ตอนที่ 727 ใช้หนี้!
นักพรตเฒ่าพูดไปเรื่อยๆ แล้วหยุดพูด
ทนายอันชำเลืองมองนักพรตเฒ่า ในใจคิดว่าบางทีในช่วงครึ่งปีหลัง รางวัลบุคคลน่าประทับใจสิบอันดับแรกของทงเฉิงน่าจะมีของนักพรตเฒ่าสักรางวัล หัวข้อคือ ‘ชายชราในวัยเจ็ดสิบฮึกเหิมไม่ลดละ เป็นแบบอย่างมุ่งมั่นสร้างเมืองสะอาดมีอารยธรรม’
ส่วนนักพรตเฒ่ารู้สึกว่าดูเหมือนช่วงนี้ใจเขาไม่อยู่กับร่องกับรอย คำประจบสอพลอมักจะหาเรื่องให้อยู่เสมอ แต่เมื่อเห็นว่าเถ้าแก่ของเขาดูเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาอะไร นักพรตเฒ่าถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าเถ้าแก่ของเขาจะเปลี่ยนไปมากหลังจากผ่านเรื่องราวหลายสิ่งหลายอย่างเมื่อเร็วๆ นี้
โจวเจ๋อมีสีหน้าเรียบนิ่ง ชี้ไปข้างหน้าพลางเอ่ย “ก่อนอื่นต้องส่งคนเข้าไปดูและสอดส่องสถานการณ์ข้างใน ผมไม่เชื่อว่าที่นี่จะเป็นบ้านผีสิงจริงๆ แม้ว่าในนั้นจะมีคนมากมาย แต่ไม่น่าจะใช่ผีทั้งหมด ถ้าบริษัทนี้ร้ายกาจถึงขั้นลากพนักงานทั้งหมดตายไปพร้อมๆ กันได้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะไม่ได้ยินข่าวคราวสักนิด”
“ควรส่งใครไปถึงจะเหมาะสม” ทนายอันก้าวไปข้างหน้ายื่นไม้ส่งต่อและยกมือขึ้น
จู่ๆ นักพรตเฒ่าก็รู้สึกว่าอากาศรอบๆ เย็นลงมากทีเดียว
“ทางที่ดีที่สุดหาคนธรรมดาไป ถ้าคนตายเข้าไปอาจจะทำให้เขาตกใจได้”
คนธรรมดาเหรอ คนเป็นน่ะนะ
นักพรตเฒ่ามองหน้า มองซ้าย และมองขวา เหล่ตามอง ไม่ต้องพูดถึงที่นี่ แม้แต่ทั้งร้านหนังสือในตอนนี้ คนที่ได้รับฉายาว่า ‘คนธรรมดา’ นอกจากเขาแล้วยังมีใครได้อีก
“อืม หาคนธรรมดาก็ดี อย่าทำให้เขาตกใจ ยืนยันให้ได้ก่อนว่าเขาเป็นคนไหนกันแน่ แล้วค่อยหาทางจับเขาไว้” ทนายอันวิเคราะห์อย่างจริงจัง
ความหมายง่ายมาก นี่แสดงอย่างชัดเจนแล้ว!
นักพรตเฒ่าเดินหน้าไปไม่กี่ก้าว ยื่นมือออกมาชี้หน้าตัวเองอย่างเหนียมอาย และพูดอย่างเชื่องช้า “ข้า…”
“โอ๊ะ นักพรตเฒ่าเป็นคนธรรมดาพอดีเลยไม่ใช่เหรอ ประจวบเหมาะเลยแฮะ” ทนายอันพูดด้วยความประหลาดใจ ราวกับเพิ่งค้นพบว่านักพรตเฒ่าเป็นคนธรรมดา!
“ไปเถอะ ระวังตัวด้วย” โจวเจ๋อเอ่ยพูด
นักพรตเฒ่าหายใจเข้าลึกๆ พลางคลึงเป้ากางเกง แล้วมองทุกคนอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง จากนั้นถึงได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ หลังจากร่างของนักพรตเฒ่าเดินลับตาเข้าไปในตึกแล้ว โจวเจ๋อจึงวางไม้ค้ำและนั่งลงอย่างเชื่องช้า ส่วนทนายอันที่อยู่ข้างๆ เดินไปทางด้านข้างและขวางกั้นอีกทางหนึ่งเอาไว้
อันที่จริง ในเมื่อหารังของมันเจอแล้ว คราวนี้โอกาสที่เขาจะหนีไปอีกครั้งก็เหลือน้อยลงแล้ว เหตุผลที่ส่งนักพรตเฒ่าเข้าไปอีก ก็เพื่อลดความเป็นไปได้ในการหลบหนีครั้งสุดท้ายของอีกฝ่ายให้เหลือต่ำที่สุด
เหล่าจางที่ยืนอยู่ข้างๆ กระอักกระอ่วนเล็กน้อย บอกตามตรง เขายอมเข้าไปแทนนักพรตเฒ่าด้วยซ้ำ เขาไม่กลัวลำบาก และไม่กลัวการเสียสละ แต่อย่างที่ทนายอันพูดมาทั้งหมดว่าต้องการคนธรรมดา เช่นนั้นเหล่าจางก็หมดคุณสมบัติเหมาะสมแล้ว
เวลานี้ เมื่อเห็นเถ้าแก่และทนายอันกำลังเตรียมการ เขากลับไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร
“เหล่าจาง คุณยืนฝั่งนั้น หากเมื่อไรที่สัมผัสถึงลมพัดผ่านมาหรือรู้สึกตัวเย็นวาบละก็ คุณก็ คุณก็ คุณก็…” ทนายอันครุ่นคิดและลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ยังเอ่ยว่า “คุณก็ท่อง ‘สามข้อกฎเกณฑ์ แปดข้อพึงระวัง[1]’ ยิ่งดังก็ยิ่งดี!”
เหล่าจางรู้สึกว่ามันไร้สาระและไม่น่าเชื่อถือตามสัญชาตญาณ แต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่ฝืนพยักหน้าไปเท่านั้น พร้อมกับเดินไปอยู่ตรงนั้น
โจวเจ๋อมองทนายอันพลางส่งสายตาถามว่า ‘มีประโยชน์หรือไง’
ส่วนทนายอันส่งสายตาตอบกลับโจวเจ๋อว่า ‘ลองดูน่า ไม่ได้จ่ายเงินเสียหน่อย’
…
นักพรตเฒ่ากระวนกระวายใจมาก ใจเต้นตึกตักราวกับอัลปากานับหมื่นตัววิ่งผ่าน เขาเดินไปหน้าประตูและเอื้อมมือไปเคาะประตู ‘ก๊อกๆๆ…’
ไม่นานนัก ประตูถูกเปิดออก ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากรอยแง้มของประตู
นักพรตเฒ่าสูดจมูก หายใจเข้าลึกๆ ใช่ว่าจะไม่เคยเจอผีสักหน่อย!
สองปีมานี้เขาคุยเล่นกับผีมาตั้งเท่าไรแล้ว!
เมื่อคนทั้งโลกทอดทิ้งคุณ คุณก็ต้องหัดให้กำลังใจตัวเองบ้าง หลอกตัวเองไม่ใช่เรื่องไร้สาระ นี่เป็นทัศนคติและปรัชญาในการใช้ชีวิตต่างหาก
คนที่มาเปิดประตูเป็นเด็กสาวใบหน้ารูปไข่ ผมยาวสลวยปรกไหล่ บนใบหน้ามีฝ้ากระเยอะมาก และค่อนข้างผอม
“สวัสดีค่ะ มาติดต่อธุระใช่ไหมคะ เชิญเข้ามาก่อนค่ะ”
อีกฝ่ายน่าจะมีบทบาทคล้ายกับพนักงานบริการของที่นี่ ส่วนรายละเอียดนั้นไม่มีใครทราบ ถึงอย่างไรบริษัทเล็กๆ บางแห่งอาจจะมีพนักงานแค่ห้าคน มีประธานหนึ่งคน ผู้จัดการทั่วไปสามคน และแม่บ้านทำความสะอาดอีกหนึ่งคน แถมยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบริการส่วนหลังบ้านอีกด้วย
นักพรตเฒ่าเดินเข้ามา วางมาดได้ต่ำต้อยมาก ไม่มีจิตสำนึกว่าข้าเป็นลูกค้า ข้าเป็นพระเจ้าเลยสักนิด ให้ตายเถอะ ใครจะไปรู้ว่าคนตรงหน้าพวกนี้คนไหนคนจริง คนไหนคนปลอมเล่า ฉะนั้นล้วนเป็นคนใหญ่คนโต ข้าจะไม่ล่วงเกินใครทั้งนั้น
“นั่งตรงนี้ก่อน ดื่มอะไรไหมคะ”
“ไม่ดื่ม ไม่ดื่มครับ คอไม่แห้งน่ะ ไม่กระหาย” นักพรตเฒ่าดูประหลาดใจที่ได้รับความสำคัญ แต่ความจริงแล้วหวาดกลัว ล้อเล่นแล้ว ดื่มน้ำกินข้าวของเจ้าที่นี่น่ะเหรอ ปกติแล้วผีใช้อะไรต้อนรับคนเป็นกันล่ะ สำหรับเรื่องนี้ นักพรตเฒ่ามีสิทธิ์พูดมากที่สุด เขาเคยกินมันมากกว่าหนึ่งครั้งเชียวนะ!
“รบกวนสอบถามครับ คุณมาทำธุระประเภทไหน จำนวนน้อยหรือมากครับ” ชายหนุ่มนั่งลง กางแฟ้มคล้ายกับเมนูวางตรงหน้านักพรตเฒ่า แล้วเริ่มแนะนำ
นักพรตเฒ่าสังเกตดูครู่หนึ่ง บ้านหลังนี้น่าจะมีสามห้องกับหนึ่งห้องนั่งเล่น ห้องนั่งเล่นและอีกสองห้องคงเป็นห้องทำงาน มีพนักงานประมาณเจ็ดแปดคนเห็นจะได้ บางคนมีหน้าที่ดูแลคอมพิวเตอร์เป็นฝ่ายบริการลูกค้า บางคนกำลังคุยโทรศัพท์ ดูงานยุ่งกันมาก แต่พวกนี้มันปลอมทั้งหมด เป็นของปลอม ที่นี่มีเพียงคนเดียวที่เป็นผีจริงๆ ส่วนที่เหลือเป็นภาพลวงตา ภาพลวงตา!
นักพรตเฒ่าตั้งสติตัวเองให้มั่น พยายามทำให้ร่างกายแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติอีกหน่อย บอกตามตรง ฝีมือการแสดงของนักพรตเฒ่าผ่านฉลุยแน่นอน คนที่เป็นถึงคนดังในอินเทอร์เน็ตได้ ไม่ใช่บทบาทที่จะเป็นกันได้ง่ายๆ
ร่างกายเอนพิงเก้าอี้ ก็แค่การแสดงละครไม่ใช่หรือไง
มาเลย!
“ช่วยตามเถ้าแก่ของพวกคุณมาคุยกับผมหน่อย พวกคุณตัดสินใจไม่ได้หรอก” นักพรตเฒ่าพึมพำด้วยน้ำเสียงที่แฝงความดูถูกเหยียดหยาม
อันที่จริงไม่นับว่าเป็นการเสแสร้งทั้งหมด เดิมทีนักพรตเฒ่าก็เป็นคนกระเป๋าหนาคนหนึ่ง ถ้าเขาเก็บเงินที่บริจาคช่วยเหลือตลอดหลายปีที่ผ่านมาทั้งหมด แม้ว่าจะไม่ได้ลงทุนซื้อบ้าน แค่เงินสดเพียงอย่างเดียวก็เป็นจำนวนเงินที่น่ากลัวแล้ว ดังนั้นแสร้งเป็นคนรวยและมั่งคั่ง กลิ่นอายแบบนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่การเสแสร้ง
พนักงานสองสามคนชำเลืองมองส่งซิกให้กันครู่หนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดในธุรกิจเงินกู้คือความสามารถในการดูคน พนักงานสาวที่เปิดประตูคนนั้นรีบเคาะประตูห้องด้านในทันที
ไม่นาน เธอก็เดินกลับออกมาอีกครั้งพลางเอ่ยว่า “คุณลูกค้าคะ เถ้าแก่ของเราเชิญคุณเข้าไปคุยด้านในค่ะ”
นักพรตเฒ่าลุกขึ้นจัดแจงปกเสื้อ แล้วเดินเข้าไป
พนักงานสาวหันหลังให้และนำนักพรตเฒ่าไปข้างหน้า ไม่ทันสังเกตว่านักพรตเฒ่าลูบเป้ากางเกงอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นการปรับแนวเล็งของปืนกล
พอเดินเข้าไปในห้องทำงานจะเห็นพรมแดงปูอยู่ด้านใน ตกแต่งได้หรูหรามาก อย่างน้อยๆ ก็ดูหรูหรามาก ชายวัยกลางคนสวมสูทนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะทำงาน เมื่อนักพรตเฒ่าเดินเข้ามา เขาก็รีบลุกขึ้นจับมือกับนักพรตเฒ่าทันที
มือของเขาเย็นเยือก อุณหภูมิต่ำมาก
ใช่แล้วใช่ไหม นี่เป็นเถ้าแก่ใช่ไหม เถ้าแก่เป็นผีตัวนั้นหรือเปล่า
อันที่จริง นักพรตเฒ่าได้วิเคราะห์เรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเอง ในเมื่อผีตนนี้ฆ่าคนผ่านแอปสินเชื่อออนไลน์ แถมคนที่ฆ่าก็ยังเป็นพวกหนีหนี้ไม่จ่ายคืนอีกต่างหาก เช่นนั้นก็เห็นได้ชัดจุดหนึ่งว่า ผีตัวนั้นไม่ใช่คนที่ยืมเงินอย่างแน่นอน ซึ่งต่างจากในเรื่องผีทั่วไปตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ที่คนน่าสงสารเป็นหนี้ถูกบีบบังคับจนตายกลายเป็นผี คราวนี้ในเมื่อฆ่าพวกหนีหนี้ ก็เป็นไปได้มากว่าผีตัวนี้น่าจะเป็นคนที่ให้กู้เงิน ค่อนข้างจะสวนทางกันเล็กน้อย
“คุณลูกค้าครับ คุณวางแผนจะกู้ยอดจำนวนเท่าไร ใช้ในกรณีฉุกเฉินส่วนบุคคลหรือเพื่อหมุนเวียนบริษัทครับ”
“อืม ส่วนบุคคลน่ะ”
“ครับผม ยอดที่คาดหวังคือเท่าไรครับ”
นักพรตเฒ่ายื่นนิ้วออกไปและชูสามนิ้ว
“สามแสน”
นักพรตเฒ่าส่ายหน้า
“สามล้าน”
นักพรตเฒ่าลังเลครู่หนึ่ง คิดว่าถ้ายังเสแสร้งแบบนี้ต่อไปดันได้ถึงสามสิบล้านก็ดูเหมือนจะไม่สมจริงไปอีก ถึงอย่างไรสำนักงานบริษัทสินเชื่อออนไลน์แห่งนี้ สำหรับเงินทุนและเงินทุนหมุนเวียนนั้น ถึงจะขายพวกมันทั้งหมดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรวบรวมเงินได้มากมายขนาดนี้
ที่สำคัญที่สุดคือ คุณกำลังอวดดีต่อหน้าผีเชียวนะ เกิดแกล้งจนผีพาลโกรธขึ้นมาจะได้ไม่คุ้มเสียเอานะ!
“ครับ สามล้าน”
“มีทรัพย์สินที่สามารถจำนองได้ไหม”
“มีครับ บ้านในเขตฉงชวน”
“โอเค สามล้าน เราให้กู้ได้ แต่ว่าจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นเสียก่อน เราจำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญไปดูบ้านหลังนั้นก่อน แล้วค่อยยืนยันในทรัพย์สินและอื่นๆ”
“ไม่มีปัญหาครับ”
“โอเค นี่เป็นหนังสือแสดงเจตจำนงและมาตรการพิเศษของเรา โปรดดูก่อนครับ”
นักพรตเฒ่ารับแฟ้มเอกสารและแสร้งทำเป็นดูอย่างจริงจัง จริงๆ แล้วข้อกำหนดและเงื่อนไขข้างต้นนั้นไม่มีอะไรเลย แถมค่อนข้างมีมโนธรรม ประเภทที่ ‘ปล่อยเก้าคืนสิบสาม’ นั้นไม่มีจริงๆ ทั้งยังคิดแทนลูกค้ามากมายในหลายๆ ด้านด้วยกัน บริษัทสินเชื่อออนไลน์ขนาดเล็กแห่งนี้ สามารถมอบธง ‘องค์กรมโนธรรม’ ให้ได้เลย
“คุณลูกค้าครับ นี่คือข้อมูลอีกส่วนหนึ่งที่คุณต้องกรอก”
เถ้าแก่ยื่นแบบฟอร์มอีกฉบับหนึ่งให้นักพรตเฒ่า บนนั้นจำเป็นต้องกรอกข้อมูลพื้นฐานบางอย่าง ถึงอย่างไรก็เป็นยอดเงินถึงสามล้าน จำเป็นต้องดำเนินขั้นตอนมากมาย และแน่นอนว่าจำเป็นต้องระวังและรอบคอบเช่นกัน
นักพรตเฒ่าวางแฟ้มลงและหยิบปากกา ลังเลตรงช่องชื่อแซ่ครู่หนึ่ง ปฏิกิริยาแรกคืออยากเขียนชื่อ ‘โจวเจ๋อ’ แต่คิดๆ ดูแล้วอย่างนี้ไม่ค่อยดี จึงเขียนชื่อ ‘อันปู้ฉี่’ ลงไป ชุดข้อมูลนี้โดยทั่วไปแล้วเขากรอกแบบมั่วๆ ทั้งนั้น หลังจากเขียนเสร็จแล้ว นักพรตเฒ่าก็ดันเอกสารออกไป
เถ้าแก่ลุกขึ้นจับมือกับนักพรตเฒ่าและพูดต่อ “ถ้าหากคุณลูกค้ารีบใช้เงินละก็ เดี๋ยวผมจะจัดคนไปพร้อมกับคุณเลย”
“ครับ” นักพรตเฒ่าลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เพื่อคลายความกระอักกระอ่วนจึงแสร้งถามอย่างไม่จริงจัง “ว่าแต่ถ้ามีคนค้างเงินไม่ใช้หนี้ พวกคุณจะทำยังไงเหรอครับ หาบริษัททวงหนี้ใช่ไหม”
“ไม่ชำระหนี้เหรอ” เถ้าแก่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้ม แต่ในไม่ช้ารอยยิ้มของเขาก็แข็งค้างอยู่บนใบหน้า ดวงตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ น้ำตาสีเลือดหยดลงมาจากขอบตาของเขาหยดแล้วหยดเล่า พลางพึมพำว่า “ติดหนี้ก็ต้องชำระหนี้ เป็นสัจธรรมที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ จะไม่ชำระหนี้คืนได้ยังไง”
เนื่องจากนักพรตเฒ่าหันหลังให้เถ้าแก่ มองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดของอีกฝ่าย จึงยังพูดไร้สาระต่อไป “งั้นเกิดอีกฝ่ายไม่มีเงินจริงๆ ล่ะ จะจ่ายคืนด้วยอะไร”
เถ้าแก่เงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ส่วนโค้งมุมปากเริ่มค่อยๆ ฉีกแยกออกจากกัน กลายเป็นส่วนโค้งแปลกประหลาดที่คนธรรมดาไม่อาจทำได้ และพูดด้วยเสียงกระซิบกระซาบ
“คืนไม่ได้ ก็ต้องแลกด้วยชีวิต!”
……………………………………………………………….
[1] สามข้อกฎเกณฑ์ แปดข้อพึงระวัง คือ วินัยทางทหารของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน