ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 290 เจ้าอสรพิษปีศาจน้อย ไม่เจอกันนานหลายปี เจ้าเคยนึกเสียใจหรือไม่ที่กัดข้า!

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 290 เจ้าอสรพิษปีศาจน้อย ไม่เจอกันนานหลายปี เจ้าเคยนึกเสียใจหรือไม่ที่กัดข้า!

ไฟชีวิตห้าดวงลุกไหม้ในกายของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เหมือนในร่างของเขามีห้วงอวกาศห้วงหนึ่งแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิง น่าประหวั่นพรั่นพรึง กำลังรบน่าครั่นคร้ามนัก

ข้างกายเขา ผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดแปดคนของสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้าล้วนนั่งหลับตาสมาธิ

เพื่อช่วยสะกดพิษร้ายให้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องช่วงนี้ พวกเขาล้วนทุ่มเทกายใจ

พิษนั่นพิเศษเป็นอย่างยิ่ง ทำให้พวกเขาหวาดระแวงไปเช่นกัน

ต่อให้เป็นบรรพจารย์หลิงอวิ๋นในแววตาก็อ่อนล้าเล็กน้อยไปเช่นกัน เพื่อจะฝังวิหคทองของประธานพันธมิตรเข้าไปในกายของหลานชายตนจึงทุ่มเทสุดกำลัง ตอนนี้เห็นหลานชายตนฟื้นฟู สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความพอใจ

“เซิ่งเอ๋อร์ ต่อจากนี้เจ้าเตรียมตัวจะทำอย่างไร ก้าวเข้าสู่ขอบเขตแก่นลมปราณหรือ”

“ท่านปู่ ข้าจะท้าประลองสวี่ชิง สิ่งที่ข้าสูญเสียไปข้าจะเอากลับมาด้วยมือของตัวเอง!” เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องลอยอยู่กลางท้องฟ้า หลับตา หลังจากนั้นก็ลืมตาขึ้น เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ

“มีวิหคทองของประธานพันธมิตร ข้าไม่กลัวพิษของสวี่ชิง อีกทั้งวิหคทองของประธานพันธมิตรยิ่งยกระดับพลังชีวิตให้ข้าได้อย่างน่าครั่นคร้าม ทำให้กำลังรบของข้าแข็งแกร่งกว่าในอดีต อย่างไรเสียประธานพันธมิตรจะปล่อยให้ข้าตายไปเช่นนี้ได้อย่างไร…”

“เซิ่งเอ๋อร์ นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้” บรรพจารย์หลิงอวิ๋นเงียบนิ่ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ถอนหายใจ

“ก็แค่อยากได้ร่างนี้ของข้าก็เท่านั้น ไม่เป็นไร ขอท่านปู่ลงตราผนึกในกายข้า ผนึกช่องเวททั้งหมด ให้มันไม่อาจถูกทำลายได้

“สวี่ชิงไอ้เด็กนั่นไม่มีวิธีร้ายกาจสองวิธีนี้ ไฟชีวิตสามดวงของมันต่อให้ตอนนี้มีตะเกียงแห่งชีวิตสองดวง ข้าก็มีความมั่นใจว่าจะสยบสังหารมันได้!

“ความเจ็บปวดที่ข้าได้รับ ข้าจะให้มัน…ชดใช้หลายเท่าตัว!!”

ไม่นานนักจดหมายท้ารบฉบับหนึ่งก็ส่งจากสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้ามาถึงสำนักเจ็ดเนตรโลหิต!

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องจะท้าสู้กับสวี่ชิง เป็นศึกตัดสินเป็นตาย!

ทันทีที่หนังสือท้าประลองมาถึง สำนักเจ็ดเนตรโลหิตฮือฮาไปทั่ว ทั้งพันธมิตรแปดสำนักก็ฮือฮาขึ้นมาทันที

เรื่องภายนอก สวี่ชิงที่อยู่ในแดนวาสนาสำนักโลกันต์ทมิฬไม่รู้เรื่อง เขาในตอนนี้เบิกตาโตมองภาพที่อู๋เจี้ยนอูอยู่กลางท้องฟ้า หลังจากที่เขาท่องกลอนแล้วทั่วทุกทิศก็สั่นคลอน

จิตใจของสวี่ชิงเกิดคลื่นซัดโหม นายกองทางนั้นก็สูดลมหายใจเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงว่าจะสำเร็จจริงๆ

วิญญาณของอสรพิษโบราณฟื้นตื่นขึ้นมาเสี้ยวหนึ่งแล้วจริงๆ แม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยวเดียว แต่ฟ้าดินก็เปลี่ยนสี ลมเมฆหอบม้วน พลังวิญญาณมหาศาลปะทุขึ้นมาหลายเท่าในเสี้ยวขณะนี้

ลูกศิษย์ที่ฝึกบำเพ็ญอยู่รอบๆ เหล่านั้นต่างหน้าเปลี่ยนสีไปทุกคน พากันลืมตาขึ้นมา มองไปรอบๆ อย่างหวาดหวั่น มองเห็นอู๋เจี้ยนอูที่สีหน้าหยิ่งทะนงอยู่กลางท้องฟ้า ขณะเดียวกันก็สัมผัสถึงพลังวิญญาณที่พุ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของที่นี่

ภาพนี้ทำให้จิตใจของพวกเขาสั่นไหว แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางเข้าไปขัดขวาง กลับเร่งความเร็วกำหนดลมหายใจ

สวี่ชิงเองก็เช่นกัน เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ยังจุดด้านในสุดทันที ตอนนี้นั่งขัดสมาธิ ดูดซับพลังวิญญาณสุดกำลัง นายกองทางนั้นเองก็เช่นกัน ประกายในดวงตาวาววับ กระทั่งว่าส่งเสียงร้องอย่างยินดีออกมาอีกด้วย

“องค์จักรพรรดิยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม องค์จักรพรรดิเกรียงไกรทรงอำนาจ!”

อู๋เจี้ยนอูที่อยู่กลางท้องฟ้าเข้าถึงบทบาทแล้วโดยสมบูรณ์ ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งหยิ่งยโส

เขามือไพล่หลัง ยืดอก มองกระดูกอสรพิษปีศาจที่อยู่ในทะเลสาบอย่างดูแคลน เอ่ยเสียงราบเรียบ

“ฟ้าดินสุดแท้แต่ใจข้าปรารถนา เจ้าอสรพิษปีศาจตัวเล็กๆ ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!”

จากเสียงดังสะท้อนก้องของอู๋เจี้ยนอู เสียงคำรามสะเทือนฟ้ายิ่งกว่าก่อนหน้านี้ก็ดังขึ้นในดินแดนวาสนาแห่งนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เทือกเขารอบๆ สั่นคลอนไปในเสี้ยวขณะนี้ ปฐพีสั่นคลอนขุนเขาสะเทือน!

“สะกดเจ้ามาแสนปี ไม่เหลือร่างกายแล้วช่างน่าสงสาร!” อู๋เจี้ยนอูสะบัดมือ เสียงยิ่งก้องกังวานกว่าเดิม รัศมีอำนาจพุ่งทะลุถึงขีดสูงสุดในชั่วชีวิตนี้ของเขา

กระทั่งว่าหัวอสรพิษที่อยู่บนเสายังสั่นสะเทือนเล็กน้อย พลังวิญญาณที่เข้มข้นกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าปะทุมาในเสี้ยวพริบตานี้

เห็นเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงกังวลนิดๆ ว่าวิญญาณของอสรพิษปีศาจตัวนั้นจะฟื้นตื่นขึ้นมาโดยสมบูรณ์จริงๆ จากนั้นก็กลืนอู๋เจี้ยนอูลงไปในคำเดียว

นายกองก็สูดลมหายใจ เขาชั่งน้ำหนักในใจอย่างรวดเร็ว คิดว่าหากอสรพิษปีศาจตื่นขึ้นมาจริงๆ อู๋เจี้ยนอูซี้แหงแก๋นั่นก็เรื่องหนึ่ง ตัวเขายังไม่พร้อม ไม่สะดวกไปถอนเขี้ยว ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็วว่า

“เจี้ยนเจี้ยนน้อยพอแล้ว ไม่ต้องท่องแล้ว”

อู๋เจี้ยนอูที่อยู่กลางท้องฟ้าได้ยินก็ขมวดคิ้ว ก้มหน้าปรายตามองนายกองอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง

“เจ้าคนชั้นต่ำสามหาวพูดอะไรกัน กล้าพูดกับข้าจักรพรรดิผู้นี้หรือ”

อู๋เจี้ยนอูในเสี้ยวขณะนี้แววตาสามส่วนมีความหยามเหยียด ห้าส่วนหยิ่งทะนง แล้วมีอีกสองส่วนที่น่าเกรงขาม เหมือนว่าเขาในตอนนี้หลอมไปในตัวละครจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวแล้วโดยสมบูรณ์

อย่างไรเสียนี่ก็เป็นความฝันของเขาทั้งชีวิต และเป็นเป้าหมายที่เขามุมานะ ขณะที่พูดแรงสั่นสะเทือนของดินแดนวาสนาแห่งนี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น คล้ายว่าอู๋เจี้ยนอูที่พูดจาเช่นนี้ทำให้วิญญาณอสรพิษปีศาจที่หลับใหลในห้วงนิททราถูกกระตุ้นรุนแรงขึ้น

นายกองเห็นอู๋เจี้ยนอูเข้าถึงบทบาทจนเกินสมควร ก็ถอนหายใจ มองไปทางสวี่ชิง

“สวี่ชิงเจ้ามาจัดการหน่อย ข้ากังวลว่าเจ้าโง่นี่จะเล่นใหญ่เกินทำตัวเองตาย”

สวี่ชิงเงยหน้า มองอู๋เจี้ยนอูแวบหนึ่งอย่างเย็นชา เขาไม่คิดว่าอู๋เจี้ยนอูเข้าถึงบทบาทจนเกินสมควร แต่เจ้านี่น่าจะตั้งใจมากกว่า ตอนนี้เมื่อมองไป อู๋เจี้ยนอูก็พลันหยุดชะงัก ในตอนที่กำลังจะอ้าปากพูดอะไร สวี่ชิงก็หยิบเอาแผ่นหยกบันทึกภาพเคลื่อนไหวชิ้นนั้นออกมา

ในเสี้ยวพริบตาที่เห็นแผ่นหยกชิ้นนี้ อู๋เจี้ยนอูก็สั่นสะท้านทันที สีหน้าฉายแววประจบประแจงออกมาอย่างรวดเร็ว รัศมีอำนาจท่วงท่าและแววตาทุกอย่างเมื่อก่อนหน้านี้หายไปไร้ร่องรอยทันที ร่างลอยต่ำลงมาทันที

“ศิษย์พี่สวี่มีอะไรพูดกันดีๆ ฮ่าๆ มีอะไรพูดกันดีๆ”

เห็นสวี่ชิงเก็บแผ่นหยกลงไป เขาถึงได้โล่งใจ ไม่ต้องสำรวจให้ละเอียดเขาก็เดาได้ว่าเนื้อหาในแผ่นหยกแผ่นนี้ต้องเป็นภาพที่ตนลูบท้องหมีในถ้ำแน่นอน ตอนนี้นอกจากโล่งใจแล้ว ประสบการณ์เมื่อครู่ทำให้ในใจเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ จึงเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า

“สะใจจริงๆ!!”

และในตอนนี้ จากการที่อู๋เจี้ยนอูไม่ได้แกล้งแสดงเป็นจักรพรรดิโบราณเสวียนหวงอีกต่อไป วิญญาณอสรพิษปีศาจตัวนั้นที่มีสัญญาณว่าจะตื่นขึ้นมาก็ค่อยๆ สงบนิ่ง แต่การเกือบฟื้นตื่นขึ้นหลายครั้งเมื่อก่อนหน้านี้ก็ทำให้พลังวิญญาณของที่นี่เข้มข้นขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นสวี่ชิงจึงไม่สนใจอู๋เจี้ยนอู หลับตากำหนดลมหายใจเต็มที่

จากการที่พลังวิญญาณมหาศาลดูดซับเข้าไปในร่างของเขา ช่องเวทก็กำลังสะสมพลังทะลวงเปิด ไม่นานนัก ในกายของเขาก็ส่งเสียงดังสนั่น ช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยสิบเอ็ดก็พลันทะลวงเปิดออก

สวี่ชิงสะท้านเฮือก ร่างเพียงไหววูบ ใช้ป้ายที่จอมเซียนจื่อเสวียนมอบให้พุ่งตรงไปยังใจกลางของดินแดนวาสนาแห่งนี้ เมื่อถึงวงในที่ใกล้กับทะเลสาบสีเลือด เขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่เข้มข้นยิ่งขึ้น

นั่งลงขัดสมาธิ ดูดซับอย่างรวดเร็ว

เวลาผ่านไปช้าๆ เช่นนี้เอง การฝึกบำเพ็ญของสวี่ชิงไม่หยุดนิ่งใดๆ ทั้งนั้น ทะลวงเปิดช่องเวทสุดกำลัง ส่วนทางนายกองแม้จะไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้พื้นที่ใจกลาง แต่นอกจากกำหนดลมหายใจแล้ว สายตาก็ไม่ได้เบนไปจากเขี้ยวที่เปรอะไปด้วยเลือดสีทองในปากอสรพิษปีศาจนั่นเลย

‘ของดี นี่ถึงจะเป็นของดี!’ นายกองกลืนน้ำลาย ดูดซับพลังวิญญาณไปด้วย สายตาก็มองไปที่เขี้ยวนั่นอย่างอาลัยอาวรณ์ไปด้วย

‘กลับไปต้องหาวิธีหักเขี้ยวนั่นลงมา ของสิ่งนี้มีวาสนากับข้า มีมันอยู่ วันข้างหน้าไม่ว่าอะไรข้าก็ละทิ้งได้ทั้งนั้น’ ในขณะที่นายกองดวงตาฉายความปรารถนาอันรุนแรงออกมา ช่องเวทในร่างสวี่ชิงก็ทะลวงเปิดได้ถึงช่องที่หนึ่งร้อยสิบสี่

ยังไม่จบแค่นั้น ยังทะลวงเปิดต่อไป

จวบจนหลังจากที่สวี่ชิงทะลวงเปิดช่องเวทช่องที่หนึ่งหนึ่งร้อยสิบหก พลังวิญญาณที่นี่ถึงได้ลดลง สวี่ชิงจึงลืมตา มองไปทางอู๋เจี้ยนอูที่อยู่ไกลๆ

ส่วนอู๋เจี้ยนอูก็รอเสี้ยวเวลานี้มานานแล้ว เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง พลันทะยานขึ้นฟ้า กวาดตามองกระดูอสรพิษปีศาจนั่นอย่างหยามเหยียด มือไพล่หลัง เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบว่า

“เจ้าอสรพิษปีศาจน้อย ไม่เจอกันนานหลายปี เจ้าเคยนึกเสียใจหรือไม่ที่กัดข้า!

“กินดื่มขับถ่ายหนักเบาอยู่ที่นี่ กระดูกล้วนเต็มไปด้วยอาจม!”

อู๋เจี้ยนอูเมื่อพูดออกไป วิญญาณอสรพิษปีศาจที่สงบลงก็ส่งเสียงคำรามสะท้านฟ้าอีกครั้ง เสียงคำรามครั้งนี้รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ไม่รู้ต่อกี่เท่า เหมือนว่าจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกัดฟันกรอดอยู่รางๆ ดังก้องไปทั่วทิศ

“เสวียนโยว!!”

กระทั่งว่าเทือกเขาที่แปรเปลี่ยนมาจากร่างของมันบริเวณรอบนอกสุด ตอนนี้ก็มีก้อนหินมหาศาลร่วงหล่น สั่นไหวไม่หยุด คล้ายว่าจะพัดปลิวไป

สวี่ชิงสูดลมหายใจ เอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว

“พอแล้ว!”

อู๋เจี้ยนอูรีบเก็บเสียง ความฮึกเหิมสะใจลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว ความจริงแล้วเขาก็ตื่นตะลึงกับภาพนี้ไปเหมือนกัน แต่ความเร้าใจและสะใจแบบนั้น ทำให้เขาควบคุมความคลั่งไคล้ต่อเรื่องนี้ไม่อยู่

เขากระทั่งเริ่มสงสัยว่าหรือตัวเองจะเป็นจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวกลับชาติมาเกิด ไม่เช่นนั้นทำไมถึงได้ผลดีขนาดนี้

นายกองที่อยู่ข้างๆ ก็มองไปทางอู๋เจี้ยนอูอย่างมองผู้ยิ่งใหญ่ วิธีนี้ที่เขาคิดกับสวี่ชิงเมื่อก่อนหน้า เดิมก็แค่คิดจะลองเท่านั้น ไม่รู้ว่าจะได้ผลจริงๆ หรือไม่

แต่คิดไม่ถึงว่า ไม่เพียงแต่จะได้ผล ผลลัพธ์ยังยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งว่าหากอู๋เจี้ยนอูทำแบบนี้ต่อไป ท่องกลอนอีกสิบกว่าบท เขาคิดว่าอสรพิษปีศาจจะต้องฟื้นตื่นขึ้นมาจริงๆ แน่นอน

“ได้ผลขนาดนี้เชียวหรือ ครั้งต่อไปข้าลองบ้าง”

จากการปะทุขึ้นอย่างมหาศาลของพลังวิญญาณ สวี่ชิงรีบดูดซับทันที พลังวิญญาณบริเวณที่เขาอยู่ตอนนี้เข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งว่ามาถึงขั้นที่ต่อให้เขาไม่ไปดูดซับ ก็ไหลเข้ามาตามรูขุมขนทั่วทั้งร่างเอง

เช่นนี้ ช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยสิบเจ็ดของเขา หลังจากนั้นครึ่งชั่วยามก็ทะลวงเปิดออกทันที

แววตาสวี่ชิงวาดหวังเป็นอย่างยิ่ง อ้าปากสูด พลังวิญญาณในกายพุ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเมื่อรวบรวมได้ในระดับหนึ่ง เขาก็แปรเปลี่ยนมันเป็นพลังมหาศาล แล้วทะลวงไปยังช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อบสิบแปดอย่างสุดกำลัง

เพียงพริบตา ช่องเวทที่หนึ่งร้อยสิบแปดก็เปิดออก!

“ยังเหลืออีกสองช่อง!” สวี่ชิงไม่ลังเล ดูดซับต่อไป

เวลาไหลไป หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม ในกายสวี่ชิงก็มีเสียงสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น ช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยสิบเก้าเปิดออกโดยสมบูรณ์!

“ช่องสุดท้าย!”

สวี่ชิงฮึกเหิม ความตื่นเต้นและความวาดหวังเต็มปรี่ แต่ช่องเวทช่องสุดท้ายนี้ต้องการพลังวิญญาณอย่างมหาศาล เขาจึงแผ่เพลิงพิฆาตในกายออกไปอย่างสุดกำลัง

กวาดตามองไปก็จะเห็นเปลวเพลิงสีดำนอกร่างสวี่ชิงซัดโหมไปทั่วทุกสารทิศ ก่อเป็นคลื่นวนเปลวเพลิงมหึมาลูกหนึ่ง ขณะหอบม้วนอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น ก็บังคับดูดพลังวิญญาณทั้งหมดของที่นี่มา

ต่อให้ที่นี่พลังวิญญาณเข้มข้น แต่ภายใต้การดูดซับจากสวี่ชิง คนอื่นๆ ในเสี้ยวขณะนี้ก็ไม่สามารถดูดซับได้เหมือนกัน ทำได้เพียงแค่มองพลังวิญญาณกำลังหลอมรวมอย่างบ้าคลั่งมาทางที่สวี่ชิงอยู่อย่างตื่นกลัว

สุดท้ายหลังจากที่หลอมรวมได้จนถึงขีดสูงสุด จากการที่สวี่ชิงอ้าปากกลืน พลังวิญญาณมหาศาลก็รวมอยู่ในร่าง แปรเปลี่ยนเป็นเงาอสรพิษมังกรรางเลือน ซัดโหมบดขยี้ไปยังช่องเวทที่หนึ่งร้อยยี่สิบของเขา!

เสี้ยวขณะต่อมา เสียงเปรี๊ยะๆ ก็ดังก้องในหัวของสวี่ชิง ช่องเวทที่หนึ่งร้อยยี่สิบทะลวงเปิดออกอย่างราบรื่น!

แต่คนทั้งหลายที่นี่กลับไม่เห็นการทะลวงเปิดช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบของสวี่ชิง!

ในเสี้ยวพริบตาที่เปิดออก สวี่ชิงก็บังคับเจ้าเงาไปคลุมช่องเวทเอาไว้ ขณะเดียวกันก็คลุมไปทั่วทั้งร่างด้วย ทำให้คนไม่เห็นรายละเอียด!

เขาไม่อยากเปิดเผยกำลังรบที่แท้จริงของตัวเองที่นี่

ไฟชีวิตดวงที่สี่ของเขาก็ถูกเจ้าเงาที่แปลงเป็นผ้าม่านคลุมเอาไว้เช่นนี้ ขัดขวางสายตาสำรวจทั้งหมด

มีเพียงสวี่ชิงเท่านั้นที่สัมผัสได้ ว่าใต้ผ้าม่านที่แปลงมาจากเจ้าเงา ไฟชีวิตดวงที่สี่ที่หลอมก่อตัวอย่างรวดเร็วในร่างของตนกำลังพวยพุ่งโชติช่วง!

ภายใต้ไฟชีวิตสี่ดวง สวี่ชิงหลับตา สัมผัสได้ว่าในร่างกายเหมือนมีโลกใบหนึ่งกำลังเผาไหม้ เปลวไฟแผ่ซ่านออกมาข้างนอก ในขณะที่ระเบิดสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว ฉัตรสองฉัตรก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ

ฉัตรสีดำแปลกประหลาดเย็นยะเยือก เปลวไฟที่ไหลวนดุจม่าน เผาไหม้ท้องฟ้า

ฉัตรเจ็ดสีทอประกายเจิดจ้า แสงรอบๆ ก่อเป็นมหาสมุทร สาดส่องปฐพี

วิหคทองที่อยู่ที่หลังสยายปีก ดวงตาเหี้ยมโหดดุดันดุจจะหลอมโลก หางเพลิงไหลวนทั่วทั้งร่างสวี่ชิงคลุมเป็นเสื้อคลุมจักรพรรดิให้เขา ดูแล้วประดุจจักรพรรดิโบราณวัยเยาว์ ปกครองที่นี่ สยบทั่วสารทิศ

เสี้ยวพริบตาต่อมา ทุกอย่างนี้ก็หายไปหมด หลังจากสวี่ชิงเก็บลงไป สีหน้าของเขาก็ฉายแววเสียดายนิดๆ ออกมา

“ยังขาดไปอีกนิด” สวี่ชิงถอนหายใจเบาๆ เสียงดังสะท้อนไปทั่วรางๆ ดังขึ้นในหูของลูกศิษย์พันธมิตรทุกคนที่สำรวจเขาแว่วๆ ทำให้พวกเขาเห็นว่าสวี่ชิงทะลวงขั้นไม่สำเร็จ สุดท้ายแล้วก็ยังขาดไปอีกนิด

อู๋เจี้ยนอูถอยหายใจโล่งอก เขารู้สึกว่าหากเห็นสวี่ชิงก่อไฟชีวิตสี่ดวงขึ้นด้วยตาตัวเอง ตัวเขาจะต้องไม่มีความสุขอย่างแน่นอน ส่วนตอนนี้เขารู้สึกนับว่าไม่เลว

มีเพียงนายกองเท่านั้นที่สายตาเบนจากเขี้ยวอสรพิษปีศาจมาจับจ้องที่ร่างสวี่ชิง กะพริบตาปริบๆ

‘รู้สึกว่าไม่ถูก เจ้าเด็กนี่น่าจะกำลังปกปิด!!’

นายกองคิดถึงตรงนี้ก็พลันรู้สึกว่า…ตัวเองควรพิจารณาเปิดอีกผนึกแล้ว

“มีศิษย์น้องแบบนี้ ทำไมข้าถึงรู้สึกกดดันขนาดนี้นะ!”

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท