บทที่ 91 จะฟ้องประธานลี่ เชิญตามสะดวก
เสียงดังกังวานในร้านได้ยินชัดเจน
ครู่หนึ่ง พนักงานในร้านที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างตกอกตกใจ จ้องมองตาค้าง ไม่อยากเชื่อสายตาจะเกิดเหตุการณ์ทั้งหมดขึ้น
นั่น…นั่นคือสวี่รั่วยี! คุณหนูตระกูลสวี่เมืองหลินชวน แค่พูดคำเดียวก็ทำให้คนนับไม่ถ้วนตกงานได้ แต่ตอนนี้กลับขวัญหนีดีฝ่อ
เพียงแค่ผู้ช่วยเล็กๆ แม้ลี่ถิงเซิ่งจะเมตตาเธอแค่ไหน แล้วอย่างไรล่ะ
หวังว่าตระกูลลี่จะออกหน้าเพื่อผู้ช่วยเล็กๆ หรือ
สวี่รั่วยีใบหน้าร้อนผ่าว
รอยฝ่ามือประทับบนใบหน้าขาวผ่องของเธอชัดเจน เป็นสีแดงเรื่อ
สวี่รั่วยีสมองว่างเปล่า เธองงงวย ไม่ตอบสนองไปครู่หนึ่ง
เพียงแต่มือหนึ่งกุมหน้าตัวเอง สายตาจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่อยากจะเชื่อ
ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยมีใครกล้าทำอย่างนี้กับเธอ
อย่าว่าแต่ พ่อสวี่ และคุณนายสวี่แม้แต่คุณหนูแวดวงไฮโซที่ไม่ชอบหน้าเธอ แค่รู้ว่าเธอคือคุณหนูใหญ่ตระกูลสวี่ มีใครบ้างไม่รีบเข้ามาประจบประแจงเธอ!
สวี่รั่วยีถูกตบเป็นครั้งแรก ดวงตาแดงก่ำอย่างรวดเร็ว
สวี่รั่วฉิงนิ่งสงบมองหญิงสาวอ่อนแอตรงหน้า ไม่พูดอะไร
ดวงตาดำขลับคู่นั้น เต็มไปด้วยความเย็นชา
ซูจิ่วเอ๋อร์ ไม่หวั่นกลัวแม้แต่น้อย มีเธออยู่ด้วย ใครหน้าไหนอย่าได้คิดรังแกเพื่อนสนิทต่อหน้าเธอ
ในเมื่อสวี่รั่วฉิงกล้าใช้คำพูดดูหมิ่นดูแคลนสวี่รั่วฉิง ก็ควรจะเตรียมตัวถูกตบ
ใครใช้ให้เธอปากเสียล่ะ
“แอนนา…พ่อแม่ฉันยังไม่กล้าตบฉัน เธอกล้างั้นหรือ เธอกล้าหรือ…” สวี่รั่วยีเดินเข้ามา นิ้วชี้หน้าสวี่รั่วฉิงสั่นเทา
ความเจ็บปวดบนใบหน้าเตือนเธอ เมื่อครู่เธอถูกหักหน้าขนาดไหน
สวี่รั่วยีกัดฟันกรอด ขอบตาแดงก่ำจ้องมองหญิงสาวที่เพิ่งตบหน้าเธอ
ปกติสวี่รั่วยีออกจากบ้านจะพาเลขาและบอดี้การ์ดไปด้วยเสมอ มีเพียงวันนี้เท่านั้น ทำให้เวลานี้แม้แต่คนจะช่วยเธอระบายแค้นก็ไม่มี
“ คุณสวี่ ดูท่าพ่อแม่จะไม่ได้สั่งสอน ควรจะพูดกับคนอื่นอย่างไร” สวี่รั่วฉิงใบหน้าเย็นชา สาวงามที่ปกติแล้วใบหน้าสดใส เวลานี้ไม่มีความร่าเริงสักนิด
เธอมองสวี่รั่วยีสายตาเย็นชา พูดเน้นทีละคำ “ในเมื่อเธอพูดแล้ว ก็ต้องเตรียมใจ ไม่ใช่ทุกคนเหมือนพ่อแม่เธอ ไม่ใช่ทุกคนเป็นคนรับใช้ยอมก้มหัวให้เธอ”
พูดจบ สวี่รั่วฉิงก็เหลือบตามอง เห็นซูจิ่วเอ๋อร์ปิดบังความดีใจไม่มิด ในใจลึกๆ รู้สึกกลัดกลุ้ม
เธอไม่อยากจะฉีกหน้าสวี่รั่วยีตอนนี้
ฉีกหน้าเร็วเกินไป หมายถึงต่อไปเธอต้องเจอกับการกลั่นแกล้งจากตระกูลสวี่
ในเมืองหลินชวน ตอนนี้อำนาจที่จะปกป้องเธอได้มีเพียงตระกูลลี่ แต่ลี่ถิงเซิ่งลึกล้ำยากจะคาดเดา ตอนนี้เขาให้เธอทำงานเคียงข้าง เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะเธอแก้ปัญหาอาการนอนไม่หลับของเขาได้ และอีกเหตุหนึ่งคือความลับของเธอยังไม่เปิดเผยจึงดึงความสนใจจากเขาได้
เมื่อความลับของเธอถูกเปิดเผยต่อหน้าลี่ถิงเซิ่ง และเขาก็มีวิธีใหม่รักษาอาการนอนไม่หลับ
สวี่รั่วฉิงไม่กล้าคิดจุดจบของเธอจะเป็นอย่างไร
เมื่อครู่ไม่ควรหุนหันพลันแล่น
สวี่รั่วฉิงเสียใจมาก ในเมื่อเรื่องมาขนาดนี้แล้ว ก็ไม่อาจย้อนกลับไปได้ เธอมองซูจิ่วเอ๋อร์แวบหนึ่ง เสียงไม่ดังนัก “พวกเราคิดเงินเสร็จก็ไปกันเถอะ”
สวี่รั่วฉิงเพิ่งพูดจบ ก็รู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวของผู้หญิงที่อยู่ข้างหลัง หันไป ก็พอดีกับที่จับข้อมือเรียวของสวี่รั่วยีได้แม่นยำ
“ปล่อยฉันนะ!” สวี่รั่วยีร้องเสียงดัง
เธอมองผู้จัดการที่ดูละครอยู่ข้างๆ “พวกแกบ้าไปแล้วหรือ ปล่อยให้ผู้หญิงเสียสติทำกับฉันอย่างนี้ ฉันเป็นวีไอพีของร้านนี้! พวกแกคิดให้ดี! เรื่องที่วันนี้ฉันถูกหมิ่นเกียรติ ไม่ช้าสักวันหนึ่งแบรนด์ของพวกแกจะต้องล่มจม!”
“คุณสวี่ ถ้าตอนนี้ฉันปล่อยมือคุณ ฝ่ามือคุณคงจะกระทบหน้าฉันสิคะ”
สวี่รั่วฉิงไม่ร้อนรน จ้องมองสายตาไม่มั่นใจของสวี่รั่วยี
เธออยู่ต่างประเทศหลายปี เพราะวัฒนธรรมแตกต่างกับที่บ้านเกิด จึงเรียนศิลปะป้องกันตัว
นึกไม่ถึง ตอนนี้จะได้นำมาใช้
“ตบหน้าเธอแล้วยังไง” สวี่รั่วยีไม่แคร์ ในสายตาเธอ สวี่รั่วฉิงกับเธอไม่เคยใช่คนระดับเดียวกัน
“เธอคิดว่าวันนี้ตบฉันแล้ว เรื่องนี้ก็จะผ่านไปง่ายๆ หรือ ฉันจะบอกเธอให้เอาบุญแอนนา ไม่มีทาง! ถ้าฉันบอกเรื่องนี้กับลี่ถิงเซิ่ง ลองเดาดูสิเธอจะยังทำงานกับลี่ซื่อกรุ๊ปได้อีกนานแค่ไหน หืม”
สวี่รั่วยีมองหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเย่อหยิ่ง ไม่ยอมอ่อนข้อให้ “ยังไม่รีบปล่อยอีก!”
ซูจิ่วเอ๋อร์โกรธจัด “สมองมีปัญหาหรือไง ตัวเองพูดจาน่าเกลียดขนาดนั้น ถูกสั่งสอนยังหวังให้คนปล่อยเธอหรือไง เธอมีความสามารถอะไร เอาแต่ฟ้องผู้ชาย น่ารำคาญ”
ซูจิ่วเอ๋อร์ดูแคลนคนที่ไม่มีความสามารถ แล้วยังเอาแต่อาศัยผู้ชายเชิดหน้าเป็นที่สุด
สวี่รั่วยีถูกพูดจี้ใจดำ
สวี่รั่วยีใบหน้าแดงก่ำ
คำพูดซูจิ่วเอ๋อร์ทิ่มแทงเธอที่ยืมอำนาจคนอื่นมาข่มเหง
“เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอเป็นใครกัน น่าขัน คบกับแอนนาไม่สืบหน่อยหรือฉันคือใคร คิดว่าพวกเธอมีสปอนเซอร์เข้าหน่อย จะกร่างอะไรก็ได้งั้นหรือ”
ซูจิ่วเอ๋อร์กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง สวี่รั่วฉิงส่ายหน้าเบาๆ ให้เธอเป็นเชิงห้าม
“คิดเงินเสร็จพวกเรากลับกัน อย่าไปต่อปากต่อคำกับเธอ” สวี่รั่วฉิงพูด
ใช่ว่าเธอไม่อยากเผชิญหน้ากับสวี่รั่วยีตรงๆ
แต่ตอนนี้อำนาจของตัวเธอห่างไกลกับตระกูลสวี่ที่อยู่เบื้องหลังสวี่รั่วยีลิบลับ
ใช้อำนาจของตระกูลซูกดดันสวี่รั่วยี ก็เป็นการขัดกับความตั้งใจแต่แรกของเธอ
ซูจิ่วเอ๋อร์สมแล้วที่เป็นเพื่อนสนิทของสวี่รั่วฉิง แค่ส่งสายตานิดเดียว เธอก็เข้าใจความหมายของหญิงสาว
จริงๆ เลย ถ้าให้เธอพูด บางครั้งอีโก้ของสวี่รั่วฉิงมากเกินไป
ตระกูลซูก็เห็นเธอเป็นเหมือนลูกสาว บางครั้งจะใช้อำนาจของตระกูลซูบ้างจะเป็นอะไรไป
ซูจิ่วเอ๋อร์กลอกตามองสวี่รั่วยี “ผู้จัดการ ช่วยห่อของให้หน่อยค่ะ”
ผู้จัดการถึงเข้ามา รีบค้อมเอวพยักหน้า
แม้ไม่รู้ว่าเบื้องหลังของหญิงสาวสองคนนี้จะมีสปอนเซอร์เป็นใคร แต่สั่งแบรนด์ระดับโลกได้ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ควรระมัดระวังต้อนรับเป็นอย่างดี
ซูจิ่วเอ๋อร์คิดเงินเสร็จแล้ว สวี่รั่วฉิงก็ปล่อยข้อมือสวี่รั่วยีทันที
เวลานี้ ข้อมือของสวี่รั่วยีเป็นรอยจ้ำแดงแล้ว
“คุณสวี่ อยากจะฟ้องประธานลี่ ก็เชิญตามสบายเลย ฉันทำอะไรตรงไปตรงมา ฉันเชื่อว่าแม้คุณจะบอกประธานลี่ เขาไม่มีทางทำให้ฉันลำบากใจ ถ้าเขาทำให้ฉันลำบากใจ…”
สวี่รั่วฉิงหยุดนิดหนึ่ง เผยรอยยิ้มเยาะเย้ย “ก็ถือว่าฉันดูเขาผิดไป เขาก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายคนอื่นในโลกนี้”
พูดจบ สวี่รั่วฉิงกระแทกรองเท้าส้นสูงสีดำ เดินสง่างามจากไปพร้อมกับซูจิ่วเอ๋อร์ ทิ้งสวี่รั่วยีไว้เบื้องหลัง
ในร้าน สวี่รั่วยีหน้าดำหน้าแดง
พนักงานขายรอบๆ ยังเห็นเธอเป็นตัวตลก
“ดูอะไรอยู่ได้!” สวี่รั่วยีโมโหเตะโซฟาเต็มแรง “ฉันบอกพวกแกไว้เลย อย่าคิดว่าเรื่องจะจบแค่นี้! กล้าทำผิดต่อฉัน เตรียมใจไว้ให้ดีเถอะ!”