บทที่ 1076 ทุกคนมีความคิดของตัวเอง
บทที่ 1076 ทุกคนมีความคิดของตัวเอง
สิงเจียเวยกลับมาที่เรือน เมื่อเห็นว่ากล้วยไม้หลายต้นที่มุมห้องเหี่ยวเฉาไป สีหน้าของนางก็แปรเปลี่ยนฉับพลัน
“เมื่อไม่กี่วันก่อนยาบำรุงครรภ์ไม่ได้หล่นใส่ตรงนี้หรือ?”
เซียงเสวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ย “ตรงนี้เจ้าค่ะ”
“ยังดีที่ไม่ได้ดื่มยาบำรุงครรภ์ เห็นได้ชัดว่าใช้รดกล้วยไม้แล้วตาย แสดงว่ายานั้นต้องมีพิษ”
“ฮูหยินใหญ่คงไม่มีความกล้านี้กระมังเจ้าคะ? ในท้องคุณหนูอุ้มลูกนายท่ายจวนฉีเอาไว้”
“นางมีอะไรให้ไม่กล้าเล่า? อนุในเรือนหลังของพ่อข้า ท่านแม่อยากทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ไม่รู้ว่ามีอนุตั้งครรภ์กี่คนที่ตายด้วยน้ำมือของนาง แม่ข้าพูดถูก หากข้าเป็นอนุตลอดไป ช้าเร็วก็ต้องตายในบ้านหลังนี้ ไม่ได้การ ข้าต้องปีนป่ายขึ้นไป”
“แต่ว่า ฮูหยินใหญ่ยังสุขภาพแข็งแรงอยู่เลยนะเจ้าคะ” เซียงเสวี่ยลดเสียงลงแล้วเอ่ย “บ่าวขอกล่าวตามตรง ด้วยสภาพร่างกายของนางในปัจจุบัน อย่างน้อยก็มีชีวิตอยู่ได้อีกสามสิบปี ถึงตอนนั้น คุณหนู…”
ไม่แน่ใจว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ทันทีที่ฉีเจินกลับเข้าจวนก็เห็นสาวใช้หน้าตาบอบบางผู้หนึ่งเดินวนไปวนมาอยู่ที่ลาน เมื่อเห็นเขา นางก็วิ่งเข้ามาหาอย่างกระตือรือร้น
พลั่ก! เท้าของสาวใช้พลันลื่นไถล ล้มลงในอ้อมแขนของฉีเจิน
“บ่าวสมควรตายเจ้าค่ะ” เซียงเสวี่ยตระหนกตกใจคุกเข่าลงโดยพลัน
ฉีเจินประคองนางไว้ เชยคางนางเบา ๆ ให้เงยหน้าขึ้น
“มาจากเรือนใด?”
เซียงเสวี่ยมองฉีเจินผู้สง่าผ่าเผย ใบหน้าแดงก่ำแสดงถึงความลุกลี้ลุกลน
“บ่าว… เป็นสาวใช้แต่งตามในเรือนอนุสิงเจ้าค่ะ”
“สาวใช้แต่งตามหรือ!” ฉีเจินหัวเราะเบา ๆ “เทียบกับอนุบ้านเจ้าแล้ว เจ้ายังงดงามกว่าหลายส่วน”
“นายท่าน…” เซียงเสวี่ยขัดเขิน “อนุไม่สบาย นายท่านไปดูนางหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ?”
“ข้าเหนื่อยแล้วแต่ก็อยากมีบุปผารู้ภาษาอยู่ด้วย เจ้าอยากให้ข้าไปดูอนุบ้านเจ้า หรืออยากเป็นบุปผารู้ภาษาของข้าเล่า?” ฉีเจินปล่อยให้ลมหายใจร้อนผ่าวเป่าลงบนใบหูเซียงเสวี่ย
ทั้งร่างของเซียงเสวี่ยอ่อนระทวย
ฉีเจินอุ้มนางขึ้นมา
บ่าวรับใช้ที่อยู่รอบ ๆ รีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองเหตุการณ์ทางนี้
ขณะที่ผู้ติดตามด้านหลังฉีเจินโบกมือไล่คนอื่น ๆ ออกไป
สาวใช้ที่น่าสงสารผู้นี้…
วันนี้นายท่านอารมณ์ไม่ดี นางบังเอิญไปชนเข้า เกรงว่าตอนนี้จะเดือดร้อนแล้ว
สิงเจียเวยรอแล้วรอเล่าแต่เซียงเสวี่ยก็ไม่กลับมา นางส่งสาวใช้อีกคนออกไปสืบข่าว พอสาวใช้กลับมาก็ตกใจกลัวจนคุกเข่าลงตรงนั้นไม่กล้ารายงาน
“พูดมา” สิงเจียเวยเอ่ยอย่างเย็นชา
“นายท่านพาเซียงเสวี่ยไปแล้วเจ้าค่ะ”
“นางทำผิดหรือ?” สิงเจียเวยขมวดคิ้ว “นั่นเป็นสาวใช้แต่งตามของข้า ถึงทำผิดก็ควรให้ข้าจัดการกระมัง?”
สาวใช้เอ่ยด้วยท่าทีระมัดระวัง “ตอนที่นายท่านกลับมา พี่หญิงเซียงเสวี่ยจู่ ๆ ก็ล้มลงในอ้อมแขนของนายท่าน นายท่านจึงกล่าวชมความงามของนางและอุ้มนางไปที่หอท่าเสวี่ยแล้วเจ้าค่ะ”
สิงเจียเวยพลันลุกขึ้น
นางรู้สึกอึดอัดท้องเล็กน้อยเพราะเคลื่อนไหวเร็วเกินไป
“ท้องของข้า… ท้องของข้า…”
“อนุ…”
สาวใช้ที่ปรนนิบัติรับใช้พลันตื่นตระหนกขึ้นมา
“รีบเชิญท่านหมอเร็วเข้า” สิงเจียเวยกล่าว
ณ เรือนหลัก ฉู่หนิงจูหวีผมไปพลางฟังรายงานจากคนของนางไปพลาง เมื่อได้รู้ว่าฉีเจินได้รับการปรนนิบัติจากสาวใช้แต่งตามของสิงเจียเวย สีหน้าของนางก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
นางมองตนเองในกระจก ใช้ปลายนิ้วลากไปตามเส้นเล็ก ๆ บนหน้าผากแล้วกล่าวว่า “เจ้าว่า ข้าเทียบกับฮูหยินรองลู่แล้วเป็นอย่างไร?”
แม่นมแต่งตามของฉู่หนิงจูรู้ว่านางรู้สึกอย่างไรจึงถอนหายใจ “เหตุใดต้องคิดเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเจ้าคะ?”
“นางกับข้าเป็นสหายสนิทกัน ตั้งแต่เล็กนางชอบจับดาบจับหน้าไม้ ข้ายังกังวลว่านางจะไม่ได้แต่งงาน สวรรค์ชอบเล่นตลกกับคนยิ่งนัก ข้ารักสวยรักงามตั้งแต่ยังเล็ก กลับถูกส่งตัวไปชายแดน ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางฝุ่นผงมานานหลายปี นางชอบความยิ่งใหญ่เกรียงไกร แต่กลับได้ดื่มด่ำกับชีวิตที่หรูหราที่สุดในเมืองหลวง วันนั้นข้าเห็นนาง นางไม่มีแม้กระทั่งริ้วรอยบนใบหน้า ช่างทำให้ผู้อื่นอิจฉาจริง ๆ”
“ฮูหยินยังงดงามเหมือนตอนนั้นเลยเจ้าค่ะ”
“แม่นมชอบปลอบข้าเสียจริง”
ฉีซืออี้เดินเข้ามาเอ่ยกับฉู่หนิงจู “อนุสิงแพ้ท้อง เพิ่งเชิญท่านหมอมา ทำให้ท่านพ่อตกใจแล้ว”
“ท่านหมอว่าอย่างไร?” ฉู่หนิงจูถาม
“บอกว่านางใช้อารมณ์มากเกินไปจึงให้นางใจเย็น ๆ อย่าได้ใช้อารมณ์มากนัก”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
“พรุ่งนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยง เชิญคุณหนูสกุลสูงศักดิ์แต่ละจวนมาดื่มชา ท่านแม่ว่าอย่างไร?”
“เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“ไม่มีอะไร ข้าเพียงแค่อยากมีสหายเพิ่ม” ฉีซืออี้กล่าว “ถึงแม้ข้าจะปฏิเสธการสู่ขอจากจวนอี้อ๋อง แต่ชื่อเสียงของข้าก็เสียหายไปด้วย ข้าอยากจะกอบกู้ชื่อเสียงสักหน่อย ท่านแม่คงสนับสนุนกระมัง?”
แน่นอนว่าฉู่หนิงจูจะสนับสนุน
ตอนฉีซืออี้ปฏิเสธการสู่ขอ ฉู่จูหนิงกังวลเล็กน้อย ทว่าก็โล่งใจเช่นกัน
นางอดสงสัยไม่ได้ว่า หากนางกล้าเช่นนี้ ผลลัพธ์จะแตกต่างออกไปหรือไม่?
ขณะที่ฉีซืออี้ใช้ทุกวิธีการเพื่อจะปฏิเสธการแต่งงาน ฉู่หนิงจูไม่ห้ามปราม ทั้งยังให้ความร่วมมือ ไม่ใช่พยายามชดเชยให้ตนเองในตอนนั้นหรอกหรือ?
หลังจากฉีซืออี้จากไปแล้ว ฉู่หนิงจูก็ส่งคนไปถามว่าทางนั้นเกิดอะไรขึ้นกับสิงเจียเวย
“รักษาเด็กไว้ได้แล้วเจ้าค่ะ แต่ทารกในครรภ์เสี่ยงแล้ว คราวหน้าต้องดูแลให้ดี ไม่เช่นนั้นจะแท้งได้ง่าย” แม่นมรายงานสถานการณ์ล่าสุดให้ฟัง “ได้ยินมาจากคนในเรือนเฉียงเวยว่าอนุสิงดึงนายท่านไปแล้วร้องไห้ไม่หยุด บอกว่าเซียงเสวี่ยขโมยกำไลสินเดิมของนางไป นายท่านไม่พอใจ ก่อนจะจากไป เขาบอกให้นางดูแลเด็กให้ดี อย่าได้เอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ทั้งวัน”
“ดูเหมือนว่านายท่านจะพอใจสาวใช้ผู้นั้นทีเดียว”
“หญิงผู้นั้นผิวพรรณดี” ฉู่หนิงจูกล่าว “ตามชื่อของนาง ผิวของนางราวกับหิมะ หากข้าเป็นบุรุษก็จะชอบสาวน้อยที่ทำให้รู้สึกสงสารและเห็นใจเพียงแค่มองเช่นนี้”
“อนุสิงคงจะโกรธมากแล้ว”
“ทางเรือนสุ่ยเป็นอย่างไรบ้าง?”
“อนุจางทำอาหารให้นายท่านด้วยตนเองแล้วให้คนไปส่ง ส่วนนางยกอาหารไปหาคุณชายใหญ่เพื่อทานข้าวกับเขาเจ้าค่ะ”
“นี่จึงจะเป็นคนฉลาด” ฉู่หนิงจูกล่าว “การให้คนยกอาหารไปส่งให้แสดงว่าตนคิดถึงบุรุษผู้นั้น และยังทำให้บุรุษผู้นั้นรู้ว่านางมีคุณธรรมมีเหตุผลเพียงใด ย่อมไม่สร้างปัญหาให้กับเขา มิหนำซ้ำนางยังนำอาหารที่ทำด้วยตนเองไปทานกับลูกชาย รักษาความสัมพันธ์ระหว่างบุตรกับมารดาไว้ ให้ลูกชายจดจำว่าผู้ใดเป็นมารดาแท้ ๆ ของเขา ท้ายที่สุดแล้ว อนุสิงก็ยังเด็กเกินไป นางจะเทียบกับจิ้งจอกเฒ่าผู้นั้นได้อย่างไร?”
“เซียงเสวี่ยผู้นั้นไม่เรียบง่ายนะเจ้าคะ ข้าได้ยินคนบอกว่าอนุสิงให้นางไปเชิญนายท่านมา แต่นางกลับจูงนายท่านขึ้นเตียง หากนางภักดี ถึงแม้ว่านายท่านจะตกหลุมรักนางก็ไม่ควรประพฤติตนเช่นนี้”
“ครึกครื้นหน่อยก็ดี ข้าจะได้อยู่เงียบ ๆ สักสองสามวัน” ฉู่หนิงจูกล่าว “พรุ่งนี้คุณหนูใหญ่จะจัดงานเลี้ยงรับรองคุณหนูจากจวนต่าง ๆ เจ้าช่วยดูแลสักหน่อย ข้าไม่ไปพบแขกแล้ว พวกเขาจะได้ไม่ต้องอึดอัด เจ้าถามคุณหนูใหญ่ด้วยว่ามีแม่นางสกุลลู่หรือไม่ ตอนนี้แม่นางที่ยังไม่ได้ออกเรือนเพียงคนเดียวในสกุลลู่มีแค่คุณหนูรองลู่เท่านั้น”
“ได้ยินว่าคุณหนูรองลู่ผู้นี้เป็นศิษรักษ์ของนายท่านรองจวนฉี หรือก็คือใต้เท้าฉีเซียวเจ้าค่ะ เพียงแต่คุณหนูรองลู่ผู้นี้มีนิสัยอิสระ เป็นคนเรียบง่าย สบาย ๆ จึงเข้ากับคุณหนูหลาย ๆ คนในเมืองหลวงไม่ได้ ไม่นานมานี้ มีข่าวลือว่าคุณหนูฉีกับนายน้อยสกุลลู่มีความสัมพันธ์กัน หากเราต้องการหลีกเลี่ยงข่าวลือดังกล่าวก็อย่าใกล้ชิดกับสกุลลู่เพื่อไม่ให้กระทบต่อชื่อเสียงของคุณหนูดีกว่าเจ้าค่ะ”
“ข้างกายอี้เอ๋อร์มีแม่นางผู้หนึ่งชื่อจื่ออิงใช่หรือไม่?”
“เจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาว่าเป็นหมอเทวดา ทักษะทางการแพทย์ไม่ได้ด้อยไปกว่าความสามารถของหุบเขาเทพโอสถเลย”
“นางมาจากที่ใด?”
“คุณหนูเจอนางระหว่างเดินทางไปรักษาใบหน้าเจ้าค่ะ” แม่นมบอก “บ่าวเคยทดสอบนางแล้ว นางค่อนข้างใสซื่อทีเดียว ทุกวันนางจะเพียงแค่ปรุงยา ไม่ชอบออกไปข้างนอก มีออกไปข้างนอกบ้างเป็นครั้งคราว และคนของเราก็จะมารายงานว่านางกำลังซื้อสมุนไพรเจ้าค่ะ”
“ซื่อก็ดี” ฉู่หนิงจูกล่าว “คนที่รู้ทักษะทางการแพทย์ควรระวัง ใช้ให้ดีก็ช่วยได้มาก หากใช้ไม่ดีจะกลายเป็นอุปสรรคเอาได้”