บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1151 บงกชครามบรรพกาล

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1151 บงกชครามบรรพกาล

บทที่ 1151 บงกชครามบรรพกาล

สระน้ำสีครามที่อยู่ห่างออกไปสิบจั้ง เต็มไปด้วยคลื่นหยกกระเพื่อมอยู่ด้านใน ปกคลุมด้วยหมอกปราณเซียนหนาแน่น ส่งกลิ่นหอมสดชื่นพาให้หัวใจเบิกบานแผ่ซ่านไปทั่ว

หากมองอย่างระมัดระวัง หมอก กลิ่นหอมสดชื่น แม้กระทั่งของเหลวสีเขียวมรกตที่รวมตัวกันอยู่ในสระน้ำล้วนเกิดจากดอกบัวสีฟ้าครามทั้งสามสิบหกดอก

ดอกบัวสีฟ้าเหล่านี้มีลำต้นตั้งตรง เอนไหวอย่างสง่างาม ดอกบัวสีฟ้าทุกดอกมีใบบัวแกว่งไปมาเคียงดอกถึงเก้าใบ เส้นใยลำต้นของใบเหล่านี้เป็นเหมือนแผนภาพยันต์ เต็มไปด้วยบรรยากาศลึกลับสุดจะพรรณนา

ชายวัยกลางคนร่างกำยำหัวโล้นในชุดดำ นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลางดอกบัวทั้งสามสิบหก สีหน้าซีดเซียวและโปร่งแสง ผิวหนังปกคลุมไปด้วยรอยแผลเป็นและรอยฉีกขาดที่น่าสะพรึงกลัวมากมาย รัศมีที่เปล่งประกายทั้งสับสนไร้ระเบียบราวกับกำลังจะพังทลายลง

ยามนี้ อากาศบริสุทธิ์สองสายไหลเวียนจากทางจมูกและปากทุกครั้งที่หายใจ ก่อให้เกิดฉากสะท้อนการแลกเปลี่ยนระหว่างกระจ่างกับขุ่นมัวและหยินกับหยาง

เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้อาศัยพลังงานของสระบงกชคราม เพื่อซ่อมแซมร่างกายที่เสียหายของตน

“บงกชครามบรรพกาล!? ทั้งยังมีมากถึงสามสิบหกดอก! กระจัดกระจายอยู่ทั่วสระน้ำ จัดเรียงเป็นผังดาราที่ผสมผสานหยินและหยางไว้ กำเนิดรัศมีศักดิ์สิทธิ์แผ่ทั่วอย่างไร้ขอบเขต เรียกได้ว่าเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้!”

เฉินซีกลั้นหายใจตั้งสมาธิอยู่ไกล ๆ เขาไม่เคยคาดคิดว่าที่ซ่อนของราชาวิญญาณหน้าศิลานี้จะมีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์อย่างบงกชครามบรรพกาลเช่นนี้

บงกชครามบรรพกาลเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งที่เกิดในช่วงเวลาหลังจากความโกลาหลที่ปกคลุมโลกถูกแยกออกจากกัน และก่อเกิดโลกบรรพกาลขึ้น มันหลอมรวมปราณบริสุทธิ์และแก่นแท้ของสวรรค์และปฐพีเข้าด้วยกัน มันทั้งลึกล้ำ บริสุทธิ์ และศักดิ์สิทธิ์เกินหยั่งรู้ได้

บงกชครามบรรพกาลเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่มีปราณบริสุทธิ์ของมหาเต๋า และเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบ รวมทั้งประเมินค่าไม่ได้ มันเป็นสมบัติที่แม้จะมีโชคเป็นล้นพ้นก็ใช่ว่าจะได้มา!

สิ่งสำคัญที่สุดคือ หากใครใช้ปราณบริสุทธิ์แห่งมหาเต๋าของบงกชครามบรรพกาล ในขณะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลาง ทำลายด่านของความลึกลับทั้งสาม ‘ด่านปฐพีลี้ลับ’ ก็จะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น และทำให้กำเนิดวิญญาณปฐพีที่บริสุทธิ์ที่สุดขึ้นมา!

วิญญาณปฐพี คือจุดที่ปราณอันขุ่นมัวมาบรรจบกันในร่าง …เมื่อคนผู้หนึ่งกำเนิดขึ้นบนโลก มันย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จิตวิญญาณของคนคนนั้นจะปนไปด้วยปราณขุ่นมัว ในขณะที่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลางนั้น มีเพื่อชำระล้างปราณขุ่นมัวนี้ภายในวิญญาณปฐพี และเปลี่ยนให้เป็นปราณบริสุทธิ์ เมื่อถึงจุดนั้น แก่นแท้แห่งชีวิตก็จะเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง!

แน่นอนว่าผลของบงกชครามบรรพกาลนั้นไม่ได้ธรรมดาเลย และสามารถส่งผลมากมายอย่างเกินจะพรรณนาได้ เมื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำหรือแม้แต่ขอบเขตเซียนปราชญ์

ท้ายที่สุด มันเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ ตามตำนานอันไร้ขอบเขตของภพเซียน บงกชครามบรรพกาลในยุคแรกเริ่มเคยได้บรรลุถึงเต๋า และเปลี่ยนเป็นเทพเซียน มันบ่มเพาะมากว่าหมื่นปีและในที่สุดก็บรรลุขอบเขตราชันเซียน จนถูกเรียกว่าขอบเขตราชันเซียนบงกชครามบรรพกาล!

สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าบงกชครามบรรพกาลนั้นพิเศษเพียงใด

ด้วยเหตุนี้เองที่เฉินซีรู้สึกว่าเป็นการยากที่จะเชื่อ เมื่อเห็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เช่นบงกชครามบรรพกาลภายในถ้ำของราชาวิญญาณหน้าศิลา

ราวกับขุมสมบัติสะเทือนโลกที่ซ่อนอยู่ในบ้านของชาวนา มันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงและไม่น่าเชื่อยิ่ง

“พูดกันตามเหตุผลแล้ว นี่คือแดนโลหิตซึ่งเป็นอาณาเขตของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้จะยังไม่ถูกค้นพบได้อย่างไรกัน? เพราะในสระนี้ก็ไม่ได้มีเพียงดอกเดียว แต่มีถึงสามสิบหกดอก! ถ้าปรากฏสู่โลกภายนอก มันจะดึงดูดความโลภของผู้มีอำนาจนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน” เฉินซีขมวดคิ้วและรู้สึกราง ๆ ว่าการมีอยู่ของบงกชครามบรรพกาลในสระน้ำนี้มีบางอย่างแปลก ๆ

แต่หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็หยุดคิดและมุ่งความสนใจไปที่ชายวัยกลางคนร่างกำยำหัวโล้นในชุดดำ ถ้าคาดเดาไม่ผิด นั่นยอมเป็นราชาวิญญาณหน้าศิลาอย่างแน่นอน

“ข้าเสียเวลาไม่ได้อีกแล้ว รัศมีชีวิตที่ใกล้จะพังของชายผู้นี้กำลังฟื้นตัวขึ้นทีละนิด ถ้าให้เวลาเขามากกว่านี้ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสสังหารเขาได้อีก…” เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหยิบคันธนูขนาดใหญ่ออกมา

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

สายธนูสั่นขึ้นสามครั้งในทันควัน ราวกับเสียงมังกรคำราม เมื่อสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬชั้นสูงสามชิ้น ถูกเฉินซียิงออกไปด้วยเต๋าแห่งคันศร พวกมันกลายเป็นลำแสงพร่างพราวฉีกผ่านอากาศขณะพุ่งเข้าหาใจกลางสระน้ำ!

ฟู่ ฟู่ ฟู่~

เสียงเสียดสีที่แหลมคมและหูหนวกดังก้องไปทั่วอากาศว่างเปล่า รบกวนจิตใจ รัศมีอันสง่างามของมันเต็มไปด้วยรัศมีแห่งการทำลายล้างและสังหารทุกสิ่งที่ขวางหน้า

“ฮึ่ม! เจ้าบัดซบตัวจ๋อยในขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้นอย่างเจ้า คิดว่าสามารถลอบโจมตีเปิ่นหวางได้งั้นรึ?”

ใจกลางสระน้ำ ชายวัยกลางคนในชุดสีดำผู้หลับตาทำสมาธิอยู่ลืมตาขึ้น ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมด้วยความเย็นชาและกระหายเลือด ราวกับคาดเดาถึงการปรากฏตัวของเฉินซีได้

ขณะที่พูด ชายผู้นั้นก็ยื่นมือออกไปคว้าจับลูกศรสามดอกไว้ได้อย่างง่ายดาย ทว่าจู่ ๆ ทั้งร่างก็สั่นสะท้านอย่างกะทันหัน ส่วนมือที่ใช้จับ ‘ลูกธนู’ กลับสั่นมากยิ่งกว่า

ความตกใจและความงุนงงฉายชัดในดวงตา เหมือนว่าไม่คาดคิดว่า ‘ลูกธนู’ ทั้งสามนี้จะมีพลังอันน่าเกรงขามเช่นนี้

“นี่ไม่ใช่การลอบโจมตี”

ชู่ว!

ในเวลาเดียวกับที่เฉินซีดึงคันธนูและปล่อย ‘ลูกธนู’ ออก ชายหนุ่มก็ดึงยันต์ศัสตราแล้วกระโดดเข้าฟาดฟันใส่ราชาวิญญาณหน้าศิลา

ครืน!

คลื่นกระบี่ก่อให้เกิดทะเลหยกที่ปกคลุมท้องฟ้าและบดบังดวงอาทิตย์ กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต มันห่อหุ้มราชาวิญญาณหน้าศิลาไว้ด้านใน นี่เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเคล็ดกระบี่วารี มหาสมุทรไร้พรมแดน!

ทว่าราชาวิญญาณหน้าศิลานั้นเป็นตัวตนที่เทียบได้กับเซียนทองคำ แม้จะบาดเจ็บหนักและใกล้ตาย การสังหารเขาจึงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด

ดังนั้นทันทีที่โจมตี เฉินซีจึงเลือกใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด!

“มดปลวก! แส่หาที่ตาย! ในเมื่อเจ้าทำให้การรักษาอาการบาดเจ็บของข้าต้องล่าช้า ก็จงชดใช้ด้วยชีวิตของเจ้ามาซะ!”

ราชาวิญญาณหน้าศิลากู่ร้องอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนที่ทั้งร่างจะสว่างวาบ และกลายร่างเป็นยักษ์สูงร้อยจั้ง กล้ามเนื้อแข็งราวกับหิน ใบหน้าเปลี่ยนไปอย่างน่าสะพรึง มันยกแขนขึ้นก่อนที่ฟาดฝ่ามือใหญ่ราวกับม่านที่ปกคลุมท้องฟ้า กระแทกลงมาบดขยี้เบื้องล่างอย่างแรง!

ครืน!

เสียงดังก้องเขย่าสวรรค์ ราวกับว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปะทะกัน แผ่นดินไหวคลื่นสะเทือนปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ผลสะท้อนที่น่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายกวาดล้างไปทุกทิศทุกทาง เขย่าถ้ำลึกให้สั่นสะเทือนจนหินปลิวว่อนและกำแพงหินพังทลาย

อย่างไรก็ตาม ดอกบัวทั้งสามสิบหกดอกในสระกลับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น ราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นห่อหุ้มและปกป้องพวกมันไว้

อัก!

แรงกระแทกส่งเฉินซีกระเด็นไปไกลกว่าร้อยจั้ง ชายหนุ่มไอเป็นเลือดในขณะที่ใบหน้าซีดลง แววตาเต็มไปด้วยความตกใจที่ไม่สามารถปกปิดได้ เขาก็ตระหนักว่าตนยังประเมินความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ต่ำเกินไป

ตัวตนขอบเขตเซียนทองคำไม่ใช่จัดการได้ง่าย ๆ สังเกตได้จากการที่จี้เซวียนปิงกับจ้าวเมิ่งหลีรวมกำลังกัน แต่ก็ไม่สามารถสังหารราชาวิญญาณหน้าศิลาได้แม้จะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว

แต่ในอึดใจต่อมา เฉินซีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หลังจากการโจมตีที่รุนแรงของราชาวิญญาณหน้าศิลา ภายนอกดูเหมือนจะไม่เกิดผลกระทบใด ๆ แต่ภายใต้การจ้องมองด้วยเนตรเทวะแห่งความจริง พลังงานในร่างกายของราชาวิญญาณหน้าศิลานั้นกำลังเหี่ยวแห้งและพังทลายลงอย่างรวดเร็ว!

ตราบเท่าที่ยังยืนหยัดต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ราชาวิญญาณหน้าศิลาย่อมเหนื่อยจนตายไปเอง

“หากเจ้ายอมจากไปตอนนี้ เปิ่นหวางจะปล่อยเจ้าไป มิฉะนั้น แม้แต่ตราดาราม่วงก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเจ้าได้!” ราชาวิญญาณหน้าศิลาตะโกนด้วยเสียงทุ้มลึก คำพูดไร้ความปรานี แต่กระนั้นก็ไม่อาจปกปิดความกังวลในน้ำเสียงได้อย่างสมบูรณ์

เห็นได้ชัดว่าเขาตระหนักดีว่าตนกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่เช่นกัน

ฆ่า!

คิดหรือว่าเฉินซีจะรับฟังคำกล่าวของอีกฝ่าย? ร่างสูงใหญ่พุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

“กล้าดีอย่างไร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะทำให้เจ้าได้ตายสมใจเอง!” ราชาวิญญาณหน้าศิลาคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ในขณะที่จิตสังหารไม่มีสิ้นสุดทั่วทั้งร่างพุ่งทะยานขึ้น และเข้าต่อสู้กับเฉินซี

เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน เฉินซีเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มถูกอัดปลิวว่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไอเป็นเลือดไม่หยุด สภาพน่าอดสูเป็นอย่างมาก ทว่าดวงตากลับสว่างสดใสขึ้นทุกขณะ เพราะยิ่งอีกฝ่ายทุบตีตนเท่าไหร่ รัศมีของราชาวิญญาณหน้าศิลาก็แสดงสัญญาณของการล่มสลายมากขึ้นเท่านั้น

ในทางกลับกัน สีหน้าของราชาวิญญาณหน้าศิลานั้นมืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาที่เหมือนบ่อเลือดเต็มไปด้วยความโกรธและความกังวล แต่ไม่ว่าจะพยายามมากเพียงใด ก็ไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้

ครืน!

ราชาวิญญาณหน้าศิลาตบเฉินซีลอยไปอีกครั้ง ทว่าคราวนี้กลับไม่ได้ไล่ตามอีกฝ่ายไป ชายผู้นั้นหันกลับทันที ก่อนจะกระโดดลงไปในสระบงกชครามและกู่คำรามด้วยสีหน้าบ้าคลั่ง “ในเมื่อเจ้าทำให้เปิ่นหวางต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง เช่นนั้นเปิ่นหวางจะทำลายบงกชครามบรรพกาลทิ้งซะ!”

ขณะที่พูดชายผู้นั้นก็ยกแขนขึ้น แขนเปล่งแสงสีเลือดจำนวนมากมายออกมา ดูราวกับขวานสีเลือดคู่หนึ่ง ก่อนจะฟาดลงไปทางบงกชครามบรรพกาลทั้งสามสิบหกดอกอย่างรุนแรง

รูม่านตาของเฉินซีหดลง ไม่คิดว่าคนผู้นี้จะทำเช่นนี้จริง ๆ แต่มันก็สายเกินไปแล้วที่จะหยุดยั้งราชาวิญญาณหน้าศิลาแล้ว

โอม~

ทว่าก่อนที่การโจมตีของราชาวิญญาณหน้าศิลานจะฟาดลงมา จู่ ๆ ข้อจำกัดที่ไร้รูปร่างก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือบงกชครามบรรพกาลทั้งสามสิบหกดอก ทอเป็นแม่น้ำแห่งดวงดาวเปล่งประกาย เสียงดังโครมครามดังก้อง ขณะที่ร่างกายสูงกว่าร้อยจั้งของราชาวิญญาณหน้าศิลาถูกยกลอยโยนขึ้นไปในอากาศ!

ตุ้บ!

ราชาวิญญาณหน้าศิลาร่วงบนพื้นดุจกระสอบทราย ผิวหนังบนร่างกายแตกออก เลือดสด ๆ พุ่งกระจาย กระดูกในร่างกายล้วนแตกหัก ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไร เขาก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก

เห็นได้ชัดว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการจู่โจมครั้งนี้นั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด เฉินซีที่เฝ้าเหตุการณ์นี้จากระยะไกลอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง ด้วยความตกใจอย่างยิ่ง

“เหมิงซิงเหอ! เปิ่นหวางปกป้องดูแลเจ้าและบงกชครามบรรพกาลมากว่าแปดพันปี แต่ยามนี้เจ้ากลับตั้งใจจะสังหารเปิ่นหวาง! เจ้า!” ราชาวิญญาณหน้าศิลาคำรามอย่างบ้าคลั่ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่พอใจ

ทันทีที่ได้ฟังพูดคำเหล่านี้ เฉินซีจึงเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ ว่าบงกชครามบรรพกาลเหล่านี้เป็นของใครบางคนจริง ๆ ในขณะที่ราชาวิญญาณหน้าศิลาเป็นเพียงทาสที่ดูแลมันเท่านั้น!

เหมิงซิงเหอ!

คนผู้นี้คือใครกัน?

หรือจะเป็นบุคคลสำคัญของสำนักศึกษา? เหตุใดจึงทิ้งบงกชครามบรรพกาลไว้ที่นี่?

คำถามนับไม่ถ้วนแล่นวาบขึ้นมาในใจของเฉินซีเหมือนสายฟ้าฟาด แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้ตอบสนอง ราชาวิญญาณหน้าศิลาก็สิ้นใจไปแล้ว และไม่ส่งเสียงอะไรอีก

ในเวลาเดียวกันห้าพันแต้มดาราก็ปรากฏขึ้นภายในตราดาราม่วงของชายหนุ่ม รวมกับของเดิมกลายเป็นแต้มดารามากกว่าหนึ่งหมื่นเจ็ดพันแต้ม!

“เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ข้าที่สังหารเขา แต่ข้ากลับได้รับแต้มดารา? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน…” เฉินซีตกตะลึง ไม่มีความประหลาดใจที่น่ายินดีใด ๆ ในหัวใจ ขณะที่มองไปยังสระบงกชครามด้วยความสับสนงุนงง

ชู่ว!

ตอนนั้นเอง คลื่นหยกภายในสระพลันเดือดพล่าน ขณะที่บงกชครามบรรพกาลทั้งสามสิบหกดอก ดูเหมือนถูกมือใหญ่ที่มองไม่เห็นจับไว้ พวกมันลอยขึ้นไปในอากาศราวกักำลังจะบินหนีไป

“ไม่เลว หนุ่มน้อย ชะตากรรมของเจ้าเป็นดั่งสายรุ้ง และความกล้าหาญของเจ้าก็น่ายกย่อง ในเมื่อเจ้าโชคดีที่มาถึงที่นี่ได้ ข้าก็จะมอบบงกชครามบรรพกาลนี้ให้แก่เจ้า”

เสียงโบราณดังก้องอยู่ในหูของเฉินซี เหมือนดั่งเสียงฟ้าร้องที่ก้องอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ชวนให้ผู้คนรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ประหนึ่งได้ฟังความลับของมหาเต๋า กระตุ้นความรู้สึกเกรงขามในใจโดยไม่ได้ตั้งใจ

ทันทีที่เสียงก้องในอากาศเงียบลง บงกชครามบรรพกาลประกายสีสดก็ปรากฏขึ้นในมือของเฉินซี ในขณะที่บงกชครามบรรพกาลอีกสามสิบห้าดอกหายวับไปในอากาศ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท