ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 717 ฟ้องแก!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 717 ฟ้องแก!

“เถ้าแก่ จะใส่อันนี้จริงๆ ใช่ไหม”

“ใส่ให้ผมเถอะ”

“อ้อ ได้เจ้าค่ะ”

อิงอิงหยิบเสื้อคลุมสีดำข้างๆ ขึ้นมา แล้วสวมใส่ให้เถ้าแก่ เสื้อคลุมเป็นไซซ์ใหญ่ ขนาดห้าเอ็กซ์แอล โดยทั่วไปไซซ์ขนาดนี้เตรียมไว้สำหรับคนอ้วนเป็นพิเศษ ร่างกายของสวีเล่อไม่ถือว่าสูงมาก ประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบสามเซนติเมตร หลังจากใส่เสื้อตัวนี้แล้ว โจวเจ๋อจึงดูเหมือน ‘ซ่อนตัว’ อยู่ในเสื้อผ้า ยังดีที่มี ‘ผู้ชายที่เป็นผู้นำแฟชั่น’ จำนวนไม่น้อยชอบสวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้ ดังนั้นจึงดูไม่แปลกมากเท่าไร

“เถ้าแก่ อันนี้ก็ต้องใส่ไหมเจ้าคะ”

“ใส่”

“แต่มันเจ็บนะเจ้าคะ ข้าใส่ไม่เป็น”

“เอามาติดก็ได้แล้ว”

“จริงเหรอเจ้าคะ”

“เร็วเข้า”

“อ้อ เจ้าค่ะ”

“โอ๊ย…”

เจ็บ นี่คือความเจ็บปวดของจริง อิงอิงไม่มีประสบการณ์ และแขนปลอมนี้ดูเหมือนจะเน้นเพื่อตกแต่งให้สวยงามเท่านั้น ฟังก์ชันอื่นด้อยมากอย่างเห็นได้ชัด

แต่ก็ต้องฝืนยัดเข้าไป ส่วนเรื่องความเจ็บปวด ไม่ว่าอย่างไรภูมิต้านทานของโจวเจ๋อมีความแข็งแกร่ง ช่วงนี้แขนขาดต่อแขนติดต่อกันหลายครั้ง หากจะพูดว่าตัวเองชินแล้ว คงจะน่าเกลียดเกินไป แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเริ่มชินชาบ้างแล้ว

‘ฮู่ว…’ ทุกอย่างพร้อมแล้ว โจวเจ๋อจึงเตรียมจะเดินลงจากชั้นบน

อาจจะเป็นเพราะการตื่นขึ้นมาของเจ้าโง่ ความเร็วในการฟื้นตัวจากการบาดเจ็บของร่างกายในครั้งนี้เร็วกว่าเมื่อก่อนเยอะมากจริงๆ ตอนที่เพิ่งตื่นขึ้นมาขยับนิดเดียวก็ปวดแล้ว แต่เวลาผ่านไปไม่ถึงสองวัน ตอนนี้ก็พอที่จะเดินลงมาขยับตัวได้บ้าง

ถ้าหากเดินลงมาข้างล่างได้ โจวเจ๋อทนไม่ไหวอยากจะเดินลงไปนอนบนโซฟาที่ตัวเองชอบมากที่สุด ใครจะรู้ว่าช่วงเวลาผ่อนคลายยามว่างแบบนี้จะอยู่อีกนานแค่ไหน

เฮ้อ รีบใช้ชีวิตในปัจจุบันให้คุ้มค่าเถอะ

เขาปฏิเสธการประคองของอิงอิง โจวเจ๋อเดินลงมาด้วยตัวเองอย่างช้าๆ เห็นนักพรตเฒ่านั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์พอดี ท่าทางเหม่อลอย

โจวเจ๋อค่อยๆ เดินไปตรงหน้าโซฟาอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ นั่งลง เลือกนั่งท่าที่ไม่ทำให้ตัวเองเจ็บมาก หลังจากที่ลองอยู่นาน ในที่สุดก็นอนลงไป

ชั่วเวลาเดียว รู้สึกสบายทั้งตัวและจิตใจ ราวกับรูขุมขนทั่วร่างกายได้รับการผ่อนคลาย เหมือนพิธีศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง ร่างกายทั้งตัวกำลังอาบอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง

อิงอิงเดินไปรีดหนังสือพิมพ์และเตรียมน้ำชา โจวเจ๋อตั้งใจบอกว่าไม่เอากาแฟ

นักพรตเฒ่านั่งอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนจะไม่เห็นว่าโจวเจ๋อลงมา นั่งเหม่อลอยหันหน้าไปหน้าประตูร้าน

“นักพรตเฒ่า” โจวเจ๋อตะโกนเรียกหนึ่งที เขารู้สึกว่านักพรตเฒ่าผิดปกติไป คงไม่ได้เกิดปัญหาทางด้านจิตใจเพราะเรื่องของชายชราใช่ไหม

นักพรตเฒ่าไร้การตอบสนอง

“นักพรตเฒ่า” โจวเจ๋อเรียกอีกครั้ง

นักพรตเฒ่าหันหน้ากลับมาเหมือนคนทึ่ม มองไปทางโจวเจ๋อ แล้วสายตาจึงค่อยๆ โฟกัส เขาเอ่ยว่า “เถ้าแก่ เจ้าลงมาแล้วเหรอ” เสียงค่อนข้างแหบพร่า จมูกแดงก่ำ แสร้งทำท่าเหมือนตื่นเต้นดีใจ แต่ในความเป็นจริงดูฝืนมากเกินไป

“คุณเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าลิง” โจวเจ๋อนึกถึงเจ้าลิงทันที จริงๆ เลย พี่ลิงคงไม่ได้ตายไปแล้วใช่ไหม

“เจ้าลิงสบายดี ไม่เป็นอะไรมาก ไข้กำลังลด ข้า…ข้า…” นักพรตเฒ่าทำท่าเหมือนจะพูดแล้วก็หยุดไป

และในเวลานี้ รถตำรวจคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูร้านหนังสือ เหล่าจางพาตำรวจสองนายลงมาจากรถ ตำรวจสองนายยืนอยู่ข้างนอกไม่เข้ามา เหล่าจางเดินเข้ามาเพียงคนเดียว

เหล่าจางพยักหน้าให้โจวเจ๋อก่อน เมื่อเห็นโจวเจ๋อสามารถนอนบนโซฟาได้แล้ว เขาดีใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ช้าก็หันไปหานักพรตเฒ่า รีบเดินเข้าไปถามว่า “นักพรตเฒ่า คุณรู้จักคนชื่อซุนเถี่ยเฉิงไหม”

“ซุนเถี่ยเฉิง” นักพรตเฒ่าแสดงแววตางุนงนจากดวงตาของเขา ดูเหมือนว่า เขาจะเดาออกถึงเจตนาของเหล่าจางแต่เขาไม่แน่ใจจริงๆ ว่านักศึกษาที่โทรหาตัวเองเมื่อคืนนี้ชื่อซุนเถี่ยเฉิงหรือไม่

เพราะ เพราะว่าเด็กที่เขาออกเงินช่วยเหลือมีเยอะเกินไป เขาจะจำได้อย่างไร

“นักศึกษาคนนี้กระโดดตึกฆ่าตัวตายเมื่อคืน พวกเราสืบประวัติการโทรของเขาแล้ว พบว่าก่อนที่เขาจะตายสายที่เขาโทรติดต่อเป็นครั้งสุดท้ายก็คือคุณ”

นักพรตเฒ่าตัวสั่น เป็นเขา เป็นเขาจริงๆ ด้วย

‘เจ้าชอบกินอะไร’

‘ข้าจะเตรียมให้เจ้า’

‘ไม่ใช่ โทรศัพท์ของปู่แบตเตอรี่ใกล้หมดแล้ว’

‘ดังนั้น เจ้ารีบสั่งอาหาร จากนั้นก็กระโดดลงไปเลย เร็วๆ เข้า!’

เสียงของตัวเองในตอนนั้นดังสะท้อนอยู่ในหัวของตัวเองไม่หยุด เขาๆๆ เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กคนนั้นจะกระโดดลงมาจริงๆ!

ก่อนหน้านั้น นักพรตเฒ่ายังจินตนาการวาดฝันอยู่ในใจ ตอนนี้เหล่าจางมาแล้ว ก็เท่ากับเป็นเรื่องจริง

“โทรมาหาข้าเอง” นักพรตเฒ่าตอบ

เรื่องนี้หนีไม่พ้น และในเมื่อเกิดเรื่องแล้ว ด้วยนิสัยของนักพรตเฒ่า กรณีเช่นนี้ เขาไม่หนีไม่อยู่แล้ว

“พวกคุณเป็นอะไรกัน” เหล่าจางถาม ทันใดนั้น ดูเหมือนจะกังวลว่าน้ำเสียงของตัวเองจะเข้มเกินไป จึงเอ่ยว่า“วางใจได้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณมากนัก ผมแค่มาถามดู”

ไม่ว่าอย่างไรล้วนเป็นคนกันเอง และเหล่าจางก็รู้จักนิสัยของนักพรตเฒ่าเป็นอย่างดี ในความเป็นจริง เขารู้จักนิสัยทุกคนในร้านหนังสือ หากบอกว่าคนในร้านหนังสือไปทำร้ายคนธรรมดาโดยไม่มีสาเหตุ เขาเหล่าจางเป็นคนแรกที่ไม่เชื่อ

คนในร้านหนังสือ โดนฟ้าผ่าได้ง่ายที่สุด และภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ ใครจะกล้ากระโดดโลดเต้นมั่วซั่ว

คนธรรมดาทำผิด ยังอาจจะดีใจที่โชคดีรอดพ้นจากการลงโทษทางกฎหมายได้ แต่สวรรค์จะฟาดสายฟ้าลงมา ใครเล่าจะสามารถหลบได้

“เขาเป็นนักศึกษาที่ข้าช่วยเหลือทางการเงิน”

เหล่าจางอ้าปาก พยักหน้า แล้วถามต่อ “ดังนั้น ก่อนที่เขาจะตายเขาได้บอกอะไรกับคุณ”

หากใช้ความคิดของคนปกติมองเหตุการณ์นี้ จะต้องหาสาเหตุที่เชื่อมโยงกันเป็นธรรมดา นักศึกษาคนนั้นอาจจะเจอความล้มเหลวอะไรหรือมีความผิดปกติทางจิต คิดจะฆ่าตัวตาย ก่อนจะตายจึงโทรหาคนที่ช่วยเหลือตัวเองทางด้านการเงิน ซึ่งเป็นคนที่ตัวเองเคารพเลื่อมใสมากที่สุด เพื่อบอกลา

นักพรตเฒ่าส่ายหน้า และพูดเหมือนสะอื้นไห้ “เขาอยากให้ข้าซื้อโทรศัพท์ให้ ข้าจึงปฏิเสธ”

“…” เหล่าจาง

นักพรตเฒ่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อ “แล้วก็…แล้วก็…แล้วก็ข้ายังเร่งให้เขารีบกระโดด ข้าจะได้ทำอาหารให้เขาเพื่อส่งไปลงนรก”

เหล่าจางขมวดคิ้ว สีหน้าครุ่นคิดหนัก

“เหล่าจาง” เวลานี้ โจวเจ๋อที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงนั้นเอ่ยขึ้นมา บทสนทนาของเหล่าจางกับนักพรตเฒ่าเขาได้ยินหมดแล้ว

“เถ้าแก่” เหล่าจางมองไปทางโจวเจ๋อ

“นักศึกษาคนนั้น กระโดดตึกจริงๆ เหรอ”

“ใช่ กระโดดจริง หลังจากตัดสายจากนักพรตเฒ่าประมาณสิบนาที เพราะตอนที่เขากระโดดลงไปมีนักศึกษาที่เพิ่งฝึกซ้อมสำหรับงานเลี้ยงเสร็จเดินผ่านอาคารเรียนกลับหอพักพอดี จึงเป็นพยานในที่เกิดเหตุเห็นขั้นตอนการกระโดดตึกทั้งหมด”

“นักพรตเฒ่าไม่ซื้อโทรศัพท์ให้เขา ดังนั้นเขาจึงกระโดดตึกเหรอ” โจวเจ๋อเองรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ ในโลกนี้ จะมีเรื่องแปลกพิลึกแบบนี้ได้อย่างไร

“เรื่องนี้ยังสืบไม่แน่ชัด พวกเรากำลังสืบว่ามีความเป็นไปได้ที่จะถูกฆ่าหรือไม่ และกำลังสืบเครือข่ายเชื่อมโยงของผู้ตายกับเหตุการณ์อื่น”

“นักพรตเฒ่า คุณจะเสียใจไปทำไม เขาฆ่าตัวตาย คุณไม่ได้ฆ่าเสียหน่อย อย่าเอาทุกเรื่องมาแบกไว้คนเดียวร่างกายอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว คุณจะแบกของได้หนักแค่ไหนเชียว คุณไม่ใช่ไท่ซานฝู่จวิน เขาสามารถแบกภูเขาไท่ซานหนึ่งลูก แต่ร่างกายของคุณสามารถแบกหนักได้แค่ไหน”

เรื่องที่นักพรตเฒ่าช่วยเหลือนักศึกษาด้านการเงิน โจวเจ๋อรู้เรื่องนี้ ตอนแรกยังเคยทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้เช่นกัน จำได้ว่าครั้งนั้นนักพรตเฒ่าบาดเจ็บ บวกกับมีปัญหาเรื่องการไลฟ์สด จึงหมุนเงินไม่ทัน ผลปรากฏว่าผู้ปกครองของนักศึกษาสองสามคนนั้นโทรศัพท์มาด่าเร่งเอาเงินจากเขาโดยตรง แต่หลังจากครั้งนั้น นักพรตเฒ่าก็ยังนั่งรถเข็นไปโอนเงิน

เขาเป็นคนดื้อดึง โจวเจ๋อมองอยู่ข้างๆ ต่อให้โกรธแต่ก็ต้องทำใจ ไม่ว่าอย่างไรเขาเป็นคนหาเงินเอง เขาอยากจะใช้จ่ายอย่างไร คนอื่นไม่มีสิทธิ์ชี้นิ้วสั่ง

“ข้ารู้ๆ” นักพรตเฒ่าพยักหน้า ทว่าบางเรื่องเข้าใจก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่จะสามารถคิดตกจนเหมือนไม่มีอะไรได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ลำบากใจอย่างหนึ่ง

“โอเค ผมถามเสร็จแล้ว ร้านหนังสือมีกล้องวงจรปิดใช่ไหม” เหล่าจางจำได้ตอนที่นักพรตเฒ่าตกแต่งร้านใหม่ครั้งที่แล้ว ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดในร้านหนังสือด้วย

“มีครับๆ” นักพรตเฒ่าตอบ

นี่คือการหาหลักฐานว่านักพรตเฒ่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ

“อืม สถานการณ์ของคุณเป็นกรณีพิเศษ พวกเราจะเก็บเป็นความลับให้กับคุณ เรื่องนี้ ผมจะพยายามไม่ให้มันมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณ”

ถ้าหากเป็นเพราะคนให้ทุนการศึกษาปฏิเสธที่จะซื้อโทรศัพท์ให้คุณแล้วคุณกระโดดตึกจริงๆ ข่าวนี้จะต้องเป็นที่ฮือฮาในสังคมแน่นอน ไม่ว่าคำวิจารณ์ในทิศทางไหน ล้วนทำให้การใช้ชีวิตของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้รับผลกระทบหนักมาก ถึงแม้จะไม่ได้มองจากมุมมองของยมทูตในร้านหนังสือ เหล่าจางในฐานะตำรวจก็ไม่อยากให้นักพรตเฒ่าได้รับผลกระทบอะไรทางด้านจิตใจ

เวลานี้สาวน้อยโลลิเดินลงมาจากชั้นบนพอดี เธอหอบเสื้อผ้ากองหนึ่งอยู่ในมือ น่าจะเป็นเสื้อผ้าสกปรกของเด็กผู้ชาย เมื่อเห็นเหล่าจางอยู่ที่นี่ เหมือนกำลังคุยกันอยู่ เธอไม่ได้แสดงความสนใจเป็นพิเศษ เดินตรงไปที่หาเครื่องซักผ้าในห้องน้ำทันที

อิงอิงนำหนังสือพิมพ์ที่รีดเสร็จแล้วมาให้โจวเจ๋อในตอนนี้ หนังสือพิมพ์มีสองสามฉบับ ฉบับหนึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ที่เหลือเป็นหนังสือพิมพ์ทั่วประเทศ

ผลสรุปว่า หน้าแรกสุดของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็น ‘กรณีการกระโดดตึกฆ่าตัวตายของนักศึกษาที่เกิดขึ้นเมื่อวานในมหาวิทยาลัยทงเฉิง!’

นานๆ จะเห็นการตอบสนองของสื่อที่เร็วขนาดนี้ โจวเจ๋อปิดหน้าหนังสือพิมพ์อย่างเบื่อหน่าย หยิบน้ำชาที่อิงอิงเพิ่งเอามาเสิร์ฟขึ้นมา จากนั้นขมวดคิ้ว พอคิดว่าหลังจากที่ตัวเองดื่มน้ำแล้วยังต้องให้อิงอิงเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดคางตัวเองเหมือนเด็ก ก็ไม่อยากดื่มแล้ว

เวลานี้โทรศัพท์ของนักพรตเฒ่าดังขึ้น เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักอีกแล้ว นักพรตเฒ่ากดรับสาย ไม่ได้เปิดลำโพง แต่เสียงของผู้หญิงฝั่งนั้นต่อให้ไม่เปิดลำโพงก็ ‘ระเบิด’ เสียงดังออกมาแล้ว

“แกไอ้ชาติชั่ว แกเกิดมาเป็นฆาตกรชัดๆ! ทำไมแกไม่ให้เงินกับเฉิงจื่อของฉัน ทำไมไม่ให้! แกส่งเขาเรียนมหาวิทยาลัย แต่กลับไม่ให้เงินแบบนี้ หมายความว่ายังไง!!!!!! ตอนนี้เฉิงจื่อตายแล้ว เป็นเพราะแกคนเดียว ที่ทำให้เขาต้องตาย! แกมันเลว แกมันไร้มนุษยธรรม เฉิงจื่อของฉันเพิ่งอายุกี่ปีเอง อายุกี่ปี ตอนนี้เขาตายแล้ว เขาตายไปแล้ว! แกคอยดูนะ ฉันจะฟ้องแก ฉันจะไปศาลเพื่อฟ้องแก ฉันไม่เชื่อว่าโลกนี้จะไม่มีกฎหมาย จะไม่มีความยุติธรรม!!!!!!”

……………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท