ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 259 มือกระดูกควานหาในทะเลความรู้สึก

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 259 มือกระดูกควานหาในทะเลความรู้สึก

ต้องห้าม!

เหมือนกับสวี่ชิงหลังจากที่เมื่อรายชื่ออยู่ในอันดับจะมีสิทธิ์ในการอัญเชิญเงาของวิเศษ สำหรับอัจฉริยะพันธมิตรเจ็ดสำนักแล้ว พวกเขาก็มีพลังที่จะใช้พลังรากฐานของสำนักเหมือนกัน

เพียงแต่คนที่มีสิทธิ์นั้นมีจำนวนน้อยมาก อีกทั้งส่วนมากแล้วยังใช้เป็นรางวัลหรือการคุ้มครองมากกว่า

ในเมื่อของวิเศษเวทของพันธมิตรเจ็ดสำนักเป็นขั้นต้องห้าม อีกทั้งเวลาให้ก็มีข้อจำกัดมากมาย อยากจะให้ผลลัพธ์ของมันแสดงศักยภาพสูงสุดออกมา ต้องเป็นเวลาที่กำหนดจึงจะได้

ประสบการณ์ต่อสู้ของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องโชกโชนมาก เขาไม่ได้อัญเชิญเงาของวิเศษเวทต้องห้ามตั้งแต่ทีแรกก็เพื่อสร้างโอกาสที่จะสำแดงของวิเศษเวทต้องห้ามของตัวเองให้สมบูรณ์แบบเช่นนี้เอง

เขารู้ดีว่าคิดจะชิงตะเกียงแห่งชีวิตของสวี่ชิงไม่ง่ายแบบนั้นแน่นอน ต้องป้องกันอีกฝ่ายจะหนีไปในช่วงวิกฤตอันตราย หรือมีแผ่นหยกอย่างยันต์ส่งข้ามไร้ขั้นตอนอะไรประเภทนั้น

อีกทั้งก่อนหน้านี้เขาสังเกตเห็นท่าทางตามสัญชาตญาณที่จะบีบแผ่นหยกในมือให้แตก แม้เขาจะแกล้งทำเป็นไม่สังเกต แต่ในใจก็เดาความคิดของสวี่ชิงได้คร่าวๆ เช่นกัน

สำหรับเขา การต่อสู้ครั้งนี้คือการตกปลา

เขาจะรอให้อีกฝ่ายถูกตนเองบีบให้ใช้พลังจนถึงขีดจำกัดสูงสุด วิชาใช้ไปประมาณหนึ่ง อีกทั้งอาการบาดเจ็บยังสาหัส มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นถึงจะราบรื่นมากขึ้น

ดังนั้นเขาจึงรออยู่ตลอด จวบจนตอนนี้ เขารู้สึกว่าได้ประมาณหนึ่งแล้ว จึงเอาพู่กันเนื้อชุ่มเลือดที่คิดคำนวณเอาไว้ดีแล้วออกมาสู้

ไม่ว่าพู่กันนี้จะทำให้สวี่ชิงบาดเจ็บสาหัสได้หรือไม่ เขาก็จะใช้การแหลกสลายของมันเป็นสิ่งอำพราง สำแดงพลังคำสาปของพู่กันเนื้อชุ่มเลือดด้ามนี้ พันธนาการสวี่ชิงเอาไว้อย่างแน่นหนา

เช่นนี้ถึงจะสร้างโอกาสสำแดงของวิเศษเวทต้องห้ามของตัวเองได้ ก่อเป็นตาข่ายสวรรค์กับดักพิภพ ให้วิชาหลบหนีทุกอย่างของสวี่ชิงล้วนไร้ผล ทำให้ตนชิงตะเกียงแห่งชีวิตของเขามาได้สำเร็จ

ตอนนี้ จากคำพูดที่ดังออกมา สวี่ชิงที่อยู่กลางอากาศหน้าเปลี่ยนสี รอบๆ เขาล้วนเป็นมือเนื้อชุ่มเลือด มันแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ยืดแผ่มาจากทั่วทุกสารทิศ พันรัดเขาเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่อาจสลัดหลุดพ้นได้ในทันที ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลใดๆ บีบแผ่นหยกที่กำเอาไว้ในมือตั้งนานแล้วที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมองไม่เห็นรายละเอียดแผ่นนั้นแตก

แต่เห็นได้ชัดว่าสายไปแล้ว

ในเพียงพริบตา ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน สีแดงนี้ปรากฏขึ้นอย่างเฉียบพลันนัก เพียงเสี้ยวกะพริบตาก็ปกคลุมไปทั่วทั้งแปดทิศ ดูแล้วชั่วร้ายนัก แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง แปรเปลี่ยนให้พื้นที่เขตนี้กลายเป็นโลกสีเลือด สวี่ชิงถูกขังเอาไว้ในนั้น

อีกทั้งในโลกสีเลือด หลังจากที่มันก่อตัวขึ้นก็ส่งพลังบิดม้วนมิติ ทำให้การส่งข้ามทุกอย่างในขอบเขตโลกใบนั้นไม่สามารถใช้ได้ ขณะเดียวกันโลกสีเลือดก็ยังคงหดเล็กลง ลดพื้นที่ลงไม่หยุด

พลังผนึกปะทุอยู่ตลอด ประดุจสกัดกั้นที่นี่กับโลกภายนอก ทำกับปิดผนึกโดยสมบูรณ์

จากนั้นเมล็ดพันธุ์สีแดงเม็ดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า

แต่ไม่เหมือนกับเม็ดที่สำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้ากระตุ้นพุ่งไปยังสำนักนำบารมี เมล็ดพันธุ์สีเลือดเม็ดนี้เป็นเงามายา ไม่ใช่วัตถุจริง แต่พลังก็น่าสะพรึงกลัวเช่นกัน ตอนนี้หลังจากที่ปรากฏขึ้นก็พลันร่วงลงสู่พื้นดิน แปรเปลี่ยนเป็นต้นไม้ใหญ่สีเลือดต้นหนึ่ง

ทันทีที่ต้นไม้ต้นนี้ปรากฏขึ้น ลมเมฆก็เปลี่ยนสี พลังสะกดรุนแรงคลุ้มคลั่งยิ่งสะเทือนฟ้าดิน เพียงแค่ไหวเอนเบาๆ สวี่ชิงก็สะเทือนไปทั้งร่าง กระอักเลือดออกมา เหมือนถูกพลังที่ไม่อาจบรรยายได้กลุ่มหนึ่งจะลบล้างเขาไป

ขณะเดียวกัน ทางเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องทางนั้นตอนนี้เงยหน้าหัวเราะร่า ดวงตาฉายแววละโมบ ความเร็วและพลังบำเพ็ญปะทุขึ้นทุกด้านโดยสมบูรณ์ พุ่งมาหาสวี่ชิงอย่างไม่เสียดายค่าตอบแทน

เมี่ยเหมิงที่อยู่ข้างหลังคำราม ฉัตรตะเกียงแห่งชีวิตเหนือศีรษะกะพริบวูบวาบ เขาจะสะกดสวี่ชิงให้ได้โดยสมบูรณ์ภายในมิติปิดผนึกนี้ ทำให้เขาหนีไปไม่ได้ ทำได้แค่ถูกตนชิงตะเกียงแห่งชีวิตไป

“อยู่ในผนึกอัญเชิญเงาของวิเศษเวทต้องห้ามของข้า เจ้าและข้า มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ออกไปได้!”

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเข้าประชิดทันที ลงมืออย่างแข็งแกร่งทรงพลัง สวี่ชิงกระอักเลือดออกมา ถอยหลังไปไม่หยุด ที่นี่ไม่ได้มีแค่พลังผนึกย่างเดียวเท่านั้น แต่ยิ่งมีการสะกดควบคุม ทำให้ไฟชีวิตในร่างของเขาเหมือนจะมอดดับ

เห็นต้นไม้แปลกประหลาดต้นนั้นยังขยับไหว ประกายเย็นเยือกในดวงตาสวี่ชิงฉายวาบ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำทุ้ม

“อัญเชิญเงาของวิเศษเวทสำนักเจ็ดเนตรโลหิต!”

สำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็มีของวิเศษเวทเช่นกัน แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องห้าม และสวี่ชิงก็ไม่เคยอัญเชิญมาก่อน

ตอนนี้ ทันทีที่เอื้อนเอ่ยออกมา โลกสีเลือดใบนี้ก็สั่นสะเทือนทั้งใบ ท้องฟ้าเดือดพล่าน เหมือนมีพลังภายนอกมาเยือน จะฉีกโลกใบนี้ออก บนท้องฟ้ายิ่งมีดวงตาข้างหนึ่งปรากฏขึ้นรางๆ

ดวงตาข้างนี้แฝงด้วยความสงบนิ่ง ไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ หลังจากปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าก็จ้องเพ่งไปยังเงาของวิเศษเวทต้องห้ามที่อยู่ข้างล่าง

หลังจากปรายตามองไป เงาของวิเศษเวทต้องห้ามก็สั่นสะเทือน แต่เห็นได้ชัดว่าระดับขั้นของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกัน เงาของวิเศษเวทต้องห้ามไม่ได้สลายไป ผนึกโลกสีเลือดก็ไม่แตกทลาย สวี่ชิงที่อยู่ในนั้นไม่อาจหนีไปได้

ทว่า จะอย่างไรนี่ก็คือเงาของวิเศษ หลังจากที่มันปรากฏขึ้น แม้จะสู้โลกของวิเศษต้องห้ามไม่ได้ แต่ก็หยุดการเคลื่อนไหวต้นไม้เลือดในนั้นได้ ทำให้มันไม่อาจขยับเขยื้อน ลดพลังสะกดควบคุมสวี่ชิงลง แต่ก็ยังคงมีผลอยู่

“กับแค่ของวิเศษเวทของสำนักล่าง ไม่มีทางสั่นคลอนของวิเศษเวทต้องห้ามข้าได้หรอก สวี่ชิง โลกสีเลือดใบนี้จะเป็นสุสานของเจ้า!” ความละโมบในดวงตาเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องยิ่งเข้มข้นขึ้น หัวเราะร่า ประชิดสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว ลงมือเต็มกำลัง

สวี่ชิงสีหน้าเคร่งเครียด ไม่พูดอะไรทั้งนั้น วิหคทองที่อยู่ข้างหลังเงยหน้าคำรามต้านทานสุดกำลัง ร่มดำตะเกียงแห่งชีวิตของตัวเองก็เช่นกัน ทำให้ไฟดำเผาไหม้รอบๆ ประมือกับเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องในโลกสีเลือดที่ถูกผนึกไม่หยุด เสียงสนั่นหวั่นไหวดังไม่ขาดสาย

ในขณะที่พลัดกันรุกพลัดกันรับ สวี่ชิงถูกควบคุมอยู่ในโลกสีเลือดด้อยกว่าเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด เริ่มอ่อนกำลัง ส่วนเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเห็นเช่นนั้นพลังก็เพิ่มขึ้นมหาศาล ยิ่งระห่ำขึ้นอีก

จวบจนหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในยามที่โลกใบนี้หดเล็กเหลือขนาดไม่ถึงสิบจั้ง และต้นไม้ใหญ่ในนั้นก็หดเล็กลงตามไปด้วย ก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น มุมปากสวี่ชิงมีเลือดไหลออกมา เขาถอยหลังไป ในมือถือแผ่นหยกแผ่นหนึ่งเอาไว้ มองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องมองแล้ว ที่นี่เจ้าหนีออกไปไม่ได้ ต่อให้เป็นข้า หลังจากกระตุ้นของวิเศษเวทต้องห้ามแล้วก็ไม่สามารถควบคุมได้เหมือนกัน ทำได้แค่ให้มันหายไปเอง

“การลงมือทุกอย่างของข้าก่อนหน้านี้ล้วนเพื่อผนึกเจ้าเอาไว้ที่นี่ทั้งนั้น ในมือของเจ้าคือยันต์ส่งข้ามใช่หรือไม่ ลังเลรีรอนัก ตอนนี้ไม่ต้องบีบแล้ว ที่นี่ เจ้าเสียความเป็นไปได้ทุกอย่างที่จะหนีไปแล้ว!”

เซิ่งอวิ๋นจื่อจื่อรัศมีอำนาจท่วมท้น หัวเราะเหี้ยมเกรียมพลางก้าวออกไปก้าวใหญ่ เดินมาหาสวี่ชิง สายตาเหมือนมองคนตาย

“ถูกผนึกเอาไว้อย่างแน่นหนาจริงๆ นั่นแหละ” สวี่ชิงยังคงสำรวจรอบๆ จนเมื่อมั่นใจว่าเป็นเช่นที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องกล่าว ในขณะเดียวกับที่เอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่งก็โยนแผ่นหยกในมือทิ้ง เอากล่องเหล็กใบหนึ่งออกมา เปิดมันออกแล้วโยนไปข้างๆ

แผ่นหยกไม่ใช่ยันต์ส่งข้าม แต่เป็นแผ่นหยกบันทึกที่ธรรมดาๆ สุดๆ

กล่องเหล็กคือกล่องปรารถนานั่นเอง สิ่งที่อยู่ในนั้นคือลูกกลอนพิษที่แม้แต่ศีรษะพระนั่นยังไม่อาจต้านทานได้

ลูกกลอนนี้เมื่อปรากฏขึ้นก็แผ่กลิ่นอายออกมาทันที

ภาพนี้ทำให้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องชะงัก รูม่านตาหดเล็กทันที เขาไม่รู้ว่าลูกกลอนเม็ดนี้คืออะไร แต่รู้สึกได้ตามสัญชาตญาณว่าไม่สู้ดี จะไปทำลายมันทิ้ง แต่สวี่ชิงตอนนี้ปะทุพลังขัดขวางสุดกำลัง ถ่วงเวลาเอาไว้ สกัดกั้นเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ทำให้กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากลูกกลอนพิษเม็ดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

และที่นี่ปิดผนึกเอาไว้อย่างแน่นหนา กลิ่นอายของลูกกลอนไม่อาจแผ่ออกไปนอกผนึกได้ ทำได้เพียงหลอมรวมอยู่ในโลกสีเลือดที่หดเล็กอยู่ตลอดใบนี้ ดังนั้น กลิ่นอายของลูกกลอนต้องห้ามย่อมเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

นี่ก็คือแผนของสวี่ชิง

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมีวิชาก้นหีบและไม้ตายอะไรบ้างสวี่ชิงไม่รู้ และไม่อาจป้องกันได้ และทั้งสองคนยังมีพลังที่สูสีกัน สวี่ชิงไม่มีวิธีที่จะสังหารชิงตะเกียงแห่งชีวิตของเขามาได้ในเวลาสั้นๆ เลย

และเรื่องของเวลา สวี่ชิงรู้ว่าตัวเองมีน้อยมาก หากผู้คุ้มครองปรากฏตัวขึ้น เขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน

ดังนั้น เขารู้ว่าศึกนี้หากอยากรีบจบให้เร็วที่สุดมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น

นั่นคือให้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องสำแดงวิชาออกมาทีละอย่าง ตามที่เขาคิด แล้วสร้างสถานการณ์ขึ้นมาจากการนั้น ดังนั้น ก่อนหน้านี้เขาถึงได้เอาแผ่นหยกออกมาหลายครั้ง เพื่อสร้างสถานการณ์หลอกว่าจะใช้ยันต์ส่งข้ามกับเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง

นี่คือการใช้ความละโมบของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องคิดจะชิงตะเกียงแห่งชีวิตของเขาก็ต้องปิดกั้นการหลบหนีของสวี่ชิงและทำการควบคุมการส่งข้าม เช่นนี้แล้ว สวี่ชิงก็จะใช้จุดนี้พลิกกลับมาควบคุมจังหวะของการต่อสู้

ให้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเดินตามขอบเขตที่เขาต้องการทีละก้าวๆ ทำการต่อสู้ศึกนี้ จนวางสนามรบที่ดูเหมือนเหมาะกับเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง แต่ความจริงแล้วเหมาะกับเขามากกว่า

ในศึกนี้ เขากับเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องจะสู้กันว่า…ใครจะมีชีวิตอยู่ในพิษร้ายแรงนั่นได้นานที่สุด!

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็เป็นคนที่ฉลาดล้ำเหมือนกัน เห็นว่าแม้จะไม่รู้ว่าลูกกลอนพิษมีอานุภาพมากเพียงไร แต่ก็ตั้งสติได้ ในใจมีการคาดเดา ขณะที่สีหน้าเปลี่ยนไป จิตสังหารในดวงตาของเขาก็ฉายวาบ หยิบเอาลูกกลอนแก้พิษออกมากลืนลงไป กำลังจะลงมือต่อ

แต่ตอนนี้เอง สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล เขาเห็นมือขวาของตัวเองเริ่มเน่าเปื่อย สิ่งที่ทำให้เขาต้องยิ่งตื่นตระหนกคือ นับตั้งแต่แรกเริ่มมาจนถึงตอนนี้เขาไม่รู้สึกอะไรเลยทั้งนั้น ตอนนี้จึงถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว สำรวจทั่วร่าง

จากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดเล็ก สังเกตเห็นร่างของตัวเองมีหลายแห่งที่เน่าเปื่อยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และลูกกลอนแก้พิษของเขาไม่มีผลเลยแม้แต่น้อย!

“นี่มันพิษอะไรกัน!”

ในขณะที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องตื่นตระหนกลนลาน ใบหน้าสวี่ชิงก็มีจุดที่เน่าเปื่อยปรากฏขึ้นบางแห่งเช่นกัน แต่เล็กกว่าและน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ได้ตอบคำถามของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ร่างเพียงไหววูบก็พุ่งออกไป เริ่มทำการโจมตีกลับ

เขาไม่คิดจะให้โอกาสใดๆ กับเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องทั้งสิ้น จะดึงให้การต่อสู้ศึกนี้เป็นการแข่งการฟื้นฟูและต่อต้านพิษ

ในดวงตาของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องฉายความตื่นกลัวออกมาเป็นครั้งแรก คิดจะลองคลายผนึกที่ก่อตัวขึ้นจากของวิเศษเวทต้องห้าม แต่สิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้เป็นความจริง เขายากที่จะทำมันได้จริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าบนของวิเศษเวทต้องห้ามยังมีดวงตาที่แปรเปลี่ยนมาจากเงาของวิเศษเวทสำนักเจ็ดเนตรโลหิตทำการสะกดอยู่ตรงนั้นเลย

ภายใต้การควบคุมสองชั้น ความเป็นไปได้ที่เขาอยากจะคลายผนึกของวิเศษเวทต้องห้ามนั้นไม่มีเลย ทำได้แค่รอมันสลายไป ตอนนี้เวลาไม่ได้นานเท่าใดนั้น อย่างมาก็แค่สองก้านธูปเท่านั้น

แต่ความตื่นกลัวในดวงตาเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาค้นพบว่าพื้นที่เน่าเปื่อยบนร่างของตนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเงาในช่องเวทก็กระตือรือร้นอยากลงมือ คิดจะปกคลุมพื้นที่ให้มากยิ่งขึ้น

และการลงมือของสวี่ชิงก็เหี้ยมโหดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนนี้หมัดหนึ่งพลันชกออกไป เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องคิดจะหลบหลีก ศีรษะของสวี่ชิงก็กระแทกมาอย่างรุนแรง ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ครั้งนี้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องไม่กล้าเข้าไปกระแทก ทำได้เพียงแค่ถอยหลัง

แต่ความเร็วของสวี่ชิงไม่ลดลงเลย ลงมือสุดกำลัง กระทั่งว่าไม่หลบเลี่ยง ขณะที่โจมตีและป้องกันแข็งแกร่งอย่างทรงพลัง วิหคทองก็ปะทุพลังขึ้น ทำการหลอมอย่างบ้าคลั่ง ไฟดำตลบอวล ตะเกียงแห่งชีวิตสะกดควบคุมครั้งแล้วครั้งเล่า

อีกทั้งเป้าหมายของการลงมือหากไม่ใช่คอก็เป็นท้อง

ที่คอคือคิดจะโจมตีถึงแก่ชีวิต ที่ท้องคือจะดึงตะเกียงแห่งชีวิตของเขาออกมา

สวี่ชิงมีตะเกียงแห่งชีวิต ดังนั้นเขารู้ว่ามันอยู่ตำแหน่งไหน

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องยิ่งลนลานขึ้นไปอีก ส่งเสียงน่าสังเวชออกมา เอาลูกกลอนชดเชยพลังชีวิตออกมาจำนวนมาก ในความตื่นกลัวที่ฉายออกมาจากดวงตามีความบ้าคลั่งด้วย วิกฤตชีวิตเป็นตายแผ่ลามทั่วร่าง เขารู้ว่าศึกนี้สู้กันว่าใครจะมีชีวิตอยู่ไปได้

ในเมื่อไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ เช่นนั้นก็ทุ่มสุดกำลัง ดังนั้นดวงตาของเขาแดงก่ำ ประมือตัดสินเป็นตายกับสวี่ชิงในเขตแดนปิดผนึกแห่งนี้ ท่ามกลางกลิ่นอายลูกกลอนต้องห้ามที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

เสียงดังออกไปไม่หยุด หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

มุมปากสวี่ชิงมีรอยเลือด ทั่วร่างเน่าเปื่อย แต่ก็ยังคงชกไปที่ท้องของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ส่วนอีกฝ่ายยกมือขึ้นต้านทาน จำต้องถอยไป ทั่วร่างของเขาตอนนี้มีน้ำเน่าหยด เสียโฉมไปแล้วโดยสมบูรณ์ ทั้งคนเหมือนตุ๊กตาดินโคลน

อเนจอนาถน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนความเหี้ยมโหดของสวี่ชิงก็ปะทุขึ้นทั้งหมดในตอนนี้เอง พุ่งไปอีกครั้้ง เข่างอขึ้นกระแทกไปที่ท้องของศัตรู เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องคำราม เสียงแหบแห้งร้องไม่ออก อวัยวะภายในของเขาตอนนี้กำลังเน่าเปื่อย ทำได้แค่ยกมือสกัดกั้นเท่านั้น

แต่เสี้ยวขณะต่อมา เนื่องจากมือขวาของเขาเน่าไปแล้วกว่าครึ่ง ตอนปะทะกับสวี่ชิงก็ดุเดือดรุนแรง ดังนั้นมือขวาของเขาจึงระเบิดแหลกทันที เข่าของสวี่ชิงก็ย่ำแย่เช่นกัน เกิดรอยปริขึ้นจากการกัดกินนี้

แต่เขาก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย หลังจากกระโจนไปก็อ้าปากกว้าง แล้วกัดไปที่คอของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง

ความบ้าคลั่งในดวงตาของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง เขาถอยไปอย่างรวดเร็ว แต่ถอยไปไม่กี่ก้าว ขาขวาของเขาก็เริ่มละลาย ร่างเซไปอย่างควบคุมไม่ได้ สวี่ชิงพุ่งไปอีกครั้ง ทั้งสองคนโรมรันพันตูอยู่ด้วยกัน

พวกเขาทั้งสองต่างอ่อนแรงภายใต้พิษร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งสู้กันจนถึงตอนนี้ก็ต่างใช้วิชาออกมาจนหมดแล้ว ต่างมาถึงขีดจำกัดของตัวเอง

เซิ่งอวิ๋นจื่อจื่อก็เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานจริงๆ ทั้งใช้เคล็ดวิชาร่วม ใช้ยาลูกกลอนต่างๆ ร่วม ใช้วิธีต่างๆ ร่วม ก็ยืนหยัดได้หนึ่งก้านธูปกว่าๆ ท่ามกลางเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวไม่ขาดสาย

แต่นี่เป็นขีดจำกัดสูงสุดของเขาแล้ว ในดวงตาของเขาฉายแววผิดหวัง บนพื้นล้วนเป็นเลือดเนื้อเน่าเปื่อยของเขา สวี่ชิงเองก็ย่ำแย่ไม่ต่างกัน ทั้งคนดูไม่ใช่คนแล้ว

แต่ในดวงตาของเขาความเหี้ยมโหดท่วมท้น เพียงพุ่งไปก็คว้าโอกาสเอาไว้ กัดไปที่คอของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องอีกครั้ง ครั้งนี้อีกฝ่ายถูกเขากัด แล้วกระชากอย่างโหดเหี้ยม

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเลือดพุ่งกระฉูด สั่นสะท้านไปทั้งร่าง เมี่ยเหมิงปรากฏออกมาคิดจะขัดขวาง แต่ถูกแววตาที่มาพร้อมด้วยความโหดเหี้ยมของสวี่ชิงกวาดมอง เมี่ยเหมิงได้รับผลกระทบจากเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็สะท้านไปเช่นกัน วิหคทองฉวยโอกาสปะทุพลัง ดูดซับสุดกำลังท่ามกลางเสียงครวญครางของเมี่ยเหมิง

ยังไม่จบเท่านั้น สวี่ชิงหายใจหอบถี่ ทั่วร่างเน่าเปื่อยลามไปถึงอวัยวะภายใน แค่ก็ยังคงประชิดเข้าหาเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่ถอยหลังไป ชกไปที่ท้องของเขาเหมือนหมาป่าดุร้าย

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องส่งเสียงร้องเลือนรางอย่างเจ็บปวดออกมา กำลังจะถอยหลังไป แต่สวี่ชิงใช้ศีรษะกระแทกมาเต็มแรงที่หน้าผากของเขา ขณะที่อีกฝ่ายร้องครวญคราง สวี่ชิงก็หัวแตกเลือดไหลอาบเช่นกัน ร่างแผ่ความอ่อนล้าอย่างสาหัสออกมา แต่ครั้งนี้ในที่สุดมือขวาก็คว้าโอกาสหลังจากที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องอ่อนแอได้

เขาแทงไปสุดแรง ทะลุท้องของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง!

แทงลึกเข้าไปในร่างกาายของเขา คว้าช่องเวทช่องหนึ่งได้ หลังจากนั้นก็ทะลวงเข้าไปในทะเลความรู้สึก คลำหาวัตถุรูปทรงตะเกียงชิ้นหนึ่งเจอ

ดวงตาสวี่ชิงฉายแววตื่นเต้น ท่ามกลางเสียงร้องน่าสังเวชของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง เขาคว้าตะเกียงแห่งชีวิตไว้ในมือ แล้ว…กระชากออกมาสุดแรง!

เหี้ยมโหดเป็นอย่างยิ่ง

ข้างหน้าเลือดมหาศาลที่สาดพุ่ง นิ้วมือทั้งห้าของสวี่ชิงละลายหายไปแล้วสองนิ้ว แต่สามนิ้วที่เหลือยังคงเกี่ยวตะเกียงแห่งชีวิตเอาไว้ แล้ว…กระชากมา!

แสงเจ็ดสีอยู่ในใต้ผนึกสีเลือดแห่งนี้ สาดประกายพร่างพราวในมือสวี่ชิง นั่นเป็น…ตะเกียงเคลือบเจ็ดสี!!

ตัวตะเกียงเป็นแก้วราวผลึกใส ประกายแสงเจ็ดสีสาดทอแสงเจิดจ้าออกมาจากข้างใน อีกทั้งยังวาดเค้าโครงของฉัตรเจ็ดสีออกมารางๆ อีกด้วย ลำแสงไหลวนประดุจน้ำ ระยิบระยับเลิศล้ำพราวพร่าง

บนตะเกียงดวงนี้เปื้อนไปด้วยเลือด ทั้งยิ่งมีกลิ่นอายโบราณแผ่มา

เหมือนผ่านห้วงเวลามานานนับไม่ถ้วน ผ่านความเปลี่ยนแปลงมากมาย

แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นของไม่ธรรมดา บนนั้นยังมีตราประทับที่เหมือนแฝงไว้ด้วยกฎเกณฑ์ฟ้าดินอีกนับไม่ถ้วน มันเรียงตัวเป็นรูปร่างมนุษย์ แค่มองไปเพียงแวบเดียวก็ทำให้คนใจสั่นสะท้าน

ตะเกียงแห่งชีวิต ไม่ว่าจะดวงใดล้วนเป็นของวิเศษล้ำค่าทั้งนั้น!

“สวี่ชิง!!” แม้คอจะถูกกัด แต่เซิ่งอวิ๋นจื่อจื่อในเสี้ยวขณะนี้ก็ยังคงคำรามอย่างน่าสังเวช จ้องสวี่ชิงเขม็ง ในดวงตาฉายแววคลุ้มคลั่งออกมา

ความรู้สึกที่ถูกคนดึงตะเกียงแห่งชีวิตออกไปทั้งเป็นทำให้เขาบ้าคลั่งจนขีดสุดไปแล้ว

แต่เสี้ยวพริบตาต่อมา ประกายเย็นเยือกฉายวาบในดวงตาสวี่ชิง นิ้วข้างซ้ายทั้งห้าของเขาละลายไปหมดเผยให้เห็นกระดูก เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย แทงกระดูกแขนไปที่คอของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง!

ทะลุผ่านออกไป!

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท