ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 712 ไฟป่าลามทุ่ง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 712 ไฟป่าลามทุ่ง

ตอนที่ตื่นขึ้นมา โจวเจ๋อพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง อิงอิงคอยดูแลปรนนิบัติอยู่ข้างๆ

ฉากนี้คุ้นเคยมากจริงๆ และปกติเป็นอย่างมาก ดูเหมือนทุกครั้งที่ตัวเองตื่นขึ้นมาหลังจากสลบเพราะบาดเจ็บเวลาที่ลืมตา สิ่งที่มองเห็นมักจะเป็นอิงอิงเสมอ

เมื่ออ้าปาก พบว่าตัวเองพูดไม่ออก ร่างกายนี้กำลังจะอธิบายว่าอะไรเรียกว่า ‘ร่างแตกสลาย’ หลังจากลองไปแล้วหนึ่งรอบ โจวเจ๋อพบว่าการเคลื่อนไหวที่ตัวเองทำได้เพียงอย่างเดียว คือกะพริบตา และทำได้ข้างเดียวเท่านั้น

“เถ้าแก่ ท่านพักผ่อนต่ออีกหน่อย ไม่รีบๆ!”

โจวเจ๋อได้ยินดังนั้นจึงหลับตา แล้วนอนหลับไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้ฝัน และไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ตอนที่ตื่นขึ้นมา นอกหน้าต่างฟ้ามืดแล้ว

อิงอิงกำลังถือผ้าขนหนูอุ่นเช็ดตัวให้โจวเจ๋ออยู่ เธอรู้ว่าเถ้าแก่ของตัวเองเป็นคนอนามัย ถึงแม้เถ้าแก่จะบาดเจ็บไม่รู้สึกตัว แต่เธอก็ยังทำเช็ดทำความสะอาดให้เถ้าแก่เหมือนเดิม

“อิง…”

“เจ้าคะ” อิงอิงหันมามองโจวเจ๋อแล้วถามว่า “เถ้าแก่ ท่านหิวหรือยังเจ้าคะ”

โจวเจ๋อส่ายหน้า ร่างกายท่อนบนและท่อนล่างปวดเมื่อยไปหมด ไม่สบายเป็นอย่างมาก แต่อยู่ในขอบเขตที่สามารถทนรับไหว และสิ่งที่ไม่เหมือนกับการตื่นก่อนหน้านี้คือ ครั้งนี้ร่างกายเหมือนจะฟื้นพลังกลับมาแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะการตื่นขึ้นของเจ้าโง่ สมรรถภาพของร่างกายจึงได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น

โจวเจ๋อลองลุกขึ้นมานั่ง ผลปรากฏว่าหลังจากหลังพิงหัวเตียงแล้ว ก็ได้ยินเสียงดัง ‘แกร๊ก’ กระดูกที่แตกตรงหน้าอกมีการเคลื่อนตัวพร้อมกันเพราะการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ความปวดนี้ เหมือนมีฮว่าถัว (ฮัวโต๋) สิบกว่าคนกำลังเล่นขูดกระดูกรักษาพิษให้กับคุณ

“เถ้าแก่ ท่านอย่าขยับ นอนดีๆ ข้าจัดการเองเจ้าค่ะ”

“อืม…” โจวเจ๋อไม่มีแรงต่อต้าน และไม่กล้าขยับจริงๆ

อิงอิงวางหมอนสองใบที่หลังของโจวเจ๋ออย่างระมัดระวัง หลังจากจัดองศาเรียบร้อยมั่นใจว่าไม่ลื่นลงมาแน่นอนเธอจึงซักผ้าขนหนูในกะละมังน้ำอุ่นหนึ่งรอบ แล้วเช็ดตัวของโจวเจ๋อต่อ

“เถ้าแก่ ลูกแก้วนั่น ข้าวางอยู่ตรงนั้นนะเจ้าคะ ตอนที่พบท่าน มันถูกบีบอยู่ในมือของท่านแล้วเจ้าค่ะ”

สายตาของโจวเจ๋อมองไปที่ตู้หัวเตียง มีขวดแก้วใบหนึ่งอยู่ตรงนั้น มีลูกแก้วสีดำลูกหนึ่งอยู่ข้างใน ขนาดเท่าลูกแก้วที่เด็กเล่นกัน

มีบางเรื่องเขาจำไม่ค่อยได้แล้ว ในความเป็นจริง ทุกครั้งที่เจ้าโง่ตื่นขึ้นมาควบคุมร่างกายของเขา โดยพื้นฐานแล้วโจวเจ๋อจะเข้าสู่ห้วงนิทรา และครั้งนี้ก็หลับลึกเสียด้วย

แต่ในเมื่อเขาสลบไปแล้วยังกำอยู่ในมือของตัวเอง ก็น่าจะเป็นสิ่งของล้ำค่าใช่ไหม นี่คือข้อมูลที่เจ้าโง่ส่งให้เขา

“เหล่าจางก็อยู่ในโรงพยาบาลนั้น หลังจากค่ายกลถูกทำลาย ข้าถึงเห็นเหล่าจางวิ่งออกมาจากตึกใหญ่ของโรงพยาบาล เขามาดูเถ้าแก่ก่อน จากนั้นก็อุ้มผู้หญิงคนนั้นไปส่งที่โรงพยาบาล” ตอนที่อิงอิงพูด เธอตั้งใจมองโจวเจ๋อเป็นพิเศษ แล้วพูดเสริมว่า “เถ้าแก่ กังวลไหม” ความหมายนอกเหนือจากนี้คือ อยากให้เธอไปโรงพยาบาลฆ่าผู้หญิงคนนั้นไหม

ในโลกของผีดิบสาว ความดีและความชั่วเป็นสิ่งที่เลอะเลือนมานานแล้ว เธอสนใจแค่ความคิดและการตัดสินใจของโจวเจ๋อเท่านั้น

โจวเจ๋อส่ายหน้าเล็กน้อย เขาเชื่อว่าเจ้าโง่ได้จัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ตัวเองจึงไม่จำเป็นต้องไปยุ่งเรื่องก่อนหน้านี้ให้วุ่นวายเป็นการชั่วคราว

“แล้วก็ คนพวกนั้นที่หายไปกลับมาแล้ว แต่ยกเว้นนักพรตเฒ่ากับเดดพูล คนอื่นกลับสลบเป็นตาย ตรวจดูอาการที่ร้านยาข้างๆ แล้ว บอกว่าขาดสารอาหารอย่างรุนแรง เจ้าลิงน้อยถูกนักพรตเฒ่าดูแลด้วยตัวเองอยู่ในห้อง ผีดิบน้อยมีหลินเข่อคอยดูแลด้วยตัวเองอยู่ในห้องเช่นกัน เจินเหม่ยลี่ถูกเดดพูลพากลับไปดูแลที่สวนผัก ยมทูตที่เหลืออีกสามคนนอนอยู่ในห้องคนไข้ของร้านยาที่อยู่ข้างๆ มีฟางฟางคอยดูแลอยู่”

โจวเจ๋อพยักหน้า เพื่อบอกว่าตัวเองรู้แล้ว สงสัยคนพวกนั้นน่าจะถูกชายชราขังไว้ในพื้นที่จำเพาะแห่งหนึ่งหลังจากชายชราถูกฆ่าแล้ว พวกเขาถึงได้กลับมา และได้รับบาดเจ็บในระดับหนึ่ง

ทว่าขอแค่คนไม่ตายก็พอ ครั้งนี้ พูดจริงๆ นะ การป้องกันของร้านหนังสืออ่อนแอเกินไป ทั้งๆ ที่มีคนรวมตัวกันไม่น้อย แต่กลับโดนคนแค่คนเดียวบุกทำลายเกือบทั้งรัง

ต่อไป จะเล่นเกมที่ตื่นเต้นเร้าใจแบบนี้ทุกครั้งไม่ได้แล้ว ต้องเต้นอยู่บนปลายมีดทุกครั้ง ถึงแม้จะโชคดีแค่ไหนก็ต้องเกิดอุบัติเหตุจริงเข้าสักครั้งหนึ่ง

“ทนายอันโทรมาหา บอกว่าเรื่องทางโน้นเขาจัดการเรียบร้อยแล้ว จะกลับมาวันพรุ่งนี้” อิงอิงรายงานสถานการณ์ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาให้โจวเจ๋อฟังต่อ โจวเจ๋อนอนฟังเงียบๆ

หลังจากเช็ดตัวเสร็จแล้ว อิงอิงจึงหยิบกะละมังใส่ผ้าขนหนูขึ้นมาแล้วถามว่า “เถ้าแก่ อยากให้ข้าประคองไปรับอากาศบริสุทธิ์ไหมเจ้าคะ”

โจวเจ๋อส่ายหน้า เพื่อบอกว่าไม่ต้องการ ตอนนี้เขาขยับตัวไม่สะดวกเลยจริงๆ เสียดายที่ตอนนี้เจ้าลิงก็สลบอยู่ ถ้าหากเจ้าลิงยังอยู่ จะได้ทำโคลนมาทาตัวสักหน่อย เร่งการฟื้นตัวให้เร็วขึ้น แต่ตอนนี้ในเมื่อเจ้าลิงสลบอยู่ ถ้าคุณยังไปเอาฉี่อีก ดูเหมือนจะโหดเหี้ยมเกินไป

อิงอิงเดินลงไปข้างล่างเปลี่ยนกะละมังอันใหม่แล้วขึ้นมา ถือผ้าขนหนูร้อนที่ซักสะอาดแล้ว จากนั้นเช็ดใบหน้าของโจวเจ๋ออย่างระมัดระวัง

“โอ๊ย…”

“เจ็บใช่ไหมเจ้าคะ เถ้าแก่” อิงอิงถามอย่างใส่ใจ

โจวเจ๋อพลันนึกอะไรออก จึงพูดอย่างยากลำบากว่า “กะ…กระ…จก…”

อิงอิงตกตะลึง แล้วจึงยื่นนิ้วชี้ไปข้างล่าง กล่าวว่า “เถ้าแก่ วางใจได้เจ้าค่ะ ตอนที่ข้าช่วยท่านเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อสองสามวันก่อนได้ตรวจสอบแล้ว ยังอยู่เจ้าค่ะ”

“…” โจวเจ๋อ

อิงอิงคิดว่าโจวเจ๋อสบายใจแล้ว จึงจะเช็ดหน้าให้โจวเจ๋อต่อ เพื่อระวังไม่ให้เขาเจ็บ เธอจงใจขยับใบหน้าไปใกล้กับใบหน้าของโจวเจ๋อ แล้วเป่าเบาๆ อันที่จริง ร่างกายของอิงอิงกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างโดยที่เธอไม่รู้ตัว บางทีอาจเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงทางสายเลือด เธอไม่ได้ตัวเย็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

โจวเจ๋อจำได้ตอนที่เพิ่งเจออิงอิง ทั้งตัวของอิงอิงเย็นเหมือนน้ำแข็ง ไม่ว่าจะเป็นมือหรือเท้าแล้วก็ที่อื่น

แต่โดยไม่รู้ตัว หากอิงอิงนั่งอยู่บนเก้าอี้นานๆ ก็จะเหลือไออุ่นอยู่ อย่างเช่นตอนนี้ที่เธอเป่าลมให้ โจวเจ๋อสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่น แต่ไม่รู้ว่าส่วนล่างหายเย็นแล้วหรือยัง ซึ่งไม่สะดวกถามตอนนี้ และไม่สะดวกที่จะตรวจสอบ แน่นอนว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ สภาพร่างกายในตอนนี้ ก็ไม่สะดวกที่จะตรวจสอบอะไร

ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่โจวเจ๋อมั่นใจ นั่นก็คือใบหน้าของตัวเองในตอนนี้ น่าจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะ ไม่ว่าอย่างไรก็เคยถูกตำรวจเฉินต่อยเละ

ช่วงนี้เขามีอัตราการบาดเจ็บบ่อยเกินไป เถ้าแก่โจวจำได้ว่าตัวเองเพิ่งลงจากเตียงคนไข้ได้ไม่นาน ก็ต้องกลับขึ้นไปนอนอีกแล้ว ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องบาดเจ็บอยู่ร่ำไป

ก่อนหน้านี้เขายังถือกระจกส่องหน้าดูความหล่อ ตอนนี้เห็นบริเวณที่อิงอิงเช็ดกับการรับรู้ของตัวเองก็พอจะประเมินพื้นที่และระดับของ ‘ความยวบ’ ได้ พอคิดดูแล้วจึงช่างมันเถอะ ถ้าหากตัวเองทำตัวเองตกใจจนเป็นโรคซึมเศร้า ก็คงตลกน่าดู

เมื่อรอจนเช็ดทำความสะอาดใบหน้าเสร็จแล้ว อิงอิงจึงถามว่า “เถ้าแก่ ท่านจะกินอะไรสักหน่อย หรือว่าอยากนอนพักผ่อนอีกไหมเจ้าคะ”

“อยากกินอะไรหน่อย”

ประตูห้องถูกผลักจากด้านนอก สวี่ชิงหล่างเดินเข้ามา เขาถือไม้เท้า ร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยผ้าพันแผล เพียงแต่ในมือยังหนีบโทรศัพท์อยู่ เขาพูดว่า “ผมเพิ่งสั่งข้าวอบไก่”

“เอ่อ ไม่ค่อยมีคุณค่าทางอาหารใช่ไหม” อิงอิงไม่ค่อยพอใจ

“คุณไปซื้อไก่มาหนึ่งตัว แล้วตุ๋นเถอะ อย่าทำให้เถ้าแก่ของคุณถูกพิษตายก็พอ”

อิงอิงไม่พูดแล้ว น่าโมโหจริงๆ จำนวนวันที่ตัวเองอยู่ในห้องนานกว่าเขา แต่ลืมไปว่า เขาทำกับข้าวเป็น!

“เป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” สวี่ชิงหล่างถามโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อส่ายหน้า

“เหอะๆ”

สวี่ชิงหล่างหัวเราะ สายตามองไปที่ลูกแก้วลูกนั้นที่วางอยู่ตรงตู้หัวเตียงของโจวเจ๋อ ท่ามกลางความมืด เขารับรู้ได้บางอย่าง เขารู้ว่าใครเป็นคนทิ้งลูกแก้วลูกนั้นไว้ในตอนสุดท้าย

“รอให้แผลของคุณกับผมดีกว่านี้หน่อย พวกเราค่อยพูดเรื่องต่อจากนี้” ความหมายของสวี่ชิงหล่างคือ เขาไม่อยากให้คนนั้นมีโอกาสกลับมาอีกครั้ง

โจวเจ๋อพยักหน้า

“ผมกลับไปนอนต่อแล้ว ร่างกายของผมตอนนี้มีปัญหาทุกจุด รู้สึกจะเข้าสู่วัยชราล่วงหน้า”

สวี่ชิงหล่างหมุนตัวเดินออกจากประตูห้อง กลับไปที่ห้องของตัวเอง ผ่านไปประมาณห้านาที มีคนถือถุงอาหารที่สั่งเดลิเวอรี่ขึ้นมา เป็นเหล่าจาง เขาเคาะประตู อิงอิงเดินไปเปิดประตู

“พวกคุณ สั่งอาหารเดลิเวอรี่เหรอ” เหล่าจางยื่นถุงในมือมาให้ด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง “เมื่อครู่เจอพนักงานส่งอาหารข้างล่างตึก ผมจึงรับมา ส่วนของเหล่าสวี่ผมให้ไปแล้ว”

อิงอิงรับถุงมา แล้วเดินไปข้างเตียง เปิดกล่องข้าวเตรียมป้อนเถ้าแก่ โจวเจ๋อนั่งบนเตียง มองเหล่าจางที่เดินเข้ามา เหล่าจางเม้มปาก เอ่ยว่า “ตำรวจเฉิน…เสี่ยวเฉิน…ผู้หญิงคนนั้น พ้นขีดอันตรายแล้ว”

อันที่จริง โจวเจ๋อไม่ได้โกรธเรื่องนี้ ไม่ได้ฆ่าตำรวจเฉิน เดิมทีเป็นความต้องการที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันของโจวเจ๋อกับอิ๋งโกว ในเมื่อไม่ได้ฆ่า ก็ต้องช่วยชีวิตแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นโจวเจ๋อหรืออิ๋งโกว ล้วนไม่ได้ตั้งใจไม่ฆ่าเธอแล้วปล่อยให้เธอตัวล่อนจ้อนรอความตายแบบนั้น

“เอ่อ การตรวจสอบโรงพยาบาลนั้นเริ่มดำเนินการแล้ว ทุกฝ่ายให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทีมสอบสวนท้องถิ่นได้เข้าไปตั้งหลักสืบค้นแล้ว ตอนนี้ผู้อำนวยการจงกับกลุ่มรองผู้อำนวยการรวมทั้งผู้รับผิดชอบคนอื่นถูกจับกุมตัวแล้ว เบื้องบนได้วิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานควบคุมท้องถิ่นแล้ว จงใจเพิกเฉยปล่อยปละละเลยยังไม่ต้องพูดถึง แถมยังใช้ประโยชน์จากความล้าหลังของวิธีการควบคุมและพื้นที่ที่เลือนราง โดยภาพรวมแล้วถูกมองว่าเป็นร่มคุ้มครองให้กับ XX และองค์กร XX”

เมื่อได้ยินข่าวนี้ โจวเจ๋อจึงมองขวดแก้วที่อยู่บนตู้หัวเตียงข้างๆ รวมทั้งลูกแก้วสีดำลูกนั้น ภาพของชายชรากระโดดเอามือปิดตาตัวเองผุดขึ้นมาในหัวไม่หยุด ‘เอามือปิดตาของเธอ เอามือปิดตาของฉัน…’

อันที่จริง ความชั่วมากมาย ตอนที่มันปรากฏตัวและยังอ่อนแออยู่ ถ้าหากไม่แสร้งทำเป็นตาบอด เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะมีโอกาสเป็นไฟป่าลามทุ่งเลยด้วยซ้ำ…

……………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท