คุณนายใหญ่ตระกูลลี่ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ
ในเมื่อลี่ซื่อกรุ๊ปก็มีคลังเก็บเครื่องหอมที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหลินชวนอยู่ ถึงแม้ว่าแอนนาจะใช้ไขชะมดที่เหมือนกับของที่เธอเก็บสะสมไว้ ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไม่ได้
พอพ่อบ้านเห็นว่าคุณนายใหญ่ตระกูลลี่ไม่ได้พูดอะไร ตัวเองก็เลยไม่ได้คิดอะไรมากอีก
แต่ลี่ถิงเซิ่งกลับแตกต่าง
คำพูดประโยคนั้นของพ่อบ้าน ได้ดึงดูดความสนใจของเขาไปแล้ว
หลังจากกินข้าวเสร็จ ลี่ถิงเซิ่งก็อยู่เป็นเพื่อนย่าตัวเองเลี้ยงแมวไปพักหนึ่ง ถึงได้เตรียมตัวจากไป
ก่อนที่จะจากไปนั้น เขาได้เรียกตัวพ่อบ้านไว้ก่อน
พ่อบ้านกำลังจะไปช่วยแมวในคฤหาสน์เปลี่ยนกระบะทรายแมว พอโดนลี่ถิงเซิ่งเรียกตัวเขาไว้ จึงได้แต่เอาของที่อยู่ในมือยื่นให้กับคนรับใช้ที่อยู่ ๆ ข้าง ๆ ไป จากนั้นก็เดินอย่างมีมารยาทมาถึงข้างกายลี่ถิงเซิ่ง
“ครับคุณชาย ไม่ทราบว่าคุณชายยังมีอะไรรับสั่งอีกครับ?”
ลี่ถิงเซิ่งหรี่ตาต่ำลง น้ำเสียงขรึมต่ำแฝงไว้ด้วยความเยือกเย็น
“วันนี้ คุณพูดว่าเครื่องหอมในน้ำหอมขวดนั้น เหมือนกับเครื่องหอมที่คุณย่าเก็บสะสมมากเลยเหรอ?”
“ใช่ครับ แต่ว่าผมก็ไม่กล้ารับประกัน ที่คุณชายถามเรื่องนี้ เป็นเพราะน้ำหอมมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?” พ่อบ้านไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของลี่ถิงเซิ่ง แล้วนึกว่าเป็นเพราะคำพูดของตัวเองทำให้ลี่ถิงเซิ่งโกรธไปหรือเปล่า พอกำลังอยากจะอธิบาย แต่กลับมองเห็นดวงตาที่ดำสนิทของลี่ถิงเซิ่งมีแววสับสนเพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
ลี่ถิงเซิ่งเฮ้อเสียงต่ำไปคำหนึ่ง แล้วก็สะบัดมือ ให้พ่อบ้านจากไป
“ประธานลี่ หรือคุณสงสัยว่าผู้ช่วยแอนจะรู้จักกับคุณนายใหญ่เหรอครับ?”
ระหว่างทางที่กลับคฤหาสน์ หลี่อานถามขึ้น
ลี่ถิงเซิ่งหลับตาพักผ่อนอยู่ แล้วก็ไม่ตอบอะไร
แล้วในตอนที่หลี่อานคิดตัวเองถามคำถามนี้ไปสูญเปล่าแล้วนั้น ที่แถวข้างหลังก็มีเสียงผู้ชายที่แฝงไว้ด้วยความแหบแห้งลอยมา
“หลี่อาน นายคิดว่าในเมืองหลินชวนมีนักปรุงน้ำหอมคนไหนที่สามารถปรุงน้ำหอมที่ทำให้คนนอนหลับออกมาได้อีก?”
หลี่อานอึ้งไปครู่หนึ่ง
และอย่างรวดเร็ว เขาก็เข้าใจการใบ้ของลี่ถิงเซิ่งแล้ว
“ประธานลี่ ความหมายของคุณคือนักปรุงน้ำหอมลึกลับคนที่ช่วยปรุงน้ำหอมให้คุณนายใหญ่ก่อนหน้านี้ คือผู้ช่วยแอนเหมือนกันเหรอครับ?”
ก่อนหน้านี้คุณนายใหญ่ตระกูลลี่เคยพูดไว้ว่า เธอเจอกับนักปรุงน้ำหอมลึกลับคนหนึ่ง และได้ช่วยเธอปรุงน้ำหอมที่รักษาอาการนอนไม่หลับขึ้นมาได้ขวดหนึ่ง ซึ่งได้ผลดีมากด้วย
และด้วยเหตุนี้คุณนายใหญ่ตระกูลลี่ก็ได้แลกเปลี่ยนเครื่องหอมกับเธอไปหลายอย่างด้วย
และหนึ่งในรายชื่อของเครื่องหอมก็คือไขชะมด
ลี่ถิงเซิ่งพยักหน้าเบา ๆ แล้วก็คลี่มุมปากออกอย่างไม่มีสุ้มเสียงใด ๆ และพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “ทั้งเมืองหลินชวน คนที่สามารถปรุงน้ำหอมแบบนั้นออกมาได้ นอกจากเธอ ก็ไม่มีใครอื่นแล้ว”
อยู่ ๆ หลี่อานก็เข้าใจขึ้นมา “แบบนี้ก็อธิบายได้ปรุโปร่งเลย ก่อนหน้านี้ผู้ช่วยแอนก็เคยพูดมาว่า เครื่องหอมของบริษัทขาดไปหลายอย่าง แล้วเธอยังโชคดีบังเอิญได้แลกเปลี่ยนเครื่องหอมกับคนอื่นด้วย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นคุณนายใหญ่ไปได้ ประธานลี่ครับ เรื่องนี้จะบอกกับคุณนายใหญ่ไหมครับ? ผมเห็นคุณนายใหญ่ดูจะเข้าใจผู้ช่วยแอนผิดไปเยอะเลยนะครับ”
ก็ไม่รู้ว่าคุณนายลี่ได้บอกอะไรกับคุณนายใหญ่ตระกูลลี่ไปบ้าง เวลาคุณนายใหญ่เอ่ยถึงแอนนา ปฏิกิริยาถึงได้ไม่ถือว่าดีมากเท่าไหร่
“แล้วอีกอย่างนะครับประธานลี่ ก่อนหน้านี้คุณนายใหญ่ก็ให้สืบหานักปรุงน้ำหอมลึกลับคนนั้นไม่ใช่เหรอครับ? ในเมื่อตอนนี้ก็รู้ตัวว่าเป็นใครแล้ว หรือไม่ก็บอกคุณนายใหญ่ตระกูลลี่ไปโดยตรงเลย……”
“ยังไม่ต้องรีบร้อนบอกคุณย่า” น้ำเสียงของลี่ถิงเซิ่งแหบแห้งเล็กน้อย เหมือนกับว่าจะไม่สบายเป็นหวัดแล้ว
เขาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท แล้วหาชื่อของแอนนาสองตัวอักษรออกมาจากบัญชีรายชื่อ นิ้วมือยึกยักอยู่นานก็ไม่ได้กดลงไป
พอผ่านไปสักพัก เขาก็เอาโทรศัพท์เก็บเข้าไปในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว แล้วหลับตาลง และนอนพักผ่อนไปอย่างสะลึมสะลือ
……
หลังจากที่ซูจิ่วเอ๋อร์มาอยู่ที่เมืองหลินชวนไม่กี่วันแล้ว ก็เตรียมที่จะขึ้นเครื่องบินไปประเทศฝรั่งเศสต่อ เพื่อเข้าร่วมงานสัปดาห์แฟชั่นโชว์
ตั๋วเครื่องบินจองได้ไม่ค่อยเหมาะสมมากนัก จองได้เป็นวันทำงานวันหนึ่ง
แต่ว่าเป็นเวลาช่วงห้าโมงเย็น สวี่รั่วฉิงจึงได้แต่ต้องทำงานให้เสร็จเร็ว ๆ แล้วก็สามารถลางานได้
ตั้งแต่เช้า สวี่รั่วฉิงก็จัดการงานที่จำเป็นต้องทำในวันนี้ให้เสร็จเรียบร้อยทั้งหมด แล้วก็ไปที่แผนกน้ำหอมสั่งงานฟ่านเซียวเซียวเสร็จแล้ว ถึงได้ย้อนกลับมาที่ห้องทำงาน
“ประธานลี่ มีเรื่องเรื่องหนึ่งต้องการให้คุณอนุมัติหน่อยค่ะ” น้ำเสียงของสวี่รั่วฉิงมีความอ่อนช้อยอยู่บ้าง
จะลางานโดยไม่หักเงิน น้ำเสียงก็จะต้องดี ๆ หน่อย ลี่ถิงเซิ่งจะได้ไม่ต้องไม่อนุมัติ
ดวงตาของลี่ถิงเซิ่งที่จ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ไม่ขยับเขยื้อนอะไร ราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของสวี่รั่วฉิงเลย
หัวคิ้วของเขาขมวดไว้แน่น เหมือนกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
สวี่รั่วฉิงรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย “ประธานลี่?”
เธอร้องเรียกติด ๆ กันหลายรอบ ชายหนุ่มก็ยังไม่ตอบสนอง
มือทั้งคู่ของสวี่รั่วฉิงยันอยู่กับโต๊ะ ร่างกายส่วนบนโน้มเอียงไปเล็กน้อย น้ำเสียงที่อ่อนโยนสูงขึ้นเล็กน้อย “ประธาน……ลี่…… คุณได้ยินที่ฉันพูดไหมคะ?”
แล้วลี่ถิงเซิ่งถึงได้เพิ่งจะเคลื่อนสายตาออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
เพียงแค่มองสวี่รั่วฉิงทีหนึ่ง จากนั้นน้ำเสียงแหบแห้งก็ถามขึ้นว่า “มีเรื่องอะไร?”
สวี่รั่วฉิงนิ่งไปเล็กน้อย ท่าทางดูแปลกใจขึ้นมาบ้าง
“ประธานลี่ นี่คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ?”
ระยะเวลาที่เธอมาเป็นผู้ช่วยของลี่ถิงเซิ่งไม่ได้ถือว่านานมาก และก็ไม่ได้ถือว่าสั้นมาก
ผู้ชายตรงหน้านี้ ตรงแม้ว่าจะเกิดมาในตระกูลผู้ดี และมีความเย่อหยิ่งเฉพาะตัวอยู่ แต่ว่าในทางด้านมารยาทนั้นจะไม่มีทางมีอะไรตกหล่นแน่นอน
ลี่ถิงเซิ่งหัวเราะพรืดทีหนึ่ง แล้วเหล่มองสวี่รั่วฉิงทีหนึ่ง สองมือกอดอยู่ตรงหน้าอก ริมฝีปากบางคลี่ออกเล็กน้อย “คุณมีเรื่องอะไรก็รีบพูดออกมา ในขณะที่ผมยังอารมณ์ดีอยู่ บางทีผมอาจจะตอบตกลงเลยก็ได้”
สวี่รั่วฉิง “……” ขอโทษด้วย เธอไม่ควรจะรู้สึกว่าผู้ชายอย่างลี่ถิงเซิ่งนั้นจะมีด้านที่อ่อนแออยู่ด้วยเลย
ความสามารถที่ประชดประชันคนยังคงแข็งแกร่งเป็นที่หนึ่งอยู่!
“ประธานลี่ งานของฉันในวันนี้เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ตอนบ่ายจะขอลางานครึ่งวันค่ะ” ดวงตาของสวี่รั่วฉิงเป็นเหมือนกับดวงดาวที่กำลังสว่างไสวอยู่ แล้วจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
ม่านตาของลี่ถิงเซิ่งหดตัวอย่างเร็วทีหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างเบื่อหน่ายขึ้น
ผู้หญิงคนนี้ เวลามีนิสัยเป็นเด็กขึ้นมา ก็เป็นเหมือนอย่างกับเด็กอายุห้าขวบคนหนึ่ง
เขานี่มึนจนเวียนหัวไปแล้วจริง ๆ ใช่ไหม ถึงได้รู้สึกว่าผู้หญิงแบบนี้น่าสนใจ
“โอเค อนุมัติ” หลังจากที่ลี่ถิงเซิ่งพูดจบ สายตาก็หรี่ลง แล้วมองไปที่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค
สวี่รั่วฉิงยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน และไม่อยากจะเชื่อสายตาเล็กน้อย
ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?
ตอนแรกเธอนึกว่ายังจะต้องยืดเยื้อกันอีกสักพักหนึ่ง
ในเมื่อเวลาปกติแล้ว ถ้าลี่ถิงเซิ่งสามารถใช้แรงงานของเธอได้ก็จะต้องใช้
“ประธานลี่ คุณจะไม่ถามสาเหตุสักหน่อยเลยเหรอ?” สวี่รั่วฉิงรู้สึกว่าตัวเองทั้งตัวเหมือนอยู่บนก้อนเมฆ กำลังล่องลอยอยู่
ลี่ถิงเซิ่งขี้เกียจที่จะเงยหน้าขึ้นมา น้ำเสียงที่ขรึมต่ำไพเราะราวกับเสียงเชลโล แต่กลับแฝงไว้ด้วยความแหบแห้งเล็กน้อย
“อ๋อ? คุณอยากจะให้ผมรู้สาเหตุมากเลยเหรอ?”
“ไม่อยากค่ะ ไม่อยากค่ะ” สวี่รั่วฉิงรีบโบกมือปฏิเสธทันที
ถ้าหากลี่ถิงเซิ่งรู้ว่าที่เธอลางานก็แค่เพื่อที่จะไปส่งเพื่อนจากไป คาดว่าคงจะไม่มีทางอนุมัติแน่
สวี่รั่วฉิงไม่ได้คิดอะไรมาก พอเก็บของเรียบร้อยแล้วก็ออกไปจากห้องทำงานเลย
พอสิบกว่านาทีผ่านไป เธอก็วิ่งกลับมาอย่างรีบร้อนอีกครั้ง
“ประธานลี่ ขอโทษด้วยนะคะ ฉันลืมเอากุญแจรถไป” สวี่รั่วฉิงพูดขึ้น แล้วก็ผลักประตูห้องทำงานเปิดออก แต่กลับเห็นผู้ชายที่ทำงานอยู่เมื่อกี้ แต่ตอนนี้กลับหน้าฟุบลงบนโต๊ะทำงานแล้ว
สวี่รั่วฉิงเกือบจะอุทานออกมาคำหนึ่งแล้วว่า “โอแม่เจ้า”
เธอไม่แม้แต่จะทันเอากุญแจรถของตัวเองด้วยซ้ำ แล้วก็วิ่งไปที่หน้าโต๊ะทำงานอย่างรวดเร็ว “ประธานลี่ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
ไม่มีคนตอบกลับ
ใจของสวี่รั่วฉิงกระตุกวุบทีหนึ่ง
มือลองแตะไปเบา ๆ พอเพิ่งแตะโดนหลังมือที่ขาวซีดของชายหนุ่ม ก็ร้อนจนรีบหดกลับมาเลย
“ร้อนจังเลย……”
คงจะไม่ได้เป็นไข้ขึ้นมาหรอกมั้ง?
สวี่รั่วฉิงร้องเรียกชื่อของลี่ถิงเซิ่งเบา ๆ ขึ้นมาทีหนึ่ง แต่ก็ไม่มีคนตอบกลับ
กว่าเธอจะเอามือไปแตะลงบนใบหน้าของชายหนุ่มได้ ก็รู้สึกถึงความร้อนที่ร้อนระอุขึ้นมา
ไอร้อนที่ออกมาจากจมูกของชายหนุ่มบอกกับเธอว่า ผู้ชายที่บ้างานในวันปกติ ตอนนี้ได้เป็นไข้ไปแล้ว