ตอนที่ 694 โมโหแล้ว!
หลังจากรองผู้อำนวยการและหัวหน้าออกไปแล้ว หวังซิงเจี้ยนยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเองอย่างตกตะลึงเหม่อลอย ในหัวของเขาสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เขารู้สึกว่าตัวเองมึนงงไปหมด ปวดศีรษะมาก ร่างกายเริ่มมีเหงื่อผุดออกมา เขากระทั่งไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตัวเองควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี อย่างน้อยเขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับมันได้อย่างเงียบสงบอีกต่อไป
และไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ตอนที่สายตาของเขามองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง มองเอกสารรายงานเปิดโปงข้อมูลที่ตัวเองเขียนออกมาทีละตัวในไฟล์เอกสาร เขาตัวสั่นทันที มือข้างหนึ่งจับเมาส์อย่างรวดเร็ว เลื่อนไปที่ไฟล์เอกสารแล้วคลิกลบ จากนั้นเข้าไปลบให้หมดใน ‘ถังขยะ’ อีกครั้ง
เขาดูเหมือนจะเคยเห็นในอินเทอร์เน็ตว่า แม้แต่การลบแบบนี้ก็ยังคงทิ้งร่องรอยไว้เหมือนเดิม ต้องทำลายฮาร์ดดิส เขาจึงโน้มตัวเตรียมจะรื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะ หัวเราะตัวเองที่โง่และตื่นเต้นเกินไป ไฟล์เอกสารนี้ต้องส่งออกไปในนามของตัวเขาเองเท่านั้น ถึงจะได้ผล ต่อให้คนอื่นเอาไป ถึงแม้จะประกาศลงบนอินเทอร์เน็ต ก็จะไม่เกิดผลใดๆ อย่างแน่นอน
เขายื่นมือหยิบบุหรี่ที่ยังไม่ได้สูบมวนนั้นกลับมาจากที่เขี่ยบุหรี่ นำมาคาบไว้ในปาก หยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดไฟแล้วสูบเข้าไปเต็มปอดหนึ่งที
ใช่แล้ว ทำไมต้องปล่อยให้ตัวเองเป็นคนออกหน้า ทำแบบนี้มีข้อดีอะไรกับตัวเอง ฉันเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ฉันเป็นหมอคนหนึ่งเท่านั้น ฉันต้องกินข้าว ฉันต้องใช้ชีวิต ฉันต้องเลี้ยงครอบครัวของฉัน ฉันต้องการเงิน ซื้อบ้าน!
หวังซิงเจี้ยนถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีแรงกดดันเยอะมากขนาดนั้นแล้ว จึงสบายใจขึ้น
เขาลุกขึ้นเดินไปที่ริมหน้าต่างยาวจรดถึงพื้นของห้องทำงาน มองท้องฟ้ายามค่ำคืน ในความมืดครึ้มยังมีหิมะกำลังโปรยปรายต่อไป สองมือของหวังซิงเจี้ยนกดอยู่บนหน้าต่างกระจก มองลงไปข้างล่าง ตึกสูงมาก บนถนนที่อยู่ด้านล่างมีรถแล่นผ่านเป็นบางครั้ง
“เอามือปิดตาของคุณ เอามือปิดตาของฉัน เอามือปิดตาของเขา พวกเรามองไม่เห็นด้วยกัน พวกเรามองไม่เห็นเหมือนกันเลย มองไม่เห็น มองไม่เห็น มองไม่เห็น ฮิๆๆๆ…”
เสียงอันแหบแห้งจู่ๆ ดังมาจากด้านหลัง หวังซิงเจี้ยนหันไปทันที มองเห็นด้านหลังของตัวเอง มีหมอชราใส่เสื้อกาวน์คนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เอาสองมือมือปิดตาและเปิดตาสลับกันไปมา เท้าทั้งสองข้างยกไปข้างหน้าข้างหลังไม่หยุด พร้อมกับฮัมเพลงในปากเหมือนกำลังร้องเพลงเด็ก
หวังซิงเจี้ยนตกใจก่อนเป็นอย่างแรก แต่ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร ถึงแม้ฐานะของคนผู้นี้จะไม่เคยถูกเปิดเผยมาตลอด แต่เขาเคยโชคดีมองเห็นอยู่ไกลๆ ตอนนั้นผู้อำนวยการสองสามคนต่างรายล้อมโค้งคำนับให้เขา แม้แต่ผู้อำนวยการที่มีชื่อเสียงซึ่งถูกโปรโมตต่อโลกภายนอกมาตลอดว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ ยังแสดงความเคารพเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
“คุณ…คุณคือกรรมการบริหารใช่ไหมครับ” กรรมการบริหารมาที่ห้องทำงานของเขาทำไม แถมยังไม่พูดสักคำ
“เอามือปิดตาของคุณ เอามือปิดตาของฉัน ทุกคนปิดตาพร้อมกัน โลกนี้ช่างสวยงาม!”
“ท่านกรรมการ คุณ” หวังซิงเจี้ยนรู้สึกว่ากรรมการบริหารผิดปกติเป็นอย่างมาก เป็นโรคอัลไซเมอร์เหรอ
หมอชราหยุดการร้องเต้น เอียงศีรษะไปมา เอียงตามองหวังซิงเจี้ยน “ในเมื่อชอบปิดตา อย่างนั้นจะเอาดวงตาไว้ทำไม”
“อะไรนะ ท่านกรรมการ คุณเอ่อ…อ๊ากกกกก!!!!!!” หวังซิงเจี้ยนคุกเข่าลงกับพื้น ดวงตาคู่นั้นของเขามีเลือดสดกำลังไหลออกมา เหมือนเปิดก๊อกน้ำสองอันตรงดวงตาอย่างไม่ไม่เสียดายเลือด ไหลทะลักออกมาโดยตรง
“ชอบปิดตา แล้วจะเก็บไว้ทำไม” หมอชรากระโดดโลดเต้นมาอยู่ตรงหน้าหวังซิงเจี้ยน
“อ๊ากกกก!!!!!” หวังซิงเจี้ยนยังร้องอย่างน่าเวทนาต่อไป ทันใดนั้นเขาเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่กรรมการบริหารร้องก่อนหน้านี้หมายถึงอะไร ความกลัวและความรู้สึกไม่ยินยอมพรั่งพรูออกมา
“คุณเป็นคนหรือผี คุณเป็นคนหรือผีกันแน่!!!” หวังซิงเจี้ยนตะโกนเสียงดัง แทบจะร้องไห้ออกมา
“คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ คุณคิดว่าผมเป็นคนหรือผีล่ะ” หมอชราย้อนถามทันที จากนั้นเขาเหมือนนึกอะไรออกจึงกล่าวอย่างขอโทษ “ขอโทษด้วย ผมลืมไปว่าคุณตาบอดแล้ว”
นี่คือผีมาทวงวิญญาณใช่ไหม ไม่น่าใช่ เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงมาหาตัวเอง ทำไมถึงมาหาฉัน ทำไมเขาไม่ไปหาผู้อำนวยการ ไม่ไปหาหัวหน้า ทำไมไม่ไปหาพวกหัวหน้าระดับสูงที่กินซาลาเปาเลือดคนปากมันแผลบ!
“ทำไมถึงเป็นฉันๆๆ!!” หวังซิงเจี้ยนไม่ยอม กระทั่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ฉันยังคิดจะเปิดโปง ทั้งๆ ที่ฉันคิดจะบอกออกไป ฉันเคยลังเล ฉันเคยดิ้นรน ถึงแม้ตอนนี้… แต่เทียบกับคนที่ไร้ความรู้สึกพวกนั้น ฉันยังดีกว่าเป็นไหนๆ ใช่ไหม! ทำไมถึงเป็นฉัน ทำไมต้องเป็นฉัน!
หมอชราโน้มตัว สองมือจับใบหน้าของหวังซิงเจี้ยนแน่น หวังซิงเจี้ยนรู้สึกเหมือนตัวเองถูกจับขึ้นมาทั้งตัว ในดวงตาของแดงฉาน มองไม่เห็นความเป็นจริงภายนอก
“รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากใช่ไหม” หมอชราถามอย่างใส่ใจ
“น้อยเนื้อต่ำใจ…” หวังซิงเจี้ยนร้องไห้ออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาเลือด
“รู้สึกไม่ยุติธรรมมากใช่ไหม”
“ไม่ยุติธรรม…” หวังซิงเจี้ยนพูดตะโกน เหมือนเด็กน้อย เขาตกใจเสียขวัญจริงๆ
“รู้สึกว่าคุณยังเป็นคนดีอยู่ใช่ไหม เพียงแค่คิดจะทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ได้ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ ผมน่าจะไปหาคนอื่นไม่ควรมาหาคุณ ใช่ไหม”
“ใช่…คุณควรไปหาคนอื่น…ไปหาคนอื่น!!! ทำไมมาหาผม ผมเจ็บตามาก เจ็บมากจริงๆ…”
เด็กน้อยเจ็บปวดใจ เด็กน้อยเสียใจ!
หมอชราได้ยินดังนั้น จึงหัวเราะ ‘เหมือนเสียงตัวร้าย’ ออกมา ทันใดนั้นเขาขยับปากของตัวเองเข้าไปใกล้หูของหวังซิงเจี้ยน แล้วพูดเบาๆ ว่า “ทำไมล่ะ มีแค่คุณที่แกล้งมองไม่เห็นได้ ผมทำให้ตาบอดบ้างไม่ได้เหรอ”
‘ครืนๆๆๆ…’ หวังซิงเจี้ยนได้ยินเสียงกระจกแตกดังมาข้างหู จากนั้นเขาจึงได้ยินเสียงลม อุณหภูมิรอบตัวเริ่มกดต่ำลงเรื่อยๆ เสียงลมเริ่มดังขึ้น อัดเต็มแก้วหูของเขา…
“โอ้วๆๆๆๆ!!!! โอ้วๆๆๆๆ!!!!!!” หมอชราชูสองมือขึ้น ร้องตะโกนไม่หยุด ร่างกายโอนเอนไปมา โอนเอนอย่างต่อเนื่อง! เขาดีใจเป็นอย่างมาก ยากที่เขาจะควบคุมได้ หางตาของเขาปรากฏเส้นสีดำเส้นหนึ่ง ราวกับเพิ่งวาดอายไลน์เนอร์
“โอ้วๆๆ!!! โอ้วๆๆ!!!!!” หมอชราขยับตัวไปมาเรื่อยๆ “เอามือปิดตาของคุณ เอามือปิดตาของฉัน ทุกคนมองไม่เห็นเหมือนกัน ทุกคนมองไม่เห็นเหมือนกัน!!!”
ทันใดนั้นร่างของหมอชราพลันหยุดเคลื่อนไหว เหมือนถูกกดปุ่มหยุด จากนั้นยกเท้าข้างหนึ่งของเขาขึ้น เท้าอีกข้างหนึ่งเหยียบบนพื้น ร่างกายเหมือนกับหุ่นตุ๊กตาตัวเล็กที่อยู่ในกล่องดนตรี หมุนอย่างช้าๆ หันไปทิศทางหนึ่ง นิ้วมือของเขาเกี่ยวขึ้นเบาๆ เอ่ยว่า “ฉันยังจำพวกเธอได้ ฮิๆๆ ฉันกลับมาแล้ว กลับมาแล้ว ฉันเคยพูดแล้ว ฉันจะกลับมา ฉันก็อยากตายเหมือนกัน แต่ฉันไม่ตายเสียที ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ! แม่งใครที่สามารถทำให้ฉันตายได้ ฉันจะขอบคุณโคตรพ่อโคตรแม่สิบแปดชั่วโคตรของเขาเลย ฮ่าๆๆๆๆ!!!!!!”
หมอชราปิดปาก หมุนอยู่กับที่หนึ่งรอบ เกี่ยวนิ้วขึ้นมา เอ่ยเบาๆ ว่า “โอ้ว คนแรก เริ่ม ปิดตาของคุณ ปิดตาของฉัน พวกเราตาบอดเหมือนกัน พวกเราตาบอดเหมือนกัน!”
…
“คุณไม่สบายจริงๆ เหรอ” เมื่อนั่งบนรถ เหล่าจางถามอย่างใส่ใจ
“คุณคิดว่าฉันหลอกคุณเหรอ” ตำรวจเฉินย้อนถาม
“เปล่าครับ” เหล่าจางสตาร์ทรถ เตรียมขับออกไป คืนนี้จริงๆ แล้วหาเบาะแสที่ต้องการไม่ได้ แต่ก็ได้เบาะแสอื่นมาประมาณหนึ่ง
“จริงๆ แล้ว เรื่องนี้ คุณสามารถเปลี่ยนแนวคิดในการสืบต่อได้”
“แนวคิดอะไร
“ดวงตา อย่าจ้องมองโรงพยาบาลนี้อย่างเดียว โรงพยาบาลแห่งนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่วางไว้หน้าสุดเท่านั้น แต่ข้างหลังของมัน อาจจะมีสิ่งสกปรกแอบซ่อนอยู่ในพื้นที่อีกเยอะมาก”
เหล่าจางครุ่นคิด แล้วพยักหน้า “ผมรู้แล้ว”
“คุณเป็นตำรวจมานานแล้ว พอได้ยินว่ามีคนหายตัวไป ก็คิดแต่ว่าถูกฆ่าตายไหม ไม่แน่ พวกเขาตอนนี้อาจจะอยู่สุขสบาย หรือไม่ก็ดีใจและรู้สึกเชื่อมั่นตื่นเต้นกับชีวิต”
“เหอะๆ”
“อย่าหัวเราะ คุณปลุกคนแกล้งนอนหลับไม่ตื่นหรอกค่ะ นี่ไม่ใช่คดีที่คุณช่วยหากระเป๋าสตางค์คืนเจ้าของ หรือช่วยหาตัวคนร้ายให้ญาติของผู้ตาย ไม่ว่ายังไงมีความซับซ้อนมากใช่ไหม แล้วก็ โรงพยาบาแห่งนี้วันหลังคุณอย่ามาคนเดียว”
“เดี๋ยวนะ คุณกำลังกังวลอะไรกันแน่” เหล่าจางถาม
“คุณขับรถของคุณไป เร็วๆ” ตำรวจเฉินพูดเร่ง เธอไม่อยากอธิบายกับเหล่าจางมากเกินไป และขี้เกียจอธิบายเยอะ
ในความเป็นจริง เธอรู้ดี เหล่าจางไม่ใช่คนที่อยู่ในวังวนนี้ ขอแค่เขาไม่เข้าไปร่วม ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
“ครับๆ” เหล่าจางเหยียบคันเร่ง
แต่เวลานี้กลับเกิดเสียงดัง ‘ปึ้ง!!!’ กระจกรถด้านหน้าแตกร้าวเป็นวงกว้าง ใบหน้าที่บิดเบี้ยวไม่เป็นรูปของใครคนหนึ่งติดอยู่บนกระจกบังลมของรถ นี่คือใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่ง เขาถูกควักลูกตาทั้งสองข้าง ตาโบ๋น่ากลัว! เลือดสดเริ่มไหลลงมาช้าๆ รอยแตกบนกระจกบังลมที่เกิดจากการถูกกระแทกเริ่มขยายออกไป ประหนึ่งกระดาษแก้วตัดประดับหน้าต่างบนกระจกหน้าต่างในฤดูหนาว แต่เป็นเพียงความโรแมนติกสีเลือดเท่านั้น มีคนกระโดดตึก ไม่สิ ถูกฆาตกรรม!
เหล่าจางรีบผลักประตูลงจากรถทันที เงยหน้ามองไปข้างบน ข้างบนนั้น คุณสามารถมองเห็นรูขนาดใหญ่ตรงหน้าต่างยาวจรดพื้นได้อย่างชัดเจน
เหล่าจางหมุนตัวไปตรวจสอบผู้ชายที่ตกลงมาบนกระจกรถของตัวเอง อีกฝ่ายใส่เสื้อกาวน์สีขาว น่าจะเป็นหมอของโรงพยาบาลแห่งนี้ เขาหมดลมหายใจแล้ว
“คุณรีบเรียกทีมสนับสนุน ผมจะขึ้นไป!” เหล่าจางไม่รอให้ตำรวจเฉินลงจากรถก็พุ่งไปที่ประตูใหญ่ของโรงพยาบาลแล้ว
ตำรวจเฉินหน้าเขียวปัดลงมาจากรถ เธอมองไปยังคนตายที่เพิ่งตกลงมาบนกระจกบังลมของรถก่อน แล้วจึงมองไปที่เงาหลังที่ไกลออกไปของเหล่าจาง ครั้งนี้เธอไม่ห้ามเหล่าจาง เพราะครั้งนี้เธอโกรธแล้ว
เธอเงยหน้า มองไปที่ชั้นนั้นซึ่งอยู่ด้านบนตึก แล้วพูดเสียงขรึม “ฉันบอกแล้วว่าจะกลับ ฉันกำลังจะกลับแล้ว แต่คุณแม้แต่รอให้ฉันออกไปไกลอีกหน่อยก็ทำไม่ได้เหรอ ฉันไว้หน้าคุณ คุณกลับไม่เกรงใจกันใช่ไหม”
ภายใต้แสงไฟ เงาของตำรวจเฉิน มีเขาเดี่ยว…อันหนึ่งค่อยๆ งอกยาวออกมาเหนือศีรษะของเธอ
……………………………………………………………………….