพื่อไม่ทำให้สวรรค์ต้องเสียใจที่มอบพรสวรรค์นี้ให้เธอ ถึงแม้สวรรค์อยากจะให้ฟ้าผ่าเธอตายสักครั้งก็ตาม

ขณะที่เดินไปเรื่อยๆ จิ้งจอกขาวรู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง เธอไม่อยากนั่งรถแท็กซี่ เพราะเธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย อารมณ์ ความรัก ความปรารถนา ความเป็น ความตาย หลายสิ่งหลายอย่างสับสนยุ่งเหยิงอยู่ในหัวของเธอ

ทำให้เธอนึกถึงตอนที่ตัวเองยังไม่กลายร่าง ถูกนายพรานชราจับตัวไป นายพรานชราไม่ได้ถลกหนังของเธอ กลับให้เธอกินข้าวด้วยกัน หม้อเหล็กเยินๆ ตุ๋นผักมากมาย เธอยังได้ดื่มเหล้า สุดท้ายเธอกับนายพรานชราจึงเมาเละ ตอนที่ตื่นขึ้นมา นายพรานชราไม่อยู่แล้ว

หลายปีผ่านไป เธอกลายร่างเป็นคน หอบเงินทองคิดจะไปหาเขาเพื่อตอบแทนบุญคุณ เพราะเขาแก่มากแล้ว ผู้ชายแก่ๆ เธอไม่อยากให้ร่างกายตอบแทน

แต่นายพรานชรากลับเสียชีวิตไปนานแล้ว เธอจึงวางเงินไว้ในห้องโถงของครอบครัวนายพรานชรา ต่อมาลูกชายสามคนของนายพรานชราเพื่อแย่งเงินทอง จึงต่อสู้กัน คนหนึ่งพิการ คนหนึ่งตาย อีกคนหนึ่งกลับถูกราชการจับตัวไป หลังจากที่ทราบเรื่อง เธอสับสนงุนงงอยู่นาน บางทีถ้าหากนายพรานชราสามารถรับรู้ได้ ให้เลือกใหม่อีกครั้ง เขาน่าจะถลกหนังของเธอออกมาในตอนนั้นใช่ไหม ฮ่าๆๆๆ…

เธอเดินไปเรื่อยๆ แล้วนั่งลงที่ป้ายรถเมล์ที่เปล่าเปลี่ยวแห่งหนึ่ง โผล่หางออกมา ส่ายไปมาอยู่ท่ามกลางความมืดข้างหลังตัวเอง จากนั้นไล่ไปตามคอ เหมือนพันผ้าพันคอให้ตัวเอง

จิ้งจอกขาวลูบหางของตัวเองเหมือนคนโลภ เธอชอบและลุ่มหลงกับความนุ่มแบบนี้ เพียงแต่ตอนที่มือของเธอจับโดนรอยแผลเป็นที่น่ากลัวตรงโคนหาง เธอกลับสั่นไปทั้งตัว เธอนึกถึงตอนที่อยู่ในสระน้ำตอนนั้น ความเจ็บปวดที่โดนตัดหาง…

……………………………………………………………………….

[1] เหมยเยี่ยนฟาง นักร้องและนักแสดงชาวฮ่องกง ด้วยการแต่งตัวที่ดูเปรี้ยวล้ำแฟชั่นฉูดฉาดตามยุคสมัยนั้น และการแสดงที่เร่าร้อน ทำให้เธอได้รับสมญาว่า มาดอนน่าแห่งเอเชีย

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน