ตอนที่ 693 เปิดฉาก!
หิมะกลายเป็นหิมะเลือด ตกโปรยปรายลงมา ลอยล่องอยู่ด้านบนทั่วเมืองทงเฉิง ผู้เชี่ยวชาญในข่าวโทรทัศน์กำลังอธิบาย “เกิดขึ้นจากการรวมตัวของสิ่งมีชีวิตจำพวกสาหร่ายอย่างสาหร่ายหิมะสีแดง สาหร่ายมาริโมะ สาหร่ายเส้นใยที่เกิดบนหิมะ สาหร่ายเป็นพืชที่มีสารสีสามารถสังเคราะห์แสงได้มาก เนื่องจากพวกมันมีสารสีในอัตราส่วนที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นพวกมันจึงแสดงสีสันที่แตกต่างกัน สาหร่ายเหล่านี้มีสารสีจำเพาะ…คือสารสีสีเลือด ดังนั้นพวกเราถึงมองเห็นหิมะเป็นสีแดง…”
ผู้เชี่ยวชาญในโทรทัศน์พูดพลางเช็ดเหงื่อ พร้อมส่งสายตาให้พิธีกรในขณะเดียวกัน ประมาณว่าคุณรีบพูดต่อสิไม่อย่างนั้นฉันแต่งเรื่องต่อไม่ไหวแล้วจริงๆ!!!!!
“ดังนั้น นี่คือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่พบเจอได้น้อยมาก ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากมลพิษทางสิ่งแวดล้อมหรือมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ใช่ไหม”
“ใช่ นี่คือปรากฏการณ์ธรรมชาติ จริงๆ แล้วสองสามปีที่ผ่านมา ภายใต้การปกครองอย่างทุ่มเทเต็มที่ของผู้นำแต่ละระดับในทงเฉิง สภาพแวดล้อมของทงเฉิงได้รับการปรับปรุงอย่างยิ่งใหญ่…”
“โอเค ต่อไปขอเชิญทุกท่านดูสารคดีสั้นชุดนี้ พวกเราจะเห็นความสำเร็จในการควบคุมดูแลสภาพแวดล้อมของทงเฉิงในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา”
…
“แม่งเอ๊ย สมแล้วที่ผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วจะเป็นได้ สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ภายในระยะเวลาอันสั้น สุดยอดมาก” นักพรตเฒ่าสูบบุหรี่พลางหัวเราะเหอะๆ
“สิ่งที่เขาพูด อยู่ที่ภูเขาหิมาลัยทั้งนั้น ที่นั่นภูเขาหิมะมีสีแดงจริงๆ แต่ทงเฉิงอยู่ติดกับทะเลต่งไห่ นี่คือการเคลื่อนย้ายจักรวาลชัดๆ โอ๊ย ให้ตายสิ ผู้เชี่ยวชาญคนนี้น่ารักจริงๆ ทำเอาข้าหัวเราะท้องแข็ง” จิ้งจอกขาวหัวเราะจนพูดไม่เป็นคำ หน้าอกกระเพื่อมเป็นจังหวะ ขึ้นลงซ้ำไปซ้ำมา!
โจวเจ๋อกับสวี่ชิงหล่างไม่เสวนาด้วย สวี่ชิงหล่างยังคงนั่งยองๆ อยู่นอกประตู ใบหน้าเหมือนน้ำนิ่ง เถ้าแก่โจวอาบน้ำเสร็จออกมาแล้วนอนลนโซฟา หันหน้าไปข้างนอก มองทิวทัศน์หิมะที่ลอยพลิ้วอยู่ข้างนอก พลางถูนิ้วไปมาเบาๆ
ก่อนหน้านี้สวี่ชิงหล่างเพิ่งจะถามเขาว่าได้แต่รอแบบนี้ต่อไปใช่ไหม แต่ถ้าหากมีตัวเลือก ใครจะยอมนั่งรออยู่ที่นี่อย่างเดียว
เสียดาย อาจารย์คนนั้น เขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แม้แต่วิญญาณก็เปลี่ยนมาจากคนเป็นที่ตายแล้ว และคนนั้นจริงๆ แล้วไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผู้คนเลย
การปรากฏตัวของเขา การเกิดของเขา การมาของเขา การไปของเขา ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้คนยากที่จะคาดเดา
โจวเจ๋ออ้าแขนทั้งสองข้าง ยืดเหยียดร่ายกายของตัวเอง ถ้าหากวันเวลาดำเนินไปอย่างนี้เรื่อยๆ จะดีแค่ไหน ปล่อยความกังวลทุกอย่าง ตัดขาดจากงานที่ยุ่งยากทั้งหมด แล้วนอนอยู่แบบนี้ นอนเหมือนเป็นอัมพาต เขาครุ่นคิดอย่างไร้เหตุผล ไม่รู้ว่าตัวเองเริ่มคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร เป็นแค่ความเพ้อฝันจริงๆ ใช่ไหม
…
คนในออฟฟิศส่วนใหญ่เลิกงานแล้ว ถึงแม้โรงพยาบาลยังมีคนอยู่ไม่น้อย แต่คนพวกนั้นล้วนฝันว่าจะสามารถแทรกแถวเข้าไปรอรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าระดับเอได้ ไม่เกี่ยวกับหวังซิงเจี้ยนแม้แต่น้อย
ใช่แล้ว ไม่เกี่ยวเลยสักนิด ถึงแม้เขาจะเป็นคนหนึ่งที่ยอดเยี่ยมและโดดเด่นที่สุดในแผนกมะเร็งวิทยาของโรงพยาบาลแห่งนี้
แต่โรงพยาบาลนี้กลับแยกแยะอย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่มีโครงสร้างโรงพยาบาลแบบปกติ มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกของโรงพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ แต่กลับมีสิ่งแปลกปลอมอื่นผสมอยู่ และลมตะวันออกกลับมีชัยชนะเหนือลมตะวันตก โด่งดังมีชื่อเสียงโชติช่วงชัชวาล!
การรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เหอะๆ การรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า… หวังซิงเจี้ยนจุดบุหรี่หนึ่งมวน นั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง ดำดิ่งสู่ห้วงความคิด
เขารู้ว่าระดับผู้บริหารของโรงพยาบาลแห่งนี้คิดอะไรกันแน่ ใช้การรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าให้เป็นที่ฮือฮาดูดเงินเข้ามา ทุกสิ่งที่ตัวเองรวมทั้งเพื่อนร่วมงานคนอื่นทำในโรงพยาบาลอย่างแท้จริง จริงๆ แล้วคือเป็นตัวช่วยเสริม ให้คำโกหกของพวกเขายิ่งดูสมจริงมากขึ้น
ไม่ว่าเรื่องใด ล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ยากที่จะได้รับความเชื่อใจจากคนอื่น แต่ถ้าหากมีเรื่องจริงผสมปนเปอยู่ในเรื่องโกหก บวกกับความคาดหวังส่วนตัวของคนอื่น คนที่ยอมเชื่อจึงมีเยอะขึ้น กระทั่งเขายังรู้ดีว่า โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นกิจการเพียงในนามเท่านั้น และผู้อำนวยการที่โดดเด่นไม่เหมือนใครคนนั้นที่ปรากฏตัวบนโปสเตอร์เป็นประจำ เป็นเพียงพรีเซ็นเตอร์ที่ถูกเสนอชื่อเท่านั้น เพียงแค่หน้าตาของเขาขึ้นกล้องเท่านั้นเอง
มือของโรงพยาบาลแห่งนี้ ยื่นขยายลงไปยาวเฟื้อย อุปกรณ์การรักษาแบบคลื่นแม่เหล็ก อุตสาหกรรมการรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็ก ใช้ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้น แพร่กระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง โฆษณาอัดเต็มแน่นเอี๊ยด ประดุจมะเร็งของสังคม ยากที่จะควบคุม
แม้แต่หวังซิงเจี้ยนกลับบ้านเกิดไปครั้งที่แล้ว ก็ยังเห็นว่าบนถนนในอำเภอของตัวเองยังเปิดร้านรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กแห่งหนึ่ง มีคนชรามากมายเข้าไปฟังการอบรมที่นั่นทุกวัน ได้รับการเผยแพร่เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าความยิ่งใหญ่และความมหัศจรรย์ของการรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็ก
บางเรื่อง หวังซิงเจี้ยนไม่กล้าคิดต่อ และไม่กล้าสืบต่อ ยิ่งไม่กล้าวิจัยลงลึกไปมากกว่านั้น แต่ความว้าวุ่นใจ ทำให้เขาเป็นโรคนอนไม่หลับมาเป็นระยะเวลานาน เขาทรมาน เขาสับสน เขาจนปัญญา ไปทำงานที่โรงพยาบาลทุกวัน ก็ทรมานเหมือนถูกทอดอยู่บนกระทะร้อน
เขาเปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานของตัวเอง คลิกไฟล์เอกสารอันหนึ่งที่อยู่ในนั้น ข้างในมีรายงานแบบใช้การเล่าเรื่องของตัวเองฉบับหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวหนังสือที่เขาพิมพ์ออกมาด้วยความกระตือรือร้นและความรู้สึกต่อต้านเป็นอย่างมากหลังจากที่ตัวเองดื่มเหล้าเมาในคืนนั้น ในนั้นคือการโจมตีการเล่นละครตบตาและเรื่องโกหกของสิ่งที่เรียกว่าการรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็ก เขารู้สึกว่าตอนนั้นตัวเองหาตัวตนเจอแล้ว และมองเห็นประตูบานใหญ่ที่จะทำให้หลุดพ้นจากความทรมาน
เขาเป็นหมอคนหนึ่ง รักษาคนช่วยชีวิตเป็นหน้าที่ของเขา เขาคิดแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก และคิดว่าควรเป็นแบบนี้ ถึงแม้หลังจากที่เข้าสังคมแล้ว เขาจะถูกลบเหลี่ยมบางส่วนไปหมดแล้ว แต่ท้ายที่สุดแล้วในใจยังคงมีความยืนหยัดและปณิธานอยู่เล็กน้อย
หวังซิงเจี้ยนหัวเราะ เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองไม่ธรรมดา ถึงแม้ฐานะทางบ้านจะธรรมดา แต่ก็อาศัยความขยันของตัวเอง ผลการเรียนสมัยเรียนหนังสือรวมทั้งระดับความพัฒนาหลังจากทำงาน ทุกคนล้วนประจักษ์อยู่ในสายตา
เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองไม่ใช่โอรสคนโปรดของสวรรค์ แต่ก็ถือว่าหลุดพ้นจากชั้นหัวกะทิของมวลชนทั่วไป แต่ตอนนี้กลับมาดูอีกที เขาพบว่าตัวเองกับคนอื่นไม่มีอะไรแตกต่างกัน มองหน้ามองหลัง เพื่อเงิน เพื่องาน จึงต้องปล่อยให้มโนธรรมของตัวเองเปื้อนฝุ่นอย่างช่วยไม่ได้
เขาล็อกอินเข้าโปรแกรมคิวคิวบนคอมพิวเตอร์ ในรายการมีคอลัมน์เฉพาะอันหนึ่ง ชื่อว่านักข่าวเสี่ยวสวี อีกฝ่ายเคยติดต่อเขา อยากมาสัมภาษณ์เขา และให้แสดงท่าทีจริงใจเวลาที่สัมภาษณ์ อีกฝ่ายอยากเปิดโปงเรื่องนี้ เพื่อให้คนอีกมากมายหลีกเลี่ยงความบ้านแตกสาแหรกขาด อีกฝ่ายนำเอกสารมากมายที่ตัวเองเคยสืบมาให้เขา ซึ่งเป็นที่น่าตื่นตะลึงอย่างมาก
หวังซิงเจี้ยนสูดลมหายใจลึกๆ วางเมาส์ไปบนไฟล์เอกสาร อยากจะลากเอกสารไปตรงนั้นแล้วส่งให้เสี่ยวสวี แต่กลับลังเลอีกครั้ง
เวลานี้ ประตูห้องทำงานถูกคนเปิดออก มีคนเดินเข้ามาสองคน คนหนึ่งเป็นรองผู้อำนวยการ อีกคนหนึ่งเป็นหัวหน้าสำนักงาน
หวังซิงเจี้ยนลนลานอยู่บ้าง เขาอยากจะปิดคอมพิวเตอร์ แต่ไม่ทันแล้ว ทว่ารองผู้อำนวยการกับหัวหน้าไม่ได้รีบตะคอกหรือด่าว่าอะไรเขา หัวหน้าช่วยหวังซิงเจี้ยนเก็บก้นบุหรี่ที่ร่วงบนพื้นเพราะความตกใจเมื่อครู่ แล้วเอามาดับในที่เขี่ยบุหรี่ ขณะเดียวกันได้หยิบบุหรี่ออกมาอีกหนึ่งมวน แล้วยื่นให้หวังซิงเจี้ยน
หวังซิงเจี้ยนนั่งอยู่ตรงนั้น อ้าปากด้วยความตกใจกลัวและทำตัวไม่ถูก กัดก้นบุหรี่แน่น
“เสี่ยวหวัง การยื่นเสนอไปเรียนต่อที่อเมริกาของคุณ ทางโรงพยาบาลตกลงแล้ว ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรับผิดชอบโดยโรงพยาบาล นอกจากนี้ เรื่องของคนในครอบครัวคุณก็ไม่ต้องกังวล คุณไปเรียนต่อที่อเมริกาเพื่อโรงพยาบาลเพื่ออุทิศตนและการทำงานเป็นทีมของโรงพยาบาล ดังนั้นหลังจากคุณไปอเมริกาแล้ว ยังคงเงินเดือนของคุณเหมือนเดิม อีกอย่างงานของคุณหลังจากคุณกลับมาแล้ว ก็ควรต้องเปลี่ยน เงินเดือนพื้นฐานกับเงินโบนัสเพิ่มอีกหนึ่งเท่าก็ไม่มีปัญหา”
หวังซิงเจี้ยนอ้าปากหวอ บุหรี่ร่วงลงไปบนพื้นอีกครั้ง หัวหน้าที่ยืนไม่พูดไม่จาอยู่ข้างๆ โน้มตัวลงไปอีก เก็บบุหรี่ขึ้นมาวางในที่เขี่ยบุหรี่
“คำพูดนินทาข้างนอก พวกเราไม่ต้องสนใจ คุณเข้าใจความหมายของผมใช่ไหม เสี่ยวหวัง” รองผู้อำนวยการถาม
ไปเรียนต่อที่อเมริกา เงินเดือน โบนัส…
ควรทราบว่า ในโรงพยาบาลแห่งนี้ เงินเดือนขั้นพื้นฐานของหวังซิงเจี้ยนเยอะกว่าเพื่อนนักศึกษาระดับเดียวกันในโรงพยาบาลอื่นเยอะมาก เพิ่มขึ้นสองสามเท่า
“คุณเป็นคนที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุด เสี่ยวหวัง อนาคตของคุณไม่มีขีดจำกัด แม้แต่ท่านประธานก็ยังชมคุณต่อหน้าผมสองสามครั้ง” รองผู้อำนวยการโน้มตัว เดินไปตรงหน้าหวังซิงเจี้ยน วางมือบนไหล่ของเขา แล้วพูดด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงจัง “ผมรู้ว่าคุณไม่ค่อยเห็นด้วยกับการรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็ก แต่การรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็ก ไม่มีคนพิสูจน์ว่ามันมีโทษ ไม่ใช่เหรอ และพวกเรามีคุณอยู่ มีคุณเป็นตัวแทนของหมอดีเด่น ผลการรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กจึงเป็นการปลอบใจคนไข้อย่างหนึ่ง เพิ่มความมั่นใจให้พวกเขาต่อสู้กับโรคร้าย มีประโยชน์ต่อการรักษา”
หวังซิงเจี้ยนพยักหน้า
“อ้อใช่ นักข่าวแซ่สวีคนนั้น เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ ถูกสำนักพิมพ์ของพวกเขาไล่ออกแล้ว เฮ้อ คนหนุ่มคิดอยากจะทำแต่ข่าวใหญ่ เสียดาย เขาทำแบบนี้ ต่อไปจะมีสำนักพิมพ์ไหนกล้ารับเขาอีก หลังจากนี้คงทำมาหากินอาชีพนี้ไม่ได้แล้ว”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หวังซิงเจี้ยนจึงตัวสั่น สีหน้าเริ่มซีด รองผู้อำนวยการส่งสายตาเป็นสัญญาณให้หัวหน้าสำนักงาน จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องของทำงานของหวังซิงเจี้ยน
เมื่อปิดประตู หัวหน้าจึงพูดอย่างสงสัยว่า “คนที่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา เขาจะไปหาโรงพยาบาลไหนที่ให้สวัสดิการดีเท่านี้ได้ ทำไมพวกเราต้อง…”
“สมองของคุณรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กจนโง่เหรอ” รองผู้อำนวยการขึงตาใส่หัวหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
“เขาเป็นคนมีความสามารถ พวกเราใช้งานได้ เอาไปให้คุณรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กแล้วคนไข้ตายคนแล้วคนเล่าไม่เสียชื่อแย่เหรอ โรงพยาบาลก็คือโรงพยาบาล แต่มีอีกกี่คนที่ใช้ชีวิตเพราะป้ายโรงพยาบาลนี้คุณรู้ไหม”
“ครับๆๆ คุณพูดถูกๆ ผมคิดไม่รอบคอบๆ”
รองผู้อำนวยการเบ้ปาก แล้วจึงหัวเราะ ตบไหล่ของหัวหน้าเอ่ยว่า “จริงๆ คุณเป็นแบบนี้ก็ดี ขนาดตัวเองยังเชื่อมั่น ถึงจะเป็นความสุดยอด”
“คุณพูดชมเกินไป ชมเกินไปแล้ว ผมแค่บริการเพื่อองค์กรด้วยความตั้งใจเท่านั้น เพื่อองค์กรเท่านั้น อ้อใช่ เขาไม่น่าจะมีปัญหาใช่ไหม ไอ้หมอนี่คงจะไม่…”
“ไม่หรอก ไอ้หมอนี่ยังอ่อนเกินไป ไม่รู้ว่าคอมพิวเตอร์ขององค์กรถูกควบคุมอยู่ ให้เค้กชิ้นใหญ่กับเขาแล้ว เขาไม่กล้าทำอะไรแล้ว ขึ้นเรือของพวกเราเรียบร้อย โลกนี้ ทำให้คนใจเด็ดเปลี่ยนเป็นใจดำ ยากมาก แต่ทำให้คนปิดตาของตัวเอง แสร้งมองไม่เห็น กลับง่ายดายจริงๆ ไม่ต้องไปเรียนอะไร คนก็ทำเป็นแล้ว”
……………………………………………………………………….