บทที่ 1114 ข้อจำกัดดาราวีรบุรุษ
บทที่ 1114 ข้อจำกัดดาราวีรบุรุษ
หลูเฉินรู้ดีว่าการโจมตีของเฉินซี ต่อให้ใช้พละกำลังทั้งหมดต่อต้านไว้ได้ ก็คงบาดเจ็บสาหัสแน่
แทนที่จะเป็นแบบนั้น สู้โต้กลับยังดีเสียกว่า ไม่แน่ว่าเสี่ยงชีวิตแล้วอาจหาทางออกพบก็เป็นได้!
ฟ้าว!
กระบี่พันสารทกรีดผ่านฟ้า คมกระบี่แผ่ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนออกมา พร้อมกันนั้นกระแสเพลิงโปร่งแสง เผาผลาญห้วงอากาศจนกลายเป็นรูมากมาย
กระบวนท่านี้เรียกว่าเพลิงพันสารท!
ไม้สนับสนุนไฟ ส่งเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นท้องนภา!
กระบวนท่านี้เป็นไพ่ตายของหลูเฉินเช่นกัน เมื่อตอนอยู่ในตระกูลจั่วชิว ผู้อาวุโสตระกูลจั่วชิวที่มีความรู้เรื่องกระบี่ขั้นสูงเคยประเมินกระบวนท่านี้ไว้ว่า ‘ดั่งถูกเปลวเพลิงเผาผลาญนานนับปี’
ครืน!
กระบวนท่าปะทะเข้ากับคลื่นเมฆาของเฉินซีที่ซัดลงจากฟ้า หนึ่งไฟหนึ่งน้ำ ล้วนเป็นสุดยอดกระบวนท่ากระบี่ เมื่อเข้าปะทะกันแล้วก็เกิดพลังโกลาหลกระจายไปทั่ว ทำลายหมู่เมฆในระยะแสนลี้ เกิดหลุมดำน่าผวาขึ้นรอบทิศ
อั่ก!
หลูเฉินกระอักเลือดออกมา ใบหน้าซีดขาว เห็นได้ชัดว่าถูกกระบวนท่าตีกลับ เจ้าตัวแหงนมองอีกฝ่ายแล้วตกตะลึง เพราะการโจมตีนั้นทำอะไรเฉินซีไม่ได้เลย!
จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!?
กระทั่งสามองครักษ์โมฆะที่ล้อมกายเหลี่ยปิงหานอยู่ เมื่อเห็นหลูเฉินไอกระอักเลือดออกมาก็ตกตะลึงจนใจสั่น
อย่างไรในหกสิบสี่องครักษ์โมฆะ หลูเฉินก็มีกำลังมากติดห้าอันดับแรก จากที่จั่วชิวคงว่ามา หลูเฉินนั้นแกร่งจนติดห้าสิบอันดับแรกเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้าได้ทีเดียว อีกทั้งหากเขาทะลวงขอบเขตเซียนทองคำก็มีแนวโน้มว่าจะขึ้นเป็นยอดฝีมือที่แกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เฉกเช่นหกสุริยันอันเจิดจ้าแห่งภพเซียน!
แต่ตอนนี้หลูเฉินกลับพ่ายแพ้ให้กับสหายน้อยที่เพิ่งขึ้นสู่ภพเซียนอย่างนั้นหรือ!
กลับกัน เหลี่ยปิงหานกลับรู้สึกมีพลังใจมากขึ้น ตอนนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล กลิ่นอายอ่อนแรงลงมาก ชายหนุ่มกัดฟันสู้มาโดยตลอด ดังนั้นจึงเหมือนได้ยาเสริมความมั่นใจ ทำให้มีกำลังต่อสู้ขึ้นมาอีกครั้ง
“มหาสมุทรไร้พรมแดน!” ในเวลาเดียวกันนั้น เฉินซียังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมยืนอยู่กลางอากาศพร้อมกับกระบี่ในมือ ยันต์ศัสตราซัดลงมา ระเบิดกลิ่นอายทรงพลังไปทั่วบริเวณ!
พริบตาเดียวท้องฟ้าก็กลายเป็นมหาสมุทร!
คลื่นยักษ์กว้างใหญ่ไพศาลโถมถล่มเต็มฟากฟ้า ดับตะวันให้มืดลง เหมือนมหาสมุทรในห้วงอากาศกำลังซัดสาด หยาดน้ำ สายน้ำ และเกลียวคลื่นผสานรวมกันเป็นปราณกระบี่ธาตุน้ำอันลึกล้ำ
มารวมตัวกันกลางอากาศ เกิดเป็นมหาสมุทรจากปราณกระบี่!
ตอนนี้ลำธาร ทะเลสาบ หนองน้ำ และพลังธาตุน้ำทั้งหลายทั่วฟ้าดินภายในระยะล้านลี้พากันกรีดเสียง ไหลท่วมท้นเข้ามา ราวกับส่งเสียงโห่ร้องเชิดชูให้กับพลังแห่งกฎ!
ปรากฏการณ์ทั้งหมดนับว่าน่าตื่นตายิ่ง!
หลูเฉินหน้าซีดเผือด ดวงจิตแห่งเต๋าสั่นสะท้านรุนแรง นัยน์ตาหรี่ลง ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้นจะสามารถซัดกระบวนท่ากระบี่อันน่าตกตะลึงเช่นนี้!
ชายหนุ่มคิดหลบ แต่มองไปทางไหนก็มีเพียงมหาสมุทรสีน้ำเงินและวารีคลั่งจนไม่อาจหลบได้!
เหมือนเขาเป็นเพียงไม้น้ำลอยเคว้งอยู่ในมหาสมุทร! ที่สำคัญคือมันยังเป็นมหาสมุทรจากปราณกระบี่ธาตุน้ำเสียด้วย!
ตอนนี้หลูเฉินเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเฉินซีถึงกล้าบอกว่าตนคงไม่รอดสามกระบวนท่าไปได้ แค่การโจมตีครั้งนี้ก็ทำเอาสั่นสะท้าน เกิดความสิ้นหวังขึ้นในใจได้แล้ว!
แน่นอนว่าหลูเฉินเกิดมาพร้อมกับความโหดเหี้ยมล้อมรอบกาย ฝึกฝนอย่างหฤโหด แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตายก็ไม่สามารถคงความเยือกเย็นได้เลย
อย่างที่ใครบางคนว่าไว้ ความตายคือความหวาดกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!
กระทั่งปราชญ์และยอดฝีมือทั้งหลายยังไม่สามารถหลีกหนีความตายได้ ไม่ต้องพูดถึงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสูงเลย
“ไม่!!!” หลูเฉินหันหลังวิ่งราวกับคนบ้า กระบี่พันสารทในมือแปรเปลี่ยนเป็นแสนกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนโปรยลงมาดั่งใบไม้ร่วงโรยในสารทฤดู คิดจะกรีดฝ่ามหาสมุทรเบื้องหน้า หาทางรอดแม้เพียงน้อยนิด!
ใช่แล้ว เขาอยากหนี อยากนำทุกอย่างไปรายงานแก่นายน้อย อยากให้องครักษ์โมฆะทุกคนได้รู้ว่าเป้าหมายในครั้งนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิด!
เป้าหมายคือยอดฝีมือเต๋าแห่งกระบี่ เป็นเจ้าบ้าที่ไม่ปกติอย่างแท้จริง!
ครืน!
พลันมีคลื่นยกตัวสูงขึ้นเก้าชั้น พัดเอาปราณกระบี่คลั่งหายไปสิ้น ทำลายห้วงอากาศ ก่อนซัดสาดเข้าหาหลูเฉิน!
การโจมตีของชายหนุ่มไม่ต่างจากโยนหินลงทะเลสาบ เกิดน้ำกระเซ็นขึ้นเพียงชั่วครู่ สุดท้ายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ไม่!!!” หลูเฉินคำรามสุดเสียง เผยสีหน้าเหี้ยมเกรียมออกมา เขาเสียความสงบที่เคยมีไปสิ้น คล้ายอสูรที่กำลังจนตรอก ทั้งโกรธทั้งกลัวจนถึงขีดสุด
ชายหนุ่มดิ้นรนสุดชีวิต พลังมากมายปั่นป่วนราวกับอยากระเบิดตนเองแล้วลากเฉินซีให้ตกตายไปด้วยกัน
น่าเสียดายที่การกระทำที่เคยง่ายกลับกลายเป็นยาก เพราะพลังชีวิตและรูขุมขนทั่วร่างกำลังรู้สึกหวาดกลัวและถูกกักขังไว้ด้วยกฎแห่งวารี
วารีนั้นกระจายไปทั่วทิศ!
นี่คือธรรมชาติของกฎแห่งวารี เมื่อรวมกับการป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายระเบิดตนเองตั้งแต่แรก หลูเฉินจะมีโอกาสใดได้อีก?
ตู้ม!
พริบตาต่อมา มหาสมุทรนั้นก็กลืนกินหลูเฉิน!
เมื่อมันหายไปแล้วก็ไม่เห็นร่างหลูเฉินแล้ว ด้วยร่างกายถูกทำลายสูญสิ้นในมหาสมุทรเคล็ดกระบี่วารี!
เฉินซีถอนหายใจโล่งอก จากนั้นใบหน้าก็ขึ้นสีแดงฉานอยู่ชั่วครู่ กระบวนท่ามหาสมุทรไร้พรมแดนครั้งนี้นับว่าแกร่งที่สุดในเคล็ดกระบี่วารีที่ตนทำความเข้าใจมาทีเดียว
มันทรงพลังและกว้างใหญ่ไพศาล แต่ต้องใช้ปราณเซียนพิสุทธิ์สูงมากเช่นกัน ขนาดพื้นฐานมั่นคงของเฉินซียังแทบทนไม่ไหว
โชคดีที่มีต้นอ่อนเงาทมิฬช่วยสนับสนุน ทำให้สามารถออกกระบวนท่าจนสุดได้
“ศิษย์พี่หลูเฉิน!”
“เวรเอ้ย! เหตุใด…”
“ไม่นะ!”
องครักษ์โมฆะรอบกายเหลี่ยปิงหานเบิกกว้างแทบถลน ทั้งโกรธทั้งกลัวยิ่ง ไม่มีใครอยากเชื่อสายตาตน ไม่อยากเชื่อว่าศิษย์พี่หลูเฉินจะต้องมาตายด้วยน้ำมือของเฉินซี!
“ไปเถอะ! ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องนำเรื่องไปรายงาน!” องครักษ์โมฆะคนหนึ่งรีบรวมสติแล้วคำรามเสียงต่ำ แต่พูดยังไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงเลือดสาดกระเซ็น เมื่อปราณกระบี่วาดผ่านฟ้ามาบั่นศีรษะตนพอดิบพอดี!
“ไอ้บัดซบ! ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้!”
ตอนนี้องครักษ์โมฆะอีกสองคนที่เหลือหายตกใจแล้ว คนหนึ่งคำรามลั่นก่อนพุ่งใส่เฉินซี ส่วนอีกคนหันหลังแล้วดีดตัวจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อตกอยู่ในอันตราย พวกเขาก็ยังทำงานร่วมกัน คนหนึ่งคิดหยุดเฉินซี อีกคนรีบหนีเพื่อนำเรื่องไปรายงาน พวกเขาอาจสามารถดูถูกคนอื่นที่มีพลังเทียบเท่ากันได้
แต่โชคร้ายที่ครั้งนี้มาพบกับเฉินซี เจ้าบ้าที่ประหลาดเสียยิ่งกว่าใคร!
ฟึบ! ฟึบ!
กระบี่ฟาดฟันสองครั้ง องครักษ์โมฆะทั้งสองที่ไม่เหลือกำลังใจสู้อีกก็สิ้นใจตายเสียตรงนั้น เฉินซีออกกระบวนท่าธรรมดาเหมือนขยี้มดเท่านั้น
นี่คือผลจากการสูญเสียจิตวิญญาณในการต่อสู้ไป
เมื่อใจไม่คิดสู้ ก็เหมือนพยัคฆ์ถูกถอดเขี้ยว เหมือนสิงโตชราตัวหนึ่ง ไม่เหลือพละกำลังใดอีก
ตอนนี้องครักษ์โมฆะทั้งสิบสองถูกสังหารสิ้นด้วยฝีมือเฉินซี!
และเป็นในตอนนั้นเองที่เฉินซีถอดถอนหายใจยาวแล้วเริ่มหอบหนัก ตัวหลูเฉินกดดันเขาในการต่อสู้ครั้งนี้มาก รู้สึกโชคดีนักที่ในที่สุดมันก็จบลง
ด้วยการสนับสนุนของต้นอ่อนเงาทมิฬ เฉินซีจึงฟื้นพลังคืนได้มากในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ
แม้ว่าหลูเฉินและคนอื่น ๆ จะตายหมดแล้ว แต่สมบัติอมตะที่หลงเหลืออยู่ก็นับว่าหายากและเป็นของชั้นสูงจากตระกูลจั่วชิว ถึงแม้เฉินซีจะไม่มีเหตุผลให้ใช้ แต่ก็สามารถนำไปแลกเงินได้จำนวนมหาศาล
ทั้งหมดนี้ถูกเหลี่ยปิงหานที่ยืนอยู่จับจ้องด้วยความตกตะลึงจนพูดไม่ออก
การต่อสู้เมื่อครู่นับเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับเท่าที่เคยเห็นมา เกินกว่าที่ตนจินตนาการไวมาก อีกทั้งยังทำให้อารมณ์สะท้านไม่ใช่น้อย
นับว่าทำให้หูตาเขากว้างไกลขึ้นอีก หากอยู่เพียงสถานที่เดียว เช่นนั้นขอบเขตสายตาและความทะเยอทะยานก็จะถูกปิดกั้นอยู่เพียงเท่านั้น ไม่มีทางรู้ว่าบนยอดเขาสูงภายนอกยังมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าอยู่อีกมากมายเพียงใด
จึงเป็นเหตุผลให้เหลี่ยปิงหานยอมเสี่ยงชีวิตเข้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เพราะมันเป็นสำนักศึกษาอันดับหนึ่งในภพเซียน และตั้งอยู่ในทวีปที่รุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งของภพเซียน!
หากได้ไปบ่มเพาะพลังที่นั่น เขาจะได้ค้นพบกองกำลังสุดยอดที่แท้จริงแห่งภพเซียน!
“น่าเสียดายยิ่ง นอกจากสมบัติบางชิ้นที่ใช้ในการต่อสู้แล้วพวกนั้นก็ไม่มีคลังเก็บสมบัติอื่นอีก” หลังจากเก็บกวาดเรียบร้อย เฉินซีก็ส่ายหัวมองสมบัติอมตะระดับจักรวาลขั้นสูงและสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬขั้นสุดยอดสามชิ้นในมือ จากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นเหลี่ยปิงหานยังยืนจ้องตนนิ่งอยู่
“รีบไปก่อนที่จะเกิดเรื่องอีกดีกว่า” เฉินซีตะโกนหาเหลี่ยปิงหาน ก่อนร่างจะแปลงเป็นแสงพุ่งไปยังสะพานจรัสแสงเมฆา
“อืม” เหลี่ยปิงหานเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน หันไปมองพื้นที่แสนลี้ที่เต็มไปด้วยความรกร้างว่างเปล่า อดตะลึงไม่ได้ ก่อนจะหันหลังติดตามเฉินซีไป
ชายหนุ่มรู้ว่าภาพฉากนี้คงได้ประทับอยู่ในความทรงจำของตนอย่างไม่มีวันลืมแน่
…
เมืองจั่วชิว ตระกูลจั่วชิว
เปรี๊ยะ!
เสียงแตกดังก้อง จั่วชิวคงที่กำลังจิบชาอยู่ใต้ต้นไม้โบราณลืมตาขึ้นทันใด จากนั้นหยิบป้ายชะตาวิญญาณแตกร้าวออกมาจากกระเป๋าแล้วจ้องมองมันอยู่นาน
“ไม่สำเร็จหรือ? ไม่มีโอกาสได้ส่งข่าวกลับมาด้วยซ้ำ…” จั่วชิวคงพึมพำ ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มแผ่ไอเย็นชาออกมา
จั่วชิวเคอนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง นางวางถ้วยชาลงแล้วเบิกตากว้าง “ท่านพี่ หมายความว่าหลูเฉินกับคนอื่นตายกันหมดเลยหรือ?”
จั่วชิวคงสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อยับยั้งความไม่พอใจภายใน ก่อนพยักหน้า “ก็คงจะเป็นอย่างนั้น”
จั่วชิวเคอขมวดคิ้ว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จะส่งคนตามไล่ล่าเฉินซีมากขึ้น หลูเฉินกับพวกเป็นทหารสังเวยชั้นยอดที่ตระกูลเราลงทุนหล่อเลี้ยงมาไม่น้อย ต่อไปควรเป็นแรงสนับสนุนให้ท่านพี่ได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูล หากเสียไปสักคนย่อมเทียบได้กับเสียสมบัติอมตะระดับวีรบุรุษ!”
จั่วชิวคงส่ายหน้าถอนหายใจ “สายเกินไปแล้ว”
“เพราะเหตุใด?” จั่วชิวเคอชะงักไป
จั่วชิวคงเค้นคำออกมาเสียงเบา “เพราะข้อจำกัดดาราวีรบุรุษ!”