ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 731 ฤดูใบไม้ผลิที่สองของชายแก่

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 731 ฤดูใบไม้ผลิที่สองของชายแก่

สวี่ชิงหล่างขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนกำลังถามทนายอันที่อยู่ข้างๆ แต่ก็เหมือนกำลังพึมพำกับตัวเอง “นี่กำลังทำอะไรน่ะ”

ทนายอันส่ายหน้า บอกตามตรง เขาดูแล้วยังสับสนอยู่เลยด้วยซ้ำ บางอย่างอยู่นอกเหนือวิสัยทัศน์ของเขาจริงๆ ถ้าคุณขอให้เขาทำเล่ห์เพทุบายหรือวางแผนเดินหมากล้วนไม่มีปัญหา พูดคุยเรื่องรายละเอียดตอนล้มลุกคลุกคลานในระบบก็ไม่ใช่ปัญหา

แต่คุณอยากจะทำความเข้าใจการสอนเคล็ดวิชาส่วนตัวประเภทนี้ของอิ๋งโกวน่ะเหรอ คุณจะฝืนใจผู้ตรวจสอบรุ่นก่อนอย่างผมเกินไปแล้วมั้ง

เหล่าจางที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ยังจับแก้วเก็บอุณหภูมิของตัวเองที่ใส่ชาเก๋ากี้ไว้ต่อไป แม้แต่ ‘การคลุ้มคลั่ง’ อย่างกะทันหันของโจวเจ๋อก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้รบกวนเขาแต่อย่างใด ถึงอย่างไรเขาก็รู้ดีว่าโจวเจ๋อไม่ทำอะไรเขาอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าโจวเจ๋อจะทำอะไร เขาก็นิ่งมาก แม้แต่ในเวลานี้ มองเห็นโจวเจ๋อโอบอิงอิงในอ้อมแขน เขาก็ยังนิ่งได้ ท้ายที่สุดแล้ว ภายในจิตใจของเขาก็เป็นชายแก่ที่พูดถึงเรื่องงานแต่งงานของลูกชายแล้ว แถมความอ่อนโยนและความโรแมนติกของคนหนุ่มสาวแบบนี้ก็มีให้เห็นมานานแล้ว

ในเบ้าตาของโจวเจ๋อมีความแวววาวสีดำขลับกำลังไหลเวียนอยู่ เขาในเวลานี้ จิตสำนึกของเขาสงบนิ่งลงมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ทว่าร่างกายกลับยังคงแผ่ซ่านกลิ่นอายผีดิบคลุ้มคลั่งเข้มข้น แต่ดูเหมือนถูกปกคลุมด้วยผ้าสีดำชั้นหนึ่ง จึงไม่อวดดีอีกต่อไป แต่ความยับยั้งชั่งใจเช่นนี้กลับน่ากลัวยิ่งกว่า

สัตว์ร้ายนั้นน่ากลัวอย่างแน่นอน แต่สัตว์ร้ายที่มีจิตใจสงบนิ่งนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า!

‘อย่าง…นี้…ก็…ได้…’

‘ไร้สาระน่า คนโง่อย่างคุณที่บังคับขืนใจคนอื่นแล้วยังกล้าพูดอย่างไร้ยางอายได้ในอีกหลายพันปีว่า ถ้าหากไม่มีข้า เจ้าก็ไม่มีทางอยู่มานานถึงขนาดนี้ ไม่มีทางเข้าใจหรอก’

‘เจ้า…ดู…ภูมิใจ…มาก…’

‘แน่สิ’

‘เช่นนั้น…ก็…ภูมิใจ…เถิด…’

เสียงของเจ้าโง่หายไปแล้ว ซึ่งทำให้โจวเจ๋อประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะว่าง่ายขนาดนี้

ขณะที่โจวเจ๋อยังคงจมอยู่ในความรู้สึกของการอยู่ร่วมกันระหว่างความสงบและความบ้าคลั่งอยู่นั้น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าลิ้นของอิงอิงดุนดันกับฟันของเขา เธออยากจะเข้ามา

ใน ‘การฝึกฝนทักษะของสาวใช้’ ไม่ได้พูดถึงเรื่องการทำอาหาร แต่สำหรับเรื่องอื่นนั้นกลับอธิบายไว้อย่างละเอียดยิบ!

เห็นได้ชัดว่า อิงอิงเป็นคนที่อ่านหนังสือเป็น เธออ่านเข้าหัวแล้ว

จู่ๆ โจวเจ๋อก็อยากจะหัวเราะ แม้ว่าชาติก่อนเขาจะเป็นชายโสดจากความสามารถที่แท้จริง ตอนนี้เขาก็รู้ว่าถ้าหัวเราะออกมาดังๆ ในเวลานี้เป็นเรื่องที่โง่เง่ามาก แต่ทว่าเมื่อเห็นทนายอัน เหล่าสวี่ และคนอื่นๆ ยืนอยู่ตรงนั้น โจวเจ๋อก็ลังเลครู่หนึ่ง และถอยไปก้าวหนึ่ง ผละริมฝีปากออก ความหวานอ่อนๆ ที่หลงเหลืออยู่นั้นชวนให้คะนึงหาเหลือเกิน

อิงอิงแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่รอให้เธอได้ทันคิดอะไร มือของโจวเจ๋อก็กดท้ายทอยของเธอ และแนบหน้าของเธอชิดหน้าอกของตัวเองด้วยความอ่อนโยนต่อไป

งื้อ~~

โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้น เสียงสั่นอยู่ในลำคอ กลิ่นอายผีดิบบนร่างกายเริ่มมลายหายไป ทั้งร่างกลับมาเป็นปกติแล้วเช่นกัน แต่ก็คล้ายกับเพิ่งออกไปวิ่งในฤดูร้อนจนเหงื่อท่วมไปทั้งตัว รู้สึกตัวเหนียวเหนอะและอึดอัดนิดหน่อย

“เถ้าแก่ ท่านอยากอาบน้ำใช่ไหมเจ้าคะ”

คนที่เข้าใจคุณมากที่สุดอยู่ข้างๆ คุณแล้ว

ที่จริง ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างคนสองคน มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่าความโรแมนติกและคำสาบานรักนิรันดร์ในทุกๆ วัน แสงสะท้อนของแสงเทียนและความงดงามไม่อาจคงอยู่ได้ตลอดไป สิ่งเหล่านี้มีอยู่แค่ในนิยายรักโรแมนติกและหนังสือเคล็ดลับความรักของเหล่านักเขียนที่ตัวเองแทบจะไม่เคยมีแฟนมาก่อนด้วยซ้ำ

มองแค่แวบเดียว เธอก็รู้ว่ามื้อเที่ยงคุณอยากกินอะไร ดูเหมือนว่าแบบนี้ต่างหากถึงจะเป็นชีวิตจริง

โจวเจ๋อเข้าห้องน้ำ ส่วนอิงอิงก็เข้าไปช่วยอาบน้ำถูหลังให้ ที่ชั้นหนึ่งของร้านหนังสือ สวี่ชิงหล่างและทนายอันมองหน้ากัน ในสายตาของทั้งสองคนฉายแววประหลาดใจ จบลงแค่นี้เนี่ยนะ

มาเร็วเกินไปราวกับพายุทอร์นาโด โหมกระหน่ำจนเละไปทั่วพื้น แล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

อย่างน้อยก็บอกลาปิดท้ายสักหน่อยดีไหม

เหล่าจางดื่มชาอุ่นๆ ต่อไป พลางหัวเราะหึๆ ดูเหมือนเขาแก่ยิ่งกว่านักพรตเฒ่าเสียอีก

อาหารมื้อดึกของวันนี้ สวี่ชิงหล่างเป็นคนทำ แม้ว่าร่างกายจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่จะเอาแต่กินอาหารเดลิเวอรี่ก็ไม่ใช่เรื่อง

อาหารมื้อดึกนั้นเรียบง่ายมาก แต่ยังคงยืดมั่นในผีมือปลายจวักอันพิถีพิถันของเหล่าสวี่

เนื้อหั่นเต๋าในข้าวถั่วแขก เสิร์ฟพร้อมผักดองและหัวไชเท้าดองที่ร้านหนังสือดองเอง พร้อมด้วยซุปไข่สาหร่าย ทุกคนกินอย่างพออกพอใจมาก

เหล่าจางตั้งใจรอจนกินมื้อดึกเสร็จ ถึงลูบพุงและเตรียมตัวเดินทางกลับ ซึ่งทุกคนก็เห็นสิ่งนี้กันจนชินตาแล้ว

ตำรวจก็เป็นคน ตำรวจดีๆ ก็เป็นคน บางทีในสมัยโบราณ เนื่องจากไม่มีการแพร่กระจายของข้อมูล จึงผุดจินตนาการว่าพวกที่เป็นเหมืนดั่งโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์เหล่านั้นบริสุทธิ์ไร้มลทิน แต่ในปัจจุบันนี้ สาธารณชนค่อยๆ ทำความคุ้นเคยกับด้านความเป็น ‘มนุษย์’ ของผู้มีอิทธิพลเหล่านั้นแล้ว

เมื่อเดินออกจากร้านหนังสือที่เปิดเครื่องทำความร้อนอย่างเพียงพอ ลมเย็นปะทะเข้ามาทำให้เหล่าจางตัวสั่นสะท้าน แต่เพราะว่าเพิ่งจะกินอิ่มท้องจึงไม่รู้สึกหนาวขนาดนั้น

เขาเข้าไปนั่งในรถของตัวเอง เช็กโทรศัพท์มือสักหน่อย แล้วค่อยสตาร์ทรถ

สิบห้านาทีต่อมา เหล่าจางมาโผล่อยู่ในโถงอาคารผู้ป่วยในของโรงพยาบาล พอขึ้นลิฟต์ไปก็เดินไปที่หน้าห้องพักผู้ป่วย เหล่าจางผลักประตูเข้าไป ผู้หญิงคนนั้นยังนอนอยู่บนเตียง ยังไม่ฟื้น สีหน้าดูซีดเซียวเล็กน้อยเหมือนเช่นเคย

เหล่าจางดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมา แล้วนั่งลงข้างๆ เตียงผู้ป่วย เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ ก็แค่อยากมาเยี่ยมเธอ

หลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องในนรกนั้น เหล่าจางรู้สึกว่าตัวเองสับสนงุนงงอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่น เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ จริงๆ แล้วมีอีกตัวตนหนึ่ง พอตอนนี้ลองมองย้อนกลับไป พวกเถ้าแก่น่าจะสังเกตเห็นมันมานานแล้วสินะ แต่เขาไม่ได้บ่นเถ้าแก่และคนอื่นๆ ว่าทำไมถึงปิดบังเรื่องนี้กับเขา เขาเองก็สามารถคิดกลับกันได้ ก็เหมือนกับเมื่อก่อนที่เขาเคยดูแลคนใหม่ๆ ที่ทั้งโง่ทั้งน่ารักเหมือนสุนัขฮัสกี้เหล่านั้น เขาเองก็ขี้เกียจจะพูดอะไรมากมาย ถ้าไม่ใช่เพราะระเบียบวินัยไม่อนุญาต เขาเองก็อยากจะเตะป้าบเข้าให้สักที

เหล่าจางยื่นมือออกไปช่วยจัดปอยผมทั้งสองข้างของหญิงสาว หลังจากจัดแจงเรียบร้อย จู่ๆ ในใจก็รู้สึกว่าอยากจะใช้หลังมือลูบไล้ใบหน้าของเธอ ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็ถูกเถ้าแก่และอิงอิงกระตุ้นมาก่อน แม้ว่าภายนอกชายแก่จะดูสงบเสงี่ยมดุจบ่อน้ำโบราณไร้คลื่น ทว่าภายในใจยังกระเพื่อมอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังฝืนอดกลั้นเอาไว้ และนั่งลงมาใหม่อีกครั้ง เหล่าจางไม่ได้มองเธออีก เพียงแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

เขาคิดว่าที่นี่ดีทีเดียว เงียบสงบ เย็นสบาย เหมาะแก่การนั่งเล่น

เขานึกถึงภรรยาเก่าของตัวเอง ทั้งสองหย่าร้างกันนานแล้ว เธออยู่ต่างประเทศมานานหลายปีแล้ว แม้แต่งานศพของเขาเธอก็ยังไม่มาด้วยซ้ำ จำได้ว่าตอนที่เขาเพิ่งรู้จักภรรยาเก่าของเขาใหม่ๆ เธอทำงานอยู่ที่ธนาคาร ค่อนข้างบอบบางไม่ทนต่อความลำบาก ฐานะครอบครัวของเธอดีมากทีเดียว แม้ว่าฐานะของเหล่าจางจะไม่ได้แย่ ทว่าเดิมทีเธอมีทางเลือกที่ดีกว่า แต่ตอนนั้นเธอก็ยังเลือกเขาตั้งแต่แรก เธอที่เขินอายและกระมิดกระเมี้ยนตอนออกเดตกันครั้งแรก กลับกล้าจูงมือของเขาต่อหน้าญาติสนิทมิตรสหายของเธอ แสดงความตั้งใจที่แน่วแน่ของตัวเองอย่างเปิดเผย

ความหวานปานน้ำผึ้งหลังจากอยู่ด้วยกัน เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เหล่าจางก็เผยสีหน้าอบอุ่นยามระลึกถึงความทรงจำ ไม่ต้องพูดถึงวัยที่แก่ตัวลง บางทีอาจจะเป็นเพียงสัญชาตญาณของมนุษย์อย่างหนึ่งละมั้ง พยายามข่มความทรงจำอันเจ็บปวดอย่างเต็มที่ และนึกถึงแต่ภาพที่สวยงามเท่านั้น

หลังจากตกลงหย่าแล้ว ต่างคนต่างแยกทางกัน ทั้งหมดหนทาง ทั้งทำใจไม่ได้ และปล่อยวางอย่างสงบ เพราะนิสัยการใช้ชีวิตและการทำงานของคนทั้งสองถึงจุดที่ไม่สามารถปรับกันได้แล้ว

นั่งข้างเตียงผู้หญิงคนหนึ่ง ขณะที่ในหัวกลับคิดถึงผู้หญิงอีกคนหนึ่ง บอกตามตรงว่า ค่อนข้างเลวร้ายทีเดียว แต่หลายๆ อย่าง ตราบใดที่ไม่พูดออกมาและคิดอยู่ในใจ แค่มีผ้าคลุมหนาปกปิดความอัปยศไว้อีกชั้นหนึ่ง ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวนี่

ลมข้างนอกดูเหมือนจะแรงขึ้นนิดหน่อย ม่านหน้าต่างสะบัดพลิ้วไม่หยุด ในห้องพักผู้ป่วยเปิดเครื่องทำความร้อนอยู่ เดิมทีร้อนมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็เลยเปิดหน้าต่างแง้มไว้เล็กน้อย ปล่อยให้อากาศบริสุทธิ์เข้าไปปรับอุณหภูมิเสียหน่อย แต่ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ลมโหมแรงเท่านั้น แต่ยังมีเม็ดฝนปะปนอยู่ด้วย

เหล่าจางลุกขึ้นเดินไปปิดหน้าต่าง

แต่เวลานี้มีเงาดำที่อยู่ท่ามกลางสายฝนพรำร่วงลงมาจากด้านบน แล้วค่อยๆ รวมตัวกันแผ่ออกไปจนสุดทาง ก่อนจะเริ่มทะลุผนัง จากนั้นก็ทะลุแล้วทะลุอีกจนกระทั่งทะลุเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย

“ลมแรงจริงๆ เลยนะ ตอนมาไม่ทันสังเกตเลยจริงๆ” เหล่าจางเอาแต่สนใจปิดหน้าต่าง หมุดด้านนอกงอเล็กน้อย บวกกับลมพัดหน้าต่างตลอดเวลา เอาออกมาไม่ง่ายเลย

เขาไม่รู้สึกถึงความผิดปกติในห้องพักผู้ป่วยจริงๆ ไม่ใช่เพราะประมาท แต่เพราะไม่มีความสามารถนั้น ในฐานะคนที่ถูกโจวเจ๋อลากกลับโลกมนุษย์ตอนอยู่ครึ่งทางแม้แต่นรกก็ไม่เคยไป หลายครั้งที่ร้านหนังสือประสบปัญหา เขาก็มักจะรู้สึกกระอักกระอ่วนเสมอ แม้ว่าวันนี้จะเพิ่งค้นพบทางใหม่ แต่ทางใหม่นี้มันค่อนข้างกากจริงๆ

ตำรวจเฉินยังนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย ยังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่เงาดำกลับค่อยๆ ทิ้งห่างจากผนัง และใช้วิธีไหลลื่นราวกับสารปรอทลงมาอย่างราบรื่น

“ฮู่ว…ปิดได้สักที”

หลังจากปิดหน้าต่างแล้วเหล่าจางหันหลังเดินกลับมายืนอยู่ข้างเตียง รองเท้าหนังบนเท้าบังเอิญเหยียบตรงจุดที่เงาดำด้านล่างอยู่พอดี แต่เพราะในห้องพักผู้ป่วยเปิดแค่ ‘ไฟหรี่’ ดังนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ยังมืดมิด การเปลี่ยนแปลงของสีบนพื้น จึงเป็นอะไรที่สังเกตยากมากจริงๆ

“วันนี้พอแค่นี้ก่อน ผมกลับก่อนนะ หวังว่าคุณจะฟื้นขึ้นมาเร็วๆ” พูดจบ เหล่าจางก็โน้มตัวเข้าไปใกล้เล็กน้อย มองเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉิน แล้วยืนตัวตรงทันทีหลังจากนั้นด้วยความพึงพอใจ และพร้อมที่จะออกไปแล้ว

‘ตึก…ตึก…ตึก…’

มันเป็นเสียงรองเท้าหนังกระทบพื้น เหล่าจางเปิดประตูห้องพักผู้ป่วย แล้วเดินออกไป

ทางเดินมีแสงสว่างจ้า ยังมีพยาบาลกะกลางคืนนั่งพูดคุยกันอยู่ที่เคาน์เตอร์พยาบาล เหล่าจางไปทักทายพยาบาลที่อยู่ตรงนั้น หวังว่าพวกเธอจะทำงานเพิ่มขึ้นอีกหน่อยเพื่อดูแลตำรวจเฉิน จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินไปที่ลิฟต์

พยาบาลที่เพิ่งคุยกับเหล่าจางเสร็จบิดขี้เกียจไปหนึ่งที จากนั้นขยี้ตาและพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัยเล็กน้อย “ทำไมรู้สึกว่าเงาของตำรวจเมื่อกี้ดูเหมือนจะขยับได้เองนะ”

พยาบาลที่อยู่ข้างๆ พูดติดตลก “เธอหวั่นไหวละสิไม่ว่า ฉันขอบอกเธอเลยว่า เขาเพิ่งอยู่ในวัยสามสิบต้นๆ ไม่ถือว่าแก่เลย แถมยังเป็นหัวหน้าตำรวจอาชญากรรมด้วย เป็นอะไร ยายคนหลายใจเธอชอบเข้าแล้วหรือไง”

“เธอน่ะสิเป็นคนหลายใจ ยายคนหลายใจ ฉันว่าเธอเองมากกว่าที่ชอบน่ะ ดูสิว่าตอนเธอทักทายเมื่อกี้ระริกระรี้แค่ไหนน่ะ”

“เหอะ ฉันหย่าแล้ว แถมมีลูกชายหนึ่งคน เขาจะมาชอบฉันได้ยังไง ”

“ก็ไม่แน่นะ ผู้ชายชอบลีลาเด็ดๆ น่ะ”

“ยายคนหลายใจ ดูซิว่าฉันจะฉีกปากเธอออกได้ไหม!”

…………………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท