บทที่ 1184 เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?
บทที่ 1184 เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?
หลีเป่ยและเหล่าผู้คุมกฎต่างขมวดคิ้วต่อการมาถึงของเฉินซี
“การซ่อมแซมหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ และการสอบสวนเซวียนหยวนพัวจวินไม่เกี่ยวข้อง พ่อหนุ่ม เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้” หลีเป่ยกล่าวอย่างเฉยชา
ทว่าเฉินซีกลับยิ้มกว้าง และกล่าวอย่างใจเย็น “แล้วผู้อาวุโสจะเชื่อหรือไม่ หากข้าบอกว่าความเสียหายของหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำนั่น ไม่เกี่ยวข้องกับการกลั่นโอสถพลิกชะตาสวรรค์?”
ขณะกล่าว เฉินซีก็ก้าวเท้าไปยืนตรงหน้าหม้อสมบัติ และจ้องมองหม้อสมบัติโบราณอย่างระมัดระวัง “แน่นอนว่าคำพูดของข้าไม่มีน้ำหนักมากนัก พวกท่านคงไม่เชื่อข้า ไม่ว่าข้าจะกล่าวอันใดก็ตาม แต่ข้าก็มีวิธีพิสูจน์คำพูดของข้า”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกใจ เมื่อได้ยินเช่นนี้
แม้แต่เซวียนหยวนพัวจวินก็ยังตกตะลึง และไม่เข้าใจแน่ชัดว่าคนผู้นี้วางแผนจะทำสิ่งใด
“วิธีอะไรหรือ?” เสิ่นฮ่าวเทียนเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
“มันง่ายมาก เพียงถามผู้อาวุโสหม้อสมบัติโดยตรง แล้วท่านจะได้รับคำตอบทันที” เฉินซีตอบกลับอย่างสบาย ๆ
“ผู้อาวุโสหม้อสมบัติ?”
ทุกคนตกตะลึง และตระหนักได้ว่าเฉินซีกำลังกล่าวถึงหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ
“ไร้สาระ! ไม่ต้องกล่าวถึงหม้อสมบัตินี้ได้รับความเสียหาย แม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็ตาม แต่ก็ไม่เคยปรากฏในรูปของวิญญาณสมบัติเลยสักครั้ง แล้วจะหาคำตอบจากมันได้อย่างไร? นี่เป็นเพียงคำพูดพล่อย ๆ ที่ไร้ความผิดชอบเท่านั้น!”
จั่วชิวเซิงคัดค้าน ใบหน้าอวบอูมเต็มไปด้วยการเย้ยหยันและดูถูกเหยียดหยาม
เฉินซีชำเลืองมองจั่วชิวเซิง และกล่าวอย่างใจเย็น “แม้ท่านไม่เคยเห็น ก็ไม่ได้หมายความว่าวิญญาณสมบัตินั้นไม่มีอยู่จริง หรือบางทีด้วยความสามารถในปัจจุบันของท่าน ท่านจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะพบกับวิญญาณของหม้อสมบัติ”
คำพูดของเขาถูกกล่าวออกมาอย่างห้วน ๆ และไม่มีการยั้งคิดแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จั่วชิวเซิงรู้สึกโกรธแค้นมากขึ้น ขณะกำลังจะทำบางอย่าง เขากลับถูกหยุดโดยโม่หลิงไห่ที่ยืนอยู่ข้างเคียง “ช่างเถอะ มันไม่เหมาะสมที่จะถือสาผู้เยาว์”
จั่วชิวเซิงมองเฉินซีอย่างเย็นชา ก่อนจะเงียบไป
“ใช่แล้ว วิญญาณสมบัติถือกำเนิดจากชะตากรรมเมื่อหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำถูกสร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันได้ปรากฏตัวเพียงไม่กี่ครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมา มันได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ดังนั้นคงไม่ดีนักหากเจ้าจะตัดสินด้วยมุมของเจ้าผู้เดียว” เสิ่นฮ่าวเทียนขมวดคิ้ว และกล่าวหลังจากไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน เพราะหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำมีตัวตนมาเนิ่นนาน วิญญาณสมบัติของมันก็เคยดำรงอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับจักรพรรดิเต๋าในยุคบรรพกาล แต่ในช่วงหลายพันหลายหมื่นปีที่ผ่านมา มันแทบไม่ปรากฏตัวออกมาเลย และจนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ถึงกับสงสัยว่าวิญญาณสมบัติอาจออกจากสำนักศึกษาเพื่อไปแสวงหามหาเต๋าของมันนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม เฉินซีกลับกล่าวอย่างใจเย็น “ทุกท่านจะได้รู้ว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ หลังจากที่ข้าได้ซ่อมแซมหม้อสมบัตินี้แล้ว”
เมื่อการสนทนามาถึงจุดนี้ มันก็กลับไปที่ประเด็นแรก นั่นคือการซ่อมแซมหม้อสมบัติ
ทุกคนต่างขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ไม่รู้ว่าเฉินซีไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใด หรือเหตุใดเฉินซีจึงกล้าพูดว่าตนสามารบูรณะหม้อสมบัติได้จริง ๆ
“หรือชายผู้นี้ที่มีการบ่มเพาะขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลาง จะสามารถทำในสิ่งที่เหล่าผู้เฒ่าอย่างเราทำไม่ได้?”
เซวียนหยวนพัวจวินเฝ้าดูเฉินซีอย่างเย็นชามาตั้งแต่ต้น เมื่อเขาเห็นว่าเฉินซีกล่าวและแสดงท่าทีสบายอารมณ์ ไม่ได้มีท่าทีคุยโวโอ้อวด เซวียนหยวนพัวจวินก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้ ทำไมเจ้าไม่ลองดูสักหน่อยเล่า?”
เฉินซีพยักหน้าและมองไปที่หัวหน้าผู้คุมกฎหลีเป่ย “ผู้อาวุโส ไม่ว่าท่านตั้งใจจะสอบสวนสิ่งใด ท่านก็ไม่ควรรีบร้อนใช่หรือไม่? เหตุใดไม่รออีกสักหน่อย บางทีอาจต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของผู้อาวุโส เมื่อข้าซ่อมแซมหม้อสมบัติสำเร็จ”
หลีเป่ยตกตะลึง ใบหน้าเย็นชาและมั่นคงเผยร่องรอยประหลาด ขณะจ้องมองเฉินซีอย่างลึกซึ้ง “แล้วจะทำอย่างไรหากวิธีของเจ้าไม่ได้ผล?”
เฉินซีกล่าวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “เช่นนั้น ชีวิตของข้าเฉินซีจะตกอยู่ในความเมตตาของท่าน”
ทุกคนประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ พวกเขาไม่คิดว่าคนผู้นี้จะพร้อมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อช่วยเซวียนหยวนพัวจวิน
ในทางกลับกัน จั่วชิวเซิงเกือบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เขากำลังรอให้เฉินซีกล่าวคำเหล่านั้น เพราะด้วยวิธีนี้ หากเฉินซีไม่สามารถซ่อมแซมหม้อสมบัติได้ ไม่ใช่แค่เฉินซีเท่านั้น แม้แต่เซวียนหยวนพัวจวินก็จะต้องเผชิญกับความพินาศ!
นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการฆ่านกสองตัวด้วยหินเพียงก้อนเดียว!
เซวียนหยวนพัวจวินรู้สึกหวาดกลัวและรู้สึกสะเทือนใจยิ่ง “เด็กน้อยที่ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ เจ้ากำลังกล่าวเรื่องไร้สาระอันใดอยู่? รีบไปซ่อมแซมหม้อสมบัติเร็วเข้า และอย่าถามถึงเรื่องอื่นอีก!”
น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึม แต่ก็แฝงด้วยความห่วงใยและการปกป้องที่ไม่ได้ปกปิดเลยแม้แต่น้อย
เฉินซียิ้มและกล่าวกับตนเองในใจ ‘ข้ามีความสัมพันธ์อันดีกับอาซิ่ว หากข้าสามารถได้รับการยอมรับจากบุคคลสำคัญของตระกูลเซวียนหยวนได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี’
เขาคิดพลางเดินมาที่เบื้องหน้าหม้อสมบัติ
ในระหว่างกระบวนการทั้งหมดนี้ หลีเป่ยและเหล่าผู้คุมกฎไม่ได้เอ่ยขัดหรือจากไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขายอมรับการกระทำของเฉินซี หรืออาจกล่าวได้ว่า พวกเขาต้องการดูว่าชายหนุ่มคนนี้จะสามารถซ่อมแซมได้สำเร็จหรือไม่
จะเล่นตุกติกอย่างไร?
หรือคนผู้นี้มีความสามารถจริง ๆ?
…
หม้อสมบัติมีความสูงสิบจั้งแปดฉื่อ และมีสามขา มันถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายโบราณ
เฉินซียืนอยู่ที่เบื้องหน้ามัน สีหน้าค่อย ๆ สงบ จริงจัง และเคร่งขรึม ชายหนุ่มรีบตรวจสอบแผนผังค่ายกลยันต์อักขระที่ลึกลับ ซับซ้อน และลึกล้ำอีกครั้ง
แผนผังเหล่านี้อนุมานจากยันต์เทวะอนันต์ พวกมันมีต้นกำเนิดที่มิอาจหยั่งถึง และเต็มไปด้วยความลึกล้ำของเต๋าแห่งสวรรค์ แม้ว่าเฉินซีจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าแห่งยันต์อักขระ แต่เขาก็สามารถเดาได้อย่างคลุมเครือว่า แผนผังค่ายกลยันต์อักขระนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับชะตากรรม!
ชะตากรรม!
พลังลึกลับที่มาจากเต๋าแห่งสวรรค์ สิ่งมีชีวิตในภพทั้งสามไม่มีสิ่งใดไม่รู้จักสิ่งนี้
แผนผังค่ายกลยันต์อักขระภายในหม้อสมบัตินั้นเกี่ยวข้องกับชะตากรรม ดังนั้นจึงไม่ใช่ความผิดของเฉินซีที่ไม่สามารถเข้าใจมันได้อย่างสมบูรณ์ และทำได้เพียงพึ่งพายันต์เทวะอนันต์เพื่ออนุมานความลึกล้ำของมัน
“ผู้อาวุโส ข้าจะต้องพึ่งพาพวกท่านทุกคนในการซ่อมแซมหม้อสมบัตินี้ ในตอนนี้ข้าจะบอกวิธีการซ่อมแซมให้แก่พวกท่าน หากเป็นไปอย่างราบรื่น สามชั่วยามก็เพียงพอให้ซ่อมแซมมันได้อย่างสมบูรณ์” เฉินซีครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลานาน ก่อนที่แววตาจะทอประกายสุกใส และกล่าวอย่างใจเย็น
“แน่นอน!” เสิ่นฮ่าวเทียนพยักหน้าทันที “หม้อสมบัติเก้าลึกล้ำเป็นสุดยอดสมบัติของฝ่ายสงวนโอสถ ดังนั้นเราจะไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอน”
คนอื่น ๆ พยักหน้าเช่นกัน พวกเขาล้วนตั้งตารอที่จะทำสิ่งนี้ เพราะมีเพียงวิธีนี้ ที่จะทำให้เหล่าผู้อาวุโสสามารถเข้าใจวิธีการของเฉินซี และค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ได้อย่างแท้จริง
ทว่าทุกคนไม่ได้สังเกตว่าท่าทีของพวกเขาได้กระตุ้นความมั่นใจเล็ก ๆ ของเฉินซีโดยไม่รู้ตัว
ท่าทางของเหล่าผู้อาวุโสกลายเป็นสุขุมและเคร่งขรึม พวกเขายืนเรียงแถวหน้าหม้อสมบัติ พร้อมลงมือทุกขณะ เมื่อใดที่เฉินซีออกคำสั่ง พวกเขาก็จะทำตามโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ผู้เยาว์คนนี้น่าสนใจยิ่งนัก เขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่ไม่ใช่สิ่งที่อัจฉริยะทั่วไปจะทำได้…”
ในระยะไกล หัวหน้าผู้คุมกฎหลี่เป่ยดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ของตน
หลังจากเห็นเหล่าผู้อาวุโสยืนอยู่ข้างหลังอย่างเชื่อฟัง และแสดงสีหน้าจริงจังราวกับว่าพวกเขาอยู่ภายใต้คำสั่งของคนหนุ่มผู้นี้ ความรู้สึกของความสำเร็จที่อธิบายไม่ได้ก็เกิดขึ้นในใจของเฉินซี
‘หากผู้อาวุโสเหล่านี้อยู่ภายใต้คำสั่งของข้า การโค่นตระกูลจั่วชิวก็คงง่ายเหมือนการปัดฝุ่นกระมัง?’
เฉินซีถอนหายใจ สังเกตเห็นว่าหลีเป่ยกับคนอื่น ๆ ยังคงยืนอยู่ในระยะไกล เฉินซีจึงเชิญพวกเขาทันที “ผู้อาวุโสโปรดมาด้วยเช่นกัน ข้าจะต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของพวกท่านเพื่อซ่อมแซมหม้อสมบัตินี้แล้ว”
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของฝ่ายสงวนโอสถขมวดคิ้ว พวกเขาไม่ชอบผู้คุมกฎ แต่ไม่สามารถเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในการกระทำของเฉินซีได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล่าวคัดค้านใด ๆ และเลือกที่จะดูอย่างเฉยชา
หลีเป่ยและผู้คุมกฏต่างขมวดคิ้วเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าเฉินซีจะเชิญพวกเขา เหล่าผู้คุมกฎต่างชำเลืองมองกันไปมา ก่อนจะมองหลี่เป่ยในที่สุด
หลีเป่ยไม่ได้คิดอะไรมาก และโบกมือ “ในฐานะคนของสำนึกศึกษา และเนื่องจากเรามีโอกาสที่จะมีส่วนร่วมในการซ่อมแซมหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ เราย่อมมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยเหลือเช่นกัน”
คำพูดนี้ ได้กระตุ้นความประทับใจจากเหล่าผู้อาวุโสของฝ่ายสงวนโอสถ แน่นอนว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย
เมื่อมาถึงจุดนี้ มีเพียงจั่วชิวเซิงเท่านั้นที่ยังคงนั่งมองจากระยะไกล เปลือกตาหลุบลง ในใจเย้ยหยันอย่างต่อเนื่อง
‘ฮึ่ม! คนไร้ค่าอย่างเจ้ากลับทำให้เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ต้องมาเกลือกกลั้วด้วย เมื่อเจ้าล้มเหลว คงน่าขบขันไม่น้อย !’
ทุกคนล้วนทราบอย่างชัดเจนว่า จั่วชิวเซิงไม่มีทางช่วยเหลือในการซ่อมแซมครั้งนี้ จึงไม่มีใครสนใจจั่วชิวเซิงอีก
…
“ผู้อาวุโส แผนผังค่ายกลยันต์อักขระที่เสียหายภายในหม้อสมบัตินั้นซับซ้อนอย่างยิ่ง ข้าได้แยกวิธีซ่อมแซม และมอบให้กับพวกท่านทุกคนแล้ว ครั้งนี้ข้าคงต้องขอให้พวกท่านฟังคำสั่งของข้า”
สีหน้าของเฉินซีนั้นสงบ ขณะกล่าวอย่างรวดเร็วผ่านกระแสปราณ ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มได้มอบแผนผังค่ายกลยันต์อักขระลึกลับจำนวนมากให้กับทุกคนผ่านทางญาณมหาเทวะอมตะ
“นี่มัน…”
เหล่าผู้อาวุโสต่างตรวจสอบแผนผังค่ายกลยันต์อักขระภายในห้วงสำนึกอย่างระมัดระวัง และจดจำมันได้อย่างแม่นยำในทันที อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่รู้แน่ชัดว่ามันมีความลึกซึ้งอันใด
ท้ายที่สุด สิ่งเหล่านี้คือแผนผังค่ายกลยันต์อักขระที่เสียหาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาไม่สามารถแยกแยะความลึกซึ้งของมันได้
เฉินซีไม่อาจใส่ใจกับเรื่องทั้งหมดนี้ ชายหนุ่มจึงก้าวไปข้างหน้า ฝ่ามือปลดปล่อยปราณเซียนพิสุทธิ์ออกมา และจากนั้นฟาดมันลงบนหม้อสมบัติ ทำให้เกิดเสียงแปลกประหลาดและหนักหน่วงดังก้อง
ทันใดนั้น แผนผังค่ายกลยันต์อักขระที่ซับซ้อนอย่างยิ่งก็พุ่งออกมาจากพื้นผิวของหม้อสมบัติ และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ มันกว้างใหญ่ราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันไร้ขอบเขต ทั้งยังลึกล้ำอย่างถึงที่สุด ซึ่งมันกระตุ้นความเคารพของทุกคนที่อยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตาม มีส่วนที่ไม่สมบูรณ์คล้ายหลุมดำตรงบริเวณด้านข้าง มันทำลายความสมบูรณ์ของแผนผังค่ายกลยันต์อักขระที่หม้อสมบัติมีอยู่
เหล่าผู้อาวุโสล้วนทราบอย่างชัดเจนว่า บริเวณที่เสียหายของหม้อสมบัติ หากไม่ได้รับการซ่อมแซมโดยเร็วที่สุด มันจะกระจายออกไปประหนึ่งน้ำหมึก และกัดกร่อนบริเวณอื่น ๆ ของหม้อสมบัติด้วย
“ลงมือได้!” ชายหนุ่มกล่าวผ่านกระแสปราณอย่างเร่งรีบ
พวกเขาต่างสร้างแผนผังค่ายกลยันต์อักขระที่แตกต่างกัน โดยยึดตามวิธีการของเฉินซีอย่างรวดเร็ว แผนภาพเหล่านี้ถูกควบแน่นภายในปราณเซียนพิสุทธิ์ที่หนาทึบ ก่อนจะถาโถมเข้าใส่หม้อสมบัติดุจกระแสน้ำ!
โอม!
หม้อสมบัติบังเกิดเสียงดังกึกก้อง พลางแผ่กลิ่นอายโบราณอันเก่าแก่และหนักหน่วงออกมา แสงอำไพอันศักดิ์สิทธิ์พรั่งพรูไปทั่วบริเวณ เผยให้เห็นถึงฝนแสงมหาศาลส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องโถง
ในขณะนี้ แม้แต่จั่วชิวเซิงก็ยังประหม่า และได้แต่พึมพำอยู่ในใจ ‘เจ้าเด็กนี่จะต้องไม่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ไม่มีทาง…’