ตอนที่ 719 ความทะเยอทะยานของเสี่ยวอันจื่อ
มหาวิทยาลัย เป็นสถานที่ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเยาว์วัย มีแต่คนที่ออกจากรั้วมหาวิทยาลัยแล้วจึงจะสัมผัสได้ถึงความงดงามของที่แห่งนี้
ฤดูร้อน ในสถานที่อื่นก็ยากมากที่คุณจะได้เห็นสาวๆ ใส่กระโปรงสั้น กางเกงขาสั้น หรือไม่ก็ถุงน่องมากมายขนาดนี้ และสัมผัสไม่ได้ถึงวันเวลาที่นอนขดตัวอยู่ในหอพักเล่นเกมกันอย่างไร้กังวลแบบนั้น
แต่ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์กระโดดตึกฆ่าตัวตาย ทว่าภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่ได้เกิดความฮือฮามากเกินไปตอนนี้สถานศึกษาที่มีนักเรียนนักศึกษาค่อนข้างเยอะหน่อย ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยหรือว่าโรงเรียนมัธยมศึกษา จะมีคนตายหนึ่งถึงสองคนทุกปี ยากที่จะเกิดความตื่นตระหนกขึ้นจริงๆ
ทุกคนควรโดดเรียนก็โดดเรียน ควรไปห้องสมุดก็ไปห้องสมุด ทุกอย่างเป็นปกติ
“ฤดูหนาวจัด ก็ยังใส่ชิ้นเล็กชิ้นน้อย เหอะๆ ขาเอย ก้นเอย หน้าอกเอย…” ทนายอันเดินช้ามาก เขามีความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินอยู่ในทุ่งดอกไม้ กำลังเลือกนางสนมอยู่ เสียดายที่ตัวเองไม่ทันได้เปลี่ยนรถคันใหม่ ไม่อย่างนั้นเขาอยากจอดรถแล้ววางเครื่องดื่มขวดหนึ่งไว้บนหลังคา[1]เสียหน่อย ถึงแม้ว่าจะอยู่ในฤดูหนาวเดือนสิบสอง แต่สาวๆ ที่รักสวยรักงาม ก็ยังเยอะอยู่ดี
“คุณช่วยเดินเร็วๆ หน่อยได้ไหม” เหล่าจางพูดเร่งขณะเดินอยู่ข้างหน้า
“อ้อ โอเค” ทนายอันหยิบกระดาษทิชชูออกมาเช็ดมุมปากของตัวเอง ในใจก็รู้สึกแปลกทำไมวันนี้ตัวเองคึกมาก
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะยุ่งเรื่องสถานพักฟื้นที่ตูเจียงเยี่ยน แต่เขาก็ไม่ได้ทำงานใช้แรงงาน ทุกวันหลังจากเสร็จงานและสั่งงานเรียบร้อยแล้ว ก็จะไปเที่ยวสนุกที่หรงเฉิง ไม่ต้องข่มเอาไว้ถึงขั้นนี้
ทนายอันก็คาดไม่ถึง เขาเพิ่งจะกลับไปที่ร้านหนังสือก็ได้ดื่มกาแฟผสมแก้วใหญ่ ผลลัพธ์การบำรุงผลที่น่าอัศจรรย์ กำลังแสดงผล!
‘ฮู่ว…’ ทนายอันจึงต้องวิ่งเข้าไปในห้องน้ำของตึกอาคารเรียนล้างหน้าก่อน แต่ตอนที่มองกระจก กลับเห็นตัวเองหน้าแดงก่ำ ทนายอันส่ายหน้าสะบัดหยดน้ำบนใบหน้า แล้วถึงได้ตามเหล่าจางขึ้นไปบนดาดฟ้า
ถึงแม้จะเกิดเรื่องกระโดดตึก แต่เนื่องจากไม่มีหลักฐานชัดเจนถึงการฆาตกรรม จึงมีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะฆ่าตัวตาย ดังนั้นนอกจากเส้นกั้นตำรวจที่จัดไว้ตรงดาดฟ้าแล้ว ตึกอาคารเรียนยังคงถูกใช้งานตามปกติเหมือนเดิมในวันถัดมา ถึงอย่างไรก็มีนักศึกษามากมาย และไม่ใช่วันหยุด ดังนั้นจึงต้องพิจารณาถึงการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย
ทนายอันก้าวข้ามเส้นกั้นของตำรวจ เหล่าจางชี้ไปที่บันไดที่อยู่ติดขอบแล้วพูดว่า “ตรงนี้แหละ”
ซุนเถี่ยเฉิงกระโดดตึก น่าจะยืนตำแหน่งนี้ ตรงนี้ยังมีรอยเท้าของเขาอยู่ น่าจะใส่ร้องเท้ากีฬา ทนายอันพยักหน้าขยับจมูก จากนั้นวิ่งไปที่อีกด้านหนึ่ง โน้มตัวยื่นศีรษะไปด้านหลังกำแพง แล้วยื่นมือเข้าไปควานหาของจับไปเรื่อยเปื่อย ไม่ช้าจึงจับได้ถุงยางอนามัยที่คนเคยใช้แล้ว “แม่งเอ๊ย…” ทนายอันทิ้งถุงยางอนามัยลงไปบนพื้น และสลัดมืออย่างแรง
เหล่าจางเดินเข้ามา ตรวจดูร่องรอยบนพื้นแล้วเอ่ยว่า “น่าจะนานแล้ว” ไม่ใช่เมื่อวานแน่นอน
“นักศึกษาสมัยนี้ เปิดกว้างจริงๆ”
ทนายอันกัดริมฝีปาก เดินไปข้างตำแหน่งที่ซุนเถี่ยเฉิงกระโดดตึก แล้วหลับตา ในหัวเริ่มมีภาพเมื่อวานของเขากับนักพรตเฒ่าลอยขึ้นมา
อีกฝ่ายไม่น่าจะอยากฆ่าตัวตาย มั่นใจได้ในจุดนี้ เขาน่าจะอยากเรียกให้นักพรตเฒ่ามาหา มองนักพรตเฒ่าเป็นแม่พระใจดีที่โง่เขลา อยากแสดงความน่าสงสาร เพื่อขอเงินหนึ่งก้อน
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เว้นเสียแต่ว่าหลังจากตัดสายไปแล้ว เขาไม่ระวังก้าวพลาดตกลงไปจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ฆ่าตัวตาย
ถ้าหากก้าวพลาดตกลงไปจริงๆ อย่างนั้นก็คือ…
ถ้าหากไม่ได้ก้าวพลาด อย่างนั้นก็คือการฆาตกรรม
“ดูกล้องวงจรปิดหรือยัง” ทนายอันถาม
“ดูแล้ว ตรวจดูกล้องวงจรปิดทั้งอาคารเรียนนี้แล้ว คืนนั้นซุนเถี่ยเฉิงน่าจะขึ้นมาประมาณเที่ยงคืนครึ่ง หลังจากเขาขึ้นมาแล้ว ก็ไม่มีคนเข้าไปในอาคารเรียนนี้อีก นักศึกษาอยากอ่านหนังสือตอนดึกหรือทบทวนบทเรียน โดยทั่วไปจะอยู่ที่ห้องสมุดหรือหอพัก และพยานที่เห็นเหตุการณ์ตอนนั้นก็พูดตามความจริง พวกเขาเห็นซุนเถี่ยเฉิงยืนอยู่ริมขอบก่อนจากนั้นก็กระโดดลงมาเอง ไม่เห็นเงาของคนอื่นอยู่บนดาดฟ้า”
ทนายอันพยักหน้า พลางครุ่นคิดต่อ จากนั้นเขาจึงหลับตาอีก สายตามองลงไปข้างล่าง สูง สูงมากจริงๆ คนแซ่ซุนคนนั้นหลังจากกระโดดลงไป คงจะน่าอนาถดูไม่ได้เป็นอย่างมากใช่ไหม
ทนายอันยักไหล่ ตอนที่เขากำลังจะหมุนตัว กลับเห็นว่ามีชั้นหนึ่งของตึกแขวนตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งอยู่ริมหน้าต่าง
ตุ๊กตาผ้าใส่ชุดกระโปรงสีแดง เหมือนถูกยึดติดอยู่ตรงนั้น และเนื่องจากตึกสูงลมพัดแรง ตุ๊กตาผ้าจึงถูกลมพัดไม่หยุด แต่กลับไม่หล่นลงไป
ทนายอันรีบหมุนตัวทันที เดินลงไปข้างล่าง เคลื่อนตัวเร็วมากเมื่ออยู่บนบันได เหล่าจางตามเขาอยู่ข้างหลังอยากจะถามทนายอันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของทนายอันแล้ว จึงไม่ได้ถาม ได้แต่เดินตามอยู่ข้างหลัง
ทั้งวงการตำรวจ สามารถเรียกยมทูตออกมาสืบคดีเหมือนอย่างเขา คาดว่าจะมีแต่เขาเท่านั้น ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมองคนในร้านหนังสือเป็นลูกน้องของตัวเอง มิหนำซ้ำ ตัวเขาเองก็เป็นลูกน้องในร้านหนังสือเช่นกัน
ทนายอันเดินมาถึงชั้นยี่สิบตามความทรงจำของตัวเอง เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู ซึ่งน่าจะเป็นห้องทำงาน ทว่าไม่มีคนทำงานอยู่ที่นี่แล้วอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมองผ่านประตูกระจกที่กั้นอยู่ก็จะเห็นของเบ็ดเตล็ดวางกองอยู่ข้างใน
ทนายอันเห็นว่าด้านหลังมีเพียงเหล่าจางเดินตามมา และแถวนี้ก็ไม่มีกล้องวงจรปิด เขาจึงใช้มือกระดูกขาวของตัวเองไขประตูทันที ผลักประตูออก แล้วเดินเข้าไป หน้าต่างของห้องเก็บของเบ็ดเตล็ดเปิดอยู่ เป็นหน้าต่างแบบผลักสไตล์เก่าแก่ ตุ๊กตาผ้าใส่ชุดกระโปรงสีแดงถูกคนใช้เชือกมัดตัวติดกับมุมซ้ายบนของหน้าต่าง เมื่อลมพัดก็ส่ายไปมา เหมือนกำลังเต้นระบำ
ตอนที่เข้าไปใกล้ ทนายอันจึงพบว่าตุ๊กตาผ้าตัวนี้มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก ดวงตาโตมาก และไม่ใช่ผู้หญิง ถึงแม้จะมีผมยาวสีน้ำตาลแดงอยู่ด้านหลัง แต่กลับมีหนวดเล็กๆ อยู่บนใบหน้าทั้งสองข้าง นี่มันคือตุ๊กตาผู้ชาย!
“มีอะไรผิดปกติไหม” เหล่าจางรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหยวนฟาง รับบทสนทนาโต้ตอบ แต่เขาจำเป็นต้องทำ เพราะเขารู้ดีว่า เวลาที่เจอเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ประสบการณ์ที่สะสมจากการเป็นตำรวจอาชญากรรมมายี่สิบปีของเขา ถือว่าไม่มีประโยชน์อะไรจริงๆ
ทนายอันยื่นมือชี้ไปที่ตุ๊กตาผ้าตัวนี้ นิ้วมือสั่น สีหน้าตื่นเต้นดีใจมาก! เหล่าจางรู้สึกตื่นเต้นตามทันที รีบไต่ถาม
“มันๆๆ มันน่าเกลียดมากจริงๆ!”
“…” เหล่าจาง
…
“เฮ้อ” ทนายอันหยิบตะเกียบขึ้นมาด้วยความเศร้าเล็กน้อย มองข้าวกล่องที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกขาดทุนจริงๆ “ผมคิดว่ากลับมาวันนี้ จะได้กินข้าวฝีมือของเหล่าสวี่ เฮ้อ”
เหล่าจางนั่งยองๆ อยู่หน้าประตู กินข้าวพลางมองออกไปนอกประตู
จริงๆ แล้วเขามีสิทธิ์พูดมากที่สุด เพราะช่วงเวลานานก่อนหน้านั้น เขามักจะกลับมาที่ร้านหนังสือได้จังหวะพอดีจากนั้นก็นั่งลงหยิบตะเกียบ
“พวกเราจะไปเมื่อไร” เหล่าจางกินข้าวคำสุดท้ายลงไป หยิบเม็ดข้าวที่อยู่บนนิ้วใส่ปากแล้วจึงถาม
“ทำไมคุณรีบกลับเหรอ” ทนายอันถามอย่างสงสัย
“ผมต้องไปโรงพยาบาล”
“อ้อ เหอะๆๆ” ทนายอันหัวเราะเย็นชาหนึ่งที “โชคดีที่คนที่คุณเจอคือเถ้าแก่ของพวกเราคนนี้”
เหล่าจางหัวเราะอย่างเก้อเขิน แล้วก้มหน้า
“เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ผมได้ยินมาแล้ว จริงๆ ถ้าผมอยู่ ก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรมันผ่านไปแล้ว อุปสรรคเล็กใหญ่เจอมาเยอะแล้ว คนเราก็ต้องเติบโต”
เหล่าจางพยักหน้าต่ออย่างเคอะเขิน คุณอายุมากแล้ว คุณพูดเลย เชิญพูดเลย
“จริงๆ แล้ว บางครั้งผมรู้สึกโชคดีมาก ถึงแม้ตอนนั้นจะโดนฆ่าตายเพราะถูกทวงหนี้ แต่ก็เป็นเพราะผมสู้เขาไม่ไหว สู้คนอื่นไม่เป็น และพ่อของผมก็ทำได้ยอดเยี่ยมมาก เขาช่วยผมมาเยอะแล้ว”
“หืม พ่อของคุณล้มละลายไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ ถ้าหากเขาไม่ล้มละลาย ผมน่าจะเข้าเรียนโรงเรียนการทหารหวงผู่รุ่นที่ยี่สิบสาม”
“โรงเรียนการทหารหวงผู่รุ่นที่ยี่สิบสาม”
“ไม่ต้องนับแล้ว สี่สิบเก้าปี” ทนายอันหยิบน้ำโคล่าบนโต๊ะขึ้นมาแล้วดื่มคำใหญ่ จากนั้นตบโต๊ะทันที เอ่ยว่า “สี่สิบเก้าปีที่แล้วผมเกือบจะได้อยู่พรรคก๊กมินตั๋งแล้ว!”
“เอ่อ…” เหล่าจางกลั้นขำจนหน้าแดง พยายามกลั้นขำ เอ่ยว่า “อย่างนั้นก็โชคดีมากจริงๆ”
“อยากหัวเราะก็หัวเราะเลย ตัวผมเองก็อยากหัวเราะเหมือนกัน พ่อผมพยายามไม่ให้ผมออกนอกลู่นอกทาง ทำถึงขั้นนี้ ผลสุดท้ายผมกลับไม่เอาไหน เฮ้อ”
“พ่อแม่น่าสงสาร”
“คุณช่วยพูดแบบจริงใจหน่อยได้ไหม”
“ขอโทษ”
ทนายอันวางข้าวกล่อง เดินไปข้างๆ เหล่าจาง แล้วนั่งลงยองๆ เอ่ยว่า “จริงๆ แล้ว ผมกับเถ้าแก่มีมุมมองเหมือนกันเกี่ยวกับตัวคุณ คุณ ทำหน้าที่ตำรวจของคุณให้ดีก็พอ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ท่ามกลางความธรรมดา เหล่าจาง คนดีย่อมได้ดี คุณก็เป็นตัวอย่างแล้วไม่ใช่เหรอ”
“อืม…”
“คุณโชคดีจริงๆ อันที่จริงผมก็โชคดี จริงๆ นะ แม่งอยากกลับไปนรกตอนนี้ชะมัด กลับไปจุดธูปไหว้คนพวกนั้นที่ตบไม้ไล่ผมออก ถอดตำแหน่งของผม กระทั่งไอ้เหี้X นั่นที่ไล่ฆ่าผมด้วย! ไม่ ผมต้องโขกศีรษะคำนับให้พวกเขาด้วย ต้องขอบคุณพวกเขาจริงๆ ขอบคุณพวกเขาจากใจจริง ไม่อย่างนั้นจะมีโอกาสแบบนี้ได้อย่างไร พวกเขา เป็นพ่อแม่คนใหม่ของผม!”
คนหนึ่งเป็นเจ้าทะเลแห่งความตาย อีกคนหนึ่งสงสัยว่าเป็นร่างแฝงของไท่ซานฝู่จวินในโลกมนุษย์ ผมจะไม่พอใจได้อย่างไร ได้กอดขาหนาๆ สองข้างพร้อมกัน ถ้าเกาะแล้วไม่ได้ดี ตัวผมเองคงต้องหาก้อนเต้าหู้แล้วโขกศีรษะตาย
เหล่าจางไม่ค่อยเข้าใจความคิดของทนายอัน เพราะบางเรื่อง ทนายอันคาดเดาเอาเองอยู่ในใจเท่านั้น แต่ไม่กล้าพูดออกมา
“พวกเรา ต้องรออีกนานไหม”
ทนายอันมองนาฬิกาแล้วพูดว่า “ใกล้แล้ว รอฟ้ามืดหมดก่อน”
“จากนั้นล่ะ”
“จากนั้นไปดาดฟ้า”
“ต้องไปที่ดาดฟ้าอีกเหรอ”
“ถึงแม้เด็กคนนั้นตายไปก็ไม่เสียดาย แต่ในเมื่อสาดน้ำสกปรกมาที่ไท่…มาที่หัวของนักพรตเฒ่า คนของร้านหนังสือ ก็เป็นคนในครอบครัวไม่ใช่เหรอ พวกเราต้องช่วยคนในครอบครัวตัวเองสืบสวนให้ชัดเจน”
“คุณพูดจาแปลกพิลึก รู้สึกว่าพูดจากำกวม”
“ไม่ เหล่าจาง คุณรู้ไหม ผมไม่เคยนับถือสายตาของตัวเองมากเท่าตอนนี้มาก่อน!”
……………………………………………………………………….
[1] วางเครื่องดื่มขวดหนึ่งไว้บนหลังคารถ มีความหมายว่า ‘ดื่มน้ำของฉัน นอนกับฉัน’ ถ้าผู้หญิงถูกใจก็มาหยิบไป