ตอนที่ 736 แบนแต๊ดแต๋!
ฮวาหูเตียวไม่ให้โจวเจ๋อรอนานจนเกินไป พูดให้ถูกคือความเกลียดชังที่มันมีต่อโจวเจ๋อสะสมมาจนถึงระดับที่น่ากลัวขั้นสุดนานแล้ว
จริงๆ แล้วมันยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ ตอนเด็กมากๆ ก็ถูกผนึกไว้บนกำแพงหินสีเขียวแล้ว นิสัยของมันจึงเหมือนกับเด็กน้อย ทุกคนต่างก็คิดว่าเด็กน้อยนั้นน่ารักมาก นั่นเป็นเพราะต่อให้เด็กน้อยจะซนแค่ไหน ภัยคุกคามที่มีต่อคุณก็มีจำกัดเช่นกัน แต่ถ้าหากสิ่งที่เด็กน้อยเล่นในมือเป็นปืนจริงๆ…
คุณจะตื่นตระหนกหรือเปล่าล่ะ
ฮวาหูเตียวเป็นเด็กที่เล่นปืนพกคนนั้น พรสวรรค์ทางสายเลือดของมันน่ากลัวจริงๆ แต่มันกลับดันกลัวความเจ็บปวดนี่สิ ความแข็งแกร่งและนิสัยกลายเป็นความแตกต่างสุดโต่ง เมื่อฮวาหูเตียวพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง โจวเจ๋อไม่เคลื่อนไหวตามไปด้วย ตลกแล้ว นอกเสียจากโจวเจ๋อจะสมองอ๊องไปแล้วถึงจะแข่งเรื่องความเร็วกับเจ้านี่
แม้ว่าจะอยู่ภายใต้สภาวะผีดิบแบบนี้ก็ตาม โจวเจ๋อไม่เพ้อฝันที่จะเอาชนะความเร็วของอีกฝ่ายเหมือนเดิม
‘พึ่บ!’
โจวเจ๋อหันตัวไปด้านข้าง มีแสงเย็นวาบวาดผ่านหน้าอกของโจวเจ๋อไป ดวงตาสีดำทมิฬของโจวเจ๋อเปล่งแสงแวววับ ความเร็วนี้น่าจะยังไม่ใช่ความเร็วสุดขั้วของมัน!
เป็นอย่างที่คาดไว้ มันก็คล้ายกับวัวที่โดนมาทาดอร์ซัดจนโซเซไม่เป็นท่าไปเลยน่ะสิ เพียงแต่ว่าพริบตาเดียวฮวาหูเตียวกลับฝืนเปลี่ยนทิศด้วยความเร็วสูง กรงเล็บสองข้างของมันกระโจนเข้าด้านหลังโจวเจ๋อ และเล็งเป้าพุ่งเข้าตำแหน่งบั้นท้าย!
มันจะล้างแค้น! แทง แทง แทง แทงแกเจ้าบ้า!
โจวเจ๋อหันขวับไปอีกด้านหนึ่ง เล็บยาวราวกับเคียวห้าเล่มกวาดเข้ามาด้วยความเร็วแสงเช่นกัน ถึงอย่างไรลูกทูนหัวของตัวเองก็อยู่ทางนี้ ถ้าให้อีกฝ่ายเห็นพ่อบุญธรรมของตัวเองถูกสัตว์ร้ายระเบิดกระจุยอยู่ที่นี่ มันก็น่าขายหน้าเกินไป
เล็บของโจวเจ๋อพัดพาสายลมแกร่งน่าสะพรึงกลัว บอกตามตรง นี่เป็นครั้งแรกที่ฮวาหูเตียวปะทะกับโจวเจ๋ออย่างจริงจังซึ่งๆ หน้า ครั้งก่อนที่ทั้งคู่เจอกันนั้น ร่างกายของโจวเจ๋ออ่อนแอเกินไปมาก กระทั่งพูดได้ว่าจวนจะตายอยู่แล้วรอมร่อ ยิ่งกว่านั้น เมื่อวานโจวเจ๋อเพิ่งเรียนรู้ความสามารถส่วนหนึ่งของ ‘ใบหน้าครึ่งหนึ่ง’ ภายใต้ความช่วยเหลือของอิ๋งโกวไป ทำให้เขาใช้ร่างผีดิบได้ในระดับที่สูงขึ้นอีกขั้น
มีคนเหลือบมองตำแหน่งที่มีรอยยับย่นสดใหม่อย่างอาลัยอาวรณ์ ฮวาหูเตียวไม่อยากบาดเจ็บ เพราะการบาดเจ็บมันจะเจ็บปวด และมันเองก็กลัวความเจ็บปวดด้วย
โจวเจ๋อแจ่มแจ้งในเรื่องนี้ดี ดังนั้นเมื่อฮวาหูเตียฝืนเปลี่ยนทิศด้วยความเร็วกลางอากาศเป็นครั้งที่สอง ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็ขยับข้อมือและพูดด้วยรอยยิ้ม “เด็กดี เอาลูกอมไปกิน”
‘ฟึบ!’
เล็บบนนิ้วนางดีดออกไปโดยตรง เพราะคาดเดาการเคลื่อนไหวของฮวาหูเตียวเอาไว้ก่อนแล้วจึงดีดไปก่อนล่วงหน้า ในตอนนี้เองขนของฮวาหูเตียวลุกพรึบทุกอณู อากาศรอบๆ ตัวเหมือนหยุดนิ่งลง ความเร็วนั้นเร็วมากจนไม่อาจจินตนาการได้ คิดไม่ถึงว่าจะหลบเลี่ยงเล็บนี้ได้ทันท่วงที!
นี่ทำให้โจวเจ๋อประหลาดใจมาก พลังที่ซ่อนอยู่ของเจ้านี่มีมากขนาดไหนกันล่ะเนี่ย โจวเจ๋อยังคิดแม้กระทั่ง หากครั้งก่อนตอนที่เจอชายชราและตำรวจเฉิน ถ้าเจ้านี่ไม่กลัวความเจ็บปวด ไม่แอบขี้เกียจ และสู้ยิบตา บางทีเขาอาจจะไม่จำเป็นต้องดูดเลือดสองสามอึกสุดท้ายเพื่อเดิมพันว่าจะปลุกเจ้าโง่นั่นตื่นหรือเปล่า
แต่อย่างไรก็ตาม โจวเจ๋อไม่ใช่คนใจอ่อนอยู่แล้ว
“เพิ่มน้ำตาล!”
“เพิ่มน้ำตาล!”
“เพิ่มน้ำตาล!”
“เพิ่มน้ำตาล!”
“…” ฮวาหูเตียว!
ตอนเป็นเด็ก ผู้ใหญ่มักจะบอกว่ากินของที่มีน้ำตาลมากไปฟันจะผุเอา แม้กระทั่งตอนนี้กินขนมหวานมากเกินไปในคราวเดียว ก็จะเลี่ยนเสียจนอึดอัดทรมาน
นี่เป็นความรู้สึกของฮวาหูเตียวในตอนนี้ แต่ความสามารถของมันเกินความคาดหมายของโจวเจ๋ออีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าจะหลบเลี่ยงเล็บได้สามนิ้ว โชคดีที่เล็บทั้งสี่นิ้วของโจวเจ๋อ จริงๆ แล้วอยู่ในพื้นที่ที่ปิดล้อมกั้นไว้ ฮวาหูเตียวหลบได้สามนิ้ว แต่นิ้วที่สี่กลับหักหลบไม่พ้น
‘ฉึก!’
เล็บเจาะเข้าหางของฮวาหูเตียว จากนั้นมีเสียงเหมือนลูกดอกกระทบกับกระดานไม้ ฮวาหูเตียวถูกแขวนไว้บนกำแพงที่ทำจากเถาวัลย์สีเขียว โจวเจ๋อหายใจเข้าลึก สิบนิ้วเชื่อมใจ แม้ว่าตอนนี้เขาจะเหลืออยู่เพียงห้านิ้ว แต่ความปวดร้าวนี้ก็เป็นของจริงไม่มีน้ำผสม
“ซี้ด…เจ็บจัง”
‘ดู…เจ้า…ต่อ…สู้…ช่าง…ทรมาน…จริงๆ…’
‘ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดประชด คุณช่วยผมห้ามเลือดก่อนได้ไหม’ โจวเจ๋อจำได้ว่า หลังจากอิ๋งโกวตื่นขึ้น อาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นตัวเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
‘ใน…สาย…ตา…เจ้า…หาก…ไม่…ปล่อย…ให้…ตัว…เจ้า…มี…สภาพ…น่า…อนาถ…ใน…การ…ต่อ…สู้…ก็…ไม่…สนุก…’
‘ทำไมผมรู้สึกว่าคุณพูดมากกว่าแต่ก่อนอีก’
‘ตอน…นี้…เจ้า…เดิน…ไป…ทาง…เดียว…กับ…เขา…พวก…เจ้า…เหมือน…กัน…มาก…’
‘ขอบคุณที่ชม’
‘เขา…สู้…ไป…เรื่อยๆ…จน…เหลือ…ใบ…หน้า…ครึ่ง…หนึ่ง…เจ้า…ก็…ใกล้…แล้ว…’
‘…’ โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อรู้สึกว่าเจ้าโง่นี่พูดได้สมเหตุสมผลมาก ถ้าเขายังสู้แบบนี้ต่อไป แขนขาคงหายไปตลอดทางแน่ๆ แล้วก็จะอยู่ไม่ไกลกับคำว่า ‘ใบหน้าครึ่งหนึ่ง’ จริงๆ แล้ว
แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลามานอกเรื่อง โจวเจ๋อเดินไปตรงหน้าฮวาหูเตียว ฮวาหูเตียวยังลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ หางของมันโดนเล็บของโจวเจ๋อแทงทะลุ และตอกยึดติดกับเถาวัลย์ ตัวของมันก็ห้อยกระต่องกระแต่ง ไม่กล้าสลัดให้หลุด บางทีหางของสัตว์อาจคล้ายกับสิบนิ้วของมนุษย์ต่างก็ไวต่อความรู้สึกมาก มันไม่กล้าดิ้นรนและไม่กล้าดึงออกมาก่อน ตอนนี้ก็เจ็บปวดมากพอแล้ว ถ้ายังดิ้นพล่านอีกละก็คงจะเจ็บปวดยิ่งกว่านี้ มันในเวลานี้มองโจวเจ๋ออย่างเศร้าโศก น้ำตาใสราวคริสตัลคลอรื้นในดวงตา
ตั้งแต่การปะทะกันระเบิดขึ้นตลอดจนสิ้นสุดลง อาจจะเป็นแค่เวลาสั้นๆ เท่าคนธรรมดาหาว ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ต่อสู้ประมือกันถึงสามร้อยตลบ หรือตั้งแต่เช้าจรดค่ำเหมือนในนิยายกำลังภายใน เพราะไม่มีอะไรจะสู้อีกแล้วจริงๆ ช่องโหว่ที่ใหญ่มากๆ ของอีกฝ่ายอยู่ตรงนี้ ถ้าเถ้าแก่โจวยังจัดการไม่อยู่หมัดละก็ คงจะล้มเหลวจนเกินไปจริงๆ
โจวเจ๋อยื่นมือไปคว้าหางของฮวาหูเตียวก่อน
“จิ๊ดๆ…” ฮวาหูเตียวตัวสั่นเทิ้ม ในปากส่งเสียงสั่นกึกๆๆ
ปลายนิ้วสะกิด เล็บก็ถูกดึงออก ฮวาหูเตียวอยากจะ ‘ปิ้ว’ หลบหนีออกไปจากที่นี่ตามสัญชาตญาณ แต่ทว่าหางของมันกลับถูกโจวเจ๋อกำเอาไว้แน่น พอเป็นอย่างนี้แล้วก็เท่ากับมันกำลังดึงหางของตัวเอง
“จิ๊ดๆ จิ๊ดๆ!!!!!”
มันเกือบจะดึงหางของตัวเองขาดไปแล้ว ฮวาหูเตียวถอยกลับอย่างร้อนรน และใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ตะปบคว้าข้อมือของโจวเจ๋อเอาไว้อย่างรวดเร็ว มันยังไม่ยอมแพ้!
แต่การตอบสนองของโจวเจ๋อเร็วยิ่งกว่ามัน จับหางของมันแล้วฟาดลงไปอย่างแรงโดยไม่ลังเล!
‘ปัง!’
เหมือนกับการแบกกระสอบและทุ่มกระแทกพื้นอย่างแรง
“จิ๊ด!”
เหวี่ยงขึ้น กระแทกต่อ!
‘ปัง!’
“จิ๊ด!”
เหวี่ยงขึ้นมา กระแทกลงไปอีก!
‘โครม!’
“จิ๊ด!”
…
…
‘ปัง!’
“จิ๊ด~~~”
‘ปัง!’
“จิ๊ด…”
‘โครม!’
“จิ๊ด…”
‘ปัง!’
“อืมมมม…” โจวเจ๋อรู้สึกว่าแขนผีดิบของเขาเริ่มเมื่อยถึงได้หยุดลง
พื้นถูกเขาทุบจนกลายเป็นหลุมใหญ่ ดินก็ถูกอัดแน่นไปหมดแล้ว ฮวาหูเตียวที่ใบหน้าฟกช้ำดำเขียวยอมปล่อยให้โจวเจ๋อจับหางของมันแกว่งไปมา น้ำลายไหลยืดหยดออกมา สีหน้าหมองคล้ำดูเหมือนหายใจเอาอากาศออกน้อยกว่าหายใจเข้าเสียอีก
“ฮู่ว…”
โจวเจ๋อถอนหายใจเฮือกยาว กลิ่นอายของผีดิบเริ่มลดลง สีของรูม่านตาเริ่มจางลง จนทั้งตัวเริ่มกลับมาเป็นปกติเช่นกัน เนื้อตัวเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อไหลท่วม พูดตรงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เถ้าแก่โจวพบว่าการอัดใครสักคนก็เป็นงานที่หนักมากเหมือนกัน
แท้จริงแล้ว ถ้าอยากจะฆ่าฮวาหูเตียวทิ้ง โดยเฉพาะตอนที่มันอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา มันไม่ยากเลยจริงๆ แต่โจวเจ๋อตัดใจไม่ลง ทรัพย์สินในครอบครองที่เขาหลอกลวงมาอย่างยากลำบากในช่วงสองปีที่ผ่านมา ‘สัตว์โลก’ ของเขา บวกกับความแข็งแกร่งของเจ้าฮวาหูเตียว ถ้าจะฆ่ามันไปเลยตรงๆ ก็คงปวดใจน่าดู
เวลานี้จู่ๆ เดดพูลก็โน้มตัวออกมาจากเถาวัลย์และแบมือออก ในฝ่ามือมีเมล็ดพืชพันธุ์หลากสีสันหลายประเภทก้มศีรษะและคุกเข่าลงต่อหน้าโจวด้วยความเคารพนบน้อมมาก โจวเจ๋อเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย อีกฝ่ายเสนอเมล็ดพวกนี้เพื่อให้เขาได้ควบคุมเจ้าฮวาหูเตียวตัวนี้ แต่ว่าโจวเจ๋อก็ยังส่ายหน้า เดดพูลก็ไม่พูดอะไร และหดกลับไปอีกครั้ง พร้อมกับรักษากรงสีเขียวที่ตัวมันเองสร้างขึ้นต่อไป ไม่ใช่ว่าโจวเจ๋อจะไม่ไว้ใจอะไรเดดพูล อืม ก็ไม่วางใจจริงๆ นั่นแหละ
แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นเพราะว่าถึงอย่างไรฮวาหูเตียวก็เป็นสายเลือดของสัตว์ร้ายสมัยโบราณ เมล็ดพันธุ์เหล่านี้จะควบคุมมันได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นเวลานานหรือไม่นั้น ใครจะกล้ารับประกัน
เผื่อวันหนึ่ง จู่ๆ มันแอบแก้พันธนาการด้วยตัวเอง แล้วแว้งกัดเขาในชั่วพริบตาจะทำอย่างไร
ก่อนหน้านี้มีเจ้างั่งสยบข่มมันไว้ โจวเจ๋อถึงได้วางใจเชื่อมั่นเต็มร้อย แต่ตอนนี้จำเป็นต้องใช้เจ้างั่งทำอย่างอื่น จึงทำได้แค่เลือกหาวิธีใหม่อีกครั้ง
โชคดีที่ยังมีวิธีอยู่ คิดว่าทำไมหญิงสาวตัวดำถึงได้เชื่อฟังขนาดนี้ล่ะ อิ๋งโกวทิ้งพิษผีดิบและพันธนาการไว้บนเข่าของเธอนะสิ!
เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาให้อิ๋งโกวตื่นขึ้นมาก่อนเวลา เพื่อรักษาไม่ให้อิ๋งโกวแห้งเหี่ยวไปก่อนที่จะถึงเวลาที่ต้องการใช้เขาจริงๆ
‘ตุ้บ!’
ฮวาหูเตียวถูกโจวเจ๋อโยนลงบนพื้น “เฝ้ามันไว้”
เดดพูลก้มศีรษะ เถาวัลย์แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วและพันธนาการฮวาหูเตียวไว้อย่างแน่นหนา
ขณะที่โจวเจ๋อเตรียมจะหันหลังออกไป เถาวัลย์ก็ร่วงหล่นลงมาตรงหน้าเขาอย่างช้าๆ บนนั้นมีดอกไม้สีเหลืองสองสามดอกบานอยู่ กลีบดอกบังเอิญร่วงหล่นลงมาในมือของโจวเจ๋อ
เมื่อวางกลีบดอกไม้เหล่านี้บนปลายนิ้วของตัวเอง เขารู้สึกเสียวซ่านบนแผลที่เล็บหลุดออกไปก่อนหน้านี้ กลีบดอกที่แนบติดอยู่บนนั้นห้ามเลือดได้ดีมากทีเดียว
น้ำเริ่มหยดติ๋งๆ ลงมาจากเหนือศีรษะอย่างเชื่องช้า พร้อมกับเปล่งแสงแวววาวสีเขียว รวมตัวกันจนก่อตัวเป็นสายน้ำ โจวเจ๋อแบมือออกและใช้น้ำเหล่านี้ชำระล้างมือ ชะล้างคราบเลือดบนมือออกไป
เดดพูลยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความเคารพ ไม่พูดไม่จาและไม่จงใจแสดงท่าทีอะไร ราวกับว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขาควรทำ
พอล้างมือเสร็จแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังมีใบเหี่ยวเฉาขนาดใหญ่ที่ดูคล้ายกับใบตองหล่นลงมาให้โจวเจ๋อเช็ดมือ
โจวเจ๋อระบายรอยยิ้มและพูดว่า “อีกหน่อยถ้าจะชงชาละก็ ผมจะให้อิงอิงมาเอาน้ำจากคุณ”
นี่ก็นับเป็นหยาดน้ำค้างแล้วใช่ไหม
เดดพูลก้มศีรษะลงอีก ส่งสัญญาณว่าเขารับทราบแล้ว
โจวเจ๋อที่เดิมทีคิดจะออกไปเลยกลับหันหลังกลับมา และนั่งยองๆ ลงด้านหน้าเดดพูล พลางเอื้อมมือไปช้อนคางของเดดพูลขึ้นมา ให้สายตาของเขาสบประสานกับสายตาของตัวเอง โจวเจ๋อเอียงหัวเล็กน้อย มองเขาอย่างจริงจังมาก แต่ก็เพียงแค่มองดู ไม่นานโจวเจ๋อก็ยืนตัวตรง และหันกลับออกไปโดยไม่พูดอะไร
ส่วนเดดพูลก้มศีรษะลงต่ำยิ่งกว่าเดิมเสียอีก…
…………………………………………………….