บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1162 ตระการตาเหนือใคร

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1162 ตระการตาเหนือใคร

บทที่ 1162 ตระการตาเหนือใคร

หนึ่งหมื่นเก้าพันปีก่อน เหตุการณ์สะท้านฟ้าดินที่อวินฟูเซิงสร้างขึ้นในการทดสอบรอบที่สามก็ถึงขั้นฟ้าดินร้องสอดประสาน สั่นสะท้านไปทั่วทั้งสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเช่นกัน

ในหมู่คน ณ ตอนนี้ มีเพียงโจวจื่อหลีกับหวังต้าวหลูเท่านั้นที่โชคดีมีโอกาสได้เห็นภาพนั้น ส่วนคนอื่น ๆ เคยแต่ได้ยิน

ดังนั้นเมื่อเห็นปรากฏการณ์ที่เฉินซีสร้างขึ้น การสรรเสริญจากทวยเทพที่โปรยดั่งเม็ดฝน ก็อดรู้สึกตกตะลึง แม้จะบ่มเพาะดวงจิตแห่งเต๋าจนแข็งแกร่งแล้วก็ตาม

ถึงจะเป็นจ้าวเมิ่งหลี จี้เซวียนปิง และศิษย์คนอื่น ๆ ก็ยังรู้สึกได้ว่าภาพนี้ยิ่งใหญ่กว่าปรากฏการณ์ของเจิ่นลู่ยิ่งนัก!

“ยากที่จะเอาชนะเขาได้จริง ๆ …” จี้เซวียนปิงพึมพำด้วยความรู้สึกซับซ้อนอยู่เล็กน้อย ตอนเริ่มการทดสอบ คนอื่นเห็นตนเป็นตัวเต็งของผู้ที่มาจากภพเซียน สามารถเทียบได้กับเจิ่นลู่แห่งภพพุทธองค์และจ้าวเมิ่งหลีแห่งภพวิหคอมตะได้ทีเดียว

แต่ตอนนี้กลับถูกเจิ่นลู่เอาชนะไปได้ในการทดสอบครั้งแรก ส่วนเฉินซีก็เอาชนะเขาไปในการทดสอบครั้งที่สอง

ในการทดสอบรอบที่สามนี้ เขาก็ถูกทั้งเจิ่นลู่และเฉินซีแซงหน้าไปอีก จึงอดรู้สึกหดหู่ในหัวใจไม่ได้

แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็คลี่ยิ้มออกมาแล้วคิดในใจว่า ‘ในฐานะผู้สืบทอดของจักรพรรดิเมื่อครั้งบรรพกาล ข้าย่อมต้องมีความอดทน อีกทั้งเฉินซีเองก็เป็นคนจากภพเซียน ข้าควรจะรู้สึกภูมิใจที่เขาสามารถเอาชนะเจิ่นลู่ได้’

เมื่อคิดได้แบบนี้จิตใจของเขาจึงสงบลงมาก

คนอื่นอย่างโม่ชีอวิน มู่อวี่ชง และจงหลีสวิน*[1]ค่อนข้างมีความรู้สึกที่ซับซ้อน พวกเขารู้สึกพ่ายแพ้ รู้สึกเศร้าโศก แต่ก็รู้สึกภาคภูมิไปพร้อมกัน

ส่วนอ๋าวอู๋หมิง*[2] เจี้ยงฉางไฮ่ และจั่วชิวอินนั้น นอกจากตกตะลึงแล้วก็ปรากฏแววมืดมัวบนใบหน้า นับว่ารับสถานการณ์เช่นนี้ได้ยาก

ระหว่างการทดสอบรอบที่สอง พวกเขาเคยร่วมมือกันล่าสังหารเฉินซี แม้จะเป็นเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ในใจก็มองเฉินซีเป็นศัตรูไปแล้ว

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเผยปรากฏการณ์การสรรเสริญจากทวยเทพสะท้านใต้หล้า คล้ายกับเป็นยอดอัจฉริยะหาตัวจับยาก ผู้อยู่เหนือกว่าอัจฉริยะหน้าไหนในที่นี้ บดบังความโดดเด่นของคนอื่นไปสิ้น ในใจจึงรู้สึกไม่ยอมรับ รู้สึกโกรธ และโศกา เหมือนต้องกลืนแมลงตายอย่างไรก็อย่างนั้น

โดยเฉพาะจั่วชิวอิน ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวอยู่เล็กน้อยและดูโกรธขึ้ง อีกทั้งสายตาที่มองเฉินซียังแผดเผาไปด้วยเปลวไฟอีกต่างหาก

หากเป็นไปได้ก็อยากฆ่าเฉินซีเสียตรงนี้ เลาะเส้นเอ็นออกมา ถลกหนังทั้งเป็น เผากระดูกซัดเถ้าทิ้งเสีย เพื่อจบปัญหาที่อาจเกิดในอนาคต

น่าเสียดายที่กล้าเพียงคิด ด้วยตอนนี้ยืนอยู่ต่อหน้ายอดฝีมือมากมาย หากลงมือไปคงถูกกำจัดในพริบตาเป็นแน่!

อย่างไรที่นี่ก็คือสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ไม่ใช่ในตระกูลจั่วชิว

จั่วชิวฮงเองก็ไม่ต่างจากจั่วชิวอิน ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเฉินซีทำให้ตนเสียเวลา คงไม่สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์สะท้านฟ้าเช่นนี้ได้ ดังนั้นจึงคิดประกาศปิดการทดสอบโดยไม่สนใจผลลัพธ์ของเฉินซี แต่ภาพเช่นนั้นกลับปรากฏขึ้นในจังหวะสำคัญเสียได้!

ราวกับถูกฝ่ามือตบจนเจ็บปวดไปทั้งใบหน้า รู้สึกไม่สบายไปทั่วตัว

หวังต้าวหลูเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เสียใจที่ไม่รับฟังเถี่ยชิวอวี้ในวันนั้นและรับเฉินซีเป็นศิษย์สายตรง ตอนนี้ได้เห็นเฉินซีค่อย ๆ เผยฝีมือในการทดสอบรอบที่สาม ความเสียใจก็ยิ่งมากขึ้นทบทวีจนเกิดความรู้สึกเสียใจและขื่นขมอยู่ภายใน

ตอนนี้เมื่อหันไปเห็นสีหน้าจั่วชิวฮง หวังต้าวหลูจึงคล้ายได้ที่ระบายอารมณ์ ชายวัยกลางคนหัวเราะเสียงเย็น “ศิษย์เช่นนี้สามารถสลักชื่อไว้ในประวัติศาสตร์สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้ทีเดียว แต่ก่อนหน้านี้มีใครคิดจะประกาศปิดการแข่งขันกันนะ?”

นับว่าเป็นคำที่โผงผางไม่น้อย เพราะเป้าหมายอยู่ที่จั่วชิวฮงโดยตรง!

ยอดฝีมือคนอื่น ๆ ก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่าหัวหน้าอาจารย์ฝ่ายในอย่างหวังต้าวหลูไม่พอใจจั่วชิวฮงได้!

“เป็นข้าที่พลาดไปเอง พี่หวังพูดถูก ไอ้หยา โชคดีที่อาจารย์ใหญ่โจวเฉลียวฉลาด ทำให้เลี่ยงภัยไปได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงถูกประณามไปอีกนาน!” สีหน้าที่เดิมทีแข็งค้างของจั่วชิวฮงพลันกลายเป็นเคร่งขรึมและเจือแววเสียใจไว้ลึกล้ำ เขาป้องมือไปทางหวังต้าวหลู ก่อนไปทางโจวจื่อหลีด้วยท่าทางสำนึกผิดไม่สบายใจ

หวังต้าวหลูจึงหรี่ตาลงแล้วเหลือบมองจั่วชิวฮง จากนั้นไม่พูดอะไรอีก

เขารู้ดีว่าจั่วชิวฮงย่อมไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ แต่ในเมื่อจั่วชิวฮงแสดงความรู้สึกเสียใจแล้ว หวังต้าวหลูจึงว่าอะไรไม่ได้อีก

“การสรรเสริญจากทวยเทพโปรยดั่งเม็ดฝน! เป็นใครกัน?! ศิษย์คนใดที่สามารถสร้างการสรรเสริญจากทวยเทพให้โปรยลงมาเช่นนี้ได้?”

“เป็นเวลากี่ปีแล้วนะ? ในที่สุดก็ได้พบยอดอัจฉริยะเทียบชั้นได้กับอวินฟูเซิงเสียที! ฮ่า ๆ ! ศิษย์คนนี้ไม่เลวเลย! หลังจากทนไม่รับศิษย์มาแปดพันปี ดูท่าวันนี้จะเป็นโอกาสอันดีเสียแล้ว!”

“หึ! ศิษย์ผู้นี้เป็นของข้า! หากพวกเจ้าอยากได้ก็ข้ามศพข้าไปก่อน!”

“ไร้สาระน่า! นักพรตเต๋าเจี้ยง เจ้ามีศิษย์สายตรงอยู่แล้วยังไม่ยุ่งอะไรอีก?”

“หึ ๆ! ข้าขอแนะนำให้ตาเฒ่าทั้งหลายเก็บแรงไว้เถอะ ให้พวกท่านไปสอนเขานับว่าเสียดายเปล่า ให้ข้าเป็นชี้แนะจะดีเสียกว่า”

ทันใดนั้นกระแสพลังแข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วนก็แผ่มาจากทั่วทุกทิศ ทำเอาทุกคนตกใจ สุดท้ายมันก็มุ่งหน้าไปทางเฉินซี

สีหน้าโจวจื่อหลีกับหวังต้าวหลูเปลี่ยนไปเล็กน้อย

อาจารย์คนอื่น ๆ ในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเองก็เผยรอยยิ้มขื่น แน่นอนว่าพวกตาแก่ในสำนักศึกษาคงสังเกตเห็นแล้ว คราวนี้เด็กคนนี้คงกลายเป็นเนื้อที่ใคร ๆ ก็อยากได้…

สายตาที่พวกเขามองไปทางเฉินซีจึงเจอแววชื่นชมอยู่ไม่น้อย

ยอดฝีมือในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋านั้นก็ยังมีความต่างชั้นกันอยู่ ยกตัวอย่างเช่น อาจารย์สายในและอาจารย์สายนอกมีฐานะแตกต่างกันมาก อาจารย์สายในและหัวหน้าอาจารย์ก็มีความต่างเช่นกัน

ตอนนี้กระแสจิตอันแกร่งกล้าที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันนั้น อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นของหัวหน้าอาจารย์หรือเก่งกล้ากว่านั้นเป็นแน่

จึงทำให้อาจารย์สายนอกในที่นี้ไม่คิดรับเฉินซีเป็นศิษย์สายตรงอีก

“ทุกคน การทดสอบยังไม่จบเสียหน่อย! พวกเจ้าคิดจะแหกกฎของข้าอย่างนั้นหรือ?” โจวจื่อหลีกวาดสายตาดุดันดั่งสายฟ้าลั่นมองไปรอบกายแล้วตะโกนเสียงเคร่ง

หลายคนจับแววความไม่พอใจในน้ำเสียงได้ คล้ายกลัวพวกตาเฒ่าทั้งหลายไม่สนใจกฎจึงช่วยพูดให้เฉินซีด้วยความโกรธ

“หึ เจ้าหนูโจว ปีกกล้าขาแข็งถึงขนาดกล้าต่อต้านอาจารย์ลุงของเจ้าแล้วหรือ?” น้ำเสียงแก่ชราหนึ่งดังขึ้นมาคล้ายว่าหยอกเล่น

โจวจื่อหลีได้ยินจึงใบหน้าขรึมลง “อาจารย์ลุงชิว กรุณาทำตัวให้สมฐานะด้วย!”

“ฮ่า ๆ ! ตาเฒ่าชิว เจ้าโจวจื่อหลีผู้นี้ไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าก็เลิกยุ่งเสียเถอะนะ?” เสียงหัวเราะลั่นดังก้อง

“หึ! เซวียนหยวนพัวจวิน ตอนข้าเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่นี่ เจ้ายังเล่นขี้ดินอยู่นอกสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าอยู่เลยกระมัง!”

“เอาล่ะ ๆ พวกท่านสองคนหยุดทะเลาะกันก่อน มีเหตุให้ต้องทะเลาะกันด้วยหรือ? เขาเป็นของข้า เจี้ยงอวี่ต่างหาก!”

“นักพรตเต๋าเจี้ยง มันหมายความว่าอย่างไรกัน?”

ทันใดนั้นภาพตรงหน้าก็เต็มไปด้วยเสียงถกเถียงและความโกลาหล กระแสพลังมากมายที่ถูกส่งผ่านกระแสปราณล้วนเป็นของผู้อยู่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นทั้งสิ้น ทำให้เจิ่นลู่ จ้าวเมิ่งหลี แล้วคนอื่น ๆ ตกใจจนคิดอะไรไม่ออก

โจวจื่อหลีย่นคิ้วจนเกิดเป็นตัว ‘川’ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

ทว่าหวังต้าวหลูเองก็ไม่ต่าง ได้แต่ส่ายหน้าหัวเราะเสียงขื่น “ นักพรตเต๋าเจี้ยงชอบยื่นมือเข้าแทรกในทุกเรื่องเสียจริง”

ครืน!

เป็นจังหวะนั้นเองที่มีคลื่นแผ่ออกมาจากร่างเฉินซี พริบตาต่อมากลิ่นอายของเขาก็พลันรุดหน้าสูงไปถึงแก่นถึงวิญญาณ พลังทุกอย่างในร่างพลุ่งพล่าน ราวกับมีเปลวเพลิงใสกระจ่างกำลังลุกโชนอยู่ภายใน

“เอ๋! สหายน้อยผู้นี้กำลังข้ามขอบเขตในการทดสอบหรือ!”

“เขาจุดเปลวไฟวิญญาณปฐพีแล้ว! ใช่แล้ว นี่คือสัญญาณของการก้าวขึ้นสู่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลาง!”

“ชิ เด็กผู้นี้ท้าทายสวรรค์ชั้นฟ้าเสียจริง สามารถขึ้นศิลาลับเต๋าทั้งยังทำให้เกิดการสรรเสริญจากทวยเทพที่เหนือกว่าขั้นฟ้าดินร้องสอดประสานได้เช่นนี้ นับว่ามีอนาคตไกลเกินประมาณ”

กระแสปราณกล้าแข็งนั้นสังเกตเห็นว่าเฉินซีมีสัญญาณของการข้ามขอบเขต ก่อนจะร้องชมออกมา

ส่วนโจวจื่อหลี หวังต้าวหลู และอาจารย์สายนอกคนอื่นก็ร้องด้วยความชื่นชมเช่นกัน มีเพียงจั่วชิวฮงเท่านั้นที่หน้าค่อนข้างแข็งค้างไปแล้ว…

ส่วนจ้าวเมิ่งหลี จี้เซวียนปิง และคนอื่นนั้นยิ่งส่งสายตาซับซ้อนกว่าเดิม

ครืน!

จังหวะนั้นเอง พลังไร้รูปร่างก็พุ่งขึ้นฟ้า เป็นเหมือนเจตจำนงแกร่งกล้าท้าทายถึงสวรรค์ มันกวาดผ่านพื้นที่รอบข้างอย่างทรงพลัง ปัดเป่ากระแสปราณแกร่งกล้าทั้งหลายจนหายไปสิ้น!

“หัวเจี้ยนคง! เพชฌฆาตเช่นเจ้ากลับมาจากนอกพิภพตั้งแต่เมื่อใดกัน!?”

“บัดซบ! เป็นเจ้าหมอนั่นหรือ…”

“น่าผิดหวัง! น่าผิดหวังจริง!”

ก่อนจะสลายไป กระแสปราณเหล่านั้นยังอุตส่าห์ส่งเสียงดังระงมออกมา ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“เขากลับมาแล้วจริง ๆ ” โจวจื่อหลีกับหวังต้าวหลูเหลือบมองกันแล้วไม่พูดอะไรอีก หัวเจี้ยนคงไม่ใช่อาจารย์ แต่เป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าต่างหาก!

ศิษย์ผู้นี้ติดตามข้างกายเจ้าสำนักออกท่องสามภพมาไม่น้อยกว่าหมื่นปีแล้ว

แต่ตอนนี้การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหัวเจี้ยนคงแสดงให้เห็นว่าเขาคงได้รับคำสั่งมา เพื่อทำให้การทดสอบรอบที่สามดำเนินไปอย่างราบรื่นนั่นเอง

“ดูท่าท่านเจ้าสำนักคงจะสังเกตการณ์อยู่เช่นกัน…” จั่วชิวฮงพึมพำกับตนเอง สีหน้าดูเหม่อลอยอยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจกันแน่

ภายในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า อาจารย์ใหญ่สายใน อาจารย์ใหญ่สายนอก ปรมาจารย์ฝ่ายสงวนคัมภีร์ และคณาจารย์อื่น ๆ จะเรียกตำแหน่งพร้อมกับแซ่เช่น โจวจื่อหลีก็มักจะถูกเรียกว่าอาจารย์ใหญ่โจว

แต่จะมีผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นเจ้าสำนัก เป็นผู้อยู่เหนือใครในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า!

ฮู่ว~

ในขณะเดียวกันนั้น เฉินซีก็ลืมตาขึ้นบนศิลาลับเต๋า นัยน์ตากระจ่างใสเหมือนดวงดารา เจือด้วยแววความลึกล้ำ พลังชีวิตในร่างโคจรอย่างเงียบเชียบ เหมือนทั้งร่างเชื่อมถึงฟ้าดิน ผสานรวมเข้ากับสวรรค์ทั้งเก้า กลิ่นอายไม่ธรรมดา หาที่ติไม่ได้ และกระจ่างใสยิ่ง

นี่คือผลจากวิญญาณสวรรค์และวิญญาณปฐพีผสานรวมกันหลังจากกำจัดปราณไม่บริสุทธิ์ภายในวิญญาณปฐพีออกได้จนหมด เป็นกลิ่นอายดุดันที่มีเพียงผู้อยู่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลางเท่านั้นถึงจะมีได้!

ร่างกายสูงใหญ่ใสดั่งแก้ว วิญญาณสวรรค์และวิญญาณปฐพีผสานรวมกับใต้หล้า

นี่มันกลิ่นอายของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลาง!

[1] ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ขออนุญาตแก้ชื่อ จ้งลี่ซวิน เป็น จงหลีสวิน รวมถึงตระกูลจ้งลี่ เป็น ตระกูลจงหลี

[2] ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ขออนุญาตแก้ชื่อ อ้าวอู่หมิง เป็น อ๋าวอู๋หมิง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท