ตอนที่ 729 การค้นพบโลกใหม่
“ข้อหนึ่ง เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา ความสามัคคีถึงจะเป็นกุญแจสู่ชัยชนะ ข้อสอง ไม่หยิบสิ่งของของประชาชนแม้แต่หนึ่งเข็มหนึ่งด้าย…”
เสียงร้องกึกก้อง เกรียงไกรดั่งเหล็กไหล โจวเจ๋อเอี้ยวตัวหันข้างดูเรื่องสนุกๆ ส่วนทนายอันเดินไปที่ริมหน้าต่างและมองออกไป นักพรตเฒ่าเม้มปากพลางเขย่งเท้าตาม คิดอยู่ในใจว่าพวกเจ้ามองอะไรกันอยู่เนี่ย
เป็นที่น่าเสียดาย บางสิ่งที่ทั้งสองคาดหวังไว้แต่เดิมกลับไม่เกิดขึ้นเลย ไม่มีอะไรน่าประทับใจ
ไม่มีเรื่องอย่างทันทีที่ความชอบธรรมปรากฏขึ้นทั้งสี่ทิศก็ยอมจำนน พลังพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า!
และไม่มีแสงวิจิตรแพรวพราวแผ่ไปทั่วทิศ กวาดล้างทัพศัตรูนับพัน!
ทุกอย่างดูสงบเกินไปเล็กน้อย เรียบง่ายเสียจนผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง หมอกสีดำมุดเข้าร่างของเหล่าจางทันทีโดยไร้สิ่งกีดขวาง ร่างของเหล่าจางเริ่มสั่นสะท้านไม่หยุด และกลับสู่ความสงบนิ่งอย่างรวดเร็ว
ชั่วขณะหนึ่ง โจวเจ๋อตะลึงงันเล็กน้อย ทนายอันที่มองผ่านหน้าต่างในบ้านก็อ้าปากค้าง ทั้งสองอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลในใจเล็กน้อย เล่นจนเลยเถิดไปแล้วใช่ไหม
ถ้าเหล่าจางเกิดตายเพราะเกิดอุบัติเหตุที่เจ้านี่เล่นพิเรนทร์ขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ
โจวเจ๋อโบกฝ่ามือ และไม่ได้แตะไม้ค้ำอีก ทนความเจ็บปวดในร่างกายแล้วโผล่ไปอยู่ข้างหน้าเหล่าจาง พร้อมกับเอื้อมมือไปจับคอเหล่าจางไว้ เตรียมกระชากหมอนั่นที่เพิ่งมุดเข้าไปออกมา!
แต่เวลานี้จู่ๆ เหล่าจางก็เบิกตาโพลง ใช้น้ำเสียงเหมือน ‘ในฤดูกาลแห่งการฟื้นฟูทุกสิ่ง’ ที่อาจารย์จ้าวจงเสียงกล่าวในรายการสัตว์โลกเอ่ยพูดว่า “พวกเขาเป็นหนี้ฉันก็ต้องจ่ายคืนสิ”
ทั้งราบเรียบและสงบนิ่งมาก ซึ่งแตกต่างจากเถ้าแก่บริษัทสินเชื่อออนไลน์ขนาดเล็กที่กลายเป็นหมอกสีดำใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างสิ้นเชิง เมื่อเห็นดังนี้ โจวเจ๋อกลับไม่รีบใช้เล็บกระชากเจ้าหมอนั่นออกมา แต่กลับจ้องดวงตาของเหล่าจางเขม็ง
“ฉันไม่ได้อยากฆ่าคน ฉันไม่ได้อยากฆ่าคนจริงๆ ฉันไม่ได้อยากทำร้ายคนด้วย แต่พวกเขาทำเกินไปจริงๆ ทำเกินไปแล้วจริงๆ” เหล่าจางร้องไห้ออกมา น้ำตาไหลพรั่งพรูไม่หยุด เดาว่าวันนี้เหล่าจางคงจะดื่มน้ำหนักไปหน่อย กระทั่งน้ำตาเปียกชุ่มข้อมือของโจวเจ๋อโดยตรง
“แต่ตอนที่พวกเขามาขอกู้เงินฉัน แต่ละคนทำตัวน่าสงสาร แต่ละคนพร่ำพรรณนาถึงความยากลำบากของตัวเอง ทุกคนต่างสาบานว่าจะใช้คืนให้อย่างแน่นอน! ฉันเป็นผู้ปล่อยกู้ แต่ฉันทำธุรกิจถูกต้องตามครรลอง! บริษัทของฉันเล็กก็จริง แต่ฉันมีคุณสมบัติดำเนินธุรกิจทุกอย่าง! ดอกเบี้ยที่ฉันเรียกเก็บก็ต่ำสุดในวงการนี้แล้วเช่นกัน แถมฉันไม่จ้างทีมทวงหนี้ไปทวงหนี้โหดกับผู้ป่วยโรคเอดส์! แต่ฉันสมควรต้องล้มละลายงั้นเหรอ ฉันสมควรถูกต้อนให้ไม่เหลือหนทางงั้นเหรอ พวกเขามีสิทธิ์อะไรที่เป็นหนี้แล้วใช้ชีวิตสบายๆ เป็นคนแต่นิสัยเหมือนหมา แต่ฉันต้องล้มละลายและแบกภาระหนี้ก้อนโต!”
สิ่งที่เขาพูดมันน่าสะเทือนใจและจริงใจมาก สมจริงเหมือนละครเมโลดราม่าบนเวที
โจวเจ๋อครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน เขารู้สึกว่าตัวเองควรจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อปลอบใจพี่ชายขี้หงุดหงิดคนนี้ จากนั้นเขาก็เอ่ยพูดว่า “แต่คุณก็ไม่ควรฝ่าฝืนกฎหมาย”
การฆาตกรรมเป็นอาชญากรรมนะ
“…” จางเยี่ยนเฟิง (เถ้าแก่สินเชื่อออนไลน์)
“คุณหนีไม่พ้นหรอก และไม่มีทางออกทางอื่นด้วย ตอนนี้ผมให้เกียรติคุณ ทำลายตัวเองเถอะ”
กลายเป็นผีอาฆาตฆ่าคน ต่อให้ตกนรกก็ไม่อาจกลับชาติมาเกิดได้ แต่จะเป็นไปในทางตรงกันข้าม ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
จางเยี่ยนเฟิงยิ้ม เมื่อโจวเจ๋อปล่อยมือ เขาก็คุกเข่าบนพื้น เริ่มร้องไห้อย่างขมขื่น ร้องไห้ไปพร้อมกับทุบกำปั้นบนพื้นคอนกรีต เพื่อระบายความหดหู่ในใจของตัวเอง
ทนายอันและนักพรตเฒ่าก็เดินออกมา หลังจากเถ้าแก่บริษัทสินเชื่อออนไลน์ออกไปแล้ว เค้าโครงของบริษัทแห่งนี้ก็ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาเป็นชั้นๆ แม้แต่น้ำในตู้กดน้ำก็ยังเป็นสีดำ!
นักพรตเฒ่าดีใจที่เขายืนกรานไม่ดื่มน้ำก่อนหน้านี้ เมื่อออกมาแล้วเห็นฉากนี้ของเหล่าจางเข้าก็พูดด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “นี่เหล่าจางถูกสิงร่างเหรอ”
ทนายอันแลบลิ้นเลียริมฝีปาก แล้วพูดติดตลก “นี่เป็นความสามารถของเหล่าจางเหรอเนี่ย”
เห็นได้ชัดว่า เถ้าแก่สินเชื่อออนไลน์ที่เคยดึงดันอยากฆ่าล้างแค้นและต้องการระบายอารมณ์ก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังมีอารมณ์เก่าคั่งค้างอยู่ แต่เปลี่ยนกลับไปเป็นมีสภาพจิตใจและความคิดของ ‘มนุษย์’ แล้วอย่างสิ้นเชิง
“ข้าไม่รู้ว่านี่จะใช่ความสามารถพิเศษของยมทูตของเหล่าจางไหม แต่ข้าสามารถยืนยันได้สิ่งหนึ่ง อีกเดี๋ยวมือของเหล่าจางจะเจ็บระบมมาก”
เหล่าจางตะโกนร้องไห้ระบายอยู่เป็นเวลานานกว่าจะเงยหน้าขึ้น แววตาแสดงอารมณ์ไม่เต็มใจ โกรธแค้น สับสนต่างๆ นานา แต่สุดท้ายก็ถูกระงับเอาไว้อย่างช้าๆ ไม่ถึงกับดวงตาสดใส แต่อย่างน้อยๆ ก็ไม่เต็มไปด้วยความความเกลียดชังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มควันสีเขียวก็พวยพุ่งขึ้นจากด้านหลังของเหล่าจางเป็นระยะเวลาหนึ่ง จนท้ายที่สุดร่างของเหล่าจางโซเซและโอนเอนไปมาจนคุกเข่าลงบนพื้น เริ่มหอบหายใจอย่างหนัก ตามด้วย “ซี้ด…มือของผม…เจ็บมาก…”
…
เมื่อวิญญาณของเถ้าแก่สินเชื่อออนไลน์สลายไปเอง เหตุการณ์สามครั้งติดต่อกันที่เรียกว่า ‘เหตุการณ์การฆ่าตัวตายของนักศึกษา’ ในที่สุดก็ปิดฉากลง ตำรวจและหน่วยงานของโลกมนุษย์จะมีความคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้ นักศึกษาทุกคนในมหาวิทยาลัยจะได้รับการสำรวจเพื่อให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาและอื่นๆ ในอนาคตหรือไม่ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่โจวเจ๋อต้องสนใจอีกต่อไป
ทุกคนนั่งรถกลับร้านหนังสือ ที่จริงนั้น ระยะทางไม่ได้ไกลกันเลยจริงๆ ก็แค่สองช่วงถนนเท่านั้น
เหล่าจางไม่ได้ไปจัดการเรื่องทางมหาวิทยาลัยฝั่งนั้นอีก อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องไปด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรภายนอกนั้นก็ระบุว่าเป็นคดีฆ่าตัวตายอยู่ดี และหัวหน้าตำรวจอาชญากรรมอย่างเขาก็ไม่จำเป็นต้องจงใจไปดูเรื่องสนุกๆ อะไรอีก ประกอบกับตอนนี้ร่างกายของเขาอ่อนแอเล็กน้อย
เมื่อได้ชาเก๋ากี้จากนักพรตเฒ่าหนึ่งแก้วแล้ว ก็เอาแต่ขดตัวอยู่หลังเคาน์เตอร์พร้อมกับจิบชาร้อนๆ ตัวสั่นหงึกๆ ราวกับเป็นไข้หวัดหนัก ทว่าถึงเหล่าจางอ่อนแอแต่มีความสุขจริงๆ เป็นความสุขในการค้นพบโลกใหม่
นักพรตเฒ่าขึ้นไปดูเจ้าลิง ส่วนทนายอันรอไม่ไหวที่จะไปเจอเด็กชาย ทุกคนต่างยุ่งแต่กับเรื่องของตัวเอง ส่วนโจวเจ๋อก็ไปชะล้างร่างกายในห้องน้ำ พอออกมาแล้วอิงอิงก็ส่งเสื้อผ้าสะอาดให้เปลี่ยนชุดหนึ่ง จากนั้นก็นอนเอนกายลงบนโซฟาตามความเคยชิน
เป็นวันเวลาที่เงียบสงบ วันเวลาที่สงบเงียบ
ขณะที่อ่านข่าว โจวเจ๋อก็อดนึกถึงอาจารย์ของสวี่ชิงหล่างไม่ได้
เอามือปิดตาของเธอ เอามือปิดตาของฉัน มองไม่เห็นแล้วนะเออ มองไม่เห็นแล้ว
เพลงนี้ดูเหมือนจะยังก้องอยู่ในหู แต่จริงๆ แล้วมันก็เป็นดังที่ชายชราคนนั้นกล่าวไว้ เมื่อทุกคนพากันหลับหูหลับตาแสร้งทำเป็นตาบอด ความชั่วร้ายจะพานพบดินที่มันสามารถขยายพันธุ์ได้ตามธรรมชาติ แต่เมื่อแสงแดดสาดส่องเข้ามาที่นี่เมื่อไร ทุกอย่างก็จะสูญสลายไปอีกครั้ง
เพียงแต่ ‘แสงแดด’ ของที่นี่เหมือนกับโลกมนุษย์ที่มักมีสภาพอากาศมืดครึ้มและฝนตกเป็นเวลานาน
เถ้าแก่สินเชื่อออนไลน์ก็สลายไปแล้วเช่นกัน การแก้แค้นของเขาถูกบีบให้หยุดลงกลางคัน แต่ไล่ฆ่าคนเบี้ยวหนี้ไปแล้วถึงสามคน แถมหลักๆ แล้วยังเป็นนักศึกษาอีกต่างหาก
ไม่ว่าถูกหรือผิดจะไม่เอ่ยถึงชั่วคราว อย่างน้อยเป็นเพราะเขา เหล่าจางดูเหมือนจะสามารถพัฒนา ‘พรสวรรค์’ ของตัวเองได้ แม้ว่าพรสวรรค์นี้จะกากมากก็ตามที
พึงรู้ว่า คุณเป็นยมทูตส่งผีลงไปก็จะมีแต้มผลงาน แม้แต่ตอนแรกที่เถ้าแก่โจวเป็นยมทูต ‘ฝึกหัด’ และเป็นยมทูตอย่างเป็นทางการ ก็เอาแต่คิดเรื่องนี้อยู่เสมอคล้ายกับกระรอกเก็บลูกสน ขยันหมั่นเพียรสะสมแต้มคะแนนไปเรื่อยๆ แต่ตราบใดที่ผีสิงอยู่ในร่างคุณและมันก็ดับสูญไปเอง เช่นนี้จะนับว่าเกิดอะไรขึ้นได้ล่ะ
โชคดีที่โจวเจ๋อเองก็รู้ดีว่า เป้าหมายของเหล่าจางมีเพียงการได้เป็นตำรวจที่ดี เขาไม่มีแรงจูงใจให้ทะเยอทะยานกับการไต่เต้าในระบบยมโลกมากนัก ดังนั้นจึงไม่สำคัญอะไร
“เถ้าแก่ กาแฟเจ้าค่ะ” อิงอิงยื่นแก้วกาแฟให้
โจวเจ๋อถอดหน้ากากออก เนื้อหนังยังไม่งอกออกมาเต็มที่ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าดีกว่ากระดูกโผล่ออกมาเป็นบริเวณกว้างเช่นก่อนหน้านี้มาก ถ้าดื่มกาแฟอย่างระมัดระวังหน่อยละก็ คงจะไม่รั่วไหลออกมา
ดื่มช้าๆ ลิ้มรสมันช้าๆ แล้วมองฝูงชนข้างนอกที่สวมเสื้อขนเป็ดหนาๆ เพราะอากาศหนาวจัด รสชาติหอมหวานของชีวิตกำลังบ่มเพาะออกมาในเวลานี้
ต่อมา มีสองสิ่งที่ต้องทำวางอยู่ข้างหน้า เรื่องหนึ่งคือใช้ลูกแก้วเป็นเบาะแสเพื่อนตามหาแก่นแท้ของชายชรา จากนั้นก็จัดการดับไฟตั้งแต่ต้นลม อีกเรื่องคือไปสถานพักฟื้นที่เขาชิงเฉิง ช่วยเจ้าโง่เก็บหนี้จากใบหน้าครึ่งหนึ่งนั่น
โจวเจ๋อเอนกายและดีดนิ้ว
‘ฟิ้ว!’ พริบตาเดียวฮวาหูเตียวก็มาที่โต๊ะน้ำชา โจวเจ๋อวางมือลงด้านบนแล้วลูบมัน ขนของเจ้านี่นุ่มลื่นยิ่งกว่าผ้าไหมที่งดงามที่สุดเสียอีก ลูบไล้แล้วนุ่มสบายมือมากจริงๆ ดูเหมือนว่าฮวาหูเตียวก็ชินแล้วเช่นกัน จึงหมอบคลานไปตรงนั้นให้โจวเจ๋อลูบคลำ กระทั่งยังเปลี่ยนอิริยาบถของมันตามองศาการลูบไล้ของโจวเจ๋อจนไม่เหลือเค้าสัตว์ปีศาจ เพื่อให้โจวเจ๋อลูบไล้ได้สบายมากยิ่งขึ้น
ตราบใดที่เจ้าหมอนี่ไม่ทำให้มันเจ็บ ทุกอย่างก็ปกติดี
จริงสิ เกี่ยวกับที่มาของเจ้าตัวนี้ดูเหมือนว่าจะยังไม่ชัดเจน ใครเป็นผู้ผนึกมันไว้ที่นั่นกันแน่ เขาเอามันออกมา และดูดพิษผีดิบทั้งหมดที่นั่นอีก จะก่อให้เกิดผลอะไรตามมาหรือเปล่า ดูเหมือนไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ใครสนกันล่ะ ไม่คิดแล้ว หลับตา ลืมตัวเอง ไร้กังวล เป็นปลาเค็ม นอนเอนหลังในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน
วินาทีนี้ โจวเจ๋อรู้สึกว่าภายในใจของเขาเปลี่ยนไปลอยตัวอยู่เหนือโลก ทอดถอนใจในความเวิ้งว้างของจักรวาล ความกว้างใหญ่ของเวลาและอวกาศดูเหมือนจะสะท้อนถึงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ทุกคนล้วนเป็นปลาอยู่ท่ามกลางความกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ต่อให้จะกระโดดอย่างไร ก็กลายเป็นแค่ปลากระโดดตัวหนึ่งอยู่ดี คุณดูสิ มันยังเป็นปลาอยู่เลย
โจวเจ๋อจำได้ว่าตัวเอกในนิยายหลายเล่มบนชั้นวางหนังสือของเขา หลังจากเข้าสู่สภาวะนี้ดูเหมือนจะมีแสงดวงดาวอะไรบางอย่างส่องเข้ามาในร่าง หรือไม่ก็บรรลุระดับจากการรู้แจ้งขึ้นเอง แต่ทำไมเขากลับไม่รู้สึกถึงอะไรเลย
ช่างปะไร เขาสบายก็เป็นพอ
จมลึก ดิ่งลึก ดิ่งลึกต่อไป…
ตลอดจนดูเหมือนจะมีใครบางคนทนดูไม่ไหวแล้วเอ่ยขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ ‘พอ…แล้ว…’
‘ผมมักจะรู้สึกว่าผมต้องการพื้นที่ส่วนตัวสักหน่อย อย่างเช่นตอนที่ผมไม่เรียกคุณ คุณก็อย่าโผล่ออกมาตามอำเภอใจ’
‘เจ้า…คนไร้…มนุษยธรรม…นี่…’
‘เพราะคุณอยู่ในร่างของผม ผมถึงไม่สะดวก…’
‘เหอะ…เหอะ…’
‘หึ เจ้าโง่ หัวเราะอะไร’
‘ข้า…เชื่อ…แล้ว…’
‘…’ โจวเจ๋อ
…………………………………………………………