บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1163 ระฆังเต๋าแห่งการประชัน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1163 ระฆังเต๋าแห่งการประชัน

บทที่ 1163 ระฆังเต๋าแห่งการประชัน

จุดไฟแห่งวิญญาณปฐพี กำจัดปราณที่มัวหมอง และรวมจิตวิญญาณของสวรรค์และปฐพีเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล

นี่คือขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลาง

แต่สำหรับเฉินซีแล้วมันมีความหมายต่างไปมาก เพราะมันหมายความว่าพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งได้รับการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง!

หากเริ่มการทดสอบรอบแรกใหม่ในตอนนี้ เขาก็มั่นใจว่าตนจะสามารถติดอันดับหนึ่งในห้าอันดับแรกได้!

ทว่าเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าขีดจำกัดของความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของตนอยู่ที่ระดับใด

กล่าวโดยสรุป ก่อนหน้านี้เฉินซีอาจกลัวเจิ่นลู่ จี้เซวียนปิง และจ้าวเมิ่งหลีอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป

นี่คือการเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจที่เกิดจากการขัดเกลาฐานการบ่มเพาะ!

“ถึงเวลาที่จะผสานความลึกลับทั้งหมดที่มีอยู่ในกระบวนท่าทั้งสามของเคล็ดกระบี่วารี… ”

เฉินซีค่อนข้างพอใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะทันคิดเรื่องนี้ ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นว่าทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่ตน…

แต่ในอึดใจต่อมาเขาก็เข้าใจทุกอย่าง มันคงเป็นเพราะการสรรเสริญจากทวยเทพ

เขาไม่เคยได้ยินชื่ออวินฟูเซิงมาก่อน แต่ตระหนักดีว่า ความสำเร็จเมื่อครู่ดูเหมือนจะเหนือกว่าเจิ่นลู่ด้วยซ้ำ…

หลังจากนั้น เฉินซีก็หยุดคิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้

สิ่งที่ต้องใส่ใจไม่ใช่อันดับในการทดสอบของตน แต่เป็นการสามารถเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้หรือไม่ ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ ทำให้ภาระที่ค้างอยู่ในใจถูกปลดเปลื้องโดยสมบูรณ์

ขวับ!

ในขณะเดียวกัน หวังต้าวหลูก็สะบัดแขนเสื้อ ทำให้เกิดพลังที่มองไม่เห็นห่อหุ้มทะเลสาบสะท้อนดวงกมลทั้งหมด รวมไปถึงเฉินซีและคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

“การทดสอบรอบที่สามสิ้นสุดลงแล้ว ข้าจะพาพวกเจ้าทุกคนไปที่โถงแห่งการประชัน หลังจากการทดสอบขั้นสุดท้ายและการจัดอันดับสิ้นสุด ข้าจะจัดเตรียมสถานที่ฝึกฝนให้กับพวกเจ้าทุกคน”

ฟุ่บ!

ก่อนที่เสียงของหวังต้าวหลูที่ยังคงดังก้องไปในอากาศจะเงียบลง เฉินซีและคนอื่น ๆ รู้สึกวิสัยทัศน์พร่ามัว จากนั้นพวกเขาก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นพาตัวออกไป

“ทุกคนไปกันเถอะ ความช่วยเหลือทั้งหมดของพวกเจ้าจำเป็นสำหรับการเตรียมการสำหรับศิษย์ใหม่เหล่านี้”

โจวจื่อหลีลุกขึ้นและสั่งการอาจารย์คนอื่น ๆ แม้จะดูเชื่องช้า แต่เพียงพริบตาร่างก็หายไปจากจุดจุดนั้นแล้ว

โถงแห่งการประชัน

ในห้องโถงเก่าแก่และโอ่อ่างดงามที่เต็มไปด้วยร่องรอยความผันผวนของกาลเวลา

ยามนี้ เฉินซีและศิษย์อีกสี่ร้อยเก้าสิบเก้าคนที่ผ่านการทดสอบรอบที่สาม กำลังยืนอยู่อย่างเงียบงันในห้องโถงนี้

กลางห้องโถงใหญ่มีระฆังทองสัมฤทธิ์แต้มรอยด่างอยู่ มันมีความสูงประมาณเก้าจั้ง ลอยอยู่กลางอากาศ พื้นผิวสลักลวดลายดอกไม้ สัตว์ต่าง ๆ แมลง ภูมิทัศน์ การเสียสละของบรรพบุรุษ กำลังเปล่งรัศมีอันเก่าแก่และป่าเถื่อนออกมา

ชื่อของระฆังเต๋านี้คือ ‘เจิงหมิง’ ตามความหมายของไป่เจียเจิงหมิงหรือหลากสำนักประชันแข่งธรรม มันได้รับการขัดเกลาโดยราชาศัสตรา จากช่วงยุคก่อตั้งของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า มันทำจากเหล็กกล้าโกลาหล และเป็นสมบัติอมตะระดับว่างเปล่า!

สมบัติอมตะระดับว่างเปล่า นับเป็นสมบัติล้ำค่าที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตราชันเซียนเท่านั้นที่สามารถควบคุมได้

ระฆังเต๋าแห่งการประชันลอยอยู่ในห้องโถงนี้มานานนับปี มันมีประโยชน์มหัศจรรย์มากมาย หลังจากการสรุปการทดสอบรับสมัครที่จัดขึ้นโดยสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าในแต่ละครั้งแล้ว การจัดอันดับครั้งสุดท้ายก็จะถูกกระจายผ่านทางระฆังเต๋าแห่งการประชันนี้

ในเวลานั้น เมื่อระฆังดังขึ้น ไม่เพียงแต่ภายในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเท่านั้น แต่ทุกชีวิตทั้งหมดในเมืองเซียนสัประยุทธ์เอง ก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจนทั่วกัน

และความจริงที่ว่าชื่อของพวกเขาปรากฏขึ้นจากระฆังเจิงหมิง ก็ถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าคนผู้นี้เป็นศิษย์ที่แท้จริงของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และได้รับการคุ้มครองโดยสำนัก!

เนื่องจากมันเป็นตัวแทนของการประชันแข่งธรรม การทำเช่นนี้หมายความว่าผู้ที่ได้รับคัดเลือกใหม่ทั้งหมด คือคนที่กำลังจะสร้างชื่อไว้ที่ภพเซียนในภายภาคหน้า

ตอนนี้โจวจื่อหลี หวังต้าวหลู และบุคคลสำคัญทั้งหมดของสำนักศึกษา ต่างก็ยืนอยู่ใต้ระฆังเต๋าแห่งการประชัน ด้วยสีหน้าจริงจัง ราวกับกำลังรอบางสิ่งบางอย่างอย่างเงียบ ๆ

โอม!

ครู่ต่อมา เสียงระฆังกังวานก็ดังก้องไปทั่วห้องโถง ราวกับเสียงของบทสวดเต๋าที่ลงมาจากสวรรค์และให้ชี้ทางสว่างแก่ทุกคนที่ได้ยิน

ในเวลาเดียวกัน ที่จัตุรัสด้านนอกสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ซึ่งแต่เดิมเต็มไปด้วยการสนทนาก็เงียบลง เพราะเสียงระฆังที่ดังขึ้นนี้!

การทดสอบสิ้นสุดลงแล้ว!

ทุกคนมีปฏิกิริยาโต้ตอบทันที จิตวิญญาณสดชื่นขึ้นอย่างมาก และอดไม่ได้ที่จะเผยความคาดหวังเล็ก ๆ ออกมาให้เห็น

การจัดอันดับครั้งสุดท้ายของการทดสอบครั้งนี้จะเป็นอย่างไร?

ใครคือผู้ได้รับเกียรติสูงสุดอันดับแรก?

ภายในเมืองเซียนสัประยุทธ์ จู่ ๆ ก็เงียบสงบลงทั้งถนนที่อึกทึกครึกโครม ร้านอาหารที่พลุกพล่าน ร้านรวงต่าง ๆ… ทุกอย่างล้วนเงียบสนิท แม้แต่กระแสของผู้คนที่เคลื่อนไหวอย่างวุ่นวายไปตามถนนก็หยุดเคลื่อนไหว และจับจ้องไปทางสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าโดยพร้อมเพรียงกัน

บรรยากาศเงียบสงบประดุจแดนความตาย ทำให้มีเพียงเสียงระฆังดังก้องเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่สะท้อนผ่านสวรรค์และปฐพี

“โม่ฉีหลง อันดับที่ห้าร้อย”

ความเงียบนี้เกิดขึ้นได้ไม่นาน ก่อนที่เสียงหนึ่งดังก้องไปทั่วสวรรค์และปฐพี มันเป็นเสียงของระฆัง แต่กลับฟังคล้ายเสียงของพระเจ้าที่กำลังอ่านคำตัดสิน ด้วยเสียงที่มีพลังเข้าถึงใจผู้คน

ไม่ว่าจะเป็นบุคคลสำคัญที่รวมตัวกันที่จัตุรัสหน้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเหล่านั้น หรือทุกชีวิตทั้งหมดในเมืองเซียนสัประยุทธ์ พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าการจัดอันดับสุดท้ายของการทดสอบรับสมัครในปีนี้จะเริ่มประกาศจากอันดับสุดท้าย

สำหรับคนทั่วไป การฟังรายชื่อทั้งห้าร้อยชื่อนั้นคงเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง แต่ผู้คนในเมืองเซียนสัประยุทธ์นี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการฟังบทเพลงชั้นยอดที่ไพเราะยิ่ง

หลายคนถึงขนาดหยิบแผ่นหยกกระแสจิตออกมา บันทึกชื่อที่ประกาศผ่านระฆังเอาไว้ และทุกครั้งที่มีการบันทึก ชื่อเหล่านั้นก็จะถูกส่งออกไปทันที บินออกจากเมืองเซียนสัประยุทธ์ราวกับกางปีกท่องไปสู่เมืองสำคัญต่าง ๆ ในทวีปดาราวีรบุรุษ ลอยไปยังทั่วทวีปในภพเซียน ทะยานเข้าสู่ภพมังกร ภพพุทธองค์ ภพวิหคอมตะ…

เพราะทุกคนตระหนักดีว่า แม้คนเหล่านี้จะเป็นศิษย์ห้าร้อยคนที่ได้รับคัดเลือกจากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า แต่พวกเขาก็เป็นกลุ่มอัจฉริยะรุ่นเยาว์เพียงไม่กี่คนจากหมู่ชนรุ่นเยาว์ทั้งสามภพ!

อนาคตของพวกเขานั้นไร้ขีดจำกัด

สุริยันอันเจิดจ้าดวงใหม่ อาจปรากฏขึ้นท่ามกลางหนึ่งในนั้น

อนาคตของพวกเขาถูกกำหนดให้เป็นผู้นำคนรุ่นใหม่ของภพเซียน และกลายเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้โลกในอนาคตสั่นสะเทือน!

แม้ว่าในอนาคตอาจจะมีบางคนล้มเหลว บางคนอาจกลายเป็นคนธรรมดา แต่ในยามนี้ พวกเขาคือกลุ่มคนที่เลอค่าและน่าจับตามองที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!

เสียงระฆังดังสะท้อนขึ้นไปบนท้องฟ้า ก้องไปทั่วสวรรค์และปฐพี เสียงอันทรงพลังดุจบทสวดแห่งเต๋า ทำให้จิตใจของผู้คนสงบลงราวกับกำลังฟังเสียงของธรรมชาติ

ชื่อแล้วชื่อเล่าถูกประกาศขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป และดังก้องไปทั่วเมืองเซียนสัประยุทธ์

เมื่อได้ยินชื่อเหล่านี้ บางคนก็อดไม่ได้ที่จะแสดงออกถึงความตื่นเต้น บางคนร้องไห้ บางคนหัวเราะยิ้มกว้างจนใบหู บางคน…

แต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวส่งเสียงดัง

พวกเขากำลังแสดงความรู้สึกอย่างเงียบ ๆ ด้วยการแสดงออกที่แตกต่างกันไป กลายเป็นฉากที่รวบรวมการแสดงออกทั้งหมดที่สิ่งมีชีวิตในโลกนี้สามารถทำได้เอาไว้ แม้ว่าจะไร้สุ้มเสียง แต่บรรยากาศอันเงียบสงบนี้ก็กลับทำให้หัวใจสั่นไหวอย่างยิ่ง

ภายในโถงแห่งการประชัน

ศิษย์ส่วนใหญ่ที่ผ่านการทดสอบต่างรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาได้ยินอันดับสุดท้าย บางคนผิดหวังและรู้สึกสูญเสีย บางคนไม่พอใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีบางคนที่ดีใจและอุทานเกี่ยวกับโชคลาภของตนในใจ

มีเพียงเฉินซี เจิ่นลู่ จ้าวเมิ่งหลี จี้เซวียนปิง และศิษย์คนอื่น ๆ ที่อยู่ในกลุ่มยี่สิบอันดับแรกในการทดสอบทั้งสามรอบอย่างต่อเนื่อง เท่านั้นที่ดูจะค่อนข้างสงบ

ประการแรก มันเป็นเพราะรายชื่อยังห่างไกลจากอันดับของพวกตนมากนัก

และประการที่สอง พวกเขาส่วนใหญ่เดาได้คราว ๆ แล้วว่าอันดับสุดท้ายของตนอยู่ที่ระดับใด

แต่แน่นอนว่า ถึงจะดูสงบ ทว่ามันก็คงจะเป็นการโกหกที่จะบอกว่าไร้ซึ่งความประหม่า ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขายังไม่รู้อันดับที่แน่นอนของตน และหวังว่าอันดับของตนจะสูงกว่าที่คาดไว้สักเล็กน้อย

เมื่อเราให้ความสนใจจดจ่อกับบางสิ่งบางอย่าง มันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ และรวดเร็ว

ก่อนที่ทุกคนจะรู้ตัว ระฆังเต๋าเจิงหมิงได้เริ่มประกาศรายชื่อหนึ่งร้อยอันดับแรกแล้ว

ในตอนนี้ แม้แต่อาจารย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ในห้องโถงใหญ่ก็แสดงให้เห็นถึงความกังวลใจเล็กน้อย เพราะในทางปฏิบัติรายชื่อหนึ่งร้อยอันดับแรก ล้วนถูกครอบครองโดยลูกหลานของผู้มีอำนาจสูงสุดเกือบทั้งหมด เช่น เจ็ดตระกูลใหญ่โบราณ กองกำลังใหญ่จากภพมังกร ภพพุทธองค์ ภพวิหคอมตะ

อาจารย์หลายคนในที่นี้ต่างก็มาจากกลุ่มอำนาจเดียวกัน และหากศิษย์จากกลุ่มอำนาจของตน สามารถติดหนึ่งในร้อยอันดับแรกได้ มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเบื้องหลังพวกเขา

เพราะจากผลงานของเด็กรุ่นเยาว์เหล่านี้ ยังมีผลกระทบที่ไม่อาจมองข้าม ต่อการแข่งขันและความร่วมมือระหว่างมหาอำนาจเหล่านั้นได้

ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด เฉินซีคือผู้ที่รู้สึกประหม่าน้อยที่สุด เพราะชายหนุ่มไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้ อาจกล่าวได้ว่ารู้สึกเบื่อด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังจดจำศิษย์ที่มาจากมหาอำนาจที่เข้าสู่ร้อยอันดับแรก ว่าแต่ละคนมาจากที่ใดบ้างไว้ในใจ

ดังนั้น เมื่อระฆังดังขึ้นจนถึงยี่สิบอันดับแรก ชายหนุ่มก็ได้รับข้อมูลมามากมายแล้ว

ตัวอย่างเช่น ตระกูลจี้มีศิษย์ติดอยู่ในกลุ่มร้อยอันดับแรกมากที่สุด โดยมีทั้งหมดสิบห้าคน

ตระกูลเจี้ยงกับตระกูลจงหลีนั้นเสมอกัน แต่ละตระกูลมีศิษย์ทั้งหมดสิบสองคนที่เข้าสู่ร้อยอันดับแรกได้

ตระกูลมู่ ตระกูลโม่ชี และตระกูลเซวียนหยวนเองก็เท่ากัน ศิษย์ทั้งหมดที่เข้าสู่ร้อยอันดับแรกมีอยู่ประมาณแปดคน

ส่วนลูกหลานจากภพมังกร ภพพุทธองค์ ภพวิหคอมตะ ที่ติดหนึ่งในร้อยรวม ๆ กันแล้วก็มีอยู่ประมาณยี่สิบกว่าคน ถึงจะดูเหมือนน้อย แต่กลับพิเศษอย่างยิ่ง

ทว่าจำนวนศิษย์จากทั้งสามกลุ่มที่เข้าร่วมในการทดสอบก็นับว่ามีจำนวนน้อยกว่ามาก

สำหรับตระกูลจั่วชิวนั้นน่าหดหู่ที่สุด มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ติดร้อยอันดับแรก นอกจากนี้ อันดับยังค่อนข้างต่ำ ทำให้พวกเขาโดดเด่นเหนือใคร

ในหมู่พวกเขายังมีส่วนเล็ก ๆ ที่มาจากมหาอำนาจอื่น ๆ อาทิ ตระกูลเหวินเหริน

หลังจากนั้นไม่นาน เฉินซีก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป เพราะระฆังเต๋าแห่งการประชันได้เริ่มประกาศตำแหน่งสิบอันดับแรกแล้ว

“อันดับที่สิบ เซวียนหยวนอวิ่น”

“ที่เก้า มู่อวี่ชง”

“ที่แปด โม่ชีอวิน”

อันดับที่เจ็ด หก ห้า และสี่ ได้แก่ เจี้ยงฉางไฮ่ อ๋าวอู๋หมิง จงหลีสวิน และจี้เซวียนปิงตามลำดับ

จนถึงจุดนี้ การจัดอันดับครั้งสุดท้ายของการทดสอบยังไม่มีอะไรที่ไม่คาดคิดปรากฏขึ้นแต่อย่างใด อันดับของพวกเขาเกือบจะเหมือนกับในช่วงการทดสอบทั้งสามรอบที่ผ่านมา

สิ่งเดียวที่น่าประหลาดใจก็คือ จี้เซวียนปิงตกมาอยู่ในอันดับที่สี่อย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่มากมายที่นอกสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า

มีเพียงจี้เซวียนปิงเท่านั้นที่ยังดูสงบ ราวกับคาดเดาผลลัพธ์นี้ไว้แล้ว ด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง ดุจจักรพรรดิไม่แปลกใจกับการเปลี่ยนแปลง

“อันดับที่สาม จ้าวเมิ่งหลี”

“อันดับที่สอง เจิ่นลู่”

“อันดับที่หนึ่ง เฉินซี”

สามชื่อสุดท้ายได้รับการเปิดเผยเสร็จสิ้นในคราวเดียว ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้ทันแสดงความรู้สึก การจัดอันดับครั้งสุดท้ายของการทดสอบก็ได้จบการประกาศลงอย่างสมบูรณ์

ยามนี้ ทั้งด้านในห้องโถงและด้านนอกสำนักต่างก็เต็มไปด้วยความงุนงง และทั่วทั้งเมืองเซียนสัประยุทธ์เองก็เต็มไปด้วยความสับสน ราวกับว่าทุกสิ่งมันกะทันหันเกินไป จิตใจและความคิดจึงเชื่องช้าลงไปเล็กน้อย

แต่หลังจากนั้น ทั้งด้านในห้องโถงและด้านนอกสำนัก และทั่วทั้งเมืองเซียนสัประยุทธ์เอง ก็ระเบิดด้วยคลื่นเสียงอึกทึกที่สั่นสะเทือนสวรรค์ และมันก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของผู้คนที่มากล้นจนจมได้ทั้งสวรรค์และปฐพี

——————————–

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท