บทที่ 272 สยบซือหม่าหรู!
หลังจากศิษย์สำนักล่าสิ่งประหลาดสะกดสิ่งประหลาดขณะที่ผสานเข้าชีพจรโลหิตแล้ว ใช่ว่าจะเปลี่ยนเป็นคนมืดมน แต่เปลี่ยนเป็นคุ้มคลั่ง อีกทั้งโหดเหี้ยอำมหิต ดูผิวเผินหมือนจะปกติ แต่อันที่จริงนิสัยบิดเบี้ยวไปนานแล้ว ไม่มีข้อยกเว้น
อาการบาดเจ็บสำหรับพวกเขาแล้วเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่
เพราะหลังจากพวกเขาอยู่กับสิ่งประหลาด จิตวิญญาณทุกข์ทรมานมากกว่ากายเนื้อโข ต้องแบกรับความเจ็บปวดกับการต่อต้านที่ไม่อาจจินตนาการได้ทุกวัน
หลายปีที่ผ่านมาสำนักล่าสิ่งประหลาดก็คอยหาวิธีแก้เรื่องนี้อยู่ตลอด ทดลองมามากมาย แต่ประสิทธิภาพก็ไม่ได้ดีมากนัก
ถึงอย่างไรสิ่งประหลาดก็เป็นสิ่งเลวร้ายอยู่แล้ว ยิ่งเกี่ยวข้องกับผลกระทบจากการมาเยือนของเสี้ยวหน้าเทพเจ้า หากไม่อยากรับผลกระทบ ก็จำเป็นต้องใช้พลังฝึกบำเพ็ญที่สูงกว่าสะกด
แต่พลังบำเพ็ญที่สูงกว่าก็บ่งชี้ว่าสามารถปิดผนึกและควบคุมสิ่งประหลาดที่น่ากลัวยิ่งกว่า มีน้อยคนที่ทนพลังต่อสู้ที่ล่อตาล่อใจที่เพิ่มขึ้นกะทันหันเช่นนี้ได้ เมื่อผสานเข้าไป ก็จำเป็นต้องยกระดับพลังบำเพ็ญขึ้นอีกจึงจะสมดุล
นี่ก็เป็นวังวนอนันต์ ผสานกับสิ่งประหลาดอยู่ตลอดทำให้ทั้งร่างกายจากภายในสู่ภายนอกเต็มไปด้วยความมืดมน
ดังนั้นความเจ็บปวดใจของศิษย์สำนักล่าสิ่งประหลาดจึงมากมายนัก ภาพลักษณ์ภายนอกคือความบิดเบี้ยวของนิสัยและความชั่วร้ายที่แผ่ออกมา และยังมีการสังหารอย่างโหดเหี้ยมอีก แต่ขณะเดียวกัน เมื่อศิษย์สำนักล่าสิ่งประหลาดคลั่งขึ้นมา ก็ทำให้สำนักอื่นปวดหัวเกินบรรยายเช่นกัน
แทบจะในทันทีที่สวี่ชิงตอบกลับ ซือหม่าหรูที่สะกดความชั่วร้ายในใจไว้ไม่อยู่ตอนนี้ก็ไม่สนคำเตือนของสำนัก ต่อให้เจ้าสำนักจะบอกนางว่ามีโอกาสแพ้สูงมาก แต่ยังคงพุ่งออกจากสำนักล่าสิ่งประหลาดไปทันที ทั้งร่างกลายเป็นสายรุ้งยาวสายหนึ่งกลางอากาศ เหาะเหินไปยังพื้นที่ของสำนักสมบัติจำนงฟ้า ที่พักของเจ็ดเนตรโลหิตที่มาเยี่ยมเยือน
การที่นางออกไป ทำให้ผู้บำเพ็ญฝ่ายต่างๆ ในพันธมิตรแปดสำนักจับตามอง เพราะพลังของซือหม่าหรูนั้นแข็งแกร่งมาก
เวลานี้นางสวมชุดคลุมยาวตัวโคร่งสีขาว ผมดำปลิวไสว บนศีรษะมีวังสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่วังหนึ่งสลัวเลือนลางอยู่กลางอากาศ
ขณะที่คลื่นพลังน่ากลัวแผ่ออกมา สามารถมองเห็นรางๆ ได้ว่าในวังสวรรค์ มีคนแคระที่หดหู่เนื้อตัวเน่าเปื่อยถูกสะกดไว้ด้านในวังสวรรค์ ก่อตัวเป็นลูกกลอนประหลาดเม็ดหนึ่ง
สิ่งประหลาดนับไม่ถ้วนล้วนถูกสะกดร้องโหยหวนเสียงแหลมอยู่รอบวังสวรรค์
ยิ่งยังมีก้อนเนื้อขนาดยักษ์ลูกหนึ่งลอยอยู่ด้านหลังของซือหม่าหรู รูปร่างของก้อนเนื้อดูคล้ายกับก้อนเนื้อเล็กๆ ที่กระโดดโลดเต้นตอนที่นางไปยังเจ็ดเนตรโลหิตเมื่อครั้งนั้น เพียงแต่นี่มันใหญ่กว่ามาก
อีกทั้งมันยังส่งเสียงแหลมออกมา
“สิบยี่สิบสามสิบคน พวกเราใช้มือเล็กทุบตี จากนั้นควักปอดและหัวใจ เหลือเอาไว้เพียงสมองอันเล็กจ้อย กลมกลึงแสนน่ารัก”
ขณะที่เสียงเสียดหูดังก้องไปทั่วสารทิศ ซือหม่าหรูผู้ใบหน้างดงาม หน้าซีดขาวราวคนตายก็ข้ามเส้นขอบฟ้า มาหยุดอยู่เหนือที่พักของเจ็ดเนตรโลหิต ตอนก้มหน้ามองนางก็เผยรอยยิ้มสง่าออกมา เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“สวี่ชิง ข้ามาแล้ว”
แม้เสียงจะนุ่มนวลเบาแผ่ว แต่กลับมีเส้นเลือดในดวงตา แผ่แรงกดดันที่น่ากลัวออกมาจากร่าง จนทำให้หมอกก่อตัวรวมกันจนกลายเป็นเมฆที่เหมือนศีรษะหน้าตาอัปลักษณ์
ขณะที่ลมคลั่งก่อตัวใหญ่ขึ้น ก้อนเนื้อด้านหลังนางก็ส่งเสียงที่แหลมยิ่งไปทางที่พักเจ็ดเนตรโลหิตเบื้องล่าง
พริบตาต่อมา พลังมหาศาลวูบหนึ่งเข้าปะทะกับก้อนเนื้อนี้จนกระเด็นออกไป มันส่งเสียงกรีดร้องแหลม ร่างก็ขาดหายไปแล้วอย่างน้อยส่วนหนึ่ง
สวี่ชิงเดินออกมาจากที่พัก ย่ำเท้าขึ้นกลางอากาศในเวลานี้เอง
ฉัตรทั้งสองก็ก่อตัวขึ้นเหนือศีรษะขณะที่เขาเดินออกมาในพริบตา
เจ็ดสีส่องสว่างโลกหล้า ลมครวญก้องนภา
ร่มดำบดบังโลกา โหมเพลิงผลาญพสุธา
ยิ่งมีภาพมายาวิหคทอง แหงนหน้าแผดเสียง หางเพลิงคลุมตัวสวี่ชิง กลายเป็นชุดคลุมจักรพรรดิ และยังมีขนนกเพลิงหลายเส้นล่องลอยผ่านหน้าเขา
สวี่ชิงมองซือหม่าหรูอย่างเย็นชา ก่อนหน้านี้สวี่ชิงเคยสังหารร่างแยกของอีกฝ่ายที่เจ็ดเนตรโลหิต เวลานี้ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก พลังต่อสู้ไฟชีวิตหกดวงของเขาปะทุข้นฉับพลัน ซัดหมัดไปทางซือหม่าหรูทันที!
สิ่งที่นายท่านเจ็ดต้องการคือต้องแสดงความน่าเกรงขามออกมา เมื่อเป็นเช่นนี้ พอสวี่ชิงจึงลงมือด้วยพลังทั้งหมด
หมัดนี้ รวมพลังช่องเวททั้งหนึ่งร้อยเอ็ดช่องในร่างกาย ผสานกับวิชาเวทวิหคทอง พลานุภาพไฟชีวิตสามดวง และกัความเป็นเทพของตะเกียงแห่งชีวิตทั้งสองดวง พุ่งขึ้นถึงไฟชีวิตหกดวงซึ่งเป็นจุดสูงสุดทันที
ท้องฟ้ารอบๆ ก็เหมือนยุบลงมาในพริบตา ทำให้เมฆหมอกรูปศีรษะแหวกขาดทันที ขณะศีรษะใหญ่นั่นถอยหลังไปอย่างพรั่นพรึง ซือหม่าหรูโบกมืออย่างโหดเหี้ยม ฉับพลันวังสวรรค์บนศีรษะนางก็กดไปทางสวี่ชิง
วังสวรรค์หนึ่งวังก็คือพลังต่อสู้ไฟชีวิตหกดวง ปะทะเข้ากับหมัดสวี่ชิง
เสียงอื้ออึงดังก้องนภาจนหูแทบดับไปทั่วสารทิศ
วังสวรรค์ซือหม่าหรูสั่นสะเทือน เอียงกลับไปด้วยหนึ่งหมัดพลังต่อสู้สุดกำลังของสวี่ชิง ซือหม่าหรูตัวสั่น ร่างกายถอยร่นไปนับร้อยจั้งท่ามกลางเสียงครืนครัน
สวี่ชิงที่อยู่กลางอากาศไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย เจ็ดสีปิดผนึกคุ้มกาย ร่มดำใหญ่ปกป้องวิญญาณ เมื่อเขามีไฟชีวิตหกดวง เช่นนั้นเมื่อไฟชีวิตหกดวงซัดมาก็ทำลายเกราะคุ้มกันของเขาไม่ได้
ตอนที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมีตะเกียงลมครวญเจ็ดสีก็เคยทำให้สวี่ชิงปวดหัวมาก ต้องวางกลยุทธ์ต่างๆ นานาถึงทำให้เกราะคุ้มกันตะเกียงแห่งชีวิตของอีกฝ่ายเกิดรอยฉีดขาดได้ ปัจจุบันเขานำตะเกียงนี้มาใช้ หลังจากสัมผัสแล้ว เขาก็สัมผัสถึงเกราะคุ้มกันของตะเกียงนี้ลึกซึ้งยิ่งกว่า
ตะเกียงแห่งชีวิตนี้ไม่เพียงแต่มีพลังเกราะคุ้มกัน แต่มีสั่นสะเทือนสะท้านกลับด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากสวี่ชิงค้นคว้าก็พบว่าเมื่อมีตะเกียงแห่งชีวิตสองดวงแล้ว ตะเกียงแห่งชีวิตทั้งสองนี้ก็เหมือนสนับสนุนกัน
สิ่งที่แสดงออกมาจากตะเกียงลมครวญเจ็ดสี คือพลังสั่นสะเทือนสะท้อนกลับที่มากกว่าตอนที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องครอบครอง
การสั่นสะเทือนสะท้อนกลับของตะเกียงแห่งชีวิตเพิ่มขึ้นมากมายมหาศาล
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำไมสวี่ชิงชกออกไปก็ทำให้ซือหม่าหรูกระเด็นถอยกลับไป และเพราะอะไรเขาจึงคิดว่าจะสยบสังหารซือหม่าหรูได้
ไฟชีวิตหกดวงบวกกับแรงสั่นสะเทือนสะท้อนกลับ ทำให้สวี่ชิงไม่ด้อยไปกว่าไฟชีวิตเจ็ดดวงเลย
เห็นได้ชัดว่าซือหม่าหรูไม่รู้จุดนี้ สิ่งนี้เข้าใจได้ว่าถึงอย่างไรนางก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับตะเกียงแห่งชีวิต
และเป็นไปได้ที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องไม่รู้ว่าหลังครอบครองตะเกียงแห่งชีวิตสองดวงแล้วทั้งสองดวงนี้จะมีการหนุนนำซึ่งกันและกัน ไม่ได้ง่ายดายอย่างหนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง
ดังนั้นเวลานี้ใบหน้าของซือหม่าหรูจึงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่กระอักเลือดสด ดวงตาก็เผยความไม่อยากเชื่อ
ที่สั่นเทิ้มเช่นเดียวกัน ยังมีผู้คนทั้งหมดในพันธมิตรแปดสำนักที่คอยจับตาดูการต่อสู้นี้ ถึงอย่างไรสวี่ชิงก็เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานอันดับหนึ่งคนใหม่แห่งพันธมิตรแปดสำนักกำลังทำศึกแรก คนที่จับตามองจึงมีไม่น้อย
แต่ตอนนี้ พวกเขาก็พากันใจสั่นสะท้าน
“นี่มันพลังต่อสู้ไฟชีวิตเจ็ดดวง”
“ซือหม่าหรูประมาทเกินไปแล้ว พลังวังสวรรค์หนึ่งวังยังไม่พอสะกดสวี่ชิง”
คนของเจ็ดเนตรโลหิตกำลังจับตาดูจากในที่พัก หลังจากเห็นภาพนี้ เหล่าองค์ชายองค์หญิงแต่ละยอดเขาพวกนั้นก็ทอดถอนใจ ใจสั่นไม่น้อยเช่นกัน
นายกองก็จับตาดูอยู่ ตอนนี้เขาหยิบผิงกั่วลูกหนึ่งออกมากินไปด้วยดูภาพนี้ไปด้วย สีหน้าปลดปลง
“ยังดีที่ก่อนหน้าข้ากลืนจมูกลงไปครึ่งเดียว ไม่เช่นนั้นคงสู้ไม่ไหว แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่าอาชิงน้อยยังปิดบังอะไรอยู่อีก…เจ้าเด็กนี่ไพ่ลับเยอะเหลือเกิน”
และขณะผู้ชมที่กำลังชมศึกอยู่รอบๆ จิตวิญญาณสั่นสะท้าน สวี่ชิงร่างไหววูบ พุ่งไปเบื้องหน้าซือหม่าหรูที่หน้าขาวซีดด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง พอประชิดตัวก็ซัดไปอีกหมัด
ซือหม่าหรูคิดจะโต้กลับ หยิบอาวุธเวทและสิ่งประหลาดออกมาจนหมดท่ามกลางเสียงครืนครัน เห็นได้ว่าเงาสิ่งประหลาดหลายสายรอบๆ นางพุ่งไปทางสวี่ชิงทั้งหมด แต่กลับทำลายเกราะคุ้มกันตะเกียงแห่งชีวิตสองดวงของสวี่ชิงไม่ได้เลย ทั้งกายเนื้อและจิตวิญญาณล้วนเป็นเช่นเดียวกัน
ร่างกายของนางถูกซัดจนถอยร่นไปอีกครั้ง ขณะที่วังสวรรค์สั่นสะเทือน สวี่ชิงก็เข้าประชิดอีกครั้ง ซัดไปอีกหมัดเช่นเดิม
แม้ซือหม่าหรูคิดจะดิ้นรนหรือโต้ตอบอย่างไร สิ่งประหลาดทั้งหลายเข้าฉีกทึ้งกลืนกินอย่างไรก็ล้วนไร้ผล พลังต่อสู้ของนางยังไม่พอ นอกจากนางจะยกระดับไปถึงสองวังสวรรค์ มิเช่นนั้นก็ไม่อาจผนึกสิ่งประหลาดที่มีพลังคุกคามสวี่ชิงได้
ด้วยการระเบิดพลังของสวี่ชิง วังสวรรค์ของนางก็สั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นไปอีก ร่างกายถูกสวี่ชิงซัดทีละหมัด จนลอยคว้างร่วงลงมาไม่ได้ ตอนที่ลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาซือหม่าหรูเผยความคุ้มคลั่ง ประกบปางมือหยิบผลึกวารีปิดผนึกสีเลือดชิ้นหนึ่งออกมา บีบผลึกวารีนี้แค่มองก็รู้ว่าไม่ธรรมดาจนแตกฉับพลัน
ตอนนั้นคนแคระหดหูที่อยู่ในวังสวรรค์ของนางก็ลืมตาขึ้นฉับพลัน เผยความโหดเหี้ยมกระหายเลือด ระเบิดพลังอำนาจ ลุกขึ้นจะเดินออกมา
สวี่ชิงชะงัก ไม่ซัดหมัดอีก แต่เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเรียบสงบ
ลมพัดกระโชกเมฆถาโถม ฟ้าดินเปลี่ยนสีในพริบตา เหมือนมีท่วงทำนองบางอย่างมารวมกันจากทั้งแปดทิศ จนกลายเป็นดาบสวรรค์สีม่วงเล่มหนึ่ง
ดาบสวรรค์นี้ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็นของจริง หลังจากปรากฏออกมาก็ทำให้คนที่มองเห็นตกตะลึง และสิ่งที่ยิ่งทำให้พวกเขาตกตะลึงขึ้นไปอีกก็คือดาบสวรรค์ที่ปรากฏบนท้องฟ้าไม่ได้มีแค่เล่มเดียว
แต่เป็น…เจ็ดเล่ม!
ดาบสวรรค์เจ็ดเล่มก่อตัวขึ้นมาทีละเล่มในพริบตา สั่นฟ้าสะเทือนดิน และเมื่อสวี่ชิงฟาดมือขวาลง ดาบสวรรค์ทั้งเจ็ดเล่มก็เหมือนทัณฑ์สวรรค์ ฟาดลงมาที่ซือหม่าหรูที่สีหน้าพรั่นพรึงกลางอากาศอย่างรุนแรง รวมถึงวังสวรรค์ของนางก็ไม่อาจเลี่ยงพ้นจากพลังคุกคามที่แสนน่ากลัวไม่อาจต้านทานจากทั้งทิศทางทั้งเจ็ด!
ลมพัดกระโชกเมฆถาโถม สั่นฟ้าสะเทือนดิน
ดาบสวรรค์ทั้งเจ็ดเล่มฟาดลงมาบนวังสวรรค์ของซือหม่าหรู ทำให้วังสวรรค์ที่สั่นสะเทือนไม่หยุดนั้นส่งเสียงปริแตกดังออกมาพร้อมเสียงกรีดร้องแหลมของนาง เกิดรอยร้าวขนาดใหญ่เจ็ดรอย
คนแคระในนั้นก็สั่นสะท้าน ขณะจะโต้กลับ ภาพมายาวิหคทองด้านหลังสวี่ชิงก็มีประกายละโมบ จ้องมาที่มัน
คนแคระนิ่งเงียบ นั่งลงไปอีกครั้ง
ซือหม่าหรูที่ต้องแบกรับภาระมหาศาลกระอักเลือดสดออกมาอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ กลิ่นอายบนร่างลดลงอย่างแปรปรวน พริบตาต่อมา สวี่ชิงที่เหมือนรอจังหวะนานแล้ว จู่ๆ ก็พุ่งไปอยู่เบื้องหน้าซือหม่าหรูอย่างรวดเร็ว ยกมือขวาขึ้นแทงทะลุหน้าอกของนาง
คว้าหัวใจด้านขวาในตัวซือหม่าหรู กระชากออกมาภายใต้เสียงร้องแหลมของซือหม่าหรูทันที
เลือดสดทะลัก สวี่ชิงกระชากก้อนหินสีดำที่รูปร่างเหมือนหัวใจก้อนหนึ่งออกมา ขณะที่กลิ่นอายทั้งร่างซือหม่าหรูเหือดหาย วังสวรรค์ที่ด้านหลังก็เหมือนจะพังทลาย ก็มีสายลมหนาวเหน็บวูบหนึ่งพัดเข้ามา
สายลมนี้มาพร้อมกับพลังไร้เทียมทานมาด้วย เพียงพริบตาก็พัดตัวซือหม่าหรูสลายหายไป มีเพียงเสียงเย็นชาที่ดังก้องไปทั่วสารทิศ
“ข้าทำลายสัญญาศึกเป็นตายของพวกเจ้าทั้งสอง เมื่อเป็นเช่นนี้ หัวใจประหลาดดวงนั้นก็มอบให้เจ้าแล้วกัน”
สวี่ชิงถอยหลัง ฉัตรทั้งสองเหนือศีรษะเปล่งแสงเจิดจ้าแยงตา วิหคทองด้านหลังแผดเสียงร้อง เมื่อถอยไปร้อยจั้งเขาก็หยุด ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองออกไปไกลๆ ก็เลิกคิ้วขึ้น เขารู้สึกว่าศึกนี้ราบรื่นเกินไป มีบางอย่างไม่ถูกต้อง
นายท่านเจ็ดปรากฏกายขึ้นข้างกายสวี่ชิง
“เจ้าสี่ ไม่ต้องคิดมาก ได้สะสางความแค้นแล้ว กระทั่งถ้าเด็กสาวซือหม่าหรูคนนั้นรู้ความขึ้นมาภายหลัง ก็จะรู้สึกซาบซึ้งบุญคุณของเจ้า ตอนนี้ เจ้ายังไม่รีบขอบคุณเจ้าสำนักล่าสิ่งประหลาดที่ส่งของล้ำค่าให้กับเจ้าอีก”
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนักล่าสิ่งประหลาด!” สวี่ชิงประสานหมัดคารวะไปทางสำนักล่าสิ่งประหลาด
ขณะเดียวกัน ในเรือนอาวุโสพันธมิตรแปดสำนัก ร่างเงาขนาดยักษ์ทั้งแปดนั่งอยู่ในนั้น ต่างฝ่ายต่างดึงจิตเทพกลับมา
เสี่ยเลี่ยนจื่อยิ้มมุมปาก
“ทุกท่าน ข้าชนะการเดิมพันก่อนหน้านี้แล้ว ต่อให้นี่จะเป็นการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าของลูกเขยข้ากับตระกูลซือหม่าสำนักล่าสิ่งประหลาด แต่พวกท่านก็เห็นความยอดยุทธ์ของศิษย์หลานข้าแล้ว ข้อเสนอทุ่มเททรัพยากรของทั้งพันธมิตรที่ข้าเสนอไว้ พวกท่านลองไปพิจารณากันให้ดี ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นถึงทรัพยากรแห่งจักรพรรดิโบราณ สถานะผู้สืบทอดมรรคาพวกเราไม่ต้องการ แต่สิ่งที่มากกว่าค่าตอบแทนของผู้สืบทอดมรรคาต้องให้ ไม่เกินไป”
ร่างเงาเจ็ดร่างอื่นๆ ไม่พูดจา แต่ต่างโยนแสงสายหนึ่งออกมา บรรพจารย์หลิงอวิ๋นยอดเขาลำดับหนึ่งในนี้ แค่นเสียงเย็นชา พอโยนเสร็จก็หันหลังจากไป